Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก - ตอนที่ 68 กําแพงสายเลือด ออกจากใต้ดิน
- Home
- Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก
- ตอนที่ 68 กําแพงสายเลือด ออกจากใต้ดิน
บทที่ 68 กําแพงสายเลือด ออกจากใต้ดิน
“ไอ้เด็กกตัญญเหรอ” เหมิงเหล่ยเหงื่อแตก
ตอนนั้นเองที่เหมิงเหล่ยพึ่งจะนึกขึ้นมาได้ ว่าซากมังกรไฟระดับเซียนเทพที่นอนตายอยู่ตรงนี้ คือศพของอมอสที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้เอง แต่เขาดันคิดดังไปหน่อยว่าจะคว้านเอาซากของเขาไปขายเอาแกนเวทมนตร์ไปขาย การที่จะจะโกรธจะหัวเสียก็ไม่แปลก
“แหะๆ คือ ข้าแค่พูดขึ้นมาเฉยๆเอง อย่าคิดมากเลยนะ” เหมิงเหล่ยเกาหัวแกรกๆพยายามแก้เขิน
“หืม อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่น่ะ” อมอสไม่ใช่คนที่หลอกง่ายแบบนั้น เขามองเหมิงเหล่ยแล้วพูด “สายเลือดของข้าไหลเวียนอยู่ในร่างของเจ้า เจ้าเป็นถึงเลือดเนื้อเชื่อไขของข้า อมอส คล็อค ผู้นี้เชียวนะ หากเป็นคนอื่นจะนําไปชําแหล่ะ ร่างของข้าก็ทําได้ แต่…เจ้าทําไม่ได้เด็ดขาด!”
เหมิงเหล่ยงงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “เออ ท.. ท่านประธานครับ พูดถึงเรื่องอะไรกัน ครับเนี่ย คือข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูดเลยซักนิด”
อมอสชี้ขึ้นไปบนกําแพงเวทมมนตร์เหนือบ่อลาวาแล้วพูด “ข้าเป็นคนที่ตั้งกําแพง เวทมนตร์นั้นขึ้นมาเอง ตราบใดที่แกนมังกรยังอยู่ในร่างกายของข้า เวทมนตร์ธาตุไฟ ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของข้าจะใช้หินหลอมเหลวที่อยู่ในบ่อนี้เป็นแหล่งพลังงาน แม้แต่การโจมตีของระดับเซียนเทพก็ไม่อาจทําลายกําแพงนั้นได้ แล้วเจ้าคิดว่าแค่ระดับ 7 ของเจ้าจะสามารถเข้ามาได้ง่ายๆงั้นเรอะ!”
“เออ… คือ”
เหมิงเหล่ยพูดไม่ออก
เขาเข้ามาได้ไงเหรอ ใครมันจะไปรู้วะ?!
เหมิงเหล่ยยังคงงงมากกับเรื่องนี้ เขาแค่จําได้ว่าเขาผ่านเข้ามาในกําแพงได้หลังจากที่กลายร่างเป็นครึ่งมังกร ส่วนเหตุผลจริงๆที่ว่าทําไม เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“หม ถ้างั้นข้าจะบอกความจริงให้เจ้าฟังเอง” อมอสพูด ตั้งแต่ที่ข้าตายไปที่นี่ ข้าก็ได้ยึดที่แห่งนี้เป็นเหมือนสุสานของข้า ข้าไม่อยากให้ใครมารบกวนสุสานของข้า ทั้งนั้นข้าเลยร่ายกาแพงเวทมนตร์เอาไว้”
“แล้ว?” เหมิ่งเหล่ยกระพริบตาปริบๆ
“ถ้าเจ้าอยู่ที่ใดที่เดียวนานๆก็จะเริ่มเบื่อเริ่มเขียนกับที่นั้นใช่ไหมละ ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณของข้าจะก้าวพ้นเรื่องทางโลกไปแล้ว แต่ข้าก็ยังก้าวออกไปไม่พ้นความเบื่อหน่ายอยู่ดี เวลามันผ่านไปกว่า 2 หมื่นปี แม้แต่ข้าเองก็เบื่อที่นี้แล้วเหมือนกัน” อมอส ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วพูดต่อ “ข้าอยากจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก แต่ โชคไม่ดี หอกสังหารเทพนั้นตรงข้าไว้อยู่ที่นี่ทําให้ข้าออกไปไหนได้ไม่เกินแค่ 10 เมตรเท่านั้น”
“ความหวังเพียงอย่างเดียวของข้า คือขอให้คนภายนอกมาดึงเอาหอกสังหารเทพนี้ออกไป แล้วเอาข้าออกไปจากที่นี่ แต่ที่แห่งนี้เป็นเหมือนสุสานของข้า ที่นี่เก็บสมบัติชองข้าไว้ทั้งหมดมีคุณค่ามหาศาล แถมยังมีอาวุธเทวะทรงพลังอย่างหอกสังหารเทพด้วย หากข้าพบเจอกับคนไม่ดีเข้า โลกนี้ก็อาจจะพบกับอันตรายได้ ข้าเลยปรับแต่งกาแพงเวทมนตร์ให้มีเพียงสายเลือดทายาทของข้าเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ และความสามารถทางการต่อสู้ ต้องไม่เกินระดับ 9 เท่านั้นด้วย”
อมอสถอนหายใจอีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายที่สิ่งมีชีวิตส่วนมากที่พบเจอปล่องภูเขาไฟนี้จะเป็นสัตว์เวทมนตร์ ถึงจะมีมนุษย์หลงมาพบเจอเข้าก็ไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ข้าวางไว้ 20000 ปีที่ผ่านมานี่ เจ้า…เป็นคนแรก!”
เหมิงเหล่ยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ที่ ๆ เขาอยู่ตอนนี้อยู่ในส่วนลึกของป่าสัตว์วิเศษ และห่างไกลจากความเจริญสุด ๆ นอกเหนือจากสัตว์เวทมนตร์กับนักผจญภัยเพียงหยิบมือแล้ว ใครมันจะผ่านมาแถวนี้บ่อยๆกัน
อีกอย่าง ถึงจะมาเจอ แต่คนที่จะผ่านเข้าไปได้ต้องเป็นทายาทลูกหลานตระกูลของเขา ความสามารถทางการต่อสู้ห้ามเกินระดับ 9 อีกตั้งหาก ข้อจํากัดมันมากมายเหลือเกิน
20000 ปี หาได้คนเดียวก็ถือว่าสมควรแล้วละ ตาแก่ จะว่าไปแล้ว ฉันเป็นทายาทของตาแก่นี้ตั้งแต่เมื่อไรกันวะเนี่ย
เอ๊ะ หรือว่า
สายเลือดมังกรไฟในตัวฉันอย่างงั้นเหรอ
ความจําของเหมิงเหล่ยย้อนกลับมาทันที
สายเลือดมังกรไฟที่เขาได้มานั้น เก็บมาจากราชั้นต์นักสู้ประจาปีนี้อย่าง โอเด็น ฟริท บางทีเขาอาจจะเป็นทายาทที่แท้จริงของตาแก่นี้ก็ได้
เหมิงเหล่ยส่ายสายตาซ้ายขวา เขาเชื่อว่าที่เขาคิดนั้นเงียบกริบมาแล้ว เรื่องแบบนี้เขาไม่ได้คิดจะบอกอมอสแน่ๆ
เมื่อกี้ตาแก่นั้นบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าสมบัติทั้งหมดของเขาอยู่ที่นี่ด้วย
สมบัติทั้งหมดตลอดชีวิตของระดับเซียนเทพพเลยนะ ถ้าได้มันมาละก็ หึหึหึหึ
“เออ ท่านประธานครับ ข้าเป็นทายาทของท่านจริงๆงั้นเหรอครับ” เหมิงเหล่ยกระพ ริบตาปริบๆถามด้วยความ “ไม่เชื่อออออ”
เขาพยายามญาติดีกับตาแก่อมอสให้ได้มากที่สุด เพื่อที่หลังจากนั้น…. เขาจะได้สืบทอดมรดกสมบัติทั้งหมดยังไงละ
“กําแพงสายเลือดนั้นไม่มีวันผิดพลาด” อมอสมองเหมิงเหล่ยแล้วพูด “แต่เจ้าเองก็ไม่ใช่คนที่สุจริตที่สุดเหมือนกัน เจ้ากล้าคิดจะเอาร่างของข้า แล่เอาแกนมังกรของข้าไปขาย เจ้าไม่กลัวว่าจะโดนฟ้าผ่าบ้างรึไงเล่า”
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม จะโทษผมแบบนั้นก็ไม่ได้นะครับท่านประธาน
เหมิงเหล่ยพูด “ก็ทุกส่วนของร่างกายมังกรเป็นเหมือนสมบัตินี่ครับ แถมยังเป็นมังกรระดับเซียนเทพด้วย ข้าเองหลงไปด้วยเหมือนกัน อีกอย่าง ข้าเองตอนแรกไม่รู้ด้วยว่าท่านเป็นบรรพบุรุษของข้า ถ้าข้ารู้นะ ข้าก็ไม่คิดจะทําเช่นนั้นหรอก”
พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของอมอสก็เย็นลงเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้าไม่รู้ ข้าก็จะปล่อยผ่านไปละกัน แต่ถ้าเจ้ากล้าคิดที่จะเอาร่างของข้าไปขายอีก ข้าจะหักขาของเจ้าซะ”
“ไม่เลยครับ ไม่กล้าทําเลย ใครมันจะไปกล้าทําแบบนั้นกันน้า 5 5 5 5”เหมิงเหลี่ยพยายาม
“ก็ขอให้ทําจริงแบบที่พูดละกัน”
อมอสพูดก่อนที่จะโบกมือ จากนั้นร่างศพของมังกรไฟขนาดมหึมาก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่จะจมดิ่งลงไปในบ่อลาวา และภายในพริบตาเดียวเท่านั้น บ่อลาวาที่เคยปะทุอย่างดุเดือดก็สงบนิ่งลง ลาวาทั้งหมดหายวับไปกับตาพร้อมกับซากของมังกรก็หายไปด้วย
“ลาก่อนร่างกายของข้า” อมอสมองลงไปด้วยความปลง ร่างกายของเขานั้นอยู่ร่วมกับเขามาเกิน 2 หมื่นปี แต่ตอนนี้เขาต้องละทิ้งร่างกายของเขาแล้ว ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยเข้ามาแทนที่
บ้าเอ๊ยยยยย หายไปหมดแล้ว แกนมังกร เกล็ดมังกร มังกร หายไปหมดเลยโว้ยยยยย
เหมิงเหล่ยใจแทบแตก แต่เขาทําได้แค่มองดูอย่างสิ้นหวัง เขาทําใจปลอบอมอส “ท่านประธานครับ ไม่เป็นไรนะครับ ไว้เรากลับมาที่นี่อีกก็ได้นะครับ”
“อม”
อมอสถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบข้างเหมือนกับพยายามจดจําสถานที่นี่ไว้ในความทรงจําของเขาให้มากที่สุดที่ทําได้ ก่อนที่เขาจะปรับอารมณ์ตัวเองแล้วพูด “ไปกันเถอะ”
“ครับผม”
หลังจากที่เหมิ่งเหล่ยตอบรับแล้ว เขาก็มองอมอส ก่อนจะพยายามพูดออกมา แต่เขากลับลังเลซะก่อน
“ถ้ามีอะไรจะพูด ก็พูดออกมาเลย ไม่ต้องพึมพําหรอก” อมอสเหมือนจะรู้ดีแล้วมองเหมิงเหล่ย
“อะแฮ่ม คือ ท่านประธานครับ จะจากไปทั้งแบบนี้จริงๆเหรอครับ” เหมิงเหล่ยพูดแล้วมองอย่างมีเล่ห์นัย
อมอสยิ้มแล้วพูด “จากไปแบบนี้ละดีแล้ว ร่างของข้าอยู่คนเดียวมานาน นอกจากวิญญาณนี้แล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้วละ ถ้าหากเจ้าหวังว่าจะได้อะไรซักอย่างไปจากร่างของข้าละก็ ข้าเองก็คงทําให้เจ้าผิดหวังด้วยเหมือนกัน”
ทําให้ฉันผิดหวังเหรอ
ไม่ใช่ว่านายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าสมบัติทั้งหมดทั้งชีวิตของนายอยู่ที่นี้หน่ะแล้ว ยังมีหน้ามาบอกว่าอยู่คนเดียวมานานอีกเหรอ
เหมิงเหล่ยแทบอยากจะล้มโต๊ะแต่เขาก็ต้องตามน้ําอย่างว่าง่ายเมื่อเทียบพลังกันแล้ว “ข้าก็แค่พูดถามเฉยๆน่ะท่านประธาน”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หยิบเอาหอกสังหารเทพออกมาก่อนที่เขาจะใช้เวทดินพาแท่นหินลอยขึ้นจากพื้นตรงขึ้นไปหากําแพงเวทมนตร์ หลังจากที่พวกเขาออกมาจากกาแพงเวทมนตร์แล้ว อมอสก็ขอให้เหมิงเหล่ยใช้เวทดินฝังกําแพงเวทมนตร์ส่วนที่เหลือให้ด้วยอย่าให้มีใครพบเจอได้
“ในที่สุดข้าก็ออกมาได้ซักที!”
อมอสลอยตัวขึ้นเหนือผิวน้ํา เขามองออกไปนอกหุบเขาที่มืดสนิท สายตาอันตื่นเต้นหลังจากที่โดนขังอยู่ใต้ดินมากว่า 20000 ปี ในที่สุด เขาก็ทําลายผนึกแล้วออกมาสําเร็จจนได้
แค่มองก็รู้ได้เลยว่าเขาดีใจแค่ไหน
เหมิงเหล่ยเองก็เข้าใจว่าอมอสรู้สึกยังไง เขาเลยไม่ได้รบกวนอะไรเขา แต่กลับกัน เขาลากศพของงจระเข้หัววัวขึ้นฝั่งก่อนจะใช้มีดเฉือนเตรียมเครื่องปรุงและเตาย่างทําอาหารกิน
หลังจากผ่านวันคืนในป่า และ อยู่ใต้ดินมานาน ท้องของเขาหิวจนร้องเรียกหาอาหารแล้ว เขาหิวมากจนแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เขาต้องกินอะไรซักอย่างนั่นเนื้อ
ล้างเนื้อ
เสียบไม้
จากนั้นเขาก็ร่ายเวทลูกไฟเพื่อย่างเนื้อทันที
“เจ้าหน เจ้ามีทั้งพรสวรรค์ธาตุไฟและธาตุดินเลยอย่างงั้นเหรอ”