Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1041
“บริษัท…” โรแลนด์พูดเสียงเบาๆ
“อะไรพ่ะย่ะค่ะ?” วิคเตอร์งุนงง “หากพระองค์ยังมีข้อสงสัยตรงไหน กระหม่อมอธิบายให้ฟังอีกรอบก็ได้….”
“ไม่ต้องแล้ว” เขาโบกมือ “นี่ถือเป็นแผนที่น่าสนใจจริงๆ อย่างน้อยดูแล้วก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร หากจะทำจริงๆ เจ้าต้องใช้เวลาในการเตรียมเงินลงทุนนานเท่าไร?”
วิคเตอร์ตาเป็นประกายทันที “กระหม่อมรู้อยู่แล้วว่าพระองค์ต้องเข้าใจมันแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ขอประทานอภัยที่กระหม่อมเสียมารยาทนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท หากพระองค์เป็นพ่อค้าล่ะก็ ความสำเร็จของพระองค์จะต้องไม่ด้อยกว่าพวกหอการค้าใหญ่ๆ แน่พ่ะย่ะค่ะ!”
การเปรียบเทียบแบบนี้เหมือนเป็นการลดฐานะราชาให้ต่ำลง แต่โรแลนด์รู้ว่าการที่อีกฝ่ายยกตัวเองให้ไปอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพเขานั้นก็เท่ากับเป็นการให้การยอมรับในระดับสูงแล้ว
แต่ภายในใจโรแลนด์ตอนนี้กลับมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง ‘ นี่มันก็คือบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในโลกยุคหลังไม่ใช่เหรอ?’
เอาเทคโนโลยีมาเอง จ้างแรงงาน จัดการเรื่องการขายและการตลาดเอง รับผิดชอบเรื่องกำไรขาดทุนเอง…เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินแนวคิดเหล่านี้จากปากของคนในยุคสมัยนี้ สิ่งที่แตกต่างจากสมาคมหอการค้าที่สุดก็คือแผนนี้จะรวมเอาการผลิตและการขายเข้าไว้ด้วยกัน พูดง่ายๆ ก็คือคล้ายกันบริษัทเอกชนในยุคสมัยใหม่
บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีอย่างมากก็ได้
ในเวลาเกือบ 4 ปีนี้ ดินแดนของเขาพัฒนาไปไกลอย่างมาก แต่มันก็ค่อยๆ เผยให้เห็นจุดอ่อนออกมาเหมือนกัน นั่นก็คือทางสำนักบริหารต้องเป็นคนรับผิดชอบงานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไรก็จำเป็นต้องให้สำนักบริหารเป็นคนควบคุม ตั้งแต่เรื่องกำลังคนไปจนถึงเรื่องงบประมาณ งานที่ยุ่งยากเหล่านี้ได้กินเวลาส่วนใหญ่ของเจ้าหน้าที่ไป เมื่อโครงการต่างๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น กำลังเจ้าหน้าที่ภายในสำนักบริหารก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนี่จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสำนักบริหารลดต่ำลง
นี่ืถือได้ว่าเป็นปัญหาที่พบเห็นเป็นประจำของ ‘รัฐวิสาหกิจ’ ทันทีที่ตัวเจ้าหน้าที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกำไรหรือขาดทุน พวกเขาก็จะทำงานตามคำสั่งของราชาโดยไม่คำนึงถึงเรื่องผลตอบแทน ในช่วงแรกมันจะทำให้งานสำเร็จตามความต้องการของเขาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในช่วงหลังมันก็ยังใช้จัดการกับโครงการเชิงกลยุทธ์ที่มีความเสียงสูงเหล่านั้นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะสมบูรณ์แบบ
ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่โรแลนด์ไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องอุตสาหกรรมเบาเท่าไร หากแต่พยายามที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมเกษตรในเมืองเนเวอร์วินเทอร์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้จะมีแรงงานไม่พอแล้ว สำนักบริหารก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่มากพอที่จะไปรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย
เพราะการสั่งการนั้นง่าย แค่พูดออกไปประโยคเดียวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เวลาที่ต้องทำจริงๆ นั้น ต่อให้เป็นการสร้างโรงงานประกอบเครื่องจักรไอน้ำขึ้นมาซักแห่ง เบื้องหลังการทำงานของมันล้วนแต่ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมากมาสนับสนุน
แต่ตอนนี้เขามีตัวเลือกใหม่แล้ว
เขายังไม่ทันจะได้ใช้วิธีชักชวนอะไรก็พ่อค้าเขาเพื่อขอลงทุนเอง โรแลนด์ย่อมไม่มีทางปฏิเสธเเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่
ถึงแม้ ‘บริษัท’ นี้จะมีตระกูลพ่อค้าจากนอกอาณาจักรอยู่เบื้องหลัง หลังทำกำไรได้ เงินส่วนหนึ่งจะต้องรั่วไหลออกไปนอกอาณาจักรอย่างแน่นอน แต่ขอเพียงทำให้ส่วนการผลิตของมันอยู่ภายในอาณาจักรเกรย์คาสเซิลได้ ปัญหาเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย
หลังบรรลุความต้องการในขั้นแรกเรียบร้อยแล้ว โรแลนด์ก็เดินออกมาส่งวิคเตอร์ถึงหน้าปราสาทด้วยตัวเอง “เอาไว้เจ้าพร้อมเมื่อไร ข้าคิดว่าเมล็ดฝ้ายพันธุ์ใหม่ก็น่าจะทำการเพาะพันธุ์ออกมาเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องพูดกับเจ้าให้ชัดเจนก่อน ถ้าต่อไปมีพ่อค้าต้องการทำแบบเจ้า ทางสำนักบริหารก็จะขายเมล็ดพันธุ์ฝ้ายให้พวกเขาในราคาเดียวกัน ยิ่งในตลาดมีสินค้าเยอะ ราคาก็จะยิ่งจับต้องได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจในเรื่องนี้นะ”
“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ในสายตาของวิคเตอร์มีความมั่นใจ “พ่อค้าของดอว์นไม่เคยกลัวการแข่งขัน บิดาของกระหม่อมมักจะพูดอยู่เสมอว่า นับตั้งแต่วินาทีที่เราเกิดขึ้นมา การแข่งขันมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ในตอนที่เขากำลังจะเดินออกไป จู่ๆ โรแลนด์ก็เรียกเขาไว้ “เออใช่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะถามเจ้า เสนาบดีของข้าตรวจเจอบันทึกว่าเจ้าได้จ่ายภาษีให้กับทางเมืองลองซองเมื่อ 6 ปีก่อน ทำไมเจ้าถึงจ่ายล่ะ? ในตอนนั้นถ้าเจ้าอยากจะประหยัดเงินตรงนี้ ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะมีวิธีจัดการได้สบายๆ นี่นา?”
วิคเตอร์พยักหน้า “เพราะว่าเจ้าเมืองในตอนนั้นสัญญาเอาไว้ว่าขอเพียงกระหม่อมจ่ายภาษีครบ เขาก็จะให้ความคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้กับขบวนสินค้าที่เดินทางไปมาระหว่างเมืองชายแดนกับป้อมปราการลองซอง ซึ่งเขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยในตอนนั้นเงินก้อนนี้ก็ช่วยลดปัญหาเรื่องสัตว์ป่ามารังควานหรือการโจมตีจากพวกพ่อค้าด้วยกันได้ กระหม่อมคิดเสมอว่าการจ่ายเงินนิดหน่อยเพื่อให้ได้รับความมั่นคงและความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพ่อค้า แต่ที่น่าเสียดายก็คือมีพ่อค้าหลายคนที่ยอมเอาเงินไปทิ้งกับของที่มันไร้ค่า แต่ไม่ยอมมองว่าความมั่นคงและความเป็นระเบียบนั้นก็เป็นหนึ่งในต้นทุนเหมือนกัน”
เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ด้วย โรแลนด์ที่มองดูพ่อค้าหนุ่มเดินออกไปคิดขึ้นมาในใจ ถ้ามีคนแบบนี้มาเป็นตัวอย่าง แนวคิด ‘บริษัทเอกชน’ ในเกรย์คาสเซิลจะต้องพัฒนาไปอย่างรวดเร็วแน่นอน
ในตอนที่เขากำลังจะกลับไปห้องทำงาน เสียงร้อนใจของไนติงเกลพลันดังขึ้นที่ข้างหูเขา “ฝ่าบาท ไลต์นิ่งกลับมาแล้วเพคะ นางเหมือนจะเจอปัญหาเพคะ”
“เกิดอะไรขึ้น?” โรแลนด์รีบถาม
“ยังไม่ทราบเพคะ…หม่อมฉันเพิ่งได้รับแจ้งมาจากซิลเวีย หลังนางถูกเมซี่พากลับมา ก็ถูกส่งตัวไปที่หน่วยพยาบาลเลยเพคะ!”
เขาตกใจทันที “นางได้รับบาดเจ็บเหรอ? พาข้าไปดูนางหน่อย!”
“เพคะ” ไนติงเกยื่นมือมาจับเขาเอาไว้ จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปในหมอกมายาด้วยกัน
……
หลังมาถึงหน่วยพยาบาลทางตะวันตกของเมือง โรแลนด์ก็ได้เห็นสาวน้อยนอนอยู่บนเตียงคนไข้
พริบตาที่ผลักประตูเข้าไป ความกังวลภายในใจเขาพลันหายไปไม่น้อย ไลต์นิ่งดูเหมือนจะไม่มีอะไรเสียหาย บนใบหน้าของเธอก็ไม่มีรอยบาดแผลกับรอยเลือด ตรงหน้าอกก็ยังขยับขึ้นลง นี่ก็หมายความว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก ต่อให้การสอดแนมครั้งนี้ไปเจออันตรายอะไรมา ตอนนี้ก็นับว่าปลอดภัยแล้ว
แต่จากนั้นเขาก็พบความผิดปกติทันที
นาน่าไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนอย่างทุกที หากแต่ขมวดคิ้วพร้อมก้มหน้าดูมือทั้งสองข้างของตัวเอง ท่าทีเหมือนกำลังสับสนไม่เข้าใจ
เมซี่นั้นกระโดดไปกระโดดมาอย่างกังวลอยู่ตรงหัวเตียง เธอใช้มือของเธอเช็ดหน้าผากให้กับไลต์นิ่ง เมื่อเห็นโรแลนด์ เธอรีบหดคอลงไปในเสื้อเหมือนไปทำอะไรผิดมา ในเวลานี้เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของไลต์นิ่งนั้นมีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ปากที่อ้าอยู่เล็กน้อยกำลังบ่นพึมพำอะไรออกมา ดูแล้วเหมือนเธอกำลังอยู่ในฝันร้าย
“เกิดอะไรขึ้น?” โรแลนด์มองไปทางนาน่า “ไลต์นิ่งบาดเจ็บตรงไหน?”
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง
“ไนติงเกล”
“เพคะ” ไนติงเกลเดินเข้าไปอุ้มไลต์นิ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะช่วยเธอถอดชุดกันลมที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษออก จากนั้นจึงค่อยๆ แกะเสื้อตัวใน ในตอนที่ปลดกระดุมมาถึงตรงไหปราร้า เธอพลันหยุดมือลงทันที “ฝ่าบาท นี่มัน..”
โรแลนด์ขยับเข้าไปข้างเตียง ก่อนจะเห็นตรงตำแหน่งที่ต่ำลงมาจากคอของไลต์นิ่งประมาณสองนิ้วมีบาดแผลขนาดประมาณหัวแม่มืออยู่แห่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับผิวสีขาวที่อยู่รอบๆ แล้ว บาดแผลตรงนั้นดูสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ถ้าดูอย่างละเอียดแล้ว จะพบว่ามันไม่ได้ลึกลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ หากแต่แค่เหมือนผิวหนังฉีกเล็กน้อยเท่านั้น ถือว่าเป็นบาดแผลที่ไม่ต้องไปสนใจอะไรก็สามารถหายเองได้
ตามหลักแล้ว การรักษาบาดแผลแบบนี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับนาน่า
แต่คำพูดประโยคต่อไปของเธอกลับทำให้โรแลนด์ตกตะลึง
“หม่อมฉันรักษานางไม่ได้…” นาน่าพูดพึมพำขึ้นมา “ไม่ว่าหม่อมฉันจะใช้พลังเวทมนตร์ออกมายังไงก็ไม่สามารถทำให้บาดแผลหายไปได้ เหมือนกับว่าความสามารถของหม่อมฉันมันใช้ไม่ได้ผลเลยเพคะ”