Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก - ตอนที่ 46 ตอกหน้ารุ่นพี่
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก
บทที่ 46 ตอกหน้ารุ่นพี่
“นั้นมัน…”
ร่ายเวทระดับ 3 แบบฉับพลันเลยงั้นเหรอ?”
อาจารย์ที่เป็นกรรมการกระเด้งตัวขึ้นมาทันทีที่เห็นเวทนั้น “เขาสามารถปล่อยอสรพิษสายฟ้าได้ในพริบตา มันคือการร่ายเวทแบบฉับพลันของจริงเลย!”
“ไม่ใช่ว่าเขายังเป็นแค่จอมเวทระดับต่ําไม่ใช่เหรอ ทําไมเขาถึงร่ายเวทระดับ 3 ได้เร็วขนาดนั้นละ”
อาจารย์กรรมการพบว่าเรื่องนี้มันเกินจินตนาการของเขาไปมาก ในฐานะที่เขาเป็นผู้ที่คุมสนามประลองและทําหน้าที่เป็นเหมือนกรรมการเวลานักศึกษาจัดการประลองกัน เขาเห็นการประลองเวทมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ละครั้งก็จะมีสิ่งที่ทําให้น่าตื่นตาตื่นใจเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้น นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการร่ายเวทระดับ 3 แบบฉับพลัน โดยเด็กปี 1 เหมือนกัน
ทําไมน่ะเหรอ เพราะว่าปรกติแล้ว การร่ายเวทระดับนี้แบบฉับพลันนั้นจะต้องเป็นจอมเวทระดับ 7 ขึ้นไปแล้วเท่านั้น
จอมเวทระดับ 5 ยังทําไม่ได้ด้วยซ้ํา จอมเวทระดับ 6 ก็ยังทําไม่ได้เหมือนกัน
จอมเวทระดับ 7 ที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ก็มีน้อยมากๆในวิทยาลัย
นั้นหมายความว่าปรกติแล้วจะไม่มีนักเรียนคนไหนที่สามารถร่ายเวทระดับ 3 แบบฉับพลันได้ ต่อให้เป็นนักเรียนชั้นปี 6 ก็ตาม
“ข้าเองก็ได้ยินชื่อของเหมิงเหลี่ยมาซักพักแล้ว เขาเป็นคนที่ร่ายเวทระดับ 1 พริบตาได้ในการสอบกลางภาค ตอนที่เขาเป็นแค่จอมเวทระดับ 3 เท่านั้นนี่” เรื่องนี้แม้แต่กรรมการเองก็นึกไม่ถึง
“แถมตอนนี้เขายังร่ายฉับพลันกับเวทระดับ 3 ได้อีก หรือว่าเขาจะกลายเป็นจอมเวทระดับ 7 ไปแล้วกัน ไม่ซิ เป็นไปไม่ได้ มันจะ เป็นไปได้ยังไง นี้มันพึ่งผ่านการสอบกลางภาคมาได้ไม่กี่วันเองนะ” อาจารย์ที่เป็นกรรมการตะลึง ในขณะเดียวกัน เหล่านักเรียนที่ดูการประลองอยู่ก็ตกใจเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าระดับของพวกเขาจะยังต่ํา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตาบอด อีกทั้งมีรุ่นพี่หลายคนก็มาดูด้วย
รุ่นพี่พวกนั้นมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด และรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วรุ่นพี่พวกนี้ละ ที่เป็นคนที่ตกใจมากที่สุด
“อสรพิษสายฟ้านั้นแรงดีจริงๆเลย แค่เห็นก็ขนลุกเลยนะเนี่ย”
“ใช่ รู้สึกเหมือนกันเลย มันเป็นเวทระดับไหนกันนะ”
“เวทสายฟ้าระดับ 3 อสรพิษสายฟ้า”
“เวทระดับ 3 เหรอ ไม่น่าใช่มั่ง ฉันไม่เห็นเขาจะร่ายเวทอะไรเลย หรือว่าเขาแอบร่ายเบาๆมานานแล้วนะ”
“เขาไม่ได้ร่ายเวทซักหน่อย ไม่เห็นเหรอว่าจู่ๆมันก็โผล่มาเลยนะ นั้นมันการร่ายฉับพลันชัดๆ”
“หะ บ้าเหรอวะ ร่ายเวทฉับพลัน กับเวทระดับ 3 เนี่ยนะ เป็นไปได้ยังไงกัน”
“ไอ้เด็กนั้นเล่นบ้าอะไรของมันวะ ข้าจะเรียนจบปีหน้าแล้วนะ ยังทําอะไรแบบนั้นไม่ได้เลย แล้วไอ้เด็กปี 1 อย่างมันเนี่ยนะ…”
ความตกใจ
สับสน
ตะลึง
ความรู้สึกเหล่านี้มีอยู่เต็มไปปหมด แลนซ์ที่รับอสรพิษสายฟ้าเข้าไปเต็มๆรับผลกรรมหนักที่สุด เวทระดับ 3 นั้นมีพลังทําลายมากกว่าเวทระดับ 2 หลายเท่า ถึงจะยังไม่แรงพอที่จะฆ่าได้ถึงตาย แต่กระแสไฟฟ้าแรงสูงที่แล่นผ่านร่างกายนั้นมันรุนแรงพอที่จะทําให้ชาไปทั้งตัว ทําให้เขาขยับไม่ได้ มันทําให้เขาสูญเสียการควบคุมร่างกายไปเหมือนกับเป็นอัมพาต กระดิกยังไม่ได้เลยด้วยซ้ํา
แหกปากร้องยิ่งทําไม่ได้เข้าไปใหญ่
เป็นแค่นักรบระดับ 5 ยังห่างไกลจากวัวคลั่งเยอะ
เหมิงเหล่ยต่อกรกับแลนซ์อย่างสบายๆตอนที่เขายืนชื่นชมแสงไฟฟ้าแล่นผ่านร่างของแลนซ์ ชื่นชมความทรมารจากการขยับไม่ได้ เขารู้สึกสะใจมาก เขาอยากจะสั่งสอนแลนซ์ให้รู้สํานึกว่าอย่ามายุ่งกับเขาอีกเป็นครั้งที่สอง
“โคตร เจ๋ง เลย”
ฮาร์ตร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่นด้วยความตื่นเต้น “เร็วเข้า รีบร่ายเวทต่อเลย จัดการให้หงายไปเลย อย่าให้มีโอกาสได้ซ่าอีก”
“ไม่เห็นต้องรีบเลย”
เหมิงเหล่ยโบกมือแล้วยิ้มขณะที่มองแลนซ์
ในตอนนั้นเองที่อสรพิษสายฟ้าเริ่มค่อยๆหายไปและแลนซ์ก็คืนสติและร่างกายตัวเองกลับมาอีกครั้ง เขากางเขี้ยวเล็บแล้วกระโดดพุ่งตัวตรงเข้าหาเหมิงเหล่ยด้วยความโกรษจัด
แต่สิ่งที่รับกับหน้าของเขา คืออสรพิษสายฟ้าซ้ําอีกตัวนึงเต็มๆ
ตุ้ม!
แลนซ์ยืนนิ่งช็อตอยู่กับที่อีกครั้ง ตัวของเขาสั่นไปทั่ว
“นี่เจ้าคิดจะทําอะไรกันแน่นะ”
ฮาร์ตดูเหมือนจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเหมิงเหล่ยเท่าไร
“ดูต่อไปเถอะหน่า เดี๋ยวก็รู้เอง” เหมิงเหล่ยไม่ได้โจมตีต่อ แต่เขากลับยืนมองอยู่เฉยๆ
หลังจากผ่านไปซักพัก เขาก็กลับมาขยับได้อีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่เขาจะได้ขยับ ก็โดนอสรพิษสายฟ้าซัดเข้าใส่อีกรอบซ้ํา แล้วซ้ําเล่าจนไม่ได้ขยับตัวต่อ
ในตอนนั้นเองที่หลายๆคนเริ่มเข้าใจ
“หมอนั้นจะทําแบบนั้นไปเพื่ออะไรกันละ ทําไมถึงโจมตีด้วยอสรพิษสายฟ้าเรื่อยๆละ หรือว่ามันเป็นเวทเดียวที่เขารู้จักเหรอ หรือมันเป็นท่าโจมตีที่แรงที่สุดของเขาแล้วน่ะ”
“หึ นี้เจ้าคิดว่ามันเป็นท่าโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาจริงๆเหรอ เขาสามารถร่ายเวทระดับ 3 ได้ในพริบตาเลยนะ”
“เออ แล้วเขาจะทําอะไรกันแน่ละ”
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกเหรอ หมอนั้นตั้งใจจะใช้เวทระดับต่ําเพื่อทําให้แลนซ์อับอายน่ะซิ สิ่งที่หมอนั้นทําไม่ใช่การโจมตีร่างกาย แต่เป็นการเล่นกับศักดิ์ศรี ความมั่นใจของแลนซ์เองมากกว่า ดูซิ ตอนนี้ เขาแทบจะควบคุมแลนซ์แบบสมบูรณ์แล้ว”
“โห โคตรโหดเลยวะ”
เหมิงเหล่ยนั้นตั้งใจจะทําให้แลนซ์อับอายจริงๆ เขาอยากจะให้แลนซ์รู้ซะบ้างว่า ถึงแม้ว่าระดับของร่างกายจะแกร่งแค่ไหน แต่เขาก็ยังโดนเวทระดับต่ําโง่ๆโจมตีซ้ําๆจนแท้อยู่ดี
แล้วเขาจะเก่งขึ้นมาทําไมกันละ
สุดท้ายแลนซ์ก็เป็นได้แค่เศษสวะสมองกลวงอยู่ดีนั้นละ
แล้วก็เป็นแบบนั้นต่อไป แลนซ์พยายามดิ้นจนหลุดแล้วก็โดนฟาดใหม่ โดนอสรพิษสายฟ้ากลืนกินแล้วกลืนกินอีก ตอนนี้แลนซ์เต็มไปด้วยความอับอาย ความแค้น ความเสียใจ น้ําตาแห่งความอัปยศไหลรินบนแก้มของเขาแล้ว
รุ่นพี่ครึ่งมังกรทนดูสภาพของแลนซ์ไม่ไหว ตะโกนใส่เหมิงเหล่ย “อัจฉริยะที่ไหนกันเขาใช้แต่เวทระดับต่ําในการทําให้คู่ต่อสู้อับอายน่ะ หะ รีบๆจัดการแลนซ์เร็วๆเข้าซิ!”
“ถ้าเกิดอยากจะปกป้องเขาละก็รุ่นพี่ก็ขึ้นมาได้เลย”
เหมิงเหล่ยหันไปมองครึ่งมังกรรุ่นพี่ มุมปากของเขายิ้มออกมา
คําพูดของรุ่นพี่ครึ่งมังกรสะดุดทันที หน้าของเขาตึงขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นรุ่นพี่ปี 5 แต่ความสามารถของเขาก็ยังเพียงแค่จอมเวทระดับ 5 เท่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเหมิงเหลี่ยได้
ร่ายเวทฉับพลันระดับ 3 ได้เนี่ยนะ
เชียเอ้ย
แค่นั้นมันก็ทําลายจอมเวทระดับต่ําได้ทั้งกองละมั่งนั้นน่ะ ไม่เห็นที่แลนซ์โดนเหรอ แลนซ์มีร่างกายเป็นนักรบระดับ 5 แต่ก็ดันโดนสายฟ้าฟาดจนทําอะไรไม่ได้ขยับไม่ได้ด้วยซ้ํา
คืนเขาขึ้นไปด้วยมีหวังดวงซวยจับแช่อยู่อย่างงั้นอายมุดแผ่นดินหนีกันพอดี
“ถ้าไม่มาก็หุบปากแล้วอยู่เงียบๆ อย่าเอาปากเน่าๆนั้นมาถ่มถุยใครอีก” เหมิงเหล่ยพูด แล้วเขาก็ไม่มองรุ่นพี่อีก
“ไอ้บ้าเอ้ย!!”
รุ่นพี่คนนั้นยอมทิ้งความแค้นแล้วเดินออกจากบริเวณลานประลองไป ถ้าเขาออกไปตอนนี้ แล้วดันแพ้ขึ้นมา เขาได้อายยับหมาแน่ๆ แล้วแบบนี้เขาจะแบกรับหน้าของวิทยาลัยต่อไปในอนาคตได้ยังไง
“ไอ้บ้านั้นมันจะโอหังเกินไปแล้วนะ”
“ชักจะเอาใหญ่แล้วไอ้เด็กคนนั้นน่ะ”
“ฆ่าคนทางอ้อมไม่ยอมให้แพ้ง่ายๆ ทํากับพวกครึ่งมังกรอย่างเราเหมือนเป็นของเล่น มันไม่ใช่เรื่องแล้ว จะไม่มีใครกล้าออกหน้าไปสั่งสอนไอ้หมอนั้นหน่อยเหรอ”
ความรู้สึกโกรธในหมู่ครึ่งมังกรที่ดูการประลองอยู่นั้นพุ่งขึ้นสูงลิ่ว แต่ไม่มีใครกล้าก้าวเท้าออกมารับหน้า แม้แต่ครึ่งมังกรปี 6 ที่ใกล้จะจบการศึกษายังไม่กล้าเลย
ขนาดปี 6 ยังไม่กล้าแล้วปอื่นจะเหลือเหรอ ต่อหน้าเหมิงเหล่ยที่ปล่อยเวทระดับ 3ออกมาได้แบบไม่ร่าย ขึ้นไปสู้ก็มีแต่จะแพ้
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ!
“สุดยอดไปเลย นี่ละตัวแทนของเรา ตลอด 2 ปีที่ข้ามาวิทยาลัยแห่งนี้ ข้าไม่เคยเห็นไอ้พวกมีเขาหน้าโง่พวกนี้โดนสวนจนกลายเป็นไอ้พวกขี้แพ้แบบนี้มาก่อนเลย”
“5555 โคตรสะใจเลยโว้ย”
ในขณะที่ครึ่งมังกรกําลังหงุดหงิด แต่เหล่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างปิติยินดี ดีใจมาก ทั้งอาณาจักรมังกรไฟนั้น มนุษย์เป็นเผ่าพันธ์ที่มีชนชั้นอยู่ต่ํากว่าครึ่งมังกรมาโดยตลอด และสถานการณ์แบบนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนถึงจะเข้ามาในวิทยาลัยแล้วก็ตาม
นักเรียนมนุษย์หลายๆคน โดยเฉพาะเหล่าชาวบ้านนั้นมักจะโดนพวกครึ่งมังกรรังแกอยู่เสมอ แต่สิ่งที่พวกเขาทําได้ก็แค่เงียบ เก็บซ่อนความแค้นเอาไว้ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่ 2 ที่มนุษย์มีความแค้นต่อครึ่งมังกร
แต่ในตอนนี้ เหมิงเหลี่ยได้เอาคืนแลนซ์ แถมยังได้ตอกหน้าพวกรุ่นพี่ครึ่งมังกรกลับซะหน้าหงาย พวกเขาเลยรู้สึกได้เป็นครั้งแรกว่ามนุษย์เองก็สามารถสู้ได้ เหมือนกับเป็นการประกาศชัยชนะครั้ง แรกของมวลมนุษย์
“เหมิงเหล่ย อย่าให้มันมากเกินไปนะ”
ในตอนนั้นอาจารย์กรรมการก็พูดขึ้นมา
“ได้ครับ”
เหม่งเหล่ยพยักหน้าทันที ก่อนที่เขาจะเริ่มร่ายเวทมนตร์ระดับ 4 เป็นเวทมนตร์ธาตุสายฟ้าที่โจมตีเป้าหมายเดี่ยวได้รุนแรงที่สุด อสนีบาตคําราม!!