Physicians Odyssey - ตอนที่ 79 นักล่าที่ถูกล่า
Physicians Odyssey บทที่ 79 นักล่าที่ถูกล่า
บทที่ 79 นักล่าที่ถูกล่า
หลังจากที่ซูเถาและอิ่งเล่อออกมาจากงานเต้นรํา ก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นราวๆสิบนาทีก่อนที่แขกทั้งหมดจะพากันออกไป เนื่องจากเจ้าภาพนั้นถูกทําให้อับอายเกินกว่าจะจัดงานต่อได้ เปี้ยนโหย่วเถียนคุกเข่าขอโทษสูหุยฟางอย่างไม่รู้จบในขณะที่สูหุยฟ่างเองนั่งกอดอกมองไปยังเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“ที่รัก ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ มันเป็นความผิดของผู้หญิงคนนั้นที่ล่อลวงผม ผมทําพลาดไป !” เปี้ยนโหย่วเถียนเอาแต่พูดประโยคนี้ซ้ําแล้วซ้ําเล่า ในตอนนี้ เขาได้โทษว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความผิดของลิ้งเล่อเพื่อเอาใจภรรยาของเขา
เปี้ยนโหย่วเถียนพยายามทําทุกอย่าง เขารู้ว่าหากเธอโทรหาพ่อของเธอ พรุ่งนี้เขาคงจะไม่ได้อยู่ที่ฮั่นโจวอีกเป็นแน่
ในที่สุดสูทุยฟางก็ถอนหายใจ “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด และชั้นก็ไม่อยากจะใส่ใจเรื่องนี้มากไปกว่านี้ อิ้งเล่อจะต้องถูกไล่ออกในวันพรุ่งนี้ แล้วคุณก็ต้องตัดขาดกับเธอซะ”
เปี้ยนโหย่วเถียนอึ้ง ที่จริงเขายังคงมีความรู้สึกกับอึ้งเล่อ ไม่งั้นเขาคงไม่ตามตื้อเธอถึงขนาดนี้ เขายิ้ม “เธอเป็นเสาหลักของสถานีโทรทัศน์ฮั่นโจว เป็นผู้ประกาศข่าวไฟแรง ชั้นเกรงว่ามันจะไม่ง่ายที่จะไล่เธอออก เรื่องนี้จําเป็นต้องหารือกันในที่ประชุมซะก่อน”
สหุยฟางหัวเราะก่อนจะส่งมือถือให้สามีเธอดู “งั้นก็ดูนี่ซะ !”
สายตาของเปี้ยนโหย่วเถียนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นรูปที่อิ้งเล่อเต้นกับซูเถา แถมหล่อนยังนั่งบนตักซูเถาด้วยท่าทางชวนให้คิดอีกด้วย เขารู้สึกว่าอึ้งเล่อนั้นทรยศต่อเขาก่อนจะสบถออกมา “นังตัวแสบ !”
“โหย่วเถียน คุณรู้มั้ยว่าชั้นแกล้งทําเป็นมองไม่เห็นเรื่องที่คุณทําอยู่ ในฐานะที่เป็นผู้ชายที่ประสบความสําเร็จ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีคนพยายามจะเข้ามาใกล้ชิดคุณ แต่อึ้งเล่อนั้นไม่เหมือนกัน และชั้นก็รู้ว่าคุณก็มีใจให้เธอเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็แค่กําลังเล่นสนุกอยู่กับคุณเท่านั้น ใช้มันเพื่อทําลายความสัมพันธ์ของเรา สาวงามเป็นที่มาของความหายนะ และชั้นก็เชื่อว่าคุณคงไม่โง่พอที่จะทิ้งชั้นและหน้าที่การงานที่มีอยู่เพื่อไปหาเธอ” สุหุยฟางถอนหายใจหลังจากที่เปี้ยนโหย่วเถียนนั้นรู้สึกตัวแล้วว่าอิ่งเล่อนั้นแค่เล่นสนุกกับเขาเท่านั้นเอง
เปี้ยนโหย่วเถียนกําหมัด เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ถึงแม้ว่าสัญญาที่เขาให้ไว้กับอึ้งเล่อจะเป็นเรื่องโกหกก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ นี่แหละคือความเลวทรามของผู้คนในปัจจุบัน ต้องการที่จะเป็นผู้ที่หักหลังคนอื่น มากกว่าถูกหักหลัง
เปี้ยนโหย่วเถียนสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะถาม “คุณคิดจะทําอะไรกับเธองั้นเหรอ?”
รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนแก้มอวบๆของสูหุยฟาง เธอพูดอย่างแผ่วเบา “หล่อนทําลายงานเต้นรําของชั้นจะเอาคืนให้สาสมเลย”
เปี้ยนโหย่วเถียนรู้ดีว่าสูหุยฟางนั้นโหดเหี้ยมแค่ไหน เธอเคยจ้างคนให้ไปเตะตัดขากิจการของคู่แข่งผู้หญิงที่เพื่อเป้าหมาย แล้วไม่สนวิธีการอย่างไรก็ตาม เธอก็ทํามันได้อย่างแนบเนียน และด้วยถาพลักษณ์ที่ดูร่ํารวยทําให้คนอื่น คิดว่าเธอเป็นคนอ่อนโยน แต่ก็เหมือนกับหนังสือนั่นแหละ เราไม่สามารถตัดสินมันเพียงแค่หน้าปกได้ เปี้ยนโหย่วเถียนถามขึ้นด้วยน้ําเสียงสั่นไหว “แล้วเธอตั้งใจจะทําอะไรกันแน่ ?”
รอยยิ่งที่เหมือนกับพวกตัวร้ายหนังเกรดต่ําปรากฏขึ้นบนหน้าของสหุยฟาง เธอตอบกลับ “ชั้นคิดเอาไว้หลายอย่างเลยล่ะ อย่างเช่นจ้างคนไปสาดน้ํากรดใส่หน้า หล่อนจะได้ไปหลอกใครไม่ได้อีก หรือไม่ก็ลักพาตัวเธอไปที่ลับตาคนแล้วให้ผู้ชายรุมข่มขืนเธอให้สัมผัสถึงรสชาติของการเป็นกระหรี่ แต่กับคนอย่างหล่อน ชั้นไม่จําเป็นต้องลดตัวลงไปทําอะไรที่มันเสีย งต่อกฎหมาย ชั้นแค่ส่งรูปพวกนี้ไปให้มันว่อนในเน็ต แล้วพอเรื่องแดงขึ้นมา หล่อนจะได้รับรู้ว่ารสชาติของการที่ต้องเสียชื่อ เสียงนั้นมันเป็นยังไง”
เปี้ยนโหย่วเถียนอึ้ง เขารู้ว่าสูหุยฟางหมายถึงอะไร เธอต้องการจะใช้รูปพวกนี้ทําให้เกิดข่าวลือแพร่สะพัด เขาถามต่อ “ชั้นเกรงว่ารูปพวกนี้คงจะไม่พอใช่มั้ย ?”
สหุยฟ่างตอบกลับด้วยรอยยิ้มจางๆ “ชั้นเตรียมการเอาไว้แล้ว พรุ่งนี้แหละ จะมีข่าวอื้อฉาวของผู้ประกาศข่าวสถานีฮั่นโจวซึ่งเต็มไปด้วยรูปบนเตียงเพียบเลยล่ะ”
ภาพทั้งหมดผ่านการตัดต่อโดยใช้ Photoshop แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้คนเชื่อว่ามันเป็นของจริง และเมื่อรูปพวกนี้ถูกโพสต์ลงบนโลกอออนไลน์ ด้วยรูปพวกนี้คนส่วนใหญ่แยกของปลอมของจริงไม่ออกแน่นอน
“นี่คุณตั้งใจจะกุข่าวปล่อมขึ้นมางั้นเหรอ ?” เเปี้ยนโหย่วเถียนถาม
แต่เดิมแล้ว สูหุยฟางตั้งใจจะทําให้อึ้งเล่อได้รับความอับอายในวันนี้และให้เธอได้ทรมานกับข่าวลือที่แพร่ออกไป
ช่วงเวลาที่นักข่าวคนใหม่ไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาว พวกเขาจะถูกลดตําแหน่งลงในสถานีโทรทัศน์ ด้วยแผนการนี้ เธอสามารถทําลายหน้าที่การงานของอึ้งเล่อโดยมือของเธอนั้นไม่เปื้อน
สหุยฟางยื่นมือเข้าไปจับที่หน้าของเปี้ยนโหย่วเถียน “ชั้นทํานี่ทั้งหมดก็เพื่อคุณนะ คงจะไม่โทษชั้นใช่มั้ย ?”
เปี้ยนโหย่วเถียนฝืนยิ้มก่อนจะจับมือของสหุยฟาง “ไม่แน่นอน ชั้นต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ําที่ดึงชั้นกลับมา”
สหุยฟางพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะกดมือถือไปที่เบอร์ของนักสืบเอกชนที่จ้างไว้ “พวกเขาทั้งสองกําลังทําอะไรกันอยู่ ?”
นักสืบยิ้ม “พวกเขาเข้าไปในคอนโดแล้ว ดูจากที่ผู้หญิงคนนั้นเมา ผมคิดว่าคืนนี้คงจะมีโชว์มันส์ๆแน่นอน ผมมีข้อเสนอ เพิ่มค่าจ้างให้ผม และผมจะเสี่ยงเข้าไปถ่ายรูปออกมาให้คุณว่าไงล่ะ ?”
สูหุยฟางขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่านักสืบคนนี้โลภมากจริงๆ ก่อนหน้านี้เธออกจ่ายเงินให้เขาไปมากแล้วในการสืบ เรื่องของอึ้งเล่อกับเปี้ยนโหย่วเถียน
“ชั้นไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ว่าแต่ นายได้เตรียมคนเอาไว้แล้วใช่มั้ย ?” เธอถาม
“ผมได้จ้างพวกที่ดีที่สุดมาเลยล่ะ เมื่อไม่นานมานี้ เซเล็บชายคนนึ่งถูกผู้จัดการของตัวเองทรยศโดยการจ้างพวกนี้มาป่วน มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยล่ะ เตรียมรอดูข่าวฉาวของผู้ประกาศข่าวคนใหม่ในวันพรุ่งนี้ได้เลย” นักสืบตอบกลับ
สูหุยฟางยิ่งอย่างพึงพอใจ “ถ้างานนี้สําเร็จ ชั้นมีโบนัสพิเศษให้”
พอเห็นสูหุยฟางโทรหานักสืบ เปี้ยนโหย่วเถียนเสียวสันหลังวาบ สูหุยฟางได้จ้างใครบางคนมาจริงๆเพื่อสืบเรื่องของเขากับอึ้งเล่อ
เขาสัมผัสได้ถึงมือของสหุยฟางที่กําลังจับหน้าเขาอยู่ “ที่รัก ทุกออย่างอยู่ในการควบคุมของชั้นหมดแล้ว คอยดูนังตัวดีนั่นเสียชื่อในวันพรุ่งนี้ได้เลย”
สูหุยฟางรู้สึกสนุกในขณะที่เปี้ยนโหย่วเถียนตกอยู่ในความเงียบ เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังเรื่องนี้จบ เปี้ยนโหย่วเถียนจะต้องออาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของเธอตลอดไป และคอยดูว่าเขาจะกล้าหือกับเธอหรือเปล่าในอนาคต
หลังจากวางสาย นักสืบก็ได้ลดกระจกรถลงเพื่อทิ้งก้นบุหรี่ ทันใดนั้น ประตูที่นั่งตรงด้านหน้าก็ได้เปิดออก ก่อนที่จะมีเงา ของคนเข้ามานั่งในรถ เมื่อเขามองไปใกล้ๆ มันเป็นเงาของคนที่มาส่งลิ้งเล่อก่อนหน้านี้
ยังไม่ทันที่นักสืบจะได้พูดอะไร คอของเขาถูกบีบและโดนจับหัวอัดเข้ากับหน้าต่าง เขาพยายามที่จะขัดขืนแล้ว แต่เขาก็รู้สึกเหมือนถูกต่อยเข้าที่ท้องน้อย ในตอนนั้นเอง เขาได้สูญเสียแรงไปทั้งหมดและรู้สึกเหมือนกับว่ามีความตายกําลังล้อมรอบตัวเขา
ชายคนนั้นแตะตัวเขาก่อนจะล้วงกระเป๋าเงินออกไป มันคงจะไม่เป็นไรหากอีกฝ่ายต้องการแค่เงิน แต่เขาเห็นอีกฝ่ายอ่านชื่อของเขาจากนามบัตรในกระเป๋าเงิน “เซี่ยหยู นักสืบเอกชนเหรอ ?”
เซี่ยหยูกระพริบตา ในตออนนี้เขาทําได้แค่นั้น
เมื่อก่อนเขาเคยเป็นพวกหน่วยลาดตระเวนมาก่อน จากนั้น เขาก็ถูกส่งไปที่กิจการพลเรือนก่อนจะลาออกมาจากกองทัพ อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่างานที่กําลังทําอยู่นั้นไม่มีความหมายอะไรเลยก่อนที่จะเริ่มมาเป็นนักสืบ
เขารู้สึกสนุกกับงานนี้มาก เนื่องจากการแข่งขันในสายงั้นมีไม่มากนัก อย่างแรก มันเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและความกล้าหาญเพื่อทํางาน เลยเป็นงานที่ไม่ใช่ใครก็เข้ามาทําได้ อย่างที่สอง อาชีพนี้เป็นที่ต้องการของตลาดสูง เพียงแค่ทิ้งเบอร์เอาไว้ในโลกออนไลน์เท่านั้น เดี๋ยวก็มีคนติดต่อมาแล้ว ในสังคมสมัยนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแต่มีความลับกันทั้งนั้น
สูหุยฟางนั้นเป็นลูกค้าที่ยอดเยี่ยมของเขา เนื่องจากเธอมีสามีที่อ่อนแอ เขามักจะเปลี่ยนผู้หญิงคบไปเรื่อยราวๆ 3-4 คนต่อปี ดังนั้น เขาจําเป็นต้องจับตาดูเปี้ยนโหย่วเถียนและคอยไล่พวกผู้หญิงเหล่านั้นอออกไปด้วยหากจําเป็น
หลังจากเก็บนามบัตรเข้ากระเป๋าเงิน ซูเถาก็ปล่อยมือ เซี่ยหยูรู้สึกราวกับคอของเขาถูกไฟไหม้ก่อนจะไอ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่มีแรงอยู่ดี
เซี่ยหยูเป็นพวกที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดี ไม่งั้นก็ไม่อาจทํางานในฐานะนักสืบเอกชนได้ “ชั้นยอมแล้ว ชั้นจะบอกทุกอย่างที่นายอยากรู้ แต่นายต้องสัญญาก่อนว่าจะปล่อยชั้นไป งานของพวกเรานั้นมันกดดันมาก อีกทั้งชั้นยังมีลูกเมียที่ต้องดูแล มันไม่ง่ายเลย”
หลังจากเขาพูดจบ ก็รู้สึกได้ว่ามีลมพัดมาที่หน้าเขาจากการตบของซูเถา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวก่ออนที่หัวของเขาจะถูกอัดเข้ากับหน้าต่างอีกครั้ง ซึ่งเขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะฟื้นตัวได้ จากการที่เขาทํางานมานาน อีกฝ่ายจะต้องใจอ่อนเมื่อได้ยินคําพูดของเขา
แต่คนอย่างซูเถาจะตกหลุมพรางของเซี่ยหยูได้ยังไง ? ทําตัวลับๆล่อๆทั้งวันและคอยหาข้อแก้ตัวหลักจากถูกเจอ นักสืบเอกชนที่เอาแต่ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น และแลกเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นด้วยเงิน สําหรับพวกที่ทําได้ทุกอย่างเพื่อเงินนั้น ซูเถารู้สึกรังเกียจพวกคนแบบนี้ที่ใช้ครอบครัวมาเป็นข้ออ้าง
พอเซี่ยหยูเงยหน้าขึ้น เขามองไปยังซูเถาและไม่กล้าที่จะพูดด้วย เพราะเขาไม่รู้ว่าซูเถานั้นคิดอะไรอยู่
หลังจากเงียบไปอยู่นาน ซูเถาก็ได้พูดขึ้น “จากนี้ ชั้นจะถาม นายมีหน้าที่ตอบเท่านั้น และอย่าได้บังอาจมาลูกเล่นกับชั้น!”
เซี่ยหยูพยักหน้า นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาทําได้
ซูเถาเอากระดาษทิชชูเช็ดเลือดที่มุมปากของเซี่ยหยู “ใครส่งนายมา ?”
หลังจากเห็นซูเถาโยนกระดาษทิชชูออกไปนอกหน้าต่าง เซี่ยหยูตัวสั่นเท่าโดยไม่รู้ตัว “เมียของเปี้ยนโหย่วเถียน สูหุยฟาง หญิงอ้วนที่นายเจอที่งานเต้นรําวันนี้นั่นแหละ”
ที่จริงซูเถาก็เดาเอาไว้แล้ว เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “แล้วมีแผนอะไรถึงตามชั้นมา? นายตั้งใจจะทําอะไรกับอิ่งเล่อ ?”
เชี่ยหยูเริ่มลังเล หลังจากที่เห็นซูเถาจับหัวของเขายกขึ้น เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว “จริงๆแล้วยัยอ้วนนั่นตั้งใจจะใช้คนทําให้อึ้งเล่อเป็นข่าวลือทําลายอาชีพของเธอ”
ซูเถารู้ว่าเขาไม่ได้โกหก เขาต่อยไปที่ท้องของเซี่ยหยู “พาชั้นไปหาสูหุยฟ่างเดี๋ยวนี้!”