Physicians Odyssey - ตอนที่ 82 ทางเหนือของเทียนเหอและทางใต้ของฮ่งหยา
บทที่ 82 ทางเหนือของเทียนเหอและทางใต้ของฮ่งหยา
ชั่วหนานและยั่วเปยเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงกัน และครั้งหนึ่งสองเคยเป็นหนึ่งเดียวกันที่เจียงหนาน แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งสองจังหวัดต่างก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในด้านภูมิประเทศฮั่วหนานตั้งอยู่ใจกลางสามเหลี่ยมปากแม่น้ําแยงซี ทําให้มีการคมนาคมที่สะดวกสบายในขณะที่ยั่วเปนั้นเต็มไปด้วยภูเขา
เนื่องจากทั้งสองที่จะต้องปรับตัวกันไปตามสภาพภูมิศาสตร์ฮั่วเปยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเกษตรกรรม ประมาณสิบปีที่แล้วอุตสาหกรรมสมุนไพรแพทย์แผนจีนได้ถือกําเนิดขึ้นเนื่องจากสภาพทางด้านภูมิศาสตร์นั้นเหมาะแก่การปลูกสมุนไพร หลังจากการสั่งส มมาอย่างยาวนานในที่สุดฮั่วเปยก็ได้กลายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มี การปลูกสมุนไพรมากที่สุดในประเทศในขณะเดียวกันตลาดของการซื้อขายสมุนไพรก็ค่อยๆเติบโตขึ้นจนที่นี่ได้กลายเป็นแหล่งซื้อขายหลักไป
มันเป็นเทือกเขาที่ยาวเหยียดและล้อมรอบไปด้วยแม่น้ําซึ่งมีความสูงแค่ 3-4 ร้อยเมตรเท่านั้นท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยไอน้ําหนาเตอะและเหล่าต้นไม้สีเขียวจํานวนมากที่สามารถมองเห็นได้จากหน้าต่าง
เพื่อที่จะประหยัดค่าทางด่วน คนขับรถบัสจึงเลือกที่จะขับไปเส้นทางที่เต็มไปด้วยหิน ซูเถาซึ่งนั่งอยู่ในรถกําลังเอามือบ้องจมูกอยู่และมีสู่ชีเหมียวซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกําลังมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
ทางโรงพยาบาลได้ส่งทั้งสองคนมาเพื่อเข้าร่วมงานนี้ ในตอนแรกเฉียวเต้อเหาคัดค้านอย่างมาก แต่คู่ชีเหมียวก็ยังถูกส่งมาพร้อมกับซูเถาด้วยความตั้งใจของตี้ชีหยวน เหตุผลที่ตชีหยวนเลือกลู่ชีเหมียวมาก็เพราะเธอนั้นมีความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวนั่นเอง
เหตุผลที่เธอต้อองการจะมีส่วนร่วมในครั้งนี้ก็เพราะเธอเองนั้นเริ่มที่จะสนใจในการแพทย์แผนจีน เนื่องจากปาฏิหารย์ที่ซูเถารักษาเจียวเจียว ดังนั้น เธอจึงเริ่มสนใจในการพัฒนาตัวเองและเริ่มศึกษาการแพทย์แผนจีน และหวังว่ามันจะช่วยจุดประกายเป็น แรงผลักดันให้เธอ อีกอย่างเธอต้องการจะซ่อนตัวจากคู่พ่อ-ลูกสองคนนั่น การมาสถานที่ใหม่ๆบ้างอาจจะทําให้เธออารมณ์ดีขึ้นก็ได้
เธอสวมชุดที่ดูเหมาะกับเป็นมือชีพ เสื้อผ้าสีซีดแสดงให้เห็นถึงส่วนโค้งเว้าผิวสีขาวราวกับไข่มุกพร้อมกับผมที่มัดเอาไว้เผยให้เห็นใบหูซึ่งประดับไปด้วยต่างหูสีฟ้าดูงดงามไร้ที่ติ
“แล้ว เธอกับเฉียวโบเป็นไงบ้าง เขายังกวนเธออยู่อีกหรือเปล่า ?” ซูเถาหยิบส้มออกมาปอกเปลือก
ซูเถาส่งส้มเขียวหวานที่ปอกครึ่งให้ เธอขมวดคิ้วแต่ก็รับมันเอาไว้ เธอฉีกส้มออกก่อนจะเอาเข้าปาก มันทําให้เธอรู้สึกชุ่มชื้นในปากและไม่กระหายน้ําอีกต่อไป “เฉียวโบโดนนายจัดหนักขนาดนั้น เขาไม่กล้ามากวนชั้นหรอก คนที่ยังกวนชั้นอยู่ก็มีแต่เฉียวเต้อเหา…”
“เขายังคงทําตัวแบบเดิมอยู่อีกเหรอ ?” ซูเถาถามขึ้นด้วยความสงสัย
สู่ชีเหมียวยิ้มเล็กน้อย “เมื่อวานตอนที่ชั้นออกกะกําลังจะไปที่อพาทเม้นท์ใหม่ และชั้นก็สังเกตุเห็นเฉียวเต้อเหาขับรถตามมาได้ครี่งทาง…”
ซูเถาถอนหายใจ “บางครั้งคนเราก็อ่อนแอ แต่คนอ่อนแออย่างเขาช่างน่ารังเกียจจริงๆ”
รสชุ่มฉ่ําของส้มกระจายไปเต็มปากของลู่ชีเหมียว เธอหยิบทิชชูออกมาเช็ดปากก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น “เขามาที่สํานักงานของชั้นเพื่อคุยเรื่องของนายกับเฉียวโบแทบทุกวัน และก็เริ่มจะลามปามชั้นหลังจากพูดไปได้ไม่นานนี่เป็นเหตุผลที่ชั้นเข้าพบประธาน และให้เขาส่งชั้นมากับนาย”
ซูเถาหยักหน้า “เธอกําลังพยายามทําให้เขาโกรธงั้นเหรอ ?”
สู่ชีเหมี่ยวอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “ชั้นต้องขอโทษด้วยที่ใช้นายเป็นโล่นะแต่ชั้นไม่รู้เหมือนกันว่าจะทํายังไงดีและก็รู้สึกไม่ปลอดภัยด้วยในตอนนี้คนเดียวที่ชั้นพอจะไว้ใจได้ก็คือนาย สุดท้ายแล้วพวกเขาก็กําลังสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา ชั้นก็ได้คิดเอาไว้แล้วหล่ะพวกเขาจะคิดอะไรก็คิดไปเถอะ และชั้นรู้ว่าพวก เราทั้งคู่นั้นบริสุทธิ์ใจ พวกเขาจะไม่มีวันเจออะไรทั้งนั้นไม่มีทาง !”
ซูเถายักไหล่ “เป็นเรื่องปกติที่ชั้นจะเป็นโล่กันลมและฝนให้กับผู้หญิงล่ะนะ”
จริงๆแล้ว ชีหยวนได้มาหาซูเถาและถามถึงเรื่องนี้ ถ้าซูเถาไม่อยากให้ลู่ชีเหมี่ยวตามเขามาที่ฮั่วเปยด้วยละก็ ตี้ชีหยวนคงไม่ตัดสินใจแบบนี้เมื่อเขาเห็นว่าคู่ชีเหมียวนั้นมืดแปดด้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ซูเถาก็รู้สึกดีใจเล็กน้อยที่แผนการเล็กๆของเขานั้นไปได้ด้วยดี
ครั้งนี้ ซูเถาเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลเจียงหัวเพื่อที่จะเข้าร่วมการแข่งขันราชาแห่งแพทย์ จึงเป็นเรื่องปกติที่ทางโรงพยาบาลจะต้องส่งกําลังเสริมมาให้ และเมื่อมีสาวสวยร่วมเดินทางมากับเขาด้วยมันทําให้เขามีแรงฮึดขึ้นมาทันที
รสบัสได้ขับมาถึงที่จุดนัดพบในฮั่วเปยเรียบร้อย ลู่ชีเหมียวดูเหมือนจะเมารถเล็กน้อย เธอสะดุดจนเกือบจะตกจากบันไดโชคยังดีที่ซูเถาคว้าเธอเอาไว้ได้ทันอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนข้อเท้าของเธอ
จะแพลง
อู่ชีเหมี่ยวนั่งลง ก่อนที่ซูเถาจะไปเอากระเป๋าสัมภาระมาจากรถบัสและเดินกลับมาที่เธอ “อะไรเนี่ย ประธานที่ส่งเธอให้มาสนับสนุนชั้นแต่กลายเป็นเธอมาถ่วงชั้นซะได้นะ”
เจ็บขาไม่พอ ยังต้องมาเจ็บใจกับคําพูดของซูเถาอีกเธอน้ําตาซึม“งั้นอยากทําอะไรก็ทําไปเลยไม่ต้องมาห่วงชั้น”
ซูเถาอึ้ง ดูเหมือนลู่ชีเหมี่ยวจะเข้าใจเขาผิด เขาถอนหายใจก่อนจะลงไปนั่งข้างๆเธอ “ถอดรองเท้าออก”
“นายคิดจะทําอะไรน่ะ ?” สู่ชีเหมียวดูเหมือนจะตามไม่ทันเอจึงถามด้วยความสงสัย
ซูเถาดีดหน้าผากของลู่ชีเหมียว ก่อนจะตอบกลับ “ชั้น เป็นหมอนะและเธอเองก็เจ็บข้อเท้าอยู่ดังนั้นชั้นจะรักษาเอง”
สู่ชีเหมียวหน้าแดงก่อนจะถอดรอองเท้าหนังสีชมพูออกพูดเบาๆ “ไม่ต้องสนใจชั้นหรอกปล่อยให้ชั้นจัดการกับมันเองเถอะ”
ซูเถาจับไปที่เท้าของเธอ เขาจับมันอย่างเป็นจังหวะและรู้สึกว่าผิวสัมผัสนั้นดีมาก มีเสียงกระดูกกระทบกันนิดหน่อยก่อนที่ซูเถถาจะปล่อยมือและสวมรองเท้ากลับให้เธอเหมือนเดิม “เสร็จแล้วลองเดินดูสิ”
สีหน้าของอู่ชีเหมียวเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เธอก็ไม่เจ็บขาอีกต่อไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกชาๆ เธอยืนขึ้นก่อนจะปัดกระโปรง “ไม่เจ็บแล้วล่ะ !”
ซูเถาลากกระเป๋าของเขามาพลางตอบกลับ “ถ้ารักษาของแค่นี้ไม่ได้แล้วชั้นจะไปชนะการแข่งขันราชาแห่งแพทย์ได้ยังไงกันล่ะ ?”
ลู่ชีเหมี่ยวเดินตามหลังซูเถาพลางมองไปยังร่างกายที่ผอมเรียวของเขาเธอไม่ค่อยจะรู้สึกชื่นชมใครมากนัก และก่อนที่เธอจะได้พบกับซูเถาเธอเคยตั้งแง่เอาไว้มากกับการแพทย์แผนจีนอย่างไรก็ตามซูเถาก็ได้เปลี่ยนความคิดของเธอไปโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่นอาการขาแพลงของเธอมันควรจะใช้เวลาสิบถึงสิบห้าวันในการรักษาแบบแผนตะวันตก แต่ซูเถาสามารถรักษามันได้ทันที
พวกเขาเรียกรถแท็กซี่ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงาน ณ โรงแรม Triumph Luck ซึ่งโรงแรมนี้มี 37 ชั้น ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองซึ่งสามารถบอกได้ว่ามาตรฐานของงานนี้สูงมาก
ซูเถากับลู่ชีเหมี่ยวเดินไปที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนหลังจากที่คนกลุ่มหนึ่งผ่านไป มีคนนึงซึ่งตัวสูงอายุไม่เกิน 30 ปี เขาพูดกับผู้ดูแลว่า “พวกเราคนเยอะกว่า จัดการให้พวกเราก่อน”
สู่ชีเหมี่ยวขมวดคิ้วก่อนจะมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นและก็พบว่าเด็กหนุ่มคนนั้นก็มองมายังเธอเช่นกัน “มาก่อนได้ก่อนนี่นายไม่รู้เรื่องนี้หรือไง ?”
เด็กคนนั้นยิ้ม “ทั้งสองคนคงจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมงานนี้สินะ ?” ผมขอแนะนําตัว ชื่อของผมคือเก้อเหวินตัวแทนของโรงพยาบาลเทียนเหอเนื่องจากทางเรามีคนมากกว่า ให้เราดํานเนินการก่อนได้มั้ย ยังไงซะพวกเราก็ต้องได้เจอกันบ่อยอยู่แล้ว
เก้อเหวินบอกได้ว่าทั้งสองคงมาเข้าร่วมงานนี้แต่เนื่อองจากมีแค่สองคนพวกเขาคงมาจากโรงพยาบาลเล็กๆซักที่เพื่อหาประสบการณ์และเมื่อเขาเห็นลู่ซีเหมียวเขาจึงตั้งใจจะแกล้งเธอ ในมุมมองของเขาคนสวยๆนั้นอยู่คนละชั้นกับเขาดังนั้นการสร้าง ความขัดแย้งเอาไว้บ้างก้เป็นประโยชน์เหมือนกัน
มีคําพูดนึ่งของวงการแพทย์ว่าเอาไว้ทางเหนือของเถียนเหอและทางใต้ของฮ่งหยาในหยานจิ้งชื่อของโรงพยาบาลเทียนเหอนั้นราวกับแผ่นทองคํา และทุกๆคนในดลกของการแพทย์ก็จะต้องเกรงใจพวกเขา
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีบรรยากาศรอบๆตัวพวกเขาพวกเขามาจากโรงพยาบาลใหญ่ ในขณะที่เธอกําลังลังเลอยู่ ซูเถาก็ได้พูดกับผู้ดูแล “มีห้องพิเศษมั้ย ? เอาแบบที่มีเตียงกลมใหญ่ๆหรืออะไรเทือกนั้นนะ ?”
ใบหูของคู่ชีเหมียวเป็นสีแดงก่อนที่เธอจะกระซิบไปยังซูเถา “พูดเรื่องบ้าอะไรของนายเนี่ย ?”
ใบหน้าของผู้ดูแลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน เขายิ้ม “ต้องขอโทษด้วยห้องของเรามีแบบมาตรฐานแบบเดอลุกซ์และแบบห้องสูทห้องเตียงกลมแบบที่คุณว่ามาในตอนนี้ทางเรายังไม่มีค่ะ”
“งั้นเอาห้องเดี่ยวสองห้อง เอาแบบชั้นเดียวกัน ห้องตรงข้ามกัน” ซูเถายักไหล่
เมื่อเห็นว่าซูเถาไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังถามหาเตียงทรงกลมอีกเก้อเหวินก็ใจลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่เมื่อได้ยินซูเถาจองห้องแยกกันเขาก็รู้ในทันทีว่าทั้งสองคนคงไม่ใช่คู่รักกัน ดังนั้น เขาได้ยื่นใบจองให้กับผู้ดูแล “ทางองค์กรของเราได้จองห้องพักเอาไว้แล้วขอกุญแจห้องให้พวกเราด้วย !”
มีคนมามุงกันเยอะที่แผนกลงทะเบียน แต่เก้อเหวินได้หมายหัวผู้ดูแลเอาไว้เนื่องจากเขาได้เข้าช่วยซูเถาซึ่งทําให้เกิดปัญหาขึ้นและในขณะที่เขากําลังพูดก็ไม่ลืมที่จะแอบมองไปยังสู่ชีเหมี่ยวและก็พบว่าเธอขมวดคิ้วอยู่
ซูเถาเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็มีแสงส่องประกายอยู่ในดวงตาเล็กน้อยซึ่งเขาตั้งใจจะสอนบทเรียนให้กับคนที่อวดดีซักหน่อยแต่ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินผู้ดูแลยืนขึ้นและพูดว่า “ยินดีที่ได้ พบ Mr.ซูห้องของคุณทางเราได้ทําการจองให้เรียบร้อยแล้วเป็นชุดห้องสูทแบบหรูดิชั้นจะส่งมอบกุญแจให้ค่ะ”
ในตอนที่ผู้ดูแลยืนขึ้น ท่าทางของเองก็เปลี่ยนไปดูอบอุ่นทันทีและมองไปยังซูเถาด้วยรอยยิ้มเนื่องจากที่โรงแรมนี้มีห้องสูทแบบหรูอยู่เพียงห้องเดียว
ตามโรงแรมห้าดาวนั้น จะมีห้องสูทแบบหรูเตรียมเอาไว้แค่ห้องเดียวเท่านั้นซูเถาจึงรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเขาไม่คิดว่าหยานจิ้งจะจัดการเรื่องนี้เอาไว้ให้ เธอไม่ทําเกินไปหน่อยเหรอ ? แค่ราคาก็ปาไป 28,888 หยวน/คืนแล้ว ช่างเป็นเงินที่มากจนน่ากลัวเลย
เก้อเหวินก็ตกใจเช่นกัน ดูเหมือนเขาจะมองพลาดไป เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไร เนื่องจากทั้งคู่เข้าพักที่ห้องสูทแบบหรูแสดงว่าจะต้องมีแบ็คอัพชั้นดีแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะมีแบ็คอัพเช่นกันแต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขาดังนั้นเขาจึงทําได้แค่อดทนเท่านั้น