Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ - ตอนที่ 222.1
ภายในหนึ่งวัน ฮ่องเต้ได้ยินคนถึงสองคนบอกว่าโม่ อวี้เอ้อร์ มีทักษะทางการแพทย์ หมอเทวดาโม่บอกว่านางมีทักษะทางการแพทย์ที่ธรรมดาและความรู้ของนางก็ยังน้อยอยู่ แต่ตอนนี้หมอหลวงฉิน กลับบอกว่านางมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม บุคคลใดที่เขาควรเชื่อ
ฮ่องเต้มองไปที่หมอหลวงฉิน แต่ไม่ได้ให้คำตอบ
หมอหลวงฉินจึงลดศีรษะลง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของฮ่องเต้ได้ อย่างไรก็ตาม เขายังคงคุกเข่าอย่างมั่นคงและดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับความกดดันของฮ่องเต้
พระสนมโจวเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ต้องการจะเห็นด้วย เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็คิดว่าฮ่องเต้จะต้องมีความรู้สึกบางอย่างต่อโม่ อวี้เอ้อร์ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถทนต่อเรื่องนี้ได้ ดังนั้นนางช่วยไม่ได้ที่จะเกลียดโม่ อวี้เอ้อร์ มากยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท พระองค์ไม่เห็นสภาพของจื่ออันหรือเพคะ? ทำไมพระองค์ถึงปฏิเสธคำขอของหมอหลวงฉิน สนมอวี้เหม่ยเหริน เป็นบุตรสาวของหมอเทวดาโม่ แม้ว่านางจะได้เรียนรู้ความรู้ด้านการแพทย์ของหมอเทวดาโม่ เพียงหนึ่งในสิบของเขา แต่ทักษะของนางก็ยังคงเทียบได้ว่าดีกว่าหมอทั่วไป “พระสนมโจรเพิ่มคำที่สวยงามขึ้นภายใต้ชื่อโม่ อวี้เอ้อร์
ฮ่องเต้ไม่เห็นด้วยและกลับพูดขึ้นทันที “หมอเทวดวโม่กล่าวว่าบุตรสาวของเขาได้เรียนรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนางไม่สนใจเรื่องยา “
แต่อย่างไรก็ตาม หมอหลวงฉิน จะปล่อยให้โม่ อวี้เอ้อร์หลุดไปง่ายๆ ได้อย่างไร? ดังนั้นเขาจึงเสริมขึ้น “หมอเทวดาโม่ถ่อมตนเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อกระหม่อมได้เข้าไปที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ กระหม่อมได้เป็นพยานในทักษะทางการแพทย์ของพระสนมอวี้เหม่ยเหริน ทักษะทางการแพทย์ของพระสนมอวี้เหม่ยเหริน สูงกว่ากระหม่อมมาก ”
“เจ้าแน่ใจหรือ?” ความสงสัยของฮ่องเต้ลุกขึ้นอีกครั้ง
หมอหลวงฉิน พยักหน้าอย่างจริงจัง “เรื่องนี้กระหม่อมแน่ใจพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ไม่ลังเลอีกต่อไป “ตามอวี้เหม่ยเหรินมาที่ตำหนักฉิง”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขันทีของฮ่องเต้จากไปทันที หลังจากไม่นานขันทีคนเดิมก็กลับมา
โม่ อวี้เอ้อร์ที่งดงามก็ปรากฏตัวขึ้น นางสวมชุดสีน้ำเงิน ใบหน้าเยือกเย็นและความภาคภูมิใจของนางดูเหมือนเทพธิดาจากภูเขาหิมะ ทัศนคติที่หยิ่งยโสของนางดูเหมือนว่าไม่มีใครอยู่ในสายตาของนาง
อย่างไรก็ตามในเวลาเพียงไม่กี่เดือนของการเข้ามาอยู่ในวังอารมณ์ของโม่ อวี้เอ้อร์ ดูเหมือนจะยิ่งเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสีดำของนางไม่มีร่องรอยของอารมณ์ ร่างกายของนางไม่มีร่องรอยของความอบอุ่นอยู่เลย
เมื่อโม่ อวี้เอ้อร์ เข้ามาในห้องก็ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง หัวเข่าของนางแข็งกระด้างเมื่อนางทำความเคารพ “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นได้ สนมรักของเจิ้น” ฮ่องเต้ค่อนข้างสนใจโม่ อวี้เอ้อร์อยู่ไม่น้อย
ความหยิ่งและความภาคภูมิที่งดงามเป็นราวกับน้ำทะเลที่อ่อนโยนใต้ร่างของเขา ดังนั้นใครจะไม่รู้สึกมีความสุขที่สุด ไม่ต้องพูดถึงเขารู้สึกดีใจมาก
“ขอบพระทัพเพคะฝ่าบาท “โม่ อวี้เอ้อร์ ลุกขึ้น แต่นางไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ต่อคำพูดของฮ่องเต้ นางเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นเหมือนคนนอก
ความเย่อหยิ่งนี้ยิ่งดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามฮ่องเต้มีความสนใจต่อนาง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฮ่องเต้จะไม่สนใจชีวิตขององค์ชายสามเสี่ยว จื่ออัน
ฮ่องเต้ได้เปิดปากของเขาอย่างสง่างามและพูดขึ้น”สนมที่รัก หมอหลวงฉินได้กล่าวว่าทักษะทางการแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยม บิดาของเจ้าก็ยังบอกด้วยว่าเจ้ารู้จักทักษะทางการแพทย์อยู่บ้าง ตอนนี้องค์ชายสามป่วยหนักแต่บิดาของเจ้าก็ออกไปนอกวัง ในขณะนี้เจิ้น ไม่สามารถหาใครมาช่วยองค์ชายสามได้อีกแล้ว เจิ้นกำลังขอความช่วยเหลือจากเจ้าเพื่อให้เจ้าองค์ชายเสี่ยว จื่ออัน”
“ฝ่าบาท” โม่ อวี้เอ้อร์คุกเข่าลงไปตรงๆ ราวกับว่านางไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย “หม่อมฉันไม่สนใจเรื่องยามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วหม่อมฉันจะเปรียบเทียบกับท่านพ่อของหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ? หม่อมฉันขอให้ฝ่าบาทเปลี่ยนรับสั่งด้วยเพคะ ”
โม่ อวี้เอ้อร์ ไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับบิดาพ่อของนางล่วงหน้า แต่ … … ในวันที่นางกลายเป็นผู้หญิงของฮ่องเต้หัวใจของนางก็ตายไปแล้ว
คนที่หัวใจตายไปแล้ว จึงไม่ได้มีความห่วงใยในชีวิตและความตายของตัวเอง ทำไมนางจะต้องห่วงใยชีวิตของคนอื่น?
พวกเขาต้องการให้นางช่วยชีวิตบุตรชายของฮ่องเต้หรือ? พวกเขาต้องฝันไปแน่ๆ!
“เป็นเช่นนั้นหรือ”เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่เชื่อในคำพูดของนาง เขาเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อสร้างความกดดันให้กับโม่ อวี้เอ้อร์ แต่ความรู้สึกของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนไป นางยังคงคุกเข่าอยู่ที่นั่นโดยไม่มีอารมณ์ใดๆให้เห็น”สนมรักของเจิ้น… … อย่าได้กล้าที่จะหลอกหลวงเจิ้น”