Player Who Returned 10,000 Years Later - ตอนที่ 3: ราชาแห่งเก้าพันวังวนนรก, กลับสู่โลก(ส่วน3)
- Home
- Player Who Returned 10,000 Years Later
- ตอนที่ 3: ราชาแห่งเก้าพันวังวนนรก, กลับสู่โลก(ส่วน3)
ตอนที่ 3: ราชาแห่งเก้าพันวังวนนรก, กลับสู่โลก(3)
กลับมาแปลอีกครั้ง หลังจากหายไปเพราะติดสอบ จะลงต่อ2 วันละ1 ตอนนะครับ (กลุ่มลับวันละ 1 วัน 1 ตอนนะครับ)
— เกิดอะไรผิดพลาดกัน? — เส้นทางที่ถูกเปิดได้นำพาไปสู่โลกอย่างแน่นอน
แต่ความรู้สึกนั้นเหมือนกับเมื่อหมื่นปีก่อนระหว่างทางไปนรกของเขา ไม่มีสถานการณ์อะไรเพิ่มขึ้นมา คังยูหมดหวังที่จะหาคำตอบเพิ่มเติม
— เคี๊ยก-ยา-ยา! — สัตว์ประหลาดตะโกนเสียงดังลั่นและพุ่งตรงเข้ามาที่คังยูพร้อมชี้ดาบพุ่งเข้าไปที่เขา
คังยูใช้มีดสั้นสีดำต่อสู้กับพวกมัน ภายในไม่กี่นาที มือของสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็หล่นลงกับพื้น
หลังจากป้องกันตัวเองสำเร็จโดยการทำร้ายคู่ต่อสู้ของเขา เขาก็นั่งลงบนพื้นเพื่อตรวจสอบดาบของเขา แม้ว่าม่านม่าจุงจะถูกปิดผนึกไว้ แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ในเก้าพันวังวนนรกอยู่ดี มันเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการคู่ต่อสู้ที่ไม่สำคัญเช่นนี้โดยเพียงแค่ดาบเท่านั้น
‘ฉันจะจัดการกับพวกนี้ก่อน’ เมื่อสัตว์ประหลาดกรีดร้องออกมาอย่างดุร้ายและโจมตีจากรอบด้านทำให้เขาไม่มีเวลาไตร่ตรองในเวลานี้
คังยูรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิม เขามองไปที่สัตว์ประหลาดพวกนั้น ความโกรธได้ขึ้นเกิดขึ้นจากการรุกรานของนักล่าเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตัวเขา
สัตว์ประหลาดรู้สึกได้ถึงความเกรี้ยวโกรธของเขา ขาของพวกมันเริ่มร่วงลงบนพื้น
‘ดูเหมือนจะมีพวกมันแปดตน’ ถ้าม่านม่าจุงสามารถใช้การได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องขยับตัวเลยด้วยซ้ำ เขาจะทำให้พวกมันร่วงลงกับพื้นโดยใช้พลังเล็กน้อย อย่างไรก๋ตาม สิ่งต่างๆก็แตกต่างออกไปในเวลานี้
‘มันผิดปกติแค่ไหนที่ต้องขยับตัวอีกครั้ง’ เขาดันเท้าของเขาจากพื้นและเบี่ยงเบนการโจมตีของสัตวืประหลาดพวกนั้น จากนั้นเขาก็ตัดหัวของพวกมันทิ้งหมด
ประสบการณ์ที่สะสมมาหลายพันปีในสงครามไร้สิ้นสุดได้ช่วยให้เขาเปลี่ยนฝูงสัตว์ประหลาดให้กลายเป็นกองศพที่หนาวเหน็บแทน
[ ติ้ง! ]
[ระดับ E ก็อบลินถูกสังหารแล้ว ]
[ แต้มประสบการณ์เพิ่มขึ้น ]
[ เลเวลเพิ่มขึ้น 3]
‘ฉันเลเวลอัพหรอ?’ ด้วยการฆ่าสัตว์ประหลาดโจมตีเขาหรือก็อบลินที่แกร่งกว่านั้น หน้าต่างสถานะก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
คังยูยืนยันได้ว่าเลเวลได้เพิ่มขึ้นสามแต้มจริงๆ ซึ่งนั่นเป็นพลังงานต่อหน่วยของเขา
และไม่ใช่แค่การเพิ่มขึ้นเท่านั้น คังยูรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น
‘มันยังไม่สำคัญในตอนนี้ การเพิ่มเลเวล เพิ่มพลังงาน ทั้งหมดมันไม่ได้สำคัญเลยในตอนนี้ ฉันต้องการรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ไหน ไม่ว่าจะโลกหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยที่สุดแล้วฉันต้องรู้ว่ามีคนอาศัยในที่นี่หรือไม่’
‘โอ้ มันจะง่ายกว่านี้ด้วยพลังของอเล็ค’ เขายิ้มโดยไม่ตั้งใจขณะที่เขานึกได้ถึงพลังในการบิน ความสามารถนี้ทำให้เราสามารถฝ่าฝืนกฏแห่งโรงโน้มถ่วง แต่เมื่อใช้มันออกมาต้องใช้พลังงานที่มากกว่าที่คังยูมีอยู่ในตอนนี้
ในตอนนี้เขามีพละกำลังเพียงพอที่จะบินขึ้นไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะกระโดดได้
เมื่อสิ้นหวังกับสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา เขาพร้อมที่จะตายตามก็อบลินไปด้วย
‘ฉันต้องรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม’ เขาต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับสถานที่ไม่รู้จักนี้
คังยูยื่นมือออกไปที่ซากศพก็อบลินและแทบจะไม่ได้เปิดปากของเขาขึ้น
— กลืนกิน
พลังแห่งการกลืนกิน
ความสามารถเฉพาะตัวที่ทำให้เขาเป็นผู้ปกครองวังวนเก้าพันนรกได้หลังจากที่มันตื่นขึ้น อำนาจมืดที่มาจากมือของชายหนุ่มได้โอบรอบศพของก็อบลินอย่างสมบูรณ์
— อ้าาาาา! —อ้าาาา…— เมื่อเสียงที่น่าขนลุกจางหายไป ควันสีดำที่ดูดซัพพลังงานจากร่างเหล่านั้นก็กระจายหายไป
คังยูเริิ่มรับรู้ถึงข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพวกก็อบลิน
พลังแห่งการกลืนกินไม่มีความสามารถที่ทำให้เขาอ่านใจได้แต่มันทำให้เขาสามารถดูดซับข้อมูลจากร่างกายที่เขากลืนกินเข้าไป
เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะทางร่างกาย นิสัย วิถีชีวิตและจุดอ่อนของพวกมัน
แต่ข้อมูลที่ทำให้เขารู้สึกกระตือรือร้นที่สุดไม่ได้อยู่ในนั้น มันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้
‘บัดซบ’
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง คังยูปล่อยให้ความรู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังเข้าครองงำความคิดของเขา
‘หืม?’
ในบรรดาพลังงานที่เขาดูดซับเข้าไปยังมีพลังงานที่คุ้นเคยอยู่อย่างน่าเหลือเชื่อ
— นี่มัน… — พลังงานนั้นแทบมองไม่เห็นแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอกสัญชาติญาณของเขา
ดวงตาของคังยูเป็นประกายในขณะที่เขาพูด “พลังเวทย์” (เมไจ)
ซากศพของก็อบลินนั้มีมันอยู่น้อยมากๆแต่ยังคงมีพลังเวทย์หลงเหลืออยู่
[ ติ้ง! ]
[ พลังเวทย์เพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วย ]
ช่วงเวลาที่คังยูคิดถึงพลังเวทย์ที่เขาเพิ่งได้รับมา หน้าต่างสถานะก็ได้แจ้งเตือนขึ้น ในช่วงเวลาเดียวกัน เขารู้สึกได้ถึงพลังงานเล็กน้อยได้ไหลสู่ร่างของเขา
— บัดซบ! — แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้น เขายังคงสบถต่อ
พลังเวทย์เป็นพลังที่สัตว์นรกมี นั่นหมายความว่าถ้าสถานที่แห่งนี้คือโลก ก็ไม่น่าจะมีพลังเวทย์อยู่ที่นี่ ความเป็นไปได้ที่สถานที่แห่งนี้จะไม่ใช่โลกมีมากขึ้นไปอีก
‘ไม่…’ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
เหตุผลที่เขาต้องการที่จะเป็นผู้ที่แข้งแกร่งที่สุดในนรกก็เพื่อสักวันเขาจะได้กลับไปที่โลกอีกครั้ง
ที่นี่มีเพียงแค่การสังหารหมู่อันไร้ที่สิ้นสุด
ในความคิดของเขาในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมานั้นสิ่งที่เขาทำคือการต่อสู้ ท้ายที่สุดจะไม่มีใครในนรกสนใจแต่ชัยชนะเหนือทุกสิ่ง
‘สำหรับฉัน สิ่งเหล่านั้นมันไร้ค่าสิ้นดี’
แม้กระทั่งในการต่อสู้กับปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ คังยูก็ยังไม่สนใจเพราะเขาชนะทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกไม่พอใจกับชัยชนะของเขา
เขาได้ถูกขัดจังหวะในความคิดของเขาด้วยเสีงบางอย่าง:
— เคี๊ย-ยา-ย่า!
มันเป็นเสียงกรีดร้องจากที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกล ดวงตาของชายหนุ่มสว่างขึ้นอีกครั้ง
“มันคือ…” คราวนี้มันไม่ใช่เสียงของมอนสเตอร์หรือปีศาจ
เขารู้สึกได้โดยสัญชาติญาณ มันเป็นเสียงกรีดร้องของมนุษย์อย่างแน่นอน
และนอกจากนี้…
“ผู้หญิง”
ร่างกายของคังยูสั่นสะท้าน ความรู้สึกสั่นสะเทือนแผ่ไปทั่วร่างกายของเขา
เสียงตะโกนที่เข้าหูของเขาดูเหมือนจะช่วยทำให้เขาร่าเริงขึ้นได้
— ผู้หญิง! — ถ้ามีใครได้ยินพวกเขาคงจะเรียกเขาว่าพวกโรคจิตเพราะตะโกนแบบนั้นออกไป
แต่ในตอนนี้เขาไม่สนใจว่าใครจะคิดกับเขายังไง
เป็นเวลากว่าหมื่นปีแล้ว
เป็นเวลาหมื่นปีแล้วที่เขาไม่ได้เห็นผู้หญิงเลยแม้กระทั่งรูปถ่ายก็ตาม
ในความจริงมันคงแปลกถ้าเขาสามารถรักษาความสงบของเขาไว้ได้
คังยูก้าวออกไปด้วยความมั่นใจต่อไปและวิ่งไปในที่ทิศทางที่มีเสียงกรีดร้องดังออกมา
พลังแห่งการเคลื่อนที่
มันเป็นพลังที่ปีศาจเวลฟาใช้ในชีวิตของเขาก่อนหน้าที่มันจะกลายเป็นของคังยู
พลังเวทย์สีดำถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขาพร้อมห่อหุ้มขาของชายหนุ่มเอาไว้
จากนั้นมันก็กระจายตัวออกไปเล็กน้อยและคังยูก็พุ่งออกไปเหมือนลูกธนู
ตามมาตราฐานของมนุษย์นั้น มันเป็นความเร็วอันน่าเหลือเชื่อแต่สำหรับคังยูมันเป็นความเร็วราวกับหอยทาก
ถ้าเขายังคงสามารถใช้ม่านมาจุงได้ในตอนนี้ เขาสามารถเดินทางไปถึงที่หมายได้เพียงแค่วินาทีเดียว
มันรู้สึกน่าผิดหวังที่เขาไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่อีกต่อไป
—คี้-คี้-คี้!
— คี้-คี้-ยา-ยา!
เสียงกรีดร้องเริ่มชัดเจนและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามพวกมันผสมกับเสียงของก็อบลินที่คังยูโจมตีไปล่าสุดด้วย
‘ตราบใดที่เธอไม่ดูน่าเกลียดเหมือนกับลิลิธ!’ เขาจะไม่รังเกียจถ้าเธอแก่หรืออ้วนเกินไป
สิ่งสำคัญคือให้เธอมีดวงตาแค่สองข้าง จมูกและปากเดียวก็พอแล้ว
‘และไม่มีหนวด!’ แม้ว่าเขาจะคิดเช่นนี้เมื่อนึกถึงได้ถึงหนวดที่น่าเกลียดของลิลิธ เขายังคงจดจ่ออยุ่กับพลังเวทย์และขาของเขา
เป็นครั้งแรกในระยะเวลาอันยาวนานที่เขารู้สึกหายใจหนักหน่วงแบบนี้
มันไม่ใช้แม้กระทั่งการต่อสู้ถึงตาย เขายังคงพยายามวิ่งให้เร็วกว่าเดิมแต่มันทำให้เขาหายใจไม่ออก
‘ฉันพบแล้ว’ พื้นที่รกร้างท่ามกลางป่าทึบที่อยู่ตรงหน้าของเขา
และมีก็อบลินหนึ่งโหลล้อมรอบสาวน้อยทำให้เธอกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
เธอกำลังนั่งจับขาที่เปื้อนเลือดของเธอและเห็ดได้ว่ามีบาดแผลลึกอยู่บนขาของเธอ
— อา… — คังยูอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว
ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเมื่อเห็นพวกมันล้อมรอบหญิงสาว
ผมยาวดำเกือบถึงรอบเอวของเธอตัดกับดวงตาที่ผิดปกติ ริมฝีปากบวมได้รูป จมูกที๋โด่งโค้งออกมาและมีจุดเล็กๆที่ทางด้านซ้ายของปากเธอ
เธอสวมเป็นอย่างมากถ้าคังยูเดินสวนกับเธอบนถนน เขาคงจะก้มหน้าเดินผ่านไปด้วยความอาย
แต่ในตอนนี้ความสวยของเธอนั้นไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ความงดงามอันไม่ธรรมดาของเธอดูเหมือนจะมีปัญหาเล็กน้อย
‘เธอเป็นมนุษย์’ นั่นคือสิ่งที่มนุษย์จะมีได้
สองตา หนึ่งจมูกและปากเป็นลักษณะของมนุษย์
เธอไม่ได้มีหนวดที่เหมือนหนองงหรือมีปีกที่เหมือนค้างคาว ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่มีเลือดปกคลุมไปทั่วร่าง ไม่ นี่คือมนุษย์อย่างแท้จริง
‘โอ้ นั่นเยี่ยม…’ เขาไม่สามารถยืนอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป
คังหยูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกในรอบหมื่นปีในนรกที่เขาต้องการกลับไปเป็นพระเจ้าอีกครั้ง
— กรู๊-ว-วว!
— อ๊าก…!
หญิงสาวมองไปที่ดาบที่สะเปะสะปะของก็อบลินที่กำลังวิ่งอยู่รอบๆเธอและรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นดาบที่ชี้ไปที่ทิศทางที่เธออนุ่ หญิงสาวก็ทำได้แค่ต้องรอ รอความตายที่กำลังเข้ามา
ในช่วงเวลานั้น:
— เคี๊ย-ก-ก?! — ก็อบลินรู้สึกประหลาดใจและกรีดร้องออก
คังยูได้เข้าไปทำลายวงล้อมของพวกมันและเริ่มกำจัดก็อบลินทีลตัวด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับว่าเขาเป็นนักล่า
— — อา…? — ดวงตาของหญิงสาวได้มองลงไปที่บนพื้น
เธอมองไปที่คังยูพร้อมความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อในขณะที่เขาสังหารก็อบลินมากกว่าสิบตัวในเพียงเวลาไม่กี่วินาที
— คิอ๊าก! — หัวของก็อบลินตัวสุดท้ายได้ตกลงมาด้วยใบมีดสีดำอันแหลมคม
ดาบได้หมุนไปมาในมือเขาหลังจากปลิกชีวิตพวกก็อบลินแล้ว ชายหนุ่มก็เดินตรงไปหาหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่บนพื้น
— ขอบคุณ — เธอยืนขึ้นด้วยขาที่บาดเจ็บและก้อมหน้าด้วยความขอบคุณ
คังยูรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย และจับแขนเธอเอาไว้เพื่อช่วยให้เธอยืนขึ้นได้อย่างมั่นคง
— อา… — เธอจับมือเขาและมันราวกับมีประจุไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกายของเขา
ถ้าเขายังคงอยู่ในนรก เขาจะไม่รู้สึกดีขนาดนี้
นี่คือมนุษย์
ใช่แล้ว นี่คือมนุษย์ เขาคิดถึงมนุษย์อย่างบ้าคลั่ง มนุษย์ที่เขาต้องการที่จะพบมากที่สุด
ความรู้สึกที่เขาได้รับตอนนี้กำลังทำให้จิตใจของเขารู้สึกกระวนกระวาย
ความรู้สึกที่เขาอดทนมาตลอดหมื่นปีที่ถูกเก็บกดมานานได้ล้นทะลักออกมา ความรู้สึกเหล่านี้สามารถครอบคลุมพวกเขาได้ทั้งหมดได้เข้าครอบคลุมจิตใจของเขา
— ฉันชื่อฮัลซอล ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ — เธอมองไปที่คังยูที่กำลังกุมมือเธออยู่แต่เธอไม่ได้พยายามทำให้ตัวเองเป็นอิสระและก้มหน้าลงอีกครั้งด้วยความขอบคุณ
คังยูมองเธอและยื่นข้อเสนอด้วยความจริงใจให้กับเธอ:
— แต่งงานกันเถอะ
— อะไรนะ?!
— มันคงจะดีนะถ้าเราจะมีลูกสักสามคน
— อะไนนะ?!