Physicians Odyssey - ตอนที่ 84 เปิดฉาก! การแข่งขันราชาแห่งแพทย์
Physicians Odyssey บทที่ 84 เปิดฉาก! การแข่งขันราชาแห่งแพทย์
บทที่ 84 เปิดฉาก ! การแข่งขันราชาแห่งแพทย์
ซูเถาเป็นคนที่มีอารมร์หลากหลาย ถึงแม้เขาจะตกหลุมรักคนอื่นง่าย แต่เขาก็ไม่ได้เป็นพวกเหลาะแหละในความรัก ตั้งแต่วันที่เขาได้พบกับคู่ชีเหมี่ยว เขารู้สึกว่าราวกับมีด้ายแดงคอยเชื่อมโยงพวกเขาเอาไว้ มันเริ่มด้วยการเข้าใจผิดในการพบกันครั้งแรกซึ่งซูเถาพยายามจะช่วยเธอ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะถูกโชคชะตากําหนดเอาไว้แล้ว และตอนนี้ ซูเถาก็มีความรู้สึกหลายๆอย่างปนกัน และเขาก็ต้องการที่จะปกป้องเธอจากอันตรายต่างๆที่เข้ามา
ความรู้สึกจะต้องค่อยๆหล่อหลอมให้เหมือนเหล็ก ราวกับไวน์ที่ยิ่งบ่มนานยิ่งมีรสชาติดี
เขารู้สึกหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันขณะที่มองไปยังลู่ชีเหมี่ยว ด้วยความต้องการที่อยากจะเป็นเจ้าของเธอ ราวกับว่าเธอนั้นเป็นทุกอย่างของเขา และเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถปกป้องเธอ
ในฐานะที่เป็นคนที่เรียนจิตวิทยามาพอสมควร ซูเถารู้ตัวว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเธอนั้นค่อยๆเติบโตขึ้น และเมื่อมันถูกเร้าเข้า ความรู้สึกของเขาก็จะแสดงออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้น และเมื่อความรู้สึกของเรารุนแรงขึ้น ในสายตาเขา ลู่ชีเหมี่ยวนั้นมีแต่ข้อดี และไร้ซึ่งข้อเสียไปในทันที
อย่างเช่น ถึงแม้ว่าลู่ชีเหมี่ยวจะเป็นคนที่เย็นชาแถมยังแต่งงานแล้ว ในสายตาของคนส่วนมาก สิ่งเหล่านี้คือข้อเสีย แต่ไม่ใช่กับซูเถา ตรงกันข้าม มันกลับทําให้เธอดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
หลังจากที่พวกเขากินอาหารกลางวันเสร็จ ซูเถาก็ได้รับแจ้งจากฝ่ายจัดงานให้ลงทะเบียนก่อนบ่ายสองครึ่ง ส่วนพิธีเปิดและการจับสลากผู้เข้าแข่งขันจะเริ่มขึ้นตอนบ่ายสามโมง
ทางฝ่ายผู้จัดงานได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านแพทย์แผนจีนมาพูดอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของแพทย์แผนจีน และในทางกลับกัน การแข่งขันนี้ก็เป็นการแข่งขันระหว่างโรงพยาบาลและสํานักต่างๆ เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจให้มากขึ้น
เมื่อไม่กี่ปีก่อน พวกเขาได้พยายามเผยแพร่การแพทย์แผนจีน อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของการแพทย์แผนจีนก็ดูจะไม่สู้ดีนัก เนื่องจากมีมิจฉาชีพคอยจ้องจะฉวยโอกาสอยู่เสมอ ผู้คนส่วนใหญ่เลยรู้สึกว่าพวกหมอนั้นเป็นแต่พวกนักต้มตุ้นเท่านั้น
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในที่จัดงาน ถังหนานเจิ้งพบซูเถาก่อนที่เขาจะดึงมือซูเถาเข้าไปด้วยรอยยิ้ม “มานี่สิ เดี่ยวชั้นจะแนะนําคนให้รู้จัก
ถ้าเป็นผู้หญิงมาจูงมือเขา ซูเถาย่อมต้องดีใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็นมือของคนแก่อย่างถังหนานเจิ้ง เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ถังหนานเจิ้งก็พยายามจะช่วยเหลือเขาจริงๆ
“คนนี่คือหมอ เซียงโบหรัน เทคนิคประคบไฟของเขานั้นหาตัวจับได้ยากจริงๆ” ถังหนานเจิ้งแนะนํา
เซียงโบหรันมองสํารวจไปยังซูเถาก่อนจะยิ้ม “ผู้มีพรสวรรค์ อย่างงี้นี่เอง คุณถังพูดเรื่องของคุณทุกวันเลย คุณคงจะเป็นหมอเทวดาผู้มากด้วยพรสวรรค์ที่มาจากฮั่นโจว ซูเถาสินะ?”
ถังหนานเจิ้งหัวเราะ “ใช่ๆ เขานี่แหละ! เป็นไง หลังจากได้เห็นตัวเขาเป็นๆ การเดิมพันของเรายังคงมีผลอยู่ใช่มั้ย?”
เซียงโบหรันพยักหน้า “เขามีการหล่อเลี้ยงพลังฉีที่น่าทึ่งจริงๆ แต่ภายใต้การแข่งขันที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะเหล่านี้ ถ้าเขาเข้ารอบแปดคนได้ ถือว่าคุณชนะไปเลย และขวดยานัตถ์ของราชวงค์ซิงที่ผมเก็บรักษาเอาไว้หลายปีก็จะกลายเป็นของคุณ”
ถังหนานเจิ้งขยิบตาไปทางซูเถา “นายต้องชนะนะ ชั้นเดิมพันพัดภาพวาดของเจิ้งเซี่ยเอาไว้เชียวนะ”
ซูเถายิ้มแห้งๆ เขานึกขึ้นได้ว่าการพนันนั้นมีอยู่ทุกที่จริงๆ ไม่แปลกใจที่พวกยูโทเปียจะให้ความสําคัญกับการแข่งขันครั้งนี้มาก ถึงขนาดเปิดเว็บพนันเอาไว้ให้เหล่าเซียนพนันเลยทีเดียว
ซูเถายิ้มอย่างสุภาพ “คุณถัง ถ้าผมแพ้ก็อย่าโทษผมละกัน ตั้งแต่สมัยโบราณ มีหมอเทวดาคนไหนบ้างที่กล้าประกาศตัวออกมาว่าไร้คู่ต่อกร? ถึงแม้จะเป็นหมอที่น่าเกรงขามก็ย่อมมีจุดบอดเช่นเดียวกัน ไม่ต้องพูดถึงการแพทย์ที่ก้าวหน้ากับเชื้อโรคร้ายที่กําลังพัฒนาขึ้น ใครจะมั่นใจตัวเองได้ว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค ?”
ถังหนานเจิ้งพยักหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะตบไหล่ซูเถา “ชั้นเชื่อมั่นในสายตาของตัวเองอยู่แล้ว ด้วยคําพูดเหล่านั้น ถึงแม้จะแพ้การพนันชั้นก็พอใจ”
เมื่อเห็นความเชื่อใจที่ถังหนานเจิ้งมี ซูเถาคิดว่าเขาต้องทําให้สุดความสามารถ
สายตาของหวังเกาเฟิงจ้องมายังซูเถาที่อยู่ไม่ไกลนัก ในขณะที่เขากําลังคุยกับคนอื่นอยู่ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคู่แข่งของรายการนี้ มีหลายคนพยายามที่จะขอถ่ายรูปกับเขา
“เกาเฟิง! ชั้นรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆที่ได้อยู่สายแข่งเดียวกับนาย” ไปฟ่านโบกมือ
หวังเกาเฟิงจับมือกับเขา ไปฟ่านนั้นเตี้ยกว่าเขานิดหน่อย “ไปฟานถ่อมตัวมากไปแล้ว ทางแพทย์ศาสตร์ราชันย์เป็นเจ้าภาพ งานนี้ โอกาศชนะของนายมีมากกว่าซะอีก !”
ไปฟ่านยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน “โอกาสอะไรกัน ลืมพวกบริษัทพนันอะไรนั่นเถอะ ในแง่ของความสามารถ ทุกๆคนต่างก็คาดหวังในตัวนายอยู่นะ”
หลังจากเขาพูดจบ ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นเล็กน้อย ไปฟ่านหันกลับไปยิ้ม “ตัวแทนของ Aqua Cloud System อยู่ที่นี่แล้ว !”
หวังเกาเฟิงเดินไปทางไปฟ่าน เมื่อเด็กสาวเห็นหวังเกาเฟิง เธอก็โบกมือให้เขา “พี่ใหญ่เกาเฟิง ในที่สุดก็ได้พบกันซะที!”
หวังเกาเฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ซูเอ้อ ไม่เจอกันแป๊ปเดียวสูงขึ้นเยอะเลย ก่อนหน้านี้ยังตุ้ยนุ้ยเป็นลูกมะเขือเทศอยู่เลยแท้ๆ”
โม่ซูเอ้อนั้นมีหุ่นที่ผอมเพรียว มาพร้อมกับส่วนสูง 5.6 ฟุตเธอดูจะโมโหเล็กน้อย “เจ๊ใหญ่ พี่ใหญ่เกาเฟิงแกล้งหนู พี่ต้องจัดการเขาให้ชั้นนะ !”
สายตาที่อ่อนโยนของหวังเกาเฟิงจ้องไปทางผู้หญิงคนหนึ่ง โม่ซูเอ้อถึงแม้จะเป็นสาวสวย แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ในเงาอีกคนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวยมากมายอะไร แต่เธอก็มีความงามแบบธรรมชาติซึ่งไม่มีใครกล้าสบตาเธอตรงแน่ๆ
ในตอนที่เธอเดินเข้ามา ทุกคนก็ต่างจับจ้องไปที่หมด ทั้งชายหญิงต่างก็มองไปที่เธอทั้งสิ้น
ถังหนานเฉิงซึ่งยืนอยู่ข้างซูเถาเอามือลูบเครา “คนนั้นคือผู้ชนะ เมื่อปีที่แล้ว หลิวโร่วเฉิน”
ซูเถาได้ศึกษาข้อมูลของหลิวโร่วเฉินมาบ้าง หลังจากที่เธอเอาชนะการแข่งเมื่อปีที่แล้ว เธอก็ได้เป็นเจ้าสํานัก Aqua Cloud Stream ซึ่งสํานักนี้รับแต่ผู้หญิงเท่านั้น ด้วยความรู้ทางด้านสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา และเมื่อหลิวโร่วเฉินได้รับตําแหน่งราชาเมื่อปีที่แล้ว ก็หมายความว่าสาขาอื่นๆก็ไม่ได้แย่เลย เป็นผู้เชี่ยวชาญรอบด้านของจริง
หลิวโร่วเฉินมองไปยังหวังเกาเฟิง “เกาเฟิง ซูเอ้อไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าอ้วนมากที่สุดเลยนะ อย่าไปสร้างบาดแผลให้เธอเลย เดี๋ยวเธอก็กลับไปไดเอทอีก 2-3 เดือนเมื่อเธอกลับไปแล้ว”
เธอพูดด้วยท่าทางผ่อนคลายถึงแม้ว่ามันจะเหมือนการวิจารย์ก็ตาม หวังเกาเฟิงยิ้มก่อนจะตอบกลับ “พอลองดูดีๆ เธอก็เหมือนจะผอมลงไปหน่อยนะ โร่วเฉิน อาหารที่ Aqua Cloud Stream ไม่อร่อยหรือไง ?”
โมซูเอ้อหัวเราะก่อนจะร่วมวงสนทนาด้วย “พี่ใหญ่เกาเฟิง ช่วยพูดกับเจ้าสํานักให้หน่อยสิ ไม่เพียงแต่จะกินมังสวิรัติเท่านั้น เธอยังต้องการให้พวกเรากินเหมือนเธออีกด้วย มีแต่กะหล่ําปลี หัวไชโป้ว และเต้าหูทุกวันจนชั้นเริ่มจะกลายเป็นลิงไปแล้วเนี่ย”
“เว่อร์ไปหน่อยมั้ง 2 โร่วเฉินคงจะมีเหตุผลอะไรแหละถึงได้ทําแบบนั้น” หวังเกาเฟิงกล่าวในขนะที่เอานิ้วดีดหน้าผากของโมซู
เอ้อ
หลิวโร่วเฉินมองไปยังซูเอ้อก่อนจะตอบกลับ “ไม่มีเหตุผลลึกซึ้งอะไรหรอก ชั้นแค่ไม่ชอบกินเนื้อเท่านั้นเอง หลังจากที่พวกเรากลับไปกันแล้ว ชั้นจะแยกครัวเออาไว้ให้ เธอจะได้ไม่ต้องมาบ่นเรื่องอาหารอีก”
บางครั้ง หัวงเกาเฟิงก็สงสัยเหมือนกันว่าทําไมเขาถึงโดนหลิวโร่ว เฉินดึงดูดเอาได้ บางทีท่าทางที่ดูเหนือชั้นของเธอคงทําให้เขาหลงเสน่ห์ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรให้เธอสนใจและการที่ทําให้ทุกอย่างมันดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
หลังพูดคุยกันไปอีกสองสามประโยค หวังเกาเฟิงก็เดินไปพร้อมกับหลิวโร่เฉิน “เธอคิดว่าเราจะเริ่มจัดงานแต่งกันเมื่อไหร่ดี?”
“แต่งงาน ? ถ้านายกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะไปหาคนอื่นเลยก็ได้นะ” เธอตอบกลับอย่างแผ่วเบา
หวังเกาเฟิงยิ้มเงื่อนๆ “ชั้นรอได้ ชั้นแค่เป็นห่วงเธอ กลัวว่าเธอจะหนีไปจากชั้น”
หลิวโร่วเฉินมองไปยังหวังเกาเฟิงก่อนจะตอบกลับ “ชั้นไม่คิดเลยว่าหมออัจฉริยะอย่างหวังเกาเฟิงจะเป็นแค่ผู้ชายที่ขาดความมั่นใจเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าชั้นก็รอนายอยู่เหมือนกันหรือไง ชั้นกําลังรอให้นายเอาชนะใจชั้นด้วยความสามารถของนายอยู่ เป็นก็น่าเสียดายที่นายยังไม่ได้เริ่มทํามันเลย !”
หวังเกาเฟิงยืนนิ่ง แต่หลิวโร่วเฉินเดินนําหน้าเขาไปแล้ว
เขามองไปที่เงาของเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะชอบที่เธอเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจนัก เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเอาชนะใจเธอ และทําให้เธอตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
หลังจากพิธีกรกล่าวเปิดงาน เซี่ยโร่วแต่งตัวด้วยชุดแบบโบราณ ด้วยเสื้อผ้าและรูปร่างของเธอ ราวกับว่าเธอมาจากท้องฟ้าเลยทีเดียว
รูปลักษณ์ของเซี่ยโร่วในวันนี้ก็คือภูติแห่งสมุนไพร เธอเริ่มเต้นด้วยท่วงท่าที่หนักหน่วงและเคลื่อนไหวอย่างเป็นจังหวะก่อนจะวางมือลงไปในตะกร้าดอกไม้ที่ลอยอยู่ ด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ ทําให้ผู้คนรอบๆรู้สึกผ่อนคลาย และงานก็ได้เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
ซูเถานั่งกับลู่ชีเหมี่ยว เขาพบว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เธอเอาแต่จดสมุดบันทึกเวลาคนคุยกัน แต่ซูเถาก็ไม่ได้ห้ามเธอ
หลังจากสุนทรพจน์จบลง ในที่สุดการแข่งขันก็ได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ ซูเถาเดินขึ้นไปบนเวทีและรู้สึกได้ว่าหวังเกาเฟิงกําลังมองมาที่เขาอยู่ เขารู้สึกดีเล็กน้อย ถ้าหากไม่มีใครสนใจเขาเลย เขาก็คงจะรู้สึกแย่น่าดู
เขามองไปทางไปฟ้านและสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายก็จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชาก่อนที่ไปฟานเอานิ้วโป้งขึ้นมาปาดที่คอทําท่าเชือดคอ!