Physicians Odyssey - ตอนที่ 81 ออกไปจากโลกของชั้นซะ
บทที่ 81 ออกไปจากโลกของชั้นซะ
อึ้งเล่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกเมาค้าง เธอเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆจึงได้สํารวจร่างกายของตัวเองทันที และก็พบว่าตัวเองนั้นยังใส่ชุดของเมื่อคืนอยู่ และถ้ามันไม่มีกลิ่นเหล้าติดที่เสื้อ เธอคงคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เมื่อคืนนั้นคงจะเป็นความฝันแน่ๆ
เธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาและก็พบเบอร์ของซูเถา เธอลังเลอยู่นานก่อนจะตัดสินใจโทรออกและปล่อยให้เรื่องทุกอย่าง มันเกิดขึ้นไป เปี้ยนโหย่วเถียนได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว และซูเถาก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาทั้งนั้น
เธอออกมาจากห้องนอนและพบแก้วน้ําแก้วนึงที่มีรอยลิปสติกตั้งอยู่บนโต๊ะ เธอเช็ดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนซูเถาได้เอายาอะไรซักอย่างให้เธอกิน บางทีมันอาจจะเป็นเหตุผลที่เธอไม่เมาค้างก็เป็นได้
โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอได้รับข่าวจากแชทกลุ่มที่ทํางาน เมื่ออ่านมันก็ทําให้เธอรู้สึกตกใจเพราะทุกคนนั้นกําลังคุยเรื่องการลาออกของรองหัวหน้าเบี้ยนโหย่วเถียน ผู้ซึ่งเป็นทั้งคนหนุ่มและมีความสามารถ ซึ่งทําให้อิ้งเล่อตกใจและผิดหวังในเวลาเดียวกัน
อึ้งเล่อจิบน้ําอีกอีกก่อนจะได้รับข้อความอีก “เล่อเล่อ ชั้นอยากจะขอโทษเธอ ได้โปรดลืมชั้นแล้วเริ่มต้นใหม่เถอะ เริ่มต้นใหม่โดยไม่ต้องมีชั้น เธอยังคงเป็นเจ้าหญิงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ”
หลังจากลังเลอยู่นาน เธอตอบกลับด้วยข้อความสั้นๆ “ออกไปจากโลกของชั้นซะ , ขอบใจ”
หลังจากเธอบล็อกเขาไปแล้ว ก็ได้เข้าไปในห้องน้ําและ เมื่อมองไปที่กระจกก็ต้องตกใจ ลิปของเธอเปิดอยู่และมีข้อความเขียนเอาไว้บนกระจก ” นักข่าวที่แสนภาคภูมิ” เธอยิ้มและถอนหายใจก่อนจะหาทิชชูมาเช็ดออก
นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะกลับมาเป็นคนที่เย็นชาเหมือนเดิมและไม่เชื่อใจใครง่ายๆอีกแล้ว เธอกดไปที่หมายเลขหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “พ่อ , ไว้หนูเคลียร์อะไรๆลงตัวแล้ว หนูอยากจะกลับไปที่ฉงจิน”
“เยี่ยมไปเลยลูก ไว้พ่อจะเตรียมการเอาไว้ให้เอง ฮั่นโจวเป็นแค่เมืองเล็กๆเท่านั้น ที่นั่นมันเล็กเกินไปสําหรับลูก ถ้าลูกอยากจะเติมเต็มความฝัน ลูกต้องไปที่ๆมันใหญ่กว่านี้ พ่อได้เตรียมเส้นสายเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และที่สถานีโทรทัศน์ฉงจินจะจัดหาตําแหน่งที่เหมาะสมเอาไว้ให้ลูกเอง” มีเสียงทุ้มดังก้องมาจากปลายสาย
หลังจากวางสาย สายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ มันถึงเวลาแล้วที่เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่
อีกฝากของโทรศัพท์เป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆ 50 ปี หวีผมเรียบร้อย มีชั้นหนังสือตั้งอยู่ข้างๆเขา และมีภาพวิวแขวนประดับเอาไว้ที่ผนังด้านขวา
เขาเคาะนิ้วเล่นบนโต๊ะก่อนจะเริ่มโทรหาใครบางคน “เล่อเล่อเพิ่งโทรมาเมื่อกี้และบอกว่าจะกลับมาที่ฉงจิน ถ้าเธอว่างก็ช่วยเตรียมห้องเอาไว้ให้หล่อนด้วยล่ะ”
“จริงเหรอ ? นั่นมันยอดไปเลย ถึงแม้ว่าฮั่นโจวจะไม่ไกลจากฉงจินมากนัก แต่เธอก็เป็นผู้หญิง อยู่ด้วยกันมันก็อุ่นใจกว่าละนะ” ผู้หญิงปลายสายพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เราปล่อยให้เธอทําตัวหัวแข็งแบบนั้นไปตลอดไม่ได้หรอก” ชายคนนั้นถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “แต่เราต้องให้เธอพบกับความล้มเหลวซะบ้าง ชั้นเชื่อว่าเธอจะต้องเติบโตขึ้นแน่ เตรียมนัดบอดเอาไว้ให้เธอด้วยในตอนที่เธอกลับมาแล้ว”
“แต่เธอดูจะอคติกับการนัดบอดอยู่นะ” ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายแปลกใจ
“ไม่อีกแล้วล่ะ” ชายคนดังกล่าวตอบกลับ
หลังจากวางสาย เขาโทรไปอีกเบอร์หนึ่งก่อนจะสั่งการ “นายได้ตรวจสอบชายหนุ่มคนเมื่อคืนหรือเปล่า?”
“เขาชื่อซูเถา เขาเพิ่งกลับมาที่ฮั่นโจวได้ไม่นาน และประวัติเมื่อ 10 ปีก่อนของเขานั้นว่างเปล่า และในตอนนี้ เขาได้กลับมาและได้แสดงทักษะทางการแพทย์อันยอดเยี่ยม แถมดูเหมือนจะเป็นหุ้นส่วนคนสนิทของหยานลิ้งและร่วมกันก่อตั้งบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงามขึ้นมาด้วย” ชายที่อยู่ปลายสายตอบกลับ
ชายวัยกลางคนถอนหายใจ “แล้วเรื่องของเปี้ยนโหย่วเถียนล่ะ?”
“เขาลาออกไปแล้ว ดูเหมือนเขาจะทําข้อตกลงอะไรบางอย่างเอาไว้กับซูเถาเมื่อคืน”
ชายวัยกลางคนพูดต่อ “มันจะหนีไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ง่ายๆหรอก มันจะต้องชดใช้”
“ผมจะรีบจัดการให้ทันทีครับ!” ชายที่อยู่ปลายสายตอบกลับ
ณ ฉงจิน , ที่สํานักงานรองอธิการบดีของมหาลัยฮั่วหนาน
หวังเกาเฟิงที่กําลังต้มชาอยู่ด้วยชุดกาน้ําชาสีฟ้าขาว เขามีทักษะการชงชาชั้นสูง ทุกท่วงท่าของเขาเต็มไปด้วยความหมาย ซึ่งที่โรงเรียนของลัทธิเต๋มันเป็นวัฒนธรรมที่ขาดไม่ได้ในประเทศจีนซึ่งเน้นเกี่ยวกับธรรมชาติ ดังนั้น ไม่เพียงแค่ชาที่หวังเกาเฟิงชงจะไร้ซึ่งสิ่งเจือปนแล้ว ยังมีกลิ่นหอมจางๆลอยทั่วสํานักงานอีกด้วย
“อาจารย์ชาง เชิญดื่มชาครับ !” หวังเกาเฟิงยื่มแก้วชาให้พลางกล่าวด้วยน้ําเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ
จางฉิงซ่งยกชาขึ้นจิบด้วยท่าทางที่นิ่มนวลก่อนจะยิ้ม “ว่ากันว่าชาที่ดีสามารถรักษาอาการปวยได้ ชาของนาย ทําให้โรคหลอดลมอักเสบของชั้นดีขึ้นอย่างมากเลยล่ะ”
หวังเกาเฟิงพยักหน้าตอบกลับ “ช่างวิเศษจริงๆ อาการปวยของท่านก็เป็นมานานแล้ว ชานี้ส่งผลอะไรกับท่านงั้นเหรอ ?”
จางฉิงซ่งส่ายมือ เขาท่าทางจะถูกใจหวังเกาฟังมากทีเดียว “ตอนนั้นชั้นก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก อาการมันก็เกิดขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะรักษามาหลายแบบแล้ว มันก็ไม่มีผลอะไรกับร่างกายของชั้นเลย”
หวังเกาเฟิงยืนขึ้น “ให้ผมดูหน่อยได้ไหม?”
คนเป็นหมอไม่ควรจะรักษาตัวเอง ถึงแม้ว่าจางฉิงซ่งจะมีทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธหวังเกาเฟิงก่อน จะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน ให้ชั้นดูหน่อยว่านายเก่งขึ้นมากขนาดไหนแล้ว!”
หวังเกาเฟิงเดินไปที่กล่องยาก่อนจะหยิบเข็มทองคําที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือออกมาและปักมันลงไปที่จุดฝังเข็มบริเวณคอของจางฉิงซ่งก่อนจะยิ้ม “ด้วยความสามารถของผมทําได้ดีที่สุดเท่านี้ เนื่องจากพลังฉีของผมยังไม่เพียงพอที่จะฝังเข็มเข้าไปที่ปอดของท่าน”
หลังจากหวังเกาเฟิงดึงเข็มออก จางฉิงซ่งได้แตะไปที่คอก่อนจะรู้สึกประหลาดใจ “พลังฉีของนายมาถึงขั้นที่เจ็ดแล้วงั้นเหรอเนี่ย ?” จางฉิงซ่งรู้เพราะว่ามีแต่พลังฉีระดับที่เจ็ดเท่านั้นที่จะส่งผลเช่นนี้ได้
หวังเกาเฟิงพยักหน้า “นั่นเพราะช่วงสองปีมานี้ผมยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องอื่นๆอยู่ ไม่งั้นคงไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนั้นในการข้ามขีดจํากัดหรอก!”
จางฉิงซ่งส่ายหัวก่อนจะระเบิดหัวเราะอออกมา “พ่อของเธอเป็นอัจฉริยะในรอบร้อยปีจะมีซักทีของลัทธิเต๋า แต่กว่าเขาจะฝ่าขีดจํากัดมาได้ก็ตอนอายุ 30 ปี แต่เธอแตะถึงระดับสูงด้วยอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น เป็นโชคดีของลัทธิเต๋าเราจริงๆ ชั้นจะบอกเรื่องนี้ให้อาจารย์ของเธอรู้เมื่อชั้นกลับ เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ”
จางฉิงซ่งอายุ 50 ปีแล้ว แต่พลังฉีของเขาเพิ่งจะอยู่ที่ระดับ 3 เท่านั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในมาตรฐานสูงโดยเฉลี่ย
เหตุผลที่ว่าทําไมเขาถึงได้ตําแหน่งสูงในสํานักก็เพราะว่าเขามีหน้าที่รับผิดชอบทรัพย์สินภายใต้สํานักแพทย์ลัทธิเต๋าซึ่งต้องใช้พลังในการจัดการมาก อย่างเช่น หน้าที่ของเขาคือการกระจายพวกหัวกะทิไปยังโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีทักษะการแพทย์ที่สูงส่งมากนัก แต่เขาก็เป็นที่รู้จักมาก ทําให้ได้รับความเคารพจากคนส่วนใหญ่
อาจารย์ของหวังเกาเฟิงเป็นอาจารย์ประจําสาขาการแพทย์ของลัทธิเต๋า ว่ากันว่าเป็นผู้ที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ในปัจจุบัน ได้ยินดังนั้น หวังเกาเฟิงกุมมือของเขาทันที “อาจารย์ลุง เรื่องนี้ยังบอกใครไม่ได้หรอกครับ มันยังไม่ถึงเวลา”
ตาของจางฉิงซ่งเป็นประกาย เขาเข้าใจความหมายที่หวังเกาเฟิงจะสื่อ “แน่นอน นี่เป็นไพ่ตายของเธอในการแข่งขันของเหล่าราชาแพทย์ ในตอนนี้ พวกนิกายอื่นๆต่างก็ส่งยอดฝีมือเข้าแข่งขันทั้งนั้น”
หวังเกาเฟิงพยักหน้า “อาจารย์ลุงจาง ผมมีเรื่องจะขอร้อง ผมอยากให้ท่านช่วยสืบข้อมูลของคนๆนึงให้หน่อย”
เมื่อเห็นแววตาที่ดูเคร่งเครียดของหวังเกาเฟิง จางฉิงซ่งก็เข้าใจได้ทันทีว่าคงจะมีใครบางคนที่มีพลังทัดเทียมกับเขาโผล่ออกมาแน่นอน ก่อนที่เขาจะเอามือลูบคาง “ว่ามาเลย”
“ชื่อของเขาคือซูเถา เป็นหันหน้าของแผนก TCM โรงพ ยาบาลเจียงหัว” เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ผมเกรงว่าเขาคงจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้”
จางฉิงซ่งไตร่ตรองอยู่พักนึง เนื่องจากชื่อนี้มันติดอยู่ในหัวของเขา “ใช่คนที่ซูเทียนเพื่อบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือเปล่า คนที่ทําร้ายเนี่ยเหยาจงนะ?”
หวังเกาเฟิงยิ้มเงื่อนๆ “ผมจะไม่ปิดบังละกัน พวกเราเคยเผชิญหน้ากันมาครั้งนึง และผมแพ้เขา ทักษะของเขานั้นเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และผมก็ไม่รู้ว่าเทือกเขาเหล่ากอเขาเป็นใครกันนี้ ผมเกรงว่าบางทีเขาอาจจะมาจากองค์กรลับอะไรซักอย่างก็เป็นได้”
จางฉิงซ่งตอบกลับ “ไม่ต้องห่วง นายคือว่าที่ผู้นําของลัทธิเต๋า ใครก็ตามที่ขวางทางนาย มันก็เป็นศัตรูของพวกเรา”
หลังจางฉิงซ่งจิบชาไปได้อีกถ้วย หวังเกาเฟิงถามขึ้น “การเตรียมAqua Cloud Systemไปถึงไหนแล้วครับ ?”
จางฉิงซ่งตบไหล่ของหวังเกาเฟิงพลางยิ้ม “นายเนี่ย ดูเป็นพวกใจจดใจจ่อจังเลยนะ ชั้นแค่สงสัยเฉยๆนะ เมื่อพูดถึงคู่หมั้นของนาย วางใจเถอะ Aqua Cloud System จะ ต้องมอบพลังที่แข็งแกร่งที่สุดให้กับการแข่งครั้งนี้แน่นอน น้องสาวของคู่หมั้นของนาย โมสู่ยเอ้อ”
หวังเกาเฟิงดูจะตาเป็นประกายเมื่อได้ยินที่จางฉิงซ่งพูด “ผมเจอกับสุ่ยเอ้อเมื่อห้าปีก่อน เธอคงจะอายุราวๆยี่สิบแล้วใช่มั้ย ? มันจะต้องเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่แน่ๆสําหรับเธอในการแข่งขันราชาแห่งแพทย์”
“อย่าได้ประมาทคู่ต่อสู้ไป โมสู่ยเอ้อเป็นตัวเต็งอันดับสี่ เธอแข็งแกร่งมากนะ” จางฉิงซ่งสะบัดนิ้ว
หวังเกาเฟิงแกล้งพยักหน้าไปงั้น แต่ในใจเขาคิดว่ามีแต่ซูเถาเท่านั้นที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะแพ้ซูเถา แต่มันก็แค่การเจอกันแบบไม่เป็นทางการเท่านั้น และในตอนนั้นเขาก็เครียดเกินไปเท่านั้นเอง
จริงๆแล้วเขาอยากจะขอบคุณซูเถาด้วยซ้ํา ถ้าหากซูเถาไม่ได้เป็นภัยคุกคามเขา พลังฉีของเขาคงไม่ขึ้นมาขั้นที่เจ็ดได้เร็วขนาดนี้
สํานักแพทย์ลัทธิเต๋าเน้นการผสมผสานระหว่าง พลังและทักษะการแพทย์ ดังนั้นหากพลังฉีแกร่งขึ้นเท่าไหร่ ก็หมายความว่าทักษะการแพทย์ก็จะแกร่งขึ้นเท่านั้น ในตอนนั้นเอง หวังเกาเฟิงมั่นใจสุดๆ เขาต้องการจะเผชิญหน้ากับซูเถถาในการแข่งขันราชาแห่งแพทย์