Physicians Odyssey - ตอนที่ 40 เปลี่ยนเป็นผีเสื้อ
บทที่ 40 เปลี่ยนเป็นผีเสื้อ
ครีมเสริมความงามของตำหนักนั้นได้ถูกแจกจ่ายภายในมหาลัยเจียงหนาน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขายมากกว่า 100 ขวด/วัน โดยสนนราคาอยู่ที่ 300 หยวน/ขวดเท่านั้น โดยมีเสี่ยวจิงจิงเป็นผู้ใช้ทดลองซึ่งเธอนั่นเปลี่ยนไปมากทีเดียวหลังจากใช้ครีมนี้
หากพวกเขาไม่รู้ว่าฐานะทางบ้างของเสี่ยวจิงจิงนั้นไม่ดี เขาอาจจะคิดว่าเธอคงไปทำศัลยกรรมมา
ซูเถาไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวจิงจิงมากนัก เนื่องจากเขาเห็นหน้าเธอทุกวัน เธอสวมเสื้อคลุมสีขาวโดยปล่อนผมยาวออกไปที่ด้านหลังพากบ่าของเธอ ประกอบกับแว่นเลนส์หนาๆ ซึ่งดูแล้วให้บรรยากาศดูอ่อนโยน
ข้อบกพร่องของเธอเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้คือเรื่องสายตาสั้น เธอตามซูเถาเข้ามาที่ห้องยา ก่อนที่เธอจะถอดแว่นวางไว้ด้านหลังและให้ซูเถาเริ่มดำเนินการฝังเข็มกับเธอ
การรักษาด้วยเลเซอร์มักจะใช้กับการรักษาสายตาสั้น แต่ด้วยตามหลักของแพทย์แผนจีน ได้มีบันทึกเกี่ยวกับการักษาทั้งสายตาสั้นและยาวมาช้านานแล้ว การรักษาด้วยเลเซอร์อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ดวงตาได้
มีวลีหนึ่งในตำราแพทย์จีนทองคำได้เขียนเอาไว้ เริ่มจากตา แต่ซ่อนอยู่ภายในตับ การมองเห็นและตับนั้นมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก ดังนี้หากเกิดการขาดเลือดซึ่งไหลเวียนไปยังตับ จะส่งผลให้ตาแห้งและทำให้ความสามารถในการมองเห็นนั้นลดลงหรือก็คือตาบอดตอนกลางคืน
การรักษาของซูเถาไม่ได้มีความพิเศษอะไรเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝังเข็มที่จุดรอบดวงตา , แขนขา , และหน้าท้องเพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด ซึ่งสามารถรักษาอาการสายตาสั้นเทียมได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ แต่สำหรับสายตาสั้นแท้จำเป็นต้องใช้เทคนิคขั้นสูงเนื่องจากมันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลูกตา
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เสี่ยวจิงจิงรู้สึกผ่อนคลายที่บริเวณรอบดวงตาของเธอ เมื่อเธอเปิดตา มันดูเหมือนว่าโลกของเธอนั้นชัดขึ้น แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนศรีษะไปชั่วก่อนจะหงายหลังล้มลงไป ยังดีที่ซูเถาประคองเธอเอาไว้ทันท่วงที
เธอตัวเบาหวิวและส่งกลิ่นหอมซึ่งเตะจมูกซูเถาเข้าอย่างจัง เขารู้ว่าเสี่ยวจิงจิงไม่ใช่พวกที่จะใช้น้ำหอม เขาจึงได้ไตร่ตรองดูถึงได้รู้ว่านี่อาจจะเป็นกลิ่นเฉพาะตัวในตำนานของเด็กผู้หญิงก็ได้
เมื่อรู้สึกถึงไออุ่นที่สัมผัสตัวเธอ เสี่ยวจิงจิงรู้สึกใจสั่น ก่อนที่ซูเถาจะถอดแว่นของเธอออกมาและยิ้มให้ “เธอต้องลองใช้ชีวิตโดยปราศจากแว่นตาดูนะ สายตาของเธอกลับเป็นปกติแล้ว เธอเลยรู้สึกเวียนหัวเมื่อสวมใส่แว่นตา”
เธอหลับตาชั่วครู่ก่อนจะเปิดตาอีกครั้ง โลกของเธอในตอนนี้มันชัดขึ้นแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องใช้แว่นที่ดูเงอะงะในการช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนอีกแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยซึ่งทำให้เธอเผลอร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
ซูเถาอึ้งเล็กน้อยหลังจากได้เห็นกิริยานี้ของเสี่ยวจิงจิง แต่ในไม่ช้าเขาเข้าใจว่าเธอรู้สึกยังไง ก่อนที่จะถาม “จิงจิง , รู้สึกยังไงบ้าง ?”
เธอพยักหน้ารัวๆ “อาจารย์ , คุณได้เปลี่ยนชีวิตของชั้น ชั้น…”
ซูเถาส่ายหัว ก่อนที่เขาจะเคาะที่หัวของเสี่ยวจิงจิงเบาๆ “ผิดแล้ว , ชั้นไม่ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอเลย การแพทย์แผนจีนต่างหากที่เปลี่ยน นี่คือ ‘กรณีปานกลาง’ ในการรักษาคนที่ชั้นเคยพูดถึงยังไงล่ะ”
ในกรณีเล็กน้อยเรารักษาอาการป่วย , ในกรณีปานกลางเรารักษาผู้คน ในกรณีใหญ่ๆเรารักษาประเทศ
เสี่ยวจิงจิงยืนอยู่ขณะที่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับคำสอนของซูเถา
ซูเถาซึ่งตอนนี้อารมณ์ดีมากกำลังฮัมเพลงที่มีทำนองแปลกๆอยู่ เขารู้สึกดีกับการที่ได้เป็นครูเพราะเขานั้นได้รับการเคารพนับถืออย่างมากจากเสี่ยวจิงจิง มันทำให้เขานั้นพึงพอใจมากทีเดียว
มีทักษะหลายแบบมากในการแพทย์แผนจีน ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีแบบฉบับเป็นของตัวเองอยู่ สำนักงานใหญ่ของแพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์นั้นมันไม่ได้เหมือนกับในนิยายที่ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา แต่มันเป็นตึกสูงซึ่งตั้งอยู่ในย่านธุรกิจของมลมลฑลหัวเป่ย
การแพทย์แผนจีนไม่ใช่สิ่งที่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป พวกเขาได้แทรกซึมเข้าไปในเมืองเพื่อจัดตั้งธุรกิจและฟื้นฟูการแพทย์แผนจีนให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง
ซูเทียนเต๋อ ผู้ซึ่งรู้จักกันในนามราชาแห่งหมอ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานซึ่งดูกว้างขวางก่อนจะถามศิษย์ที่อาวุโสสุดของเขา ไป๋ฟ่าน “เป็นไงบ้าง ?”
ไป๋ฟ่านตอบกลับด้วยท่าทีที่นิงเฉย “ดูเหมือนแม่ม่ายพิษจะวางกับดักเอาไว้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเข้าไกล้เป้าหมาย พวกเราจึงได้ถอนตัวออกมาเรียบร้อยแล้ว”
ซูเทียนเต๋อเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ เขาไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเนี่ยเหยาจงมากนัก แต่เนื่องจากเนี่ยไฮ่โผคอยสนับสนุนแพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์อยู่เป็นเงินหลายหมื่นล้านต่อปี ซึ่งมันเป็นเงินที่จำเป็นต่อการอยู่รอดและการพัฒนาของพวกเขา !
เขานั่งขมวดคิ้ว มันไม่ใช่ข่าวดีนักที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแม่ม่ายพิษด้วย แม่ม่ายพิษมีอำนาจในมือมาก และเธอไม่ได้เป็นคนที่แพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์จะแตะต้องได้ง่ายๆ หลังจากที่เขาได้พิจารณาเรื่องนี้แล้วจึงได้ถามต่อ “มีอย่างอื่นอีกมั้ย ?”
ไป๋ฟ่านตอบกลับ “ตามที่ชั้นรู้ ซูเถาอาจจะออกจากฮั่นโจวเพื่อเข้าแข่งขันทัวร์นาเม้นท์ของมหาลัยเจียงหนาน นั่นนับเป็นข่าวดีสำหรับพวกเรา”
“ทัวร์นาเม้นท์ของมหาลัยเจียงหนานงั้นเหรอ ?” มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของซูเทียนเต๋อ “น้องสามของนายกำลังสอนอยู่ที่นั้นไม่ใช่เหรอ ?”
ไป๋ฟ่านพยักหน้า “เดี๋ยวชั้นจะติดต่อหูเสี่ยวเฟิงไปทีหลัง ให้เขาได้ดูแลซูเถาซักหน่อย”
ซูเทียนเต๋อนั้นมั่นใจในความสามารถของไป๋ฟ่าน หลังจากที่ไป๋ฟ่านได้ออกไปแล้ว เขาได้โทรหารองศาสตราจารย์ทางด้านการแพทย์ จางฉิงซ่ง
“พี่จาง พอดีผมสงสัยนิดหน่อยน่ะ ศิษย์ของผม เนี่ยเหยาจง พี่ช่วยเขาได้ไหม ?” ซูเทียนเต๋อถามด้วยความกังวล
หลังจากส่ายหัว จางฉิงซ่งพูดออกมาด้วยใจจริง “เจ้าสำนักจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว แต่วิธีของคนที่ลงมือกับเหยาจงดูจะร้ายกาจและซับซ้อนมาก ในตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้มากนัก โดยปกติเจ้าสำนักจะแก้ปัญหาด้วยความสามารถในทางการแพทย์อันสูงส่ง แต่ขณะเดียวกัน เขาต้องการให้ชั้นสอบถามเกี่ยวกับคนที่ลงมือว่าเขาเป็นบุคลากรทางการแพทย์หรือเปล่า ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้ ?”
ซูเทียนเต๋อตอบอย่างไม่ปิดบัง “คนลงมือมันชื่อซูเถา ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องคนใหม่ของหยานจิ้ง และมันเปิดร้านยาอยู่ที่ฮั่นโจว มีชื่อว่าตำหนัก”
เมื่อซูเทียนเต๋อเห็นหยานจิ้งปกป้องซูเถา เขาจึงคิดว่าซูเถานั้นคงเป็นลูกน้องของเธอ
“แม่ม่ายดำน่ะเหรอ ?” จางฉิงซ่งเคยได้ยินกิตติศัพท์ของแม่ม่ายพิษมาบ้าง เขาถอนหายใจ “ไอ้หมอนี่มันเลือกทางผิดซะแล้ว ด้วยความสามารถขนาดนี้ เขาสามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากมายทีเดียว ช่างน่าเสียดายจริงๆ !”
ซูเทียนเต๋อตอบกลับ “ดูเหมือนเขากำลังฝึกเหล่าลูกศิษย์ให้เข้าร่วมแข่งขันทัวร์นาเม้นท์ของมหาลัยเจียงหนานอยู่ด้วย”
“โอ้ะ ?” เสียงของจางฉิงซ่งฟังดูเคร่งขรึม “งั้นเดี๋ยวชั้นจะติดต่อไปที่น้องชายชั้นหวังกุ้ยเฟิงทีหลัง เขาเป็นรองอาจารย์ใหญ่ของมหาลัยเจียงหนาน เขาสามารถสืบเรื่องของซูเถาได้”
ซูเทียนเต๋อยิ้มเล็กน้อย “พี่จาง ลูกศิษย์ของเขาเข้าร่วมการแข่งขันนี่ด้วย ผมคิดว่าเราน่าจะรีบปรับแพ้ไปเลยดีกว่า ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนอีก ? ”
“ถ้าหมอนี่เป็นตัวปัญหา เราจะไม่ยอมให้มันเป็นเนื้องอกคอยทำร้ายเราและปล่อยให้มันมาทำร้ายพวกพ้องของเรา” จางฉิงซ่งกล่าว
เมื่อเห็นว่าจางฉิงซ่งยินดีจะช่วยเหลือตน ซูเทียนเต๋อจึงได้เปลี่ยนเรื่องคุย “ทางลัทธิเต๋าจะเตรียมตัวสำหรับการแข่งทัวร์นาเม้นท์ราชาแห่งหมอที่กำลังจะจัดขึ้นยังไง ? ลัทธิเต๋านั้นเป็นต้นตำรับของแพทย์แผนจีน ซึ่งพวกเขาไม่เคยให้น้องเล็กกุ้ยเฟิงเข้าแข่งขันมาก่อนเลย ชั้นไม่รู้ว่าปีนี้พวกเขาจะตัดสินใจยังไง ? ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ถึงความสามารถของกุ้ยเฟิงดีอยู่แล้ว แต่มันจะเป็นการดีถ้าให้เขาได้มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นและได้มีฉายาด้วย !”
จางฉิงซ่งยิ้ม “กุ้ยเฟิงเป็นพวกที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เดี๋ยวชั้นจะไปคุยกับเขาอีกที ต่อให้เขาไม่อยากจะเข้าแข่งขัน ชั้นก็จะหาคนมาเข้าแข่งขันให้ได้อยู่ดี”
“ถ้ากุ้ยเฟิงคิดจะเข้าร่วมการแข่งครั้งนี้ ชั้นกลัวว่ามันจะทำให้ประเทศนี้สั่นคลอนเลยล่ะ ทั้งหมดจะต้องออกมายอดเยี่ยมอย่างแน่นอน” ซูเทียนเต๋อกล่าว
จางฉิงซ่งอึ้งไปชั่วครูก่อนจะตอบกลับสั้นๆ “ชั้นเข้าใจแล้ว”
ในฐานะที่เป็นผู้นำทางด้านแพทย์แผนจีน ลัทธิเต๋ายังคงเป็นตัวเต็งในการแข่งขัน ดังนั้นหากเขาเสียตำแหน่งผู้นำในการแข่งขันไป มันจะทำให้พวกเขานั้นเสียหายอย่างมาก
หวังกุ้ยเฟิงยังไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันเนื่องจากว่ายังไม่มีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขา หากคู่ต่อสู้คนอื่นได้ส่งตัวแทนที่เก่งที่สุดออกมา ทางลัทธิเต๋าเองก็คงต้องส่งกุ้ยเฟิงเข้าร่วมเช่นกัน
หลังจากคุยกับซูเทียนเต๋ออยู่พักใหญ่ จางฉิงซ่งก็ได้วางสาย
ซูเทียนเต๋อแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาสนับสนุนลัทธิเต๋าให้คว้าแชมป์รายการนี้ ในมุมมองของสาขาอื่น แพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่อื่นเลย เพียงแต่ว่าซูเทียนเต๋อนั้นเน้นไปในด้านธุรกิจมากกว่ามันเลยทำให้พวกเขานั้นอ่อนแอลงเล็กน้อย
ในฐานะหนึ่งในเจ้าภาพ แพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์ได้ร่วมมือกับพวกตระกูลเนี่ยในการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขายังเป็นผู้รับผิดชอบในการเชิญกรรมการผู้ตัดสินในการแข่งขันอีกด้วย มันจึงมีโอกาสสูงมากที่ลัทธิเต๋าจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันนี้หากเลือกที่จะสนับสนุนพวกเขา
เพียงแต่ว่า ซูเทียนเต๋อนั้นเป็นพวกสนุขเจ้าเล่ห์ ไม่มีใครรู้ว่าเขานั้นได้ไปฮั้วะอะไรไว้กับคนอื่นอีกหรือเปล่า
หลังผ่านการฝึกพิเศษไปราวๆ 10 วัน ทั้งสามคนน้ำหนักลงเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน ความมั่นใจของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น การพยายามอย่างหนักของซูเถานั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์
พวกเขาทั้งสี่ได้เดินทางมาถึงวิทยาเขตฮั่นโจวแล้ว ถงเมิ่งฉู่ได้รอพวกเขาอยู่พักใหญ่ก่อนดึงซูเถาเข้ามาและพูดขึ้น “หมอซู วิทยาเขตนี้ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะผ่านการทดสอบหรือเปล่า ถึงแม้ว่านักเรียนพวกของพวกเราจะทำได้ดี แต่พอเทียบกับพวกสาขาอื่นแล้วพวกเรายังด้อยกว่านัก ผมจึงให้คุณได้เข้าร่วมการแข่งนี้ด้วย ถึงแม้ว่ามันจะดูโกงไปหน่อย แต่เราก็ยังรักษาที่นี่เอาไว้ได้”
ซูเถาส่ายหัว “อาจารย์ใหญ่ถง การโกงน่ะมันทำได้ช้า และถึงแม้ว่าผมจะเข้าร่วมการแข่ง มันก็ต้องมีซักวันที่ความจริงถูกเปิดโปง ป้ายชื่อสาขาไม่ได้มีไว้โชว์อย่างเดียว นอกจากนี้ ที่สาขาฮฮั่นโจวนี้ยังคงอยู่ต่อไปได้หากนักเรียนนั้นแข็งแกร่งและมีศักยภาพ”
หลังได้ยินซูเถาพูดดังนั้น ถงเมิ่งฉู่รู้ในทันทีว่าซูเถานั้นไม่คิดจะช่วยเลย ถึงแม้ว่าในใจของเขานั้นจะบ่นไม่หยุด แต่เขาก็ยังคงพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกของคุณ ลืมมันไปซะเถอะ คุณไม่ได้คิดจะช่วยเราแต่แรกอยู่แล้ว”
ในทางกลับกัน ถงเมิ่งูฉู่รู้สึกว่าซูเถานั้นไม่ได้หักหน้าเท่าไหร่ ดังนั้น เขาก็ไม่ต้องถูกซูเถารบกวนอีกต่อไป