Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก - ตอนที่ 32 ท้าทายและการประลอง
บทที่ 32 ท้าทายและการประลอง
“3 ระดับของเวทมนตร์”
“เวทระดับ 1 ลูกบอลสายฟ้า”
“เวทระดับ 1 หอกอัสนี”
“เวทระดับ 3 กําแพงอัสนี”
เดิร์คยืนขึ้นตรงในสนามซ้อมหมายเลข 11ก่อนจะมองเหมิงเหล่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจ เขาพูด “3อาคมที่ร่ายออกมานั้น ไม่เพียงแต่จะสะท้อนพลังวิญญาณที่มีมากมายมหาศาลของเจ้า แต่มันยังแสดงให้เห็นถึงการควบคุมพลังเวทที่แม่นยําและการกะปริมาณที่พอเหมาะสมด้วยข้าให้เจ้าคะแนนเต็ม”
“ขอบคุณครับ”
เหมิงเหล่ยโค้งเล็กน้อย
“พยายามฝึกต่อไป ข้าเองก็หวังว่าจะได้เห็นเจ้าเติบโตไปมากกว่านี้ในอนาคต”
หลังจากที่เดิร์คแตะไหล่ของเหม่งเลยแล้ว เขาก็หันกลับไปมองเหล่านักเรียนคลาส 1 ทุกคนพร้อมสีหน้าที่ผิดหวัง “พวกเจ้าทุกคนเองก็เห็นด้วยตาของพวกเจ้าเองละนะ ทีนี้พวกเจ้าเข้าใจรึยังว่าความต่างระหว่างพวกเจ้ากับเขามันมากขนาดไหน”
สีหน้าแตกต่างกันปรากฏออกมา มนุษย์บางคนก็ก้มหน้าลง เหมือนอับอายในตัวเอง ส่วนพวกครึ่งมังกรส่วนมากนั้นหยิ่งพยองไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
“ไม่ยอมรับว่าแพ้งนซินะ”
เดิร์คยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะพูด “การฝึกเวทมนตร์น่ะ มันใช้พรสวรรค์เป็นทุนเดิมเยอะก็จริง แต่เจ้าจะขับเคลื่อนพรสวรรค์นั้นไปได้ไกลแค่ไหนในอนาคตนั้น ขึ้นอยู่กับความขยันของพวกเจ้าล้วนๆ เพื่อนร่วมห้องของพวกเจ้า เหมิงเหล่ยคนนี้เขามีพรสวรรค์ที่ดีกว่าก็จริง แต่ความขยันหมั่นเพียรของเขาก็มีมากกว่าทุกคนด้วย ในเวลาอันสั้นแค่ 3 เดือน เขาสามารถพัฒนาไปได้หลายระดับ จนตอนนี้กลายเป็นจอมเวทระดับ 3 ไป แล้วแต่พวกเจ้ายังกลับหยิ่งผยองไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีก นรึ การที่พวกเจ้าภูมิใจและมีศักดิ์ศรีหน่ะมันไม่ผิดหรอก แต่การให้ศักดิ์ศรีที่ว่านั้นมันบังตามันก็ทําให้พวกเจ้าไม่ต่างจากคนโง่นั้นละ”
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ยอม!” ชายครึ่งมังกรคนหนึ่งก้าวเท้าขึ้นมาแล้วมองตรงไปที่เดิร์คนอร์เวย์โดยไร้ซึ่งความกลัวในแววตาเลยแม้แต่น้อย
“เห้ยอะไรกันวะเนี่ย”
“เขากล้าเถียงอาจารย์งั้นเหรอ”
“อาร์ดมันเสียสติไปแล้วรึไง”
เสียงวิจารย์ของฝูงชนดังขึ้นมาตอนที่เห็นครึ่งมังกรประกาศกร้าวมาแบบนั้น นักเรียนหลายคนอึ้งกับสิ่งที่เขาทําการที่เขาเถียงอาจารย์นั้นมันเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม
อาจารย์หลายๆคนเริ่มขมวดคิ้ว พวกเขามองอาร์ดมันด้วยความหงุดหงิด วิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟนั้น เป็นวิทยาลัยที่มีนักเรียนที่หลากหลาย แต่ส่วนมากแล้วนักเรียนส่วนใหญ่จะเป็นลูกคนใหญ่คนโต ซึ่งการที่จะจัดการกับเด็กนักเรียนพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่อาณาจักรแห่งนี้ รวมไปถึงวิทยาลัยแห่งนี้นั้น มอบอํานาจสิทธิ์เด็ดขาดให้กับอาจารย์ เพราะงั้น การที่นักเรียนกล้ามีเรื่องกับอาจารย์นั้น ไม่ว่าใครก็จบไม่สวยกันซักคน
อาร์ดมันนั้นตอบโต้อาจารย์ในลักษณะที่ค่อนข้างไปทางการเถียงมากกว่าการพูดอย่างมีเหตุผลซะด้วย
“เจ้าไม่ยอมเรื่องอะไรกัน”เดิร์คพูดกลับไปด้วยเสียงดัง
“อาจารย์เคิร์กครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเถียงนะครับแต่..”อาร์ดมันกดเสียงแล้วพูด “ผมแค่รู้สึกว่าการเป็นจอมเวทแค่ร่ายเวทเป็นอย่างเดียวมันยังไม่พอครับ สิ่งที่สําคัญกว่านั้นคือการทดสอบการต่อสู้ต่างหากครับ! ถ้าร่ายเวทได้แต่เว ทนั้นทําได้แค่โชวก็ไร้ประโยชน์ อย่างมากสุดก็เป็นได้แค่ การข่มขวัญศัตรูเท่านั้น”หลังจากพูดแบบนั้นจบ เขาก็หันไป มองเหมิงเหล่ยด้วยสายตาเกลียดชัง “เวทมนตร์ของเหมิงเหล่ย ก็เหมือนจะดีแหล่ะครับแต่มันจะใช้ในการต่อสู้จริงได้มากน้อยแค่ไหนเราก็ยังไม่รู้ถูกไหมครับ”
“แล้วเจ้าต้องการอะไรละ”เดิร์คถาม
“สู้กับเขาครับ” อาร์คมองตรงไปทางเหมิงเหล่ยแล้วพูด “เหมิงเหล่ย เจ้ากล้าที่จะสู้กับข้าต่อหน้าอาจารย์ทุกคนรึเปล่า ละ”
“สามหาว! เจ้าไม่รู้รึยังไงว่ากฎของวิทยาลัยมีว่ายังไงน่ะ หะ!” เดิร์คนอร์เวย์โกรธจัดเอามือตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนทันที
อาร์ดสวนกลับเสียงดังทันที “วิทยาลัยมีกฏว่าห้ามทะเลาะวิวาทกันเป็นส่วนตัวโดยมิได้รับอนุญาต จริงครับ แต่การประลองเวทต่อหน้าสาธารณะ โดยมีอาจารย์เป็นพยานนั้น โดยเฉพาะยิ่งมีอาจารย์อยู่กันครบขนาดนี้ ก็คงจะไม่ใช่การเป็นส่วน ตัวแล้วใช่ไหมครับ”
“เจ้า
“
เดิร์คที่โกรธจัดยืนจ้องหน้าอาร์ดมัน เขาเกือบจะด่าเขาซ้ําแล้วแต่ไทลอน หัวหน้าอาจารย์คลาส 2 พูดขึ้นมาก่อน “หัวหน้าแผนกครับ ถึงแม้ว่านักเรียนคนนี้จะไม่มีสัมมาคารวะ แต่เขาก็พูดถูกนะครับ การนําเวทมนตร์ไปใช้ต่อสู้ได้จริงนั้นเป็นเรื่องที่สําคัญที่สุดในการเป็นจอมเวทอยู่ดีนะครับ”
หลังจากที่พูดแบบนั้นเขาก็มองที่เหมิงเหล่ยแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “ข้าเองก็เชื่อว่าถ้าเหมิงเหล่ยไม่ได้แสดงความสามารถในด้านการต่อสู้จริงออกมาให้เห็นละก็ ถึงแม้ว่าเขาจะสอบได้ที่1ในครั้งนี้ แต่ก็คงมีนักเรียนไม่น้อยเลยละครับ ที่จะไม่ยอมรับผลการสอบครั้งนี้อย่างใจจริงเหมือนกันถูกไหมครับ”
“ใช่แล้วครับ!”
“เราไม่ยอมรับแน่นอน”
“ถ้าเกิดเขาแน่จริง ก็ให้มาลงสนามจริงเลยซิ!”
ถ้าเก่งจริงก็ไม่เห็นต้องกลัวเลย เวทที่แข็งแกร่งก็ต้องใช้ต่อสู้ได้อย่างแข็งแกร่งด้วย”
“เวทมนตร์หน่ะมันใช้ต่อสู้ไม่ได้เอาไว้ใช้หลอกเด็กนะ”
เหล่าครึ่งมังกรต่างพยายามพูดเพื่อประท้วง ดวงตาของพวกเขานั้นออกแนวยั่วยุเหมิงเหล่ยให้หัวร้อน เอาจริงๆพวกเขาขัดหูขัดตาเหมิงเหลี่ยมาตั้งนานแล้ว เพราะงั้น พวกเขาเลยอยากจะสั่งสอนเหมิงเหล่ยซักที และตอนนี้ก็เป็นจังหวะดีที่จะแสดงให้เห็นต่อหน้าอาจารย์ทุกคนว่า มีพรสวรรค์ดีไปก็เท่านั้นโดนกระทืบก็ตายห่าหมดเหมือนกันนั้นละ
“อาจารย์ไทโลน นี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบนะ” เดิร์คหน้าตึง
“จุดประสงค์ของการสอบนี้มีไว้เพื่อวัดความสามารถและดูพัฒนาการของนักเรียน รวมไปถึงผลลัพท์ในการเรียนรู้ของ นักเรียนที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอครับ ขอแค่มันสัมฤทธิ์ผลข้อนั้นขั้นตอนก็ไม่จําเป็นหรอกครับ” ไทโลนยักไหล่แล้วมองเหมิงเหล่ย ก่อนจะถาม
“เหมิงเหล่ย เจ้ายินดีที่จะรับคําท้ารีไม่ละ โชวให้พวกเราดูหน่อยว่าเจ้ามีทักษะการต่อสู้ของเจ้าเป็นยังไง”
ควับ!
ในจังหวะนั้นเองสายตาของทุกคนก็พุ่งมาหาเหมิงเหล่ยอาร์ดมันเองก็พูดซ้ํา “เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าเองก็จะใช้แต่เวทมนตร์เหมือนกัน ข้าจะไม่ใช่ร่างกายของข้าเข้าทําร้ายเจ้าแม้แต่นิดเดียว ไม่งั้นเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าข้ารังแกเจ้าที่นี้เจ้ากล้ารึยังละ”
เหมิงเหล่ยยิ้มเบาๆแล้วตอบ “กลัวที่ไหนกันละไหนๆเราก็ จะสู้กันแล้วมีอะไรมาเดิมพันซักหน่อยดีไหมละ”
“5555 ดี ข้าละชอบคนท้าทายอย่างเจ้าจริงๆ”
อาร์ดมันอารมณ์ดีที่เห็นเหมิงเหล่ยรับคําท้าเขาโบกสบัดข้อมือแล้วหยิบเอาบัตรแก้วเวทมนตร์สีม่วงออกมาแล้วยิ้ม “ในบัตรนี่มีเงิน 10000 เหรียญทอง ถ้าเจ้าชนะ ก็ถือซะว่าเป็นรางวัลของการต่อสู้นี้ละกัน”
“เดี๋ยวก่อน มันจะมากไปแล้วข้าไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น นะ”เหมิงเหล่ยส่ายหัว “ข้ามีแค่ทุนการศึกษา 5000 เหรียญทองเท่านั้นละ”
“555 แค่นั้นก็เกินพอแล้ว”
อาร์ดมันโบกมือ เอาจริงๆ เขาไม่ได้สนใจเงิน 5000 ของเหมิงเหล่ยเลยแม้แต่น้อย เป้าหมายของเขาไม่ใช่เงิน แต่เป็นการสั่งสอนเหมิงเหล่ยซะมากกว่า
“เอาละในเมื่อเป็นแบบนั้นก็มาประลองกัน”เหมิงเหล่ยตอบ
“มาเลย”
นักเรียนทุกคนแยกตัวออกห่างจนเหลือพื้นที่ต่อสู้ไว้สําหรับ
2 คน
“เห้อ หัวอ่อนจริงๆเลย”
เดิร์คถอนหายใจตอนที่มองเด็ก 2 คนกําลังจะประลองเวทกันถึงแม้ว่าเขาจะเอาใจช่วยเหมิงเหล่ย แต่เขาเองก็ไม่คิดว่าเหมิงเหล่ยตอนนี้จะเอาชนะอาร์ดมันได้เหมือนกันจากประสบการณ์ของเขาทําให้เขามองสถานการณ์ออกได้ชัดเจนร่างกายของอาร์ดมันนั้นก้าวไปถึงนักรบระดับ 4 แล้ว พลังเวทที่เก็บไว้ของเขามีมหาศาล ทําให้เขาเป็นจอมเวทระดับ 3ได้แบบง่ายๆบวกกับที่พวกครึ่งมังกรนั้นมีสัญชาติญาณในการต่อสู้ดีเลิศเหมิงเหล่ยจะไปชนะได้ยังไงกัน
เอาเถอะ ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่เขาจะได้รับรู้ด้วยตัวเองว่ามนุษย์กับเผ่าครึ่งมังกรมันต่างกันมากแค่ไหน เผื่อว่าเขาจะฝึกหนักมากขึ้นกว่านี้ในอนาคต
อาร์ดมันกับเหมิงเหล่ย ยืนเผชิญหน้ากัน กลางสนามฝึกซ้อมคนนึงสูง 160 ตัวผอมแห้งบางดูกรอบ อีกคนดูล้ําบิ๊กตัวสูงใหญ่กล้ามโต แค่ดูขนาดตัวก็รู้ได้เลยว่าคนละรุ่นกัน
“สู้เขาพี่ชาย”
ฮาร์ตกับแดเนียลเป็นห่วงแทนเหมิงเหลี่ยมากๆเขาเหงื่อแตกเต็มไปหมด เอาจริงๆพวกเขาไม่คิดว่าเหมิงเหล่ยจะชนะด้วยซ้ํา อาร์ดมันเองก็ไม่ใช่ธรรมดาด้วย เขาเป็นลูกครึ่งมังกรดําสายเลือดบริสุทธิ์ ที่สืบทอดพลังและร่างกายที่แข็งแกร่งมาแถมยังมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ที่มากเพียงพอที่จะติดท็อป5ของปีนี้ได้ง่ายๆ
เจอกับคนแบบนี้เหมิงเหล่ยจะไปชนะได้ยังไงกัน
“เหมิงเหล่ย เจ้าเป็นมนุษย์ เพราะงั้น เจ้าเปิดก่อนได้เลย” อาร์ดมันยืนกอดอกยิ้มเยาะเย้ยมองเหมิงเหล่ย สีหน้าของเขามีความมั่นใจล้นเหลือมากๆ
“ได้เลย”
มุมปากของเหมิงเหล่ยขยับขึ้นมาก่อนเขาจะดีดนิ้วเบาๆ
ปริง!
ลูกบอลสายฟ้าขนาดเท่าลูกบาสปรากฏขึ้นมาทันที
จากนั้นเขาก็ดีดนิ้วอีกครั้ง ลูกบอลสายฟ้าลูกที่ 2 ปรากฏขึ้นมา แล้วหลังจากนั้น ตามมาด้วยลูกที่ 3 4 5
ในพริบตาเดียวลูกบอลสายฟ้าเก้าลูกก็ปรากฏมาต่อหน้าเหมิงเหล่ย พลังสายฟ้าสถิตไปมาเกิดเป็นเสียงดังเสียดหูแสงสีเงินสาดจนแสบตาทุกคนที่มอง