Physicians Odyssey - ตอนที่ 61 ชั้นเจ็บจริงๆนะ
บทที่ 61 ชั้นเจ็บจริงๆนะ
“เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าของชั้นเอง ชื่อว่าอิ้งเล่อ เป็นผู้ประกาศข่าวคนใหม่ของสถานีโทรทัศน์ฮั่นโจว ไม่แปลกที่นายจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา” จ้างฟางยิ้มก่อนจะแนะนำ “เธอมักจะมากินข้าวเย็นกับเราบ่อยๆหลังจากเลิกงานแล้วน่ะ”
“ถึงว่าทำไมหน้าคุ้นๆ” ซูเถายิ้ม “ตัวจริงน่ารักกว่าในทีวีอีก”
อิ้งเล่อมองไปยังซูเถาก่อนจะพูดขึ้น “ชั้นจำเป็นที่จะต้องแต่งหน้าให้ดูเป็นผู้ใหญ่เวลาประกาศข่าว” น้ำเสียงของเธอดูจะผ่อนคลายเล็กน้อย ไม่เหมือนกับตอบที่เธอออกทีวี
ในปีนี้เธอจะมีอายุครบ 28 ปี เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งเธอนั้นได้เป็นนักข่าวหน้าใหม่ในตอนที่อายุยังน้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ช่องประจำจังหวัดก็ตามที
ในมนฑลชั้นสามอย่างเมืองฮั่นโจว โทรทัศน์ค่อนข้างจะมีอิทธิพลมากกว่าหนังสือพิมพ์ ดังนั้นอิ้งเล่อจึงถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันในทุกบ้าน นอกจากรูปลักษณ์และน้ำเสียงที่โดดเด่นของเธอแล้ว เธอยังมีเหล่าแฟนๆซึ่งเป็นเด็กที่คอยดูข่าวช่องฮั่นโจวเพียงแค่เพื่อจะดูเธอเท่านั้นเองก็มี
ทุกๆคนในแวดวงข่าวรู้ว่านักข่าวผู้มากพรสวรรค์อย่างอิ้งเล่อนั้น ใช้สถานีโทรทัศน์ฮั่นโจวเพื่อเป็นทางผ่านไปสู่จุดที่เหนือกว่าเท่านั้นเอง
ตี้ชีหยวนยิ้มก่อนจะแนะนำซูเถาให้อิ้งเล่อรู้จัก “คนนี้คือหัวหน้าแผนก TCM ของโรงพยาบาลชั้นเอง ชื่อซูเถา”
อิ้งเล่ออึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “แผนก TCM ? ไม่ใช่ว่าแผนกนั้นจะมีแต่คนแก่ๆหรอกเหรอ ?”
“อย่าเพิ่งตัดสินคนจากภายนอกสิ เห็นอย่างนี้ทักษะทางการแพทย์ของเขายอดเยี่ยมมากเลยล่ะ” ตี้ชีหยวนอธิบายเสริมด้วยรอยยิ้ม
อิ้งเล่อเลิ่กคิ้ว เพราะเธอนั้นไม่เชื่อ “โอ้ ? ช่วงนี้มีข่าวออกมาเยอะเลยว่ามีคนอ้างตัวเป็นพวกสมาชิกพิเศษของทีม TCM เพื่อคอยหลอกลวงคนอื่น”
เมื่อได้ยินเรื่องที่อิ้งเล่อพูด ความประทับใจที่ซูเถามีต่อเธอก็ได้อันตธานหายไปทันที “มันก็มีขยะอยู่ในทุกวงการนั่นแหละ พวกสื่อก็เหมือนกัน มีโฆษณายาแปลกปลอมได้เผยแพร่ออกมาโดยที่ปราศจากการตรวจสอบ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่พวกที่เรียกตัวเองว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญสมาชิกทีม TCM’ นั่นหรอกเหรอ ที่พวกสื่อคอยโฆษณาให้โดยไม่รู้ว่ามันเป็นของจริงหรือเปล่า ?”
หน้าของอิ้งเล่อเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีด้วยความโกรธเมื่อเธอได้ยินเรื่องที่ซูเถาพูด ก่อนที่เธอจะจ้องมองไปยังเขา “ในตอนนี้ TCM ไม่ได้มีชื่อเสียงในทางที่ดีนัก พวกเขาจะมาคอยโทษสื่อได้ยังไงในเมื่อพวกเขาต่างก็ก่อเรื่องกันเองทั้งนั้น ชั้นไม่คิดเลยว่ามุมมองของคุณนั้นแย่มาก”
ซูเถายิ้ม “ไม่ใช่แค่การที่ TCM ค่อยๆขาดหายไปเท่านั้น แม้แต่ตัววัฒนธรรมจีนเองก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พวกสื่อไม่เพียงเอาแต่นิ่งเฉยไม่ทำอะไรเท่านั้น พวกเขายังคงแนะนำแต่รายการวาไรตี้ไร้สาระเพื่อมามอมเมาคนดู พวกสื่อไม่คิดจะรับผิดชอบเลยในการที่วัฒนธรรมจีนค่อยๆหายไป”
จ้างฟางรู้สึกงงเล็กน้อยที่พวกเขาทั้งสองพยายามทำสงครามกันด้วยคำพูด เธอใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการทำความเข้าใจก่อนจะยิ้ม “เกิดออะไรขึ้นกับพวกเธอทั้งสองคนเนี่ย ? เหมือนพวกเธอไปกินรังแตนที่ไหนมาเลย แล้วดันมาทะเลาะกันในตอนที่เพิ่งจะเจอกันเนี่ยนะ ?”
ตี้ชีหยวนโบกมือพลางยังไหล่ “มันไม่ใช่การทะเลาะกันหรอก มันเป็นแค่การไม่เห็นด้วยอย่างสมเหตุสมผลกันเท่านั้นเอง ซึ่งหมายความว่าทั้งสองคนสามารถจะหาเรื่องมาพูดคุยกันได้ เมื่อคนทั้งสองมาเจออกัน สิ่งที่น่ากลัวคือพวกเขาไม่คิดแม้แต่จะพูดคุยกัน สำหรับตอนนี้ชั้นคิดว่าพวกเขาทั้งสองกำลังไปได้ดีเลยล่ะ”
อิ้งเล่อจ้องไปยังตี้ชีหยวนก่อนจะพูดขึ้น “พี่เขย ชั้นไม่มีเรื่องอะไรจะมาถกกับคนที่เอาแต่โทษคนอื่นโดยไม่มองตัวดูเองหรอก !”
ซูเถาขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าอิ้งเล่อนั้นต่างจากในทีวีโดยสิ้นเชิง ในทีวี เธอเป็นผู้หญิงประเภทที่ไม่ค่อยพูดมากนัก แต่ที่โต๊ะอาหารนี้ ลิ้นของเธอนั้นทั้งคมและไร้ซึ่งความปราณี คำพูดของเธอแต่ละคำยังกะประทัด
ซูเถานั้นเป็นผู้ชาย ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำกับผู้หญิง ดังนั้นเขาเลือกที่จะกินอย่างเงียบๆโดยไม่สนใจอิ้งเล่อ
จ้างฟางรู้ว่าซูเถานั้นเป็นฝ่ายผิด เธอจึงได้วางตะเกียบไปบนจานของเขา “หมอซู ชั้นได้ยินมาว่าคุณอาศัยอยู่คนเดียว ไว้มาทานอาหารเย็นกับเราบ่อยๆสิ”
ซูเถาใช้ตะเกียบของเขาเคาะไปยังตะเกียบของเธอก่อนจะตอบกลับ “ผมไม่ได้อยู่คนเดียว มีพนักงานอยู่ที่ตำหนัก 2-3 คน ซึ่งพวกเราอาศัยอยู่ด้วยกัน”
จ้างฟางยิ้ม “ชั้นลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย ตี้บอกชั้นว่าเธอมีร้านยาที่ได้รับมรดกมาจากปู่นี่นะ”
“อย่างงี้นายก็คาบช้อนเงินช้อนทองตั้งแต่เกิดแล้วสิท่า” อิ้งเล่อพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาก่อนจะเลิ่กคิ้ว
ซูเถาได้ยินที่เธอพูด อย่างเขาเนี่ยนะจะคาบช้อนเงินช้อนทองตั้งแต่เกิด ? ตำหนักเกือบจะปิดตัวลงไปแล้วด้วยซ้ำเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเพราะความพยายามของเขาต่างหากที่ทำให้ตำหนักมาไกลถึงขนาดนี้
เมื่อเห็นท่าทางของซูเถา ตี้ชีหยวนจึงได้อธิบาย “ก็จริงที่เขาได้รับตำหนักสืบทอดมาจากปู่ของเขา แต่ตอนที่ได้รับมามันก็ใกล้จะถูกรื้อถอนเต็มทีแล้ว และสภาพการเงินของตำหนักก็ดูจะแย่มากในตอนที่เขาได้รับสืบทอดตำหนักมา เขายังต้องพึ่งพาตนเองเพื่อให้ธุรกิจนี้ไปต่อได้”
เมื่ออิ้งเล่อได้ยินดังนั้น เธอกลับไปนั่งหน้ามุ่ยและล้มเลิกความพยายามที่จะยั่วซูเถาต่อ
เมื่อพวกเขากินอาหารเสร็จ จ้างฟางกับอิ้งเล่อได้เข้าไปในครัวเพื่อเตรียมผลไม้ในขณะที่ตี้ชีหยวนนั่งดูทีวีที่โซฟากับซูเถา น่าแปลกใจที่ตี้ชีหยวนชอบละครมาก ละครที่ออกอากาศอยู่มีชื่อว่า <การปะทะกันของสาวสวย> เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศจีน โดยเกิดจากความไม่พอใจระหว่างสองตระกูลซึ่งเป็นผู้ค้าผ้าไหม เป็นพล็อตหนังที่ค่อนข้างจะโบราณซักหน่อย ซึ่งความขัดแย้งมันเกิดมาตั้งแต่คนรุ่นก่อนจนมีผลมายังรุ่นปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ได้มีความรักเกิดขึ้นระหว่างชายหญิงสองตระกูลนี้ แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้เนื่องจากทั้งสองครอบครัวนั้นมีความขัดแย้งกันอยู่
ในละครพระเอกได้เอาตัวเข้าขวางกระสุนให้นางเอกซึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนัก ฝ่ายหญิงร้องไห้ออกมา ฉากนี้ทำให้ตี้ชีหยวนถึงกับร้องไห้ออกมา ซูเถานั่งเงียบพูดไม่ออก
“นี่มันเกินไปแล้วนะ !” ตี้ชีหยวนถอนหายใจอย่างจริงจัง
ซูเถายิ้มเจื่อนๆก่อนจะเดินไปทางตี้ชีหยวน “ใช่ๆ มันน่าเศร้ามากเลยล่ะ”
ในตอนนั้นเอง จ้างฟางได้เดินออกมาจากครัวพร้อมกับผลไม้หนึ่งจาน พอเธอเห็นฉากนี้ในทีวี เธอก็ได้นั่งลงทันที่ “เฮ้ นี่ชั้นพลาดฉากเด็ดไปหรือเปล่าเนี่ย ?”
ซูเถาเข้าใจในทันทีว่าสามีภรรยาคู่นี้ต่างก็มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน
อิ้งเล่อยักไหล่ “พี่กับพี่เขย ทั้งสองการศึกษาก็สูงแท้ๆ แล้วทำไมถึงชอบดูละครพรรค์นี้นักนะ ?”
จ้างฟางส่ายหน้า “พวกเราการศึกษาสูงแล้วไงเหรอ ทำงานแต่ละวันเหนื่อจะตาย ทำไมเราจะดูละครเพื่อพักผ่อนบ้างไม่ได้ล่ะ ?”
อิ้งเล่อนั่งบนโซฟาก่อนจะเปลี่ยนท่าไปมาพลางกินองุ่น อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกเบื่อขึ้นมาก่อนจะยืนขึ้นอย่างกะทันหัน “เวลาชั้นมีค่ามาก ชั้นว่าจะกลับแล้วล่ะ”
“เธอขับรถมาใช่มั้ย พาซูเถาแวะส่งระหว่างทางได้หรือเปล่า ?” ตี้ชีหยวน
อิ้งเล่อขมวดคิ้ว “พี่เขย ชั้นไม่ยอมให้ผู้ชายคนอื่นขึ้นมานั่งบนรถชั้นหรอก ขืนแฟนชั้นรู้เดี๋ยวก็ได้โวยวายกันพอดี”
จ้างฟางตอบ “เธอมีแฟนด้วยเหรอ ? ชั้นบอกเธอไปแล้วว่าให้พาเขามาบ้าง แต่เธอไม่เคยพาเขามาเลย”
อิ้งเล่อมองไปยังซูเถาก่อนจะตอบกลับ “เขางานยุ่งมาก ถ้าเขาว่างเมื่อไหร่ชั้นพาเขามาแน่นอน จะให้พวกคุณได้รู้ความหมายของคนหนุ่มที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ว่ามันเป็นยังไง”
หลังเธอพูดจบ เธอใส่ส้นสูงก่อนจะตะโกนเรียกซูเถา “จะมามั้ย ?”
จริงๆแล้วซูเถานั้นคิดจะปฏิเสธ แต่เขาเกรงว่าทั้งตี้ชีหยวนกับภรรยาอาจจะรู้สึกอึดอัดใจ เขายิ้ม “ประธานตี้ คุณฟาง ผมขอตัวก่อน”
ในตอนที่เขาลงมา อิ้งเล่อกดรีโมทกุญแจรถก่อนที่รถฟอร์ดของเธอจะดังขึ้น “นายมางั้นเหรอ ? ชั้นคิดว่านายจะปฏิเสธซะอีก”
จริงๆแล้วซูเถาไม่ได้คิดจะขึ้นไปนั่งบนรถของเธอด้วยซ้ำ แต่เขาก็ได้ก้าวขาไปที่เบาะหน้าก่อนจะเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็วหลังจากที่ถูกเธอยั่ว
อิ้งเล่อขมวดคิ้วก่อนจะเข้ามานั่งที่คนขับพลางคาดเข็มขัดและมองไปยังซูเถา “นายไปนั่งข้างหลัง ที่ข้างหน้าไม่ใช่ที่ๆใครจะมานั่งก็ได้”
ซูเถาลดกระจกลงก่อนจะยิ้ม “ชั้นได้บุกเข้ามาที่คอมฟอร์ตโซนของเธอแล้ว อาจจะอึดอึดหน่อย แต่ทนๆไปซัก 10 นาทีก็แล้วกันนะ”
หลังจากที่อิ้งเล่อสตาร์ทรถและขับไปได้ซักพัก เธอก็รู้สึกถึงความหมายในคำพูดของซูเถา เธอสบถออกมา “ปากดีจังนะ”
ซูเถาเอานิ้วถูจมูกก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ ถ้าความคิดเราบริสุทธิ์ คำพูดของคนอื่นก็บริสุทธิ์เช่นกัน ไม่อย่างงั้นทุกเรื่องก็ผ่านเข้าหูคุณไปหมดกันพอดี”
อิ้งเล่อถอนหายใจด้วยความโชคร้าย พี่สาวของเธอบอกว่าจะมีผู้ชายที่ดูยอดเยี่ยมมาร่วมกินอาหารเย็นด้วย แต่เขากลับทำให้เธอผิดหวัง นอกจากรูปร่างหน้าตาของซูเถาแล้ว เขายังมีข้อบกพร่องซึ่งมันทำให้เธอไม่สบายใจ
รถได้ขับเข้ามาจอดที่ตำหนัก เมื่อซูเถาออกมาจากรถ อิ้งเล่อเหยียบคันเร่งออกรถไปในทันที ซูเถาตกใจเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตำหนัก
อิ้งเล่อเปิดวิทยุไปยังช่ออ 95.8 เล่นเพลง <I’m Really Hurt> ซึ่งร้องโดยเถียน ฝูเจิ้น “ข้างนอกเต็มไปด้วยเมฆ ในขณะที่เสียงเพลงนั้นได้เบาลง และชั้นก็เริ่มจะโหยหาคุณ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่คุณกำลังจะพูด ชั้นคิดว่าเธอกำลังจะพูดออกมาว่าเธอนั้นคิดถึงชั้นมากแค่ไหน…”
ด้วยทำนองเพลง เธอรู้สึกได้รับผลกระทบจากมันพอสมควรถึงขนาดทำให้น้ำตาไหล จริงๆแล้วเหตุผลที่เธอทำท่าทางแบบนั้นกับซูเถาเนื่องจากเธอต้องการปกปิดความเจ็บปวดภายในใจ ความรักของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับในสายตาของสาธารณชน แฟนหนุ่มของเธอนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่ทว่าเขาแต่งงานแล้ว ท้ายที่สุดเธอก็เป็นได้เพียงเมียน้อยเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะได้บอกกับเธอว่าเขารักเธอจริงๆและเขาไม่ได้รักภรรยาของเขาแล้วก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เขาอยู่กับภรรยา เขามักจะปิดมือถือเสมอ เธอได้ยินเพียงแค่ “เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” เท่านั้นเอง
เธอเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เธอต้องการจะตัดสัมพันธ์นี้อยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทำได้เนื่องจากเธอตกหลุมรักเขามากเหลือเกิน ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวด เธอก็ทำได้แค่นิ่งเงียบเท่านั้น
เธอไม่รูว่าจะยังทนต่อไปในสภาพนี้ได้นานเท่าไหร่ เนื่องจากเธอยังไม่ได้ตัดสินใจ
โทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่อิ้งเล่อจะเอาหูฟังบลูทูธมาเสียบที่หูและกดรับสายของจ้างฟาง “เล่อเล่อ ชั้นว่าพ่อหนุ่มซูเถานี่ดูดีมากเลยนะ เขาเป็นเด็กที่ดูซื่อๆแถมยังหน้าตาดีอีกด้วย งานของเขาก็ดีอีก ชั้นว่าพวกเธอนี่เหมาะกันมากเลยล่ะ”
อิ้งเล่อถอนหายใจ ในตอนที่เธอคิดจะปฏิเสธ ทันใดนั้นแววตาของเธอก็สว่างขึ้น “ถ้างั้น ชั้นจะพยายามคุยกับเขาแล้วกัน ส่งเบอร์เขามาให้ชั้น แล้วชั้นจะติดต่อเขาไปทีหลัง”
หลังจากจ้างฟางวางสาย เธอประหลาดใจ “ตี้ เธอนี่น่าแปลกใจจริงๆ ! ทำไมเธอถถึงคิดว่าอิ้งเล่อกับซูเถาดูจะไปด้วยกันได้ล่ะ ?”
ดวงตาของตี้ชีหยวนยังคงจ้องไปที่โทรทัศน์ก่อนจะยิ้ม “ดูเหมือนพวกเขาจะมีเคมีที่เข้ากันได้ในตอนที่พวกเขาพบกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันก็ตาม แต่ก็เหมือนกับคนรักทะเลาะกันนั่นแหละ”