Physicians Odyssey - ตอนที่ 80 การเซ็นต์เอกสารรับหนี้สิน 1 ร้อยล้านหยวน
Physicians Odyssey บทที่ 80 การเซ็นต์เอกสารรับหนี้สิ้น 1 ร้อยล้านหยวน
บทที่ 80 การเซ็นต์เอกสารรับหนี้สิน 1 ร้อยล้านหยวน
ก่อนจะได้พบกับซูเถา ถึงแม้ว่าเซี่ยหยูจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการกดจุดมาบ้าง เขาก็ยังสงสัยอยู่ดี แต่เมื่อเขาได้พบกับซูเถา ความสงสัยของเขาก็ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากแขนขาของเขานั้นชาจนไม่รู้สึกอะไร และเมื่อซูเถาต่อยกลับเข้าไปที่ท้อง แขนขาของเขาก็กลับมาเป็นปกติ มีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก เขารู้แล้วว่าได้เจอกับยอดฝีมือเข้าแล้ว เหตุผลที่เขาทํางานในสายงานนี้ก็เพื่อเงิน ดังนั้นมันจึงไม่คุ้มที่จะเอาชีวิตมาเสี่ยง
ซูเถาเข้าใจคนอย่างเซี่ยหยูดี พวกที่ไม่มีทั้งความฝันและจรรยาบรรณใดๆทั้งสิ้น หากมีเงินมากพอ เขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนฝั่งและหันไปเล่นงานสูหุยฟ่างแทนในวันพรุ่งนี้ ดังนั้น เขาจึงใช้ความรุนแรงกับเซี่ยหยูเพื่อป้องกันไม่ให้เขามาใช้ลูกเล่นใดๆ
เขาเองก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับอิ้งเล่อ เพียงแต่เขาไม่ ชอบพวกคนสอดรู้สอดเห็นก็เท่านั้น ซึ่งหากเขาไม่จัดการเรื่อง นี้ให้เรียบร้อย มันอาจจะสร้างปัญหาให้กับเขาได้ในอนาคต
เนื่องจากสูหุยฟ่างสามารถจ้างนักสืบมาเพื่อให้ติดตามอิ้งเล่อได้ ก็หมายความว่าเธออาจจะจ้างคนมารบกวนเขาได้ในอนาคต ท้ายที่สุดเขาก็ได้ให้ตบเป็นของขวัญกับเธอในงานเต้นรําและได้เทไวน์ทั้งขวดลงบนหัวสามีของเธอด้วย
ในฐานะที่เป็นพวกแกะรอยเก่ง เขาใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้นในการมาถึงที่คฤหาสน์ เซี่ยหยูลงไปคนแรกก่อนจะกดกริ่ง เมื่อพวกรปภ.ออกมาพร้อมไฟฉายและเห็นซูเถายืนอยู่ข้างๆเซี่ยหยู หน้าของเขาถอดสีราวกับเห็นผี ก่อนจะรีบโกยแนบเข้ามาข้างในและรายงานผ่านอินเตอร์คอม
ห้านาทีต่อมา มีรปภ.ยืนตั้งแถวอยู่สองแถวเรียงกันหน้าประตูพร้อมกับสูหุยฟางและเปี้ยนโหย่วเถียน สีหน้าของเซี่ยหยูเต็มไปด้วยความอับอาย “บอสสู ขอโทษด้วยครับ ผมโดนจับได้”
สีหน้าของสูหุยฟ่างเต็มไปด้วยความโกรธ “นายเอาเงินชั้นไปแล้ว นายควรจะเก็บมันไว้เป็นความลับถึงแม้ว่าจะโดนจับได้สิ !”
“ผมบอกเขาไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องคนที่จ้างมา และผมจะไม่ทํางานให้คุณอีก ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวจะคืนให้ทีหลัง” เซี่ยหยูส่ายหัว
สูหุยฟางรู้สึกปวดฟันขึ้นมาทันที เธอไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจะถูกเปิดเผยและซูเถามาเคาะประตูถึงบ้าน
ซูเถาก้าวออกมาสองก้าว “เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นชั้นจะบุกเข้าไปเอง”
สูหุยฟางหัวเราะ “ทําไมชั้นต้องให้นายเข้ามาด้วยล่ะ ? ถ้านายว่างมากนัก ก็รออยู่ข้างนอกนั้นแหละ พวกเราจะกลับไปนอนแล้ว” เธอหัวเราะเพื่อปกปิดความกลัวในใจ
ซูเถาถอนหายใจก่อนจะกลับเข้ามาในรถออีกครั้ง เขาเหยียบคันเร่งกะทันหันก่อนที่รถจะพุ่งเข้าไปชนประตูอย่างจัง เห็นอย่างนี้แล้วเซี่ยหยูรู้สึกสับสนไปหมด เขาเพิ่งจะถอยรถคันนั้นมาเมื่อเดือนที่แล้วซึ่งราคาราวๆ 2 ล้านหยวน ถ้าต้องจ่ายเพิ่มอีก รถของเขาคงต้องถูกแยกส่วนแน่
อย่างไรก็ตาม ซูเถาก็ไม่ได้ใช้รถนั่นพุ่งชนไปที่ประตูซะทีเดียว พวกนักเขียนบทสมองกลวงมักจะใช้ฉากนี้ในหนัง ประตูเหล็กนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ถ้าเขาใช้รถถพุ่งอัดเข้าไปละก็ รถได้กลายเป็นเศษเหล็กแน่โดยที่ไม่สามารถเปิดประตูได้ด้วย เมื่อผ่านประตูเข้ามาได้แล้ว เขาก็เหยียบเบรกกะทันหันและทําให้รถติดอยู่ระหว่างประตู
ซูเถาเปิดประตูอออกมาก่อนจะเหยียบขึ้นไปบนหลังคารถแล้วกระโดดอีกครั้ง เงาของเขาหายไปในอากาศ เซี่ยหยูอ้าปากค้างกับฉากนี้ เนื่องจากซูเถาสามารถกระโดดข้ามประตูที่มีความสูงสามเมตรครึ่งผ่านเข้าไปได้ ถึงแม้ว่าเขาจะปีนหลังคารถก็ตามที
เมื่อซูเถาจะถึงพื้น เขาได้ม้วนตัวลงพื้นเพื่อลดแรงกระแทก สําหรับคนปกติการกระโดดลงมาด้วยความสูงสามเมตรครึ่งนั้นเสี่ยงต่อการกระดูกหัก แต่เนื่องจากเทคนิคคลื่นพลังชีพจรของเขา ทําให้มีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนธรรมดา
พวกรปภ.ไม่กล้าทําอะไรเลย หนําซ้ำพวกเขายังเปิดทางให้ซูเถาอีกต่างหาก ซูเถาเดินไปทางสูหุยฟ่างก่อนจะจิกผมเธอและจับเขวี่ยงลงพื้น เนื่องจากเธออใส่ชุดนอน หน้าอกของเธอจึงกระแทกลงไปบนพื้น เสื้อผ้าขาดออกเลยให้เห็นผิวของเธอ
ขนาดถูกจับ สูหุยฟางก็ยังสบถใส่ซูเถา “ไอ้เจ้าคนขี้โกง พรุ่งนี้ชั้นจะให้คนไปเอาชีวิตแกแน่ ! อิ้งเล่อด้วย ชั้นจะทำให้ขอทานนับร้ออยไปรุมข่มขืนเธอซะ !”
แต่ซูเถาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ขนาดตอนนี้หล่อนก็ยังไม่หยุดด่าเขา ในตอนที่พวกเขาเข้าไปที่ห้องโถง เปี้ยนโหย่วเถียนก็ไม่สามารถทนแรงกดดันได้ไหวก่อนจะลงไปนั่งบนพื้น ในตอนนั้นเอง ซูเถาดูราวกับเป็นจอมปีศาจในสายตาของเขา
“ขอร้องล่ะ ปล่อยเมียชั้นเถอะ” เปี้ยนโหย่วเถียนคุกเข่าขอร้องก่อนจะพูดต่อ “ทั้งหมดมันเป็นความผิดขอองชั้นเอง ปล่อยเธอไปเถอะ”
“ทําไมถึงไปขอร้องมันล่ะ ไอ้เจ้าคนขี้ขลาด !” สูหุยฟางโม โห
ในตอนนี้ เปี้ยนโหย่วเถียนสาปแช่งสูหุยฟางในใจ เธอถูกความโกรธเข้าครอบงําจนลืมที่จะทําตัวให้เรียบร้อยเพื่อรักษาตัวเองไว้ก่อนแล้วค่อยเอาคืนทีหลัง ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ว่ามาเลยว่านายต้องการอะไร ขอแค่ปล่อยเมียของชั้นก็พอ”
ซูเถาเหยียดมือเข้าไปจับที่กรามของสูหุยฟ่าง เธอไม่สามารถพูดได้ในขณะนี้ ก่อนจะหันไปทางเปี้ยนโหย่วเถียน “อย่างแรก นายต้องอยู่ให้ห่างจากลิ้งเล่อ นายต้องลาออกและออกไปจากฮั่นโจวในวันพรุ่งนี้ นายจะได้ไม่มีโอกาสที่จะได้เจอกับเธออีก อย่างที่สอง นายต้องร่างสัญญายอมรับหนี้ขึ้นมาให้ชั้น โดยมีมูลค่า 1ร้อยล้านหยวน อย่างที่สาม เขียนสารภาพความผิดทั้งหมดที่นายได้ทําเอาไว้กับเมียของนายเมื่อปีที่แล้วมาให้ชั้นซะ”
1 ร้อยล้าน ? เขามีทรัพย์สินรวมทั้งหมดก็แค่ 20-30 ล้านเท่านั้นเอง เปี้ยนโหย่วเถียนตะลึงเมื่อได้ยินของสองกับข้อสาม ซูเถาได้พยายามกุมจุดอ่อนของเขาให้หมดเพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถกลับมาล้างแค้น
เขาตอบกลับทันควันด้วยความโกรธ “ชั้นยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้หรอก !”
ซูเถาถอนหายใจก่อนจะจับคอเสื้อของเปี้ยนโหย่วเถียนขึ้นและเข้าไปที่จุดฝังเข็มตรงบริเวณหน้าออก ทันใดนั้นเปี้ยนโหย่วเถียนก็รู้สึกเหมือนมีมดจํานวนนับไม่ถ้วนกําลังรุมกัดเขา
ซูเถาโยนเขาลงไปที่พื้นและอีกห้านาทีต่อมา เปี้ยนโหย่วเถียนก็ไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไปก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางที่หวาดกลัว “ชั้นตกลง !”
ก่อนหน้านี้ ซูเถาได้ตัดหลอดเลือดแดงที่ส่งเลือดไปเลี้ยงหัวใจเขาหลายเส้น จนทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากกว่ากระดูกหักเป็นร้อยเท่า มันเจ็บเทียบเท่ากับตอนที่ผู้หญิงคลอด ซึ่งคนธรรมดาทนได้แค่ห้านาทีก็สลบไปแล้ว
ซูเถาได้คาดคะเนจากลักษณะนิสัยของเปี้ยนโหย่วเถียน และเมื่อเอามาเปรียนเทียบกับสูหุยฟ่าง เปี้ยนโหย่วเถียนนั้นกลัวตายมากกว่า มันจึงง่ายที่ซูเถานั้นจะขู่เขา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เปี้ยนโหย่วเถียนได้ส่งมอบสัญญารับสภาพหนี้และหนังสือคําสารภาพให้ซูเถาก่อนที่เขาจะมองดูแล้วพูดขึ้น “ยังไม่พอ ไปเขียนมาใหม่”
เปี้ยนโหย่วเถียนตอบกลับ “นี่คิดจะไล่กันให้จนมุมเลยหรือยังไง ?”
ซูเถาเตะไปที่ท้องของเปี้ยนโหย่วเถียนจนกระเด็นไปหลายเมตรและกระแทกเข้ากับกําแพง ซูเถาพูดขึ้น “ลองคิดเรื่องนี้จากมุมมองของคนอื่นดู ถ้าชั้นไม่ทําแบบนี้ อิ้งเล่อได้ถูกพวกนายเล่นงานแน่ ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่พวกนายสมควรได้รับ !”
เปี้ยนโหย่วเถียนเอามืออกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ในตอนนี้ เขาทําได้แค่ตามที่ซูเถาสั่งเท่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบสูหุยฟางมอองไปยังซูเถาด้วยสายตาดุร้าย
ซูเถาไม่ได้ใส่ใจเธอมากนัก พวกน่ารังเกียจก็สมควรจะได้รับการปฏิบัติที่น่ารังเกียจ คู่สามีภรรยาคู่นี้รังแกคนอื่นมามาก จึงเป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่กล้าแจ้งตํารวจ ถ้าตํารวจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องมันจะยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก
หลังจากเขียนอยู่สามครั้ง ในที่สุดซูเถาก็ยอมรับคําสารภาพ และมองไปยังสูหุยฟ่าง “ชั้นจัดเก็บหนังสือสารภาพนี่เอาไว้ แต่ถ้าพวกนายวางแผนอะไรขึ้นมาอีก ก็เตรียมรับผลเอาไว้ให้ดีแล้วกัน”
หลังพูดจบ ซูเถาเดินไปยังสูหุยฟ่างก่อนจะคลายจุดใบ้ที่ตัวเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะมองซูเถาด้วยสายตาที่ดุร้าย แต่เธอก็ไม่กล้าพูดกับเขา เธออรู้สึกกลัวเมื่อรู้ว่าซูเถาหมายถึงอะไร สายตาของเขานั้นสามารถมองทะลุได้ทุกอย่าง
หลังจากที่ซูเถาออกไป เปี้ยนโหย่วเถียนเดินเข้าไปพยุงสูหุยฟาง แต่ถูกเธอสะบัดแขนทิ้ง “ทําไมคุณถึงเขียนทุกอย่างลงไปล่ะ ? ไม่กลัวว่ามันจะเอาไปให้พวกตํารวจหรือยังไง ?”
เปี้ยนโหย่วเถียนส่ายหัว “มันไม่เอาไปให้หรอก เหตุผลก็คือ เราเป็นหนี้เขา 1 ร้อยล้านหยวน ถ้าพวกเราหายไป มันก็ไม่ได้อะไรเลย”
“งั้น เราจะทํายังไงต่อไปดี ?” สูหุยฟ่างกัดฟัน
หลังเงียบไปซักพัก เขาตอบกลับ “ออกไปจากฮั่นโจวกันเถอะ ตราบใดที่เราไม่ได้อยู่ใกล้มัน เราก็สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีได้”
“คุณต้องการให้ชั้นทิ้งทุกอย่างแล้วอออกจากฮั่นโจวไปกับคุณงั้นเหรอ ?”
เปี้ยนโหย่วเถียนโอบไหล่เธอเบาๆ “ไว้เราสะสมกําลังได้มากพอ ค่อยกลับมาที่นี่อีก”
เมื่ออเห็นสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยความออดกลั้น สรุยฟ่างพยักหน้า “ชั้นจะฟังคุณ”
เปี้ยนโหย่วเถียนเข้าใจถึงเจตนาของซูเถา หลังสืออสารภาพผิดกับหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเพียงเครื่องมือที่เอาไว้ปกป้องอิ้งเล่อก็เท่านั้นเอง
หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ มีแสงไฟของรถซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เขาจึงเดินไปเข้าไปและพบว่าเซี่ยหยูนั้นยังไม่กลับ เซี่ยหยู่ลุกออกมาจากที่นั่งคนขับก่อนจะพูดขึ้น “เดี่ยวชั้นไปส่งนายเอง
ซูเถาอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะพบว่าเซี่ยหยูนั้นเป็นคนที่น่าสนใจเล็กน้อย ซูเถาเพิ่งอัดเขาไป แต่เซี่ยหยูก็ยังคงมีทัศนคติเช่นนี้กับเขา ซึ่งแปลว่าเซี่ยหยูนั้นคงเป็นพวกที่มีสติปัญญามากพอดู
ออย่างไรกู้ตาม ซูเถาก็ไม่ได้ปฏิเศธความตั้งใจของเขาเข้าขึ้นไปนั่งข้างหน้า เซี่ยหยูต้องการจะสูบบุหรี่ แต่เขาก็ไม่ได้จุดบุหรี่แม้ว่าจะคาบบุหรี่อยู่ก็ตาม “ผมอยากรู้จริงๆ คุณจัดการกับสูทุยฟางกับเปี้ยนโหย่วเถียนได้ยังไง ?”
“ชั้นบอกให้พวกเขาไปจากฮั่นโจว ไปให้ไกล ไกลอีก” ซูเถาถถอนหายใจ
เซี่ยหยูอึ้ง “ถ้าไม่จัดการจนถึงต้นตอ ซักวันพวกเขาก็ต้องกลับมาอีกแน่ คุณไม่กลัวเหรอ พวกเขาอาจจะกลับมาอีกในสิบกว่าปีข้างหน้านี้ก็ได้”
ซูเถายักไหล่ก่อนจะเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอยและพิงเก้าอี้ “พวกนั้นทําอะไรชั้นไม่ได้หรอก ถึงแม้ชั้นจะให้โอกาส พวกนั้นอีกสิบปีหรือยี่สิบปีก็ตาม พวกนั้นก็ทําได้แค่อยู่ให้ห่างจากชั้นเท่านั้น แล้วทําไมชั้นต้อองกลัวพวกเขาด้วยล่ะ ?”
“คุณนี่สุดยอดจริงๆ ที่ผมยังรอคุณอยู่ก็เพื่อจะขอโอกาสจากคุณ !” เซี่ยหยูยิ้มด้วยความเขินอาย
ซูเถาถาม “โอกาสอะไร ?”
“ให้ผมได้ติดตามคุณเถอะ !” เซี่ยหยูพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขาพูดต่อ “ผมรู้สึกว่าการพบกันของเราเป็นการพบกันแห่งโชคชะตา ถ้าผมติดตามคุณ ผมมั่นใจเลยว่าชีวิตของผมต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ !”
“นายเป็นนักสืบเอกชนอยู่แล้วนี่ ปีนึงได้เงินเป็นล้าน นายไม่ควรรีบตัดสินใจอย่างนี้นะ” ซูเถายิ้ม
เซี่ยหยูตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ในตอนที่คนๆหนึ่งได้กลายเป็นเทวดา ผู้ติดตามของเขาก็จะได้ขึ้นสวรรค์ไปด้วย ด้วยความสามารถของผม ตอนนี้มันถถึงขีดจํากัดแล้ว ผมเลยอยากจะยืมพลังของใครซักคน และผมก็มั่นใจว่าคนๆนั้นก็คือคุณ”
หลังจากนิ่งอยู่พักนึง ซูเถถาหยิบนามบัตรออกมา “งั้นไว้มาหาชั้นก็แล้วกันถ้านายว่าง”
ซูเถารู้สึกว่าเขาต้องการผู้ช่วยอย่างเซี่ยหยู เนื่อองจากสังคมเดี๋ยวนี้มันซับซ้อน และเซี่ยหยูนั้นก็มีประสบการณ์มากพอที่จะคอยแบ่งเบาภาระได้ หากว่าเซี่ยหยูนั้นสอบผ่านการทดสอบความจงรักภักดีของเขาได้