Physicians Odyssey - ตอนที่ 85 นี่ไม่ใช่วิธีการรักษา
บทที่ 85 นี่ไม่ใช่วิธีการรักษา
ดูเหมือนโชคของซูเถาไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่นัก เขาถูกจับไปอยู่สายที่สอง ซึ่งเต็มไปด้วยผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่ง หนึ่งในนั้นมีไปฟ่านอยู่ด้วย ในขณะที่หวังเกาเฟิงอยู่ที่สายหนึ่ง
เขาจับได้หมายเลข 19 และคู่แข่งคนแรกของเขาก็เป็นหมอมาจากเย่วโจว อี้ฮ่าน อายุ 32 ปี มีรูปร่างท้วมเล็กน้อย กําลังมองหาซูเถาอยู่ในช่วงพักเบรก
อี้ฮานยิ้ม “ได้โปรดชี้แนะด้วย ผมเป็นผู้เข้าแข่งขันหมาย เลข 20”
ซูเถาสืบค้นข้อมูลของผู้เข้าแข่งขันทุกคนมาบ้างแล้ว แต่เขาก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอี้อ่าน จากรูปที่เขาได้มา น่าจะเป็นชายหนุ่มร่างผอมเพรียว แต่ความเป็นจริงเขากลับทั้งท้วมและอายุมาก มองเผินๆราวกับคนอายุ 40
จากข้อมูลที่หยานจิ้งส่งมาให้ รู้สึกว่าอี้ฮ่านจะเป็นคนที่ค่อนข้างมีอํานาจพอสมควรที่โรงพยาบาลเย่วโจว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่พื้นฐานของเขานั่นแน่นพอตัว และยังมีความรู้ด้านการฝังเข็มที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย เมื่อมองไปที่อี้ฮ่าน ซูเถารู้สึกถึงพลังฉีจางๆที่ไหลอเวียนอยู่ในตัวเขา การแข่งครั้งนี้ล้วนแต่มีคู่ต่อสู้หินๆทั้งนั้น
หลังจับมือกับซูเถา การทักทายของอี้อ่านไม่ใช่แค่การจับมือธรรมดา เขาได้ปล่อยพลังฉีของเขาเข้าไปที่ฝ่ามือของซูเถาด้วย แต่เขาก็รู้สึกว่าพลังที่ปล่อยออกไปนั้นราวกับปล่อยมันหายลงไปในมหาสมุทรอย่างไร้ร่องรอย อี้อ่านวิเคราะห์ได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้คงจะไม่ใช่ธรรมดาแน่
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้กังวลมากนัก ซูเถาเพิ่งจะอายุ 20 เท่านั้น เขาจะรักษาคนไข้มามากแค่ไหนกันเชียว ? ในวงการแพทย์แผนจีน ประสบการณ์เป็นสิ่งสําคัญมาก
เมื่อกลับไปที่นั่ง ชายผิวสีน้ําตาลวัยกลางคนถามขึ้น “พอลองได้คุยดูแล้วเป็นยังไงบ้าง ?”
อี้อ่านยิ้มตอบกลับอย่างสบายๆ “ก็แค่เด็กหนุ่มคนนึง เขาจะไปรู้อะไรมากมาย ? แต่เขาฝึกพลังฉีมาดี แสดงว่าทักษะการฝังเข็มก็น่าจะดีมาก”
“ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ออมแรงไว้บ้างก็ดี ยังไงซะนายก็หวังตําแหน่งแชมป์เปี้ยน ทําตัวอ่อนแอเข้าไว้ แล้วค่อยไปโชว์ให้คนตะลึงในนัดชิงจะดีกว่า !” ชายคนดังกล่าวตอบกลับ
“นี่คุณยังหวังจะชนะเงินรางวัลก้อนโตอยู่อีกงั้นเหรอ ?” อี้ฮ่านยิ้มและพูดต่อ “วางใจเถอะ ผมจะจัดการดึงไอ้เจ้าหวังเกาเฟิงลงมาเอง และสอนให้มันรู้ว่าใครกันแน่คืออัจฉริยะของวงการแพทย์แผนจีน”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างพอใจ เขาลงเงินเดิมพันกับอี้อ่านเอาไว้มาก “แต่อย่าได้ประมาทไปฟ่านล่ะ เขาเป็นศิษย์เอกของแพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์ เนื่องจากเขากล้าจะเผชิญหน้ากับหวังเกาเฟิงในการแข่งขันนี้ แปลว่าคงจะมั่นใจพอตัวเชียวล่ะ”
อี้อ่านยิ้ม เผยให้เห็นฟันเหลืองอ๋อยของเขา “พวกแพทยศาสตร์ราชันย์ก็เก่งแค่เล่นปาหี่เท่านั้นแหละ พวกมันตั้งใจจะใช้การแข่งครั้งนี้ในการแสดงอํานาจของตัวเอง ชั้นจะจัดการไปฟ่านเอง”
ชายวัยกลางคนรู้จักฝีมือของอี้อ่านดี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มาจากสํานักไหนก็ตาม แต่ทั้งพ่อและปู่ของเขาต่างก็มีชื่อเสียงมาก แต่เมื่อปีที่แล้วตระกูลอี้ทั้งหมดนอกจากเขาต่างก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต
เนื่องจากอุบัติในครั้งนั้นทําให้มีผลกระทบต่ออี้ฮานอย่างมาก น้ําหนักเขาเพิ่มขึ้นรวมทั้งทักษะทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน
ชายวัยกลางคนเป็นพี่ชายของอี้อ่าน มีชื่อว่าเถาเลิ้น และเขาก็เป็นรองผู้อํานวยการของโรงพยาบาลเย่วโจวด้วย เมื่อก่อนเขาเคยได้ที่สองในการแข่งราชาแห่งแพทย์และเป็นที่รู้จักในฐานะอดีตม้ามืดที่น่ากลัวที่สุดในการแข่งขันนี้
เนื่องจากเขารู้จักอี้ฮ่านดี ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชนะการแข่งนี้ เนื่องจากทักษะของอี้อ่านนั้นเก่งกว่าเขาไปแล้ว
เถาเลื้นเคยถูกรู้จักในฐานะม้ามืดที่แข็งแกร่ง แต่ก็น่าเสียดายที่เขาแพ้การแข่งขัน หลังจากการฝึกฝนมาหลายปี ทักษะการแพทย์ของเขาก็เพิ่มขึ้น แต่ถึงจะอย่างนั้น เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอี้ฮ่านอยู่ดี เขาจึงรู้ถึงความแข็งแกร่งของอี้ฮ่านเป็นอย่างดี
แต่ในขณะเดียวกัน เถาเจิ้นก็หวังที่จะได้เงินก้อนโตผ่านอี้ฮ่าน ซึ่งไม่นานมานี้เขาได้เสียเงินไปหมดในตอนที่ไปเที่ยวลาสเวกัส
หวังเกาเฟิงเป็นคนที่สามที่ขึ้นไปบนเวที มีเสียงปรบมือดังสนั่นในการแข่งขันนี้ ผู้เข้าแข่งขันทั้งคู่จะได้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเดียวกัน จากนั้นทั้งคู่ก็จะต้องใช้ทักษะทั้งหมดที่มีเพื่อรักษาผู้ป่วย ใครที่รักษาได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะในรอบนั้นไป
คู่ต่อสู้ของหวังเกาเฟิงนั้นคือเก้อเหวิน คนที่มาจากโรงพยาบาลเทียนเหอ และเมื่อเขารู้ว่าคู่ต่อสู้ของตัวเองคือหวังเกาเฟิง เขาก็สูญเสียความมั่นใจไปหมด
เก้อเหวินจับมือกับหวังเกาเฟิงด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเขารู้อยู่แล้วในใจว่าไม่มีโอกาสจะชนะเลย “เป็นเกียรติอย่างยิ่งสําหรับผมที่ได้แข่งขันกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวเต็งของการแข่งขันครั้งนี้
หวังเกาเฟิงพยักหน้าตอบก่อนจะเดินไปยังผู้ป่วย ค่อยๆนวดไปที่หลังของผู้ป่วย มีเสียงดังขึ้นจากคอของผู้ปวยก่อนจะมีเสมหะเปื้อนเลือดออกมาจากปากของเขา จากนั้นหวังเกาเฟิงก็ได้กลับไปนั่งและเขียนใบสั่งยาด้วยปากกาหมึกซึม “กลับไปแล้วให้กินยาตามนี้ 3 วัน แล้วโรคที่คุณเป็นอยู่ก็จะหายดี”
เก้อเหวินดูจะช็อคมากทีเดียวเมื่อเขามองไปยังหวังเกาเฟิง มันเพิ่งผ่านไปแค่สองนาทีเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่าเสมหะจะเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่ก็ยากที่รักษาด้วยวิธีกายภาพ จําเป็นจะต้องใช้การสั่งยาควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเก้อเหวินตัดสินใจที่จะวัดชีพจรของผู้ป่วยก่อนที่จะเขียนใบสั่งยา
เพียงแค่มองผ่านๆ หวังเกาเฟิงได้วินิจฉัยอาการป่วยและได้รักษาโดยการนวดและเขียนใบสั่งยา เป็นวิธีการที่ลงตัวและสมบูรณ์แบบโดยไร้ข้อกังขา
เก้อเหวินถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง นี่คือผลลัพธ์ของคนที่พยายามจะแข่งกับหวังเกาเฟิง อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ออกจากการแข่งขันและรักษาผู้ป่วยต่อไป หลังจากวัดชีพจรและถามคําถาม 2 3 ข้อเรียบร้อยแล้วจึงได้เริ่มเขียนใบสั่งยา
กรรมการทั้ง 5 ต่างก็พอใจในตัวเก้อเหวิน และได้ให้คะแนน เขา 89 คะแนน ในขณะที่หวังเกาเฟิงได้ 100 คะแนน การแข่งขันรอบนี้จบลงพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังกระหึ่ม
หวังเกาเฟิงเอาชนะได้อย่างสวยงามและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา ซึ่งก็ได้รับการเคารพจากเก้อเหวินด้วยเช่นกัน
เก้อเหวินเดินลงจากเวทีและเห็นลู่ชีเหมียวกับซูเถา เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองกําลังคุยกัน เขาก็รู้สึกหงุดหงิด เนื่องจากทั้งสองกําลังคุยเรื่องของเขาอยู่ ก่อนที่จะเดินไปยังซูเถา “ชั้นแพ้ให้กับหนึ่งในตัวเต็งของการแข่ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นเกียรติกับชั้นมาก แต่ชั้นเกรงว่านายคงจะแพ้อย่างน่าสมเพชแน่ๆ”
ซูเถาอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะมองไปยังเก้อเหวิน ก่อนที่เขาจะนึกถึงเรื่องที่เคยเขม่นกันเล็กน้อย “มีคนที่ขนาดแพ้มายังจะทําตัวอวดดีอยู่อีก ถ้าชั้นเป็นเขาคงกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปแล้ว”
สู่ชีเหมี่ยวกลั้นขําไม่ไหวก่อนจะพูดเสริม “ถ้านายเกิดชนะขึ้นเขาคงขายหน้าจนขนาดที่ไม่กล้าสู้หน้านายหรอกเหรอ ?”
“อย่ามาเหมารวมพวกเราเชียว นายมันคนละชั้น” ซูเถาถอนหายใจ
เก้อเหวิ่งไม่พอใจซูเถาอย่างมาก แต่เขาก็ทําได้เพียงกระทืบเท้าและกลับไปนั่งเท่านั้น เนื่องจากรอบๆมีคนอยู่เยอะ เขาหวังว่าซูเถาจะพ่ายแพ้เพื่อที่จะได้อับอายขายหน้าบ้าง !
หลังจากที่เก้อเหวินเดินจากไป สู่ชีเหมียวพูดขึ้นเบาๆ “หวังเกาเฟิงมองนายอยู่แน่ะ”
ซูเถายิ้ม “ชั้นว่าเขาคงกําลังคิดว่าจะทํายังไงกับชั้นดีถ้าเกิดไปอยู่ในรองเท้าของเขาเข้าน่ะ”
“นายชนะเขาได้มั้ย ?” เธอถาม
“ไม่อ่ะ” ซูเถายิ้มตอบกลับ ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าชั้นเริ่มพร้อมกันกับเขา ชั้นคงทําได้แค่ผูกเนคไทเท่านั้นแหละ”
สิ่งที่หวังเกาเฟิงนั้นทําแทบจะสมบูรณ์แบบ กรรมการจึงได้ให้คะแนนเขา 100 คะแนน ซูเถาบอกได้ว่าฝีมือของหวังเกาเฟิงนั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พลังในตัวของเขานั้นดีขึ้น หากเขาได้รักษาฉินเม่ยเม่ยอีกครั้ง ก็คงจะรักษาได้โดยที่ไม่ต้องให้ซูเถาช่วย
เพียงแค่เดือนเดียวก็พัฒนาฝีมือขึ้นมาได้ขนาดนี้ ซูเถาก็เริ่มรู้สึกว่าการแข่งขันนี้น่าสนใจขึ้นแล้ว
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ซูเถาขั้นไปบนเวที อี้ฮ่านยังคงยิ้มแย้มในขณะที่ผู้บรรยายกําลังดึงผ้าม่านออกเพื่อเผยให้เห็นผู้ป่วย
มีเสียงฮือฮฮาดังขึ้น ทางผู้จัดงานได้จัดคู่เด็กสาวโลลิต้าเอาไว้
ทั้งคู่ดูเหมือนจะเพิ่งอายุ 15 ปีเท่านั้น ผิวพรรณสวยงามและละเอียดอ่อน คนอื่นๆดูจะประหลาดใจมากทีเดียว
พิธีกรได้แนะนําผู้ป่วยเบื้องต้นก่อนที่จะส่งต่อเวทีให้กับผู้เข้าแข่งขัน ผู้ป่วยคนที่แก่กว่าชื่อเสี่ยวอัน อีกคนที่อ่อนกว่าชื่อเสี่ยวจิง
อี้หอ่านดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะเลือกเสี่ยวจิง ซึ่งเธอคงจะป่วยจากความร้อนในกระเพาะอาหาร เขามองไปยังซูเถาด้วยท่าทางเยาะเย้ย ทําไมอาการง่ายๆแบบนี้ซูเถาถึงได้ใช้เวลานานนัก ? อี้อ่านเดินไปทางเสียวจิงโดยไม่ลังเล
อี้ฮ่านยิ้มก่อนจะให้เสี่ยวจิงนอนลงและเริ่มดําเนินการฝังเข็มไปที่จุด เก้อกู่ จูซานลี่ เฉิน กวนย่าน และฉีไห่
เข็มเงินในมือของอี้อ่านสั่นไหวเล็กน้อย มีเสียงร้อนฉ่าดังขึ้นเมื่อเขาฝังเข็มลงไปที่เสี่ยวจิง ในขณะเดียวกันเขาใช้เทคนิคการฝังเข็มที่สืบทอดกันมาในครอบครัว เนื่องจากของตระกูลอี้นั้นมีประวัติศาสตร์มานับร้อยปีแล้วที่เยโจวนี้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายมักในประเทศจีน แต่พวกเขาก็เป็นที่รู้จักดีในเยโจว
ในสมัยเด็ก อี้ฮานอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายและไม่ได้ศึกษาเทคนิคฝังเข็มประจําตระกูลมากนัก แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุรถถยนต์ในคราวนั้น ทําให้เขาต้องแบกรับความรับผิดชอบ มากขึ้น
นอกเหนือจากพลังฉีแล้ว ฝีมือการฝังเข็มของตระกูลอี้เน้นการฝังเข็มอย่างมั่นคง ซึ่งมันก็ทําให้มือของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นแถมยังเปลี่ยนนิสัยการกินอีกด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะดูท้วม แต่ก็มีส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อเช่นกัน
เมื่อเห็นการฝังเข็มของอี้อ่านกับเสี่ยวจิง ซูเถาส่ายหัวพลางถอนหายใจ ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิด เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของเสี่ยวอัน ซึ่งเธอจะดูท่าทางไม่สบายใจ
อาการปวยของฝาแฝดคู่นี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด พวกใช้วิธีการรักษาแบบเดียวกับอี้ฮ่าน พวกเธออาจจะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเขาเดินไปทางอี้อ่านก่อนจะค่อยๆยื่นมือเข้าไปขวางการฝังเข็มของเขา
“ทําอะไรของนายน่ะ ?” อี้ฮ่านกําลังจดจ่ออยู่กับการรักษาเสี่ยวจิง ดังนั้น เขาจึงรู้สึกประหลาดใจกับการกระทําของซูเถา
“นั่นไม่ใช่วิธีการรักษาเธอนะ” ซูเถาตอบกลับด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด
อี้อ่านตอบกลับ “ พูดบ้าอะไรของนาย มันไม่ดูตลกไปหน่อยหรือไงที่มารบกวนคู่แข่งเนื่องจากตัวเองหาวิธีรักษาไม่ได้นะ ?”
ในตอนที่อี้อ่านพูดออกมา ผู้ชมทั้งหมดก็ส่งเสียงขึ้นมาทันทีด้วยความโกลาหล เก้อเหวินระเบิดหัวเราะออกมา เขารู้สึกว่าซูเถาในตอนนี้เหมือนกับตัวตลก
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าแข่งขันได้อีก แต่ซูเถาก็ได้เข้าไปรบกวนคู่แข่งที่กําลังรักษาอยู่ นี่เขาทําสมองหายไปหรือเปล่า ?