Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก - ตอนที่ 45 ว่านกระดูกมังกร กับ การร่ายฉับพลัน
- Home
- Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก
- ตอนที่ 45 ว่านกระดูกมังกร กับ การร่ายฉับพลัน
บทที่ 45 ว่านกระดูกมังกร กับ การร่ายฉับพลัน
แลนซ์นั้นตื่นเต้นมากๆหลังจากที่เหมิงเหล่ยตอบรับแล้ว เขาหยิบเอาโทรศัพท์เวทมนตร์ออกมาแล้วแจ้งกับเพื่อนของเขาทันทีเพื่อให้เพื่อนของเขากระจายข่าวไป ซึ่งข่าวนี้ก็แพร่กระจายเร็วอย่างกับไฟปาเพียงไม่กี่ชั่วโมง มันก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งวิทยาลัย
ฮาร์ตที่นั่งอยู่ในห้องเรียนตามปรกติ เดิมที่เขามักจะเข้าเรียนวิชาธาตุดินพร้อมๆกับเหมิงเหล่ยเสมอตลอดช่วง 3 เดือนมานี้ ถึงแม้เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทําไมจู่ๆเหมิงเหล่ยถึงได้อยากมาลงเรียนวิชาธาตุดินด้วย แต่มันก็ไม่สําคัญเท่าไร เพราะถ้ามีเห มิงเหลยมาด้วยเขาก็จะไม่เหงาอีกแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ตั้งแต่ที่จบการสอบกลางภาคมา เหมิงเหล่ยก็ไม่เข้าเรียนอีกเลย ซึ่งมันทําให้ฮาร์ตเบื่อเอามากๆแล้วก็ไม่ตั้งใจเรียนใจห้องไปเลย
“ฮาร์ต ทําไมเจ้ายังอยู่ที่นี่ละ”
“อะไรนะ” ฮาร์ตดึงสติกลับมาก่อนจะหันไปมองทางเพื่อนร่วมห้องที่กําลังคุยอยู่กับเขา
“แลนซ์จากคลาส 2 กําลังจะดวลกับเหมิงเหล่ยคลาสเรานะ ตอนนี้พวกนั้นน่าจะไปกันที่ลานประลองแล้วด้วย พวกเขากําลัง จะไปขออนุญาติควลเหมิงเหล่ยเพื่อนสนิทเจ้าไม่ใช่หรือไงทําไมเจ้าไม่ตามไปดูหน่อยละ”
“เหมิงเหล่ยกับแลนซ์ ดวลเนี่ยนะ”
ฮาร์ตผงะไปซักพักก่อนที่จะส่ายหัวรัวๆ “เป็นไปไม่ได้หน่ะทําไมไอ้เจ้าเศษสวะแลนซ์ถึงต้องมาท้าประลองกับพี่ใหญ่เหมิงของข้าด้วยละอยากเจ็บตัวเพิ่มหรือยังไงกัน”
“ฮาร์ต รอบนี้เจ้าอาจจะคิดผิดก็ได้นะ
“หะ” ฮาร์ตทําหน้าตางง
“ข้าได้ยินมาว่าแลนซ์มันกินว่านกระดูกมังกรเข้าไปน่ะซิตอนนี้ระดับของร่างกายเขาน่าจะทะลุไประดับ 5 แล้ว ด้วยค่าร่างกายของนักรบระดับ 5 การปะทะกับเหมิงเหล่ยก็เป็นเรื่องง่ายแล้วไม่ใช่รีไงเหมิงเหล่ยแค่ระดับ 3 เองนะ”
“เดี๋ยวก่อนๆๆ ว่าไงนะ ว่านกระดูกมังกรเหรอ” ฮาร์ตสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่ได้ยินคํานั้น เขาไม่สนใจเพื่อนร่วมหัวอีกต่อไปแล้ววิ่งตรงไปที่ลานประลองทันที
“ว่านกระดูกมังกรเหรอ ไอ้เวรนั้นมันแดกว่านกระดูกมังกรไปเนี่ยนะชิบหายละไงใครมันจะไปคิดว่ามันจะมีดวงมากขนาดนี้วะ”
บางคนอาจจะยังไม่รู้จักว่านกระดูกมังกร แต่ฮาร์ตนั้นรู้ดีว่ามันคืออะไรมันคือสมุนไพรสุดหายาก และที่มันหายาก เพราะว่ามันจะโตบนซากศพของมังกรสายพันธ์บริสุทธิ์เท่านั้น มันเป็นว่านสมุนไพรที่เติบโตมาโดยกลืนกินพลังชีวิตของมังกรยักษ์ที่ตายไปแล้ว
ดังนั้น ว่านกระดูกมังกรจึงมีสรรพคุณพิเศษที่ช่วยทําให้สายเลือดมังกรในร่างของครึ่งมังกรได้รับการสกัด ทําให้สายเลือดมังกรเข้มข้นยิ่งขึ้นและมีพลังมหาศาลเพิ่มขึ้นในเวลาอันสั้น ผลที่จะได้ รับนั้นดีที่สุดต้องกินโดยคนที่มีระดับต่ํากว่าระดับ6 ดังนั้น ครึ่งมังกรระดับต่ําเลยใฝ่หาว่านกระดูกมังกรกันแทบจะพลิกแผ่นดิน มัน เป็นเหมือนยาวิเศษที่ช่วยทําให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น เป็นสมบัติที่เหล่าครึ่งมังกรฝันหา
ฮาร์ตเองก็ไม่นึกเหมือนกันว่าไอ้เศษสวะอย่างแลนซ์มันไปหาว่านกระดูกมังกรมาจากไหน ถ้าไม่ใช่เพราะดวงก็คงต้องเป็นเพราะสวรรค์ตาบอดแน่ ๆ
“ต้องรีบไปหยุดการประลองนี้ เหมิงเหล่ยไม่มีทางชนะได้แน่ ๆ
ถึงจะบอกว่ารีบยังไง แต่ความเร็วสูงสุดของฮาร์ตตอนนี้มันก็พอๆกับเด็กประถมวิ่งเลย ด้วยส่วนสูงที่น้อยกว่า 160 และน้ํา หนักเกือบ 100 กิโลกรัมทําให้การวิ่งนั้นเป็นเหมือนการทรมารทางอ้อม
แต่จะให้เขาทํายังไงละ
เขาเลยต้องกัดฟันแล้ววิ่งต่อไป
กว่าเขาจะถึงสนามประลองก็ล่อไปเกิน 10 นาทีแล้ว
ตอนที่เขามาถึงสนามประลอง ทั้งเหมิงเหล่ยและแลนซ์ ขึ้นไปอยู่บนลานประลองเรียบร้อยแล้ว เขตอาคมถูกกางขึ้นบนอากาศและครอบคลุมลานประลองทั้งหมดแล้ว อาจารย์ที่ควบคุมการ ประลองครั้งนี้ยืนอยู่ตรงมุมเพื่อเป็นกรรมการ
นักเรียนทุกคนที่ได้ยินข่าวต่างแห่กันมาที่สนามประลอง มีทั้งครึ่งมังกรที่แต่งตัวสูงศักดิ์ยันชาวบ้านที่แต่งตัวธรรมดา มีรุ่นพี่ปีโตยันเด็กปี 1 พวกเขาชี้นิ้วแล้วทําท่าพูดคุยกันไปมาดูมีชีวิตชีวาและครึกครื้นมาก
“ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อย ให้ข้าได้ผ่านไปที่”
“เจ้าจะมาเบียดทําไมเนี่ย ไม่เห็นเหรอว่าข้ามาก่อนหน่ะ”
หลังจากที่ใช้แรงทั้งหมดพยายามแทรกตัวเองเข้ามาในฝูงชนจากนั้นฮาร์ตก็ตะโกน “พี่เหมิงเหล่ย อย่าไปสู้กับมันเจ้าสู้ไม่ได้หรอก”
“เจ้าได้ยินรึเปล่า เพื่อนขี้แพ้ของเจ้าเรียกเจ้าอยู่น่ะ”
แลนซ์ได้ยินเสียงของฮาร์ต มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมด้วยสีหน้าอวดเบ่ง “รีบๆยอมรับความพ่ายแพ้ซะเถอะ สู้ไปเจ้าก็จะเจ็บตัวเปล่าๆแถมจะได้อายมุดแผ่นดินหนีด้วยนะ”
เหมิงเหล่ยยกไหล่ ก่อนชะยกมือทําท่า OK ให้กับฮาร์ตส่งสัญญาณให้เขาใจเย็นลง จากนั้นเขาก็พูด “มาเริ่มกันเลยดีกว่าข้ากําลังรีบอยู่แล้วก็ไม่มีเวลาจะมาทําเรื่องไร้สาระกับเจ้านานหรอกนะ”
“เหอะๆ ข้าละเกลียดความอวดดีของเจ้าเสียจริงๆ เจ้าจะทําตัวหยิ่งผยองไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อตัวเองก็เป็นแค่มนุษย์สวะที่มีสายเลือดต่ําต้อยจะทําตัวสูงส่งได้แค่ไหนกันเชียว”
แลนซ์พูดต่อด้วยสีหน้าพร้อมเอาเรื่อง “วันนี้ละ ข้าจะฉีกหน้ากากของเจ้าต่อหน้าคนพวกนี้ ข้าอยากจะให้ทุกคนเห็นว่าขยะยังไงก็เป็นขยะวันยันค่ํา ให้เจ้าได้รู้ ว่าอย่าริมาเปรียบตัวเองกับครึ่งตั้งกรอย่างพวกเราอีก”
“ใช่แล้วฆ่าไอ้สวะนั้นซะ”
“ให้มันรู้พลังของครึ่งมังกรซะบ้าง!!”
“แลนซ์ สั่งสอนมันให้รู้สํานึกไปเลย!”
“เราครึ่งมังกรแข็งแกร่งที่สุด”
เหล่าครึ่งมังกรที่ยืนดูการประลองต่างตะโกนให้กําลังใจ ส่วนทางอาจารย์ ที่ยืนดูอยู่ที่มุมสนามนั้นก็ได้แต่ยืนเฉยๆดูเหมือนกับว่าเขาเองก็ชินแล้วกับสถานการณ์แบบนี้
ในอาณาจักรมังกรเพลิงนั้น มันเต็มไปด้วยครึ่งมังกร สถานะทางสังคมของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นอยู่ต่ํากว่าครึ่งมังกรสุดๆ พวกครึ่งตั้งกรจึงมองมนุษย์เป็นเหมือนทาส และไม่มีใครมุมมองความคิดนี้ได้
แม้แต่เหล่าจอมเวทที่มีสถานะทางสังคมสูงส่ง แต่ก็ยังคงเทียบชนชั้นกับครึ่งมังกรที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ไม่ได้อยู่ดี ยกเอาจอมเวทระดับ 9 เป็นตัวอย่าง ครึ่งมังกรจอมเวทระดับ 9 นั้นจะได้ขึ้นไปเป็นจอมทัพยามสงคราม หรือเป็นรัฐมนตรีในกระทรวง ถ้า เทียบระดับยศ ก็จะเป็นดยุคหรือมาควิส ส่วนมนุษย์นั้นมากสุ ดก็ไปเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยเวทมนตร์หรือถ้าเทียบก็เป็นได้แค่เอิร์ลเท่านั้น
อาณาจักรแห่งนี้ยังไงซะก็ไม่ใช่ของมนุษย์อยู่แล้ว
“งั้นเหรอ?”
เหมิงเหล่ยยิ้ม วันนี้เขาดูสดใสเป็นพิเศษ “ถ้างั้นเจ้าไม่ลองเปิดข้าดูก่อนซักหมัดละ ให้ข้า เศษสวะที่เจ้าบอก ได้ลองชมหน่อยซิว่าพลังของเจ้ามีมากน้อยแค่ไหน”
“อ้อ ได้ซิ เดี๋ยวข้าจะสนองให้”
แลนซ์หัวเราะออกมาพร้อมจิตสังหาร เขาเดินตรงเข้าไปที่ละก้าวก่อนจะเหยียบกระแทกพื้นส่งแรงให้ตัวเองลอยขึ้นไปสูงบนอากาศแล้วง้างหมัดต่อยทิ้งดิ่งลงมาหาเหมิงเหล่ย
“ถ้างั้นเจ้าก็จมดินไปซะ ไอ้สวะเอ้ย!”
แลนซ์ลอยกลางอากาศ มองลงมายังเหมิงเหล่ยที่อยู่เบื้องล่างใจของเขาร้อนเหมือนไฟ เลือดของเขาสูบฉีดจนเดือดพล่านเขารอเวลานี้มานานมากแล้ว
ใช่รอมานานนานมากๆ!
ตั้งแต่วันที่เหมิงเหล่ยทําให้เขากลายเป็นตัวตลกในวันสอบเข้าเขาก็สาบานกับตัวเองไว้เลยว่าจะต้องล้างแค้นให้จงได้เขาอยากจะชําระความมอับอายที่ตัวเองมีในอดีต แล้วกลับมายืนอย่างภาคภูมิอีกครั้ง
หลังจากผ่านไป 3 เดือนในที่สุดเขาก็มีโอกาสนั้น
ว่านกระดูกมังกร
สมบัติที่เหล่าครึ่งมังกรเฝ้าตามหา และเขาก็ได้มันมาไว้ในกํามือหลังจากนั้นแค่คืนเดียว เขาก็ได้พัฒนาไปอีกขั้นความสามารถในการต่อสู้ของเขาทยานขึ้นสูงมาก
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าไม่ทําให้เจ้าแพ้ง่ายๆหรอกข้าจะหักแขนเจ้าถอนฟันอของเจ้า ให้เจ้าได้รู้ซะบ้างว่าอย่าได้มาลองดีกับข้าแลนซ์คนนี้ 55555
แลนซ์หยุดความตื่นเต้นไม่อยู่หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เขากําลังทําให้ความฝันของเขาเป็นจริง แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นจู่ๆฟ้าก็ผ่าลงมาคาหัวของเขากลางอากาศอย่างแรง
เปรี้ยง!!
แลนซ์โดนกระแสไฟฟ้าฟาดกลับลงมายังพื้นขนบนหัวลุกชูชันจากกระแสไฟฟ้าที่วิ่งไปตามร่างกาย
“อ้อ ขอโทษที่วะ พอดีเห็นเจ้ายิ้มน่าขยะแขยงเลยอดพลั้งมือไป
หน่ะ”
เหมิงเหล่ยสะบัดมือซ้ํา กระแสไฟฟ้าพุ่งจากมือของเหมิงเหล่ยเข้าโจมตีเหมือนปืนกลยิงกราด
มันไม่ใช่เวทระดับสูงอะไรแต่เป็นเวทระดับ 2 ห่าฝูงงูอัสนี
เหมิงเหล่ยนั้นสามารถร่ายฉับพลันเวทระดับ 1 ได้ตั้งแต่เป็นจอมเวทระดับ 3 แต่ตอนนี้เขาเป็นจอมเวทระดับ 5 แล้ว การร่ายเวทระดับ 2 แบบฉับพลันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับเขา
“ไอ้เวรเอ้ย!”
ฝูงงูสายฟ้าเข้าโจมตีและผ่านร่างของแลนซ์ไป ถึงจะไม่ได้ทําให้แลนซ์บาดเจ็บแต่มันเป็นเหมือนการหยามเกียรติของเขา
“ไอ้สวะเอ้ย ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” แลนซ์คํารามออกมาด้วยความโกรธจัดแล้วพุ่งเข้าทะลวงกระแสไฟฟ้าทั้งหมดที่เหมิงเหล่ยยิงมาหาเขามีร่างกายที่ทนทานและแข็งแกร่ง เพราะงั้นแค่เวทระดับ 2 ทําอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว อย่างมากสุดก็แค่ชาๆ
“คิดว่าเจ้าจะได้มีโอกาสเหรอ” เหมิงเหล่ยสายหัวแล้วพูด “อสรพิษสายฟ้า”
เปรี้ยง!!
งูยักษ์ขนาดตัวยาวเกือบ 5 เมตร ร่างของมันเป็นสายฟ้าผ่าลงมาจากเบื้องบนแล้วกลืนกันแลนซ์เข้าไปทั้งตัวทันที
“นั้นมัน.!!”
“ร่ายฉับพลันเวทระดับ 3 งั้นเหรอ”