Physicians Odyssey - ตอนที่ 77 นักเต้นผู้โศกเศร้า
Physicians Odyssey บทที่ 77 นักเต้นผู้โศกเศร้า
บทที่ 77 นักเต้นผู้โศกเศร้า
สูหุยฟางปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเธอผิด ก่อนจะสั่งพวกการ์ดที่เหลือ “จัดการมันเลย !”
“ทําไมเราไม่ลืมๆมันไปซะล่ะ ที่รัก ?” เบี้ยนโหย่วเถียนรู้ว่า หากยังคงตามตื้อต่อเขาคงจะได้กลายเป็นเหยื่อต่อไปแน่ “ทําไมเราไม่ปล่อยพวกเขาไปล่ะ ?”
สูหุยฟางส่ายหัวด้วยความโมโห “ทําไมคุณถึงขี้ขลาดอย่างนี้นะ ? พวกนี้มันกล้ามาถึงที่นี่ แล้วเราจะปล่อ ยมันไปทั้งๆแบบนี้เหรอ ?”
เบี้ยนโหย่วเถียนถอนหายใจอย่างเอือมระอา “งั้นคุณจะให้ผมทํายังไงล่ะ ? ขนาดพวกการ์ดยังเอาชนะไม่ได้เลย คุณจะให้ผมเข้าไปโดนอัดอีกคนหรือไง ?”
สูฟุยฟางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เพราะเธอไม่สามารถทําอะไรซูเถาได้ เธอเรียกคนมางานนี้เยอะเพื่อที่จะฉีกหน้าอิ้งเล่อ อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่คิดว่าการ์ดนับสิบคนไม่สามารถจัดการชายที่อิ้งเล่อพามาได้เลย
คลิปหลุด
และที่สําคัญที่สุด ในฐานะผู้ชาย เปี้ยนโหย่วเถียนต้องการจะไล่ซูเถาออกไปทันทีเหมือนกับไล่เชื้อโรค
ยิ่งไปกว่านั้น อิ้งเล่อก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
ในช่วงเวลาสั้นๆ ความรู้สึกที่เธอมีต่อซูเถาก็ได้เปลี่ยนไปด้วยสิ้นเชิง ความรู้สึกที่เขามอบให้เธอนั้นราวกับช้อนเงิน เว้นแต่ว่าเขายังดูเด็กเกินไปแต่ก็ดูดีเช่นกัน ในตอนนี้ ภาพลักษณ์ของซูเถาในสายตาเธอนั้นทําให้เธอรู้สึกประทับใจและปลอดภัย
ซูเถากวาดตามองไปรอบๆและพบไวน์ขวดนึงซึ่งอยู่ไม่ไกลมือนัก เขาเดินไปหยิบขวดไวน์ก่อนจะเดินตรงไปยังสู หุยฟานและเปี้ยนโหย่วเถียนพร้อมกับขวดไวน์ในมือ
ในตอนนั้นเอง ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าซูเถานั้นจะทําอะไรต่อ
เมื่อเห็นซูเถากําลังเดินเข้ามา เปี้ยนโหย่วเถียนรู้สึกประหม่าอย่างมาก เขายืนทําอะไรไม่ถูกเพราะรู้ว่าซูเถานั้นเล็งมาที่เขาแน่ เขาต้องการจะถอยไปตั้งหลักก่อนแต่ทว่าขาก็ไม่มีแรงเลย หลังจากเดินมาถึงเปี้ยนโหย่วเถียน ซูเถาจับคอเสื้อเขา ก่อนจะจี้เข้าไปที่ศูนย์ถ่วงของและทําให้เปี้ยนโหย่วเถียนนั้นคุกเข่าลง
ซูเถาเอียงขวดที่อยู่ในมือ เทไวน์ลงบนหัวของเปี้ยนโหย่วเถียน ผมที่หวีมาอย่างเรียบร้อยถูกฉาบไปด้วยสีแดงของไวน์ เปียกโชกจนทําให้ผมไม่เป็นทรงอีกต่อไป
ซูเถากล่าวด้วยน้ําเสียงที่สดใส “เหตุผลที่ชั้นมาในวันนี้ก็เพื่อเตือนนายไม่ให้มารบกวนแฟนชั้น ถ้านายยังขึ้นซื้อไม่เลิก ไม่จบแค่ไวน์ราดหัวแน่ ยิ่งไปกว่านั้น จําเอาไว้ด้วยว่าอิ้งเล่อน่ะเป็นคนดี เธอทั้งใสซื่อและโง่เง่า ดังนั้น เธอเลยถูกนายหลอกเข้ายังไงล่ะ ให้ความสําคัญกับครอบครัวและพอใจในสิ่งที่มีซะ ในฐานะภรรยา เธอควรจะใส่ใจตัวเองให้มาก ผู้ชายก็เห มือนสัตว์ป่านั่นแหละ ถ้าพวกผู้หญิงไม่ดูแลตัวเองให้มากพอ ซักวันก็ต้องถูกทอดทิ้ง”
เขาเข้าใจความรู้สึกของสูหุยฟาง เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะเกิดการตอบโตขึ้นหากพบกับมือที่สาม ปัญหาก็แค่เปี้ยนโหยวเถียนเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและเป็นคนที่ทําให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
หลังจากเทไวน์จนหมดขวด ซูเถาก็ได้เขวี่ยงขวดไวน์ลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาปัดมือก่อนจะเดินกลับไปหาอิ้งเล่อ หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกไป ตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มจนจบ ไม่มี ใครกล้าขัดขวางซูเถากับอิ้งเล่อ
เมื่อกลับไปที่รถ อิ้งเล่อเข้าไปนั่งจับพวงมาลัยก่อนจะเริ่มหัวเราะเหมือนคนบ้า
ซูเถาถอนหายใจ รอให้เธอหยุดหัวเราะอยู่ประมาณห้านาที ก่อนเขาจะส่งทิชชูให้เธอ “อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ ตอนนี้เธอดูน่ากลัวมากเลยล่ะ”
“ทําไมชั้นต้องร้องด้วยล่ะ ? ในที่สุดชั้นก็ได้เป็นอิสระซักที มันจะต้องเป็นวันที่มีความสุขแน่นอนเลย อย่างงต้อ งฉลอง” อิ้งเล่ออธิบายพลางเช็ดน้ําตาออกจากหางตา
ซูเถาส่ายหัว “ชั้นว่าเธอกลับบ้านไปนอนพักซักหน่อยจะดีกว่า หลังจากตื่นมาพรุ่งนี้ เธอก็จะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันก็ไม่เปลี่ยนไปหรอก มันไม่มีอะไรสําคัญทั้งนั้น ยังไงซะโลกก็ยังหมุนต่อไปอยู่ดี เธอยังคงมีความภาคภูมิใจในตัวอยู่นะ”
อิ้งเล่อหันไปทางซูเถาก่อนจะถอนหายใจ “นี่ชั้นดูเหมือนรัก เขามากเลยงั้นเหรอ ?”
“ถ้าเธอไม่ได้ชอบเขา ทําไมเธอถึงยังมาที่นี่ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นแผนที่วางเอาไว้ล่ะ ?” ซูเถาพยักหน้า
อิ้งเล่อชะงักไปชั่วครู่ “ถูกตามที่นายวิเคราะห์นั่นแหละ ชั้นมานี่ทั้งๆที่รู้แล้วว่ามันเป็นแผนที่วางเอาไว้ ชั้นต้องการจะเผชิญหน้ากับสูหุยฟาง ชั้นอยากรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไงระหว่างภรรยาของเขากับชั้น !”
“ความจริงมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ แต่มันก็เข้าใจได้ หล่อนเป็นเมียของเขา และเธอก็เป็นแค่เมียน้อยของเขาเท่านั้นเอง” ซูเถาเสริม
อิ้งเล่ออึ้งกับคําพูดของซูเถา ก่อนเธอจะยิ้มอย่างขมขื่น “นายนี่โหดร้ายจริงๆ คําพูดนายแทงใจดําชั้นอย่างจังเลย”
“เธอต้องยอมรับความจริง ไม่งั้นเธอก็ไม่ตื่นจากภวังค์หรอก และก็คอยหาข้อแก้ตัวให้กับเปี้ยนโหย่วเถียน” ซูเถากล่า
“นายอยากฟังเรื่องขอบชั้นกับเขาไหมล่ะ ?” อิ้งเล่อถอนหายใจ
ซูเถายักไหล่ “ชั้นไม่สนหรอก แต่วันที่เธอเช่าชั้นมานี่นะ ก็คงเป็นหน้าที่ของชั้นที่จะต้องรับฟังแหละ”
อิ้งเล่อสตาร์ทรถ ก่อนที่จะเคลื่อนรถออกไปช้าๆ และเริ่มเล่าเรื่องระหว่างเธอกับเปี้ยนโหย่วเถียน
เปี้ยนโหย่วเถียนนั้นถือว่าเป็นผู้นําที่มีความสามารถในสถานีโทรทัศน์ ภายใตการนําของเขา สถานีมีกําไรเพิ่มขึ้นทุกปี พวกเขาได้เจอกันที่งานเลี้ยงอาหารค่ํา ก่อนที่เปี้ยนโหย่วเถียนจะเข้ามาจีบ ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นมีครอบครัวแล้ว อิ้งเล่อค่อยๆชอบเขาเมื่อถูกเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน
หลังจากสูหุยฟางรู้เรื่องนี้ เธอก็ได้พยายามขู่ลิ้งเล่อหลายครั้ง พออิ้งเล่อคิดจะห่างจากเปี้ยนโหย่วเถียน แต่เขาก็มักจะแสดงท่าที่อ่อนโยนเสมอและได้สัญญาว่าเขาจะหย่ากับสูหุยฟาง
หลังอิ้งเล่อเล่าจบ ซูเถายิ้ม “แปลว่านี่คือเหตุผลที่เธอ ปฏิเสธงานนัดบอดงั้นสินะ ?”
อิ้งเลอยิ้มอย่างขมขื่น “พี่เขยชั้นมักจะหางานนัดบอดมาให้ ชั้นอยู่เสมอซึ่งมันทําให้ชั้นเหนื่อยมาก แต่พอลองคิดดู มันก็เป็นเพราะหัวใจของชั้นได้ถูกครอบครองไปแล้ว ชั้นต้องขอบใจนายนะคืนนี้ หลังจากคืนนี้ เรื่องของชั้นกับเปี้ยนโหย่วเถียนก็จบไปแล้ว ชั้นจะลาออกในวันพรุ่งนี้”
คงจะไม่เหมาะอีกต่อไปที่เธอจะอยู่ต่อหลังจากไปมีเรื่องกับรองหัวหน้าสถานี ซูเถาเข้าใจเรื่องนั้นดี เขาพูด “ในมุมมองของชั้น เธอไม่จําเป็นต้องลาออกหรอก”
อิ้งเล่อค่อยๆสางผม ก่อนจะตอบกลับ “จริงๆแล้ว ทางบ้านชั้นอยากให้ชั้นย้ายออกจากฮั่นโจว ซึ่งชั้นก็ปฏิเสธมาโดยตลอด บางทีคงต้องยอมแพ้ซะแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นอิ้งเลอยิ้มอย่างโล่งใจ ซูเถาก็รูทันทีว่าเธอไม่ได้แค่พูดเฉยๆ แต่เธอหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เธออาจจะต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่
หลักจากผ่านมาสองแยก อิ้งเล่อเหยียบเบรคกะทันหันก่อนจะมองไปทางซูเถา “เนื่องจากนายเป็นแฟนเช่า นายจําเป็นจะต้องดื่มกับชั้นด้วย !”
“แน่นอน แต่ชั้นคิดเพิ่มนะ” ซูเถาพยักหน้า
อิ้งเล่ออจอดรถที่ริมถนนก่อนจะหันกลับไปหยิบกระเป๋าตังค์และหยิบธนบัตรออกมายัดใส่กระเป๋าของซูเถา “วันนี้นายเป็นของชั้น !”
ซูเถารีบเก็บเงินโดยไม่ลังเล “แน่นอน ใครหนีก่อนคนนั้นแพ้”
หลังมาถึงผับที่ดูจะเป็นที่นิยม อิ้งเล่อได้สั่งไวน์มาสองขวด ดูเหมือนเธอไม่คิดจะกลับบ้านแน่ๆ ซูเถาเทไวน์ให้เธอ ก่อนที่เธอจะกระดกเข้าปากไปในทันที เธออยากจะดื่มจนล้มไปเลย
หลังจากดื่มไปพอสมควร อิ้งเลอยิ้มก่อนจะดึงมือซูเถา “ชั้นชอบเพลงนี้ ไปเต้นเป็นเพื่อนชั้นหน่อย”
จังหวะของเพลงเริ่มจะเข้าที่และอิ้งเล่อก็ดึงซูเถาออกมา ซูเถาทําได้แค่ยิ้มและตามเธอไปเท่านั้น มือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อมันเลยรู้สึกลื่นมือเล็กน้อย
อิ้งเล่อได้แหวกทางเดินมาถึงตรงกลาง เธอกัดริมฝีปากเบา ก่อนจะเริ่มส่ายเอว เธอยังคงสวมชุดกระโปรงสั้น ซูเถาสามารถเห็นส่วนโค้งเว้าลงไปจากคอของเธอภายใต้แสงสีของไฟดิส
เธอจัดอยู่ในประเภทนักเต้นโดยธรรมชาติ ถึงแม้จะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมา เธอยกมือขึ้นมาถึงระดับหน้าอกก่อนจะขยับนิ้วไปตามจังหวะเพลง การเคลื่อนไหวของเธอเริ่มจะรุนแรงขึ้นตามจังหวะของเพลง
ซูเถารู้สึกอาย ผู้คนทั้งหลางต่างก็จับจ้องมาที่พวกกันหมด ในฐานะที่เป็นคู่เต้นของเทพธิดา เขาจึงตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นไปโดยปริยาย เขาจึงไม่อาจยืนอยู่เฉยๆเหมือนกับท่อนไม้ได้ จึงเริ่มเหวี่ยงตัวไปตามจังหวะเพลง เหมือนกับใบไม้ที่พัดปลิวเพราะสายลมจากอิงเล่อ
อิ้งเล่อกําลังหมกมุ่นอยู่กับการเต้นรําของเธอ ในสายตาของเธอ ซูเถาเป็นเพียงเสาค้ําเท่านั้น เธอวางมือบนไหล่ของเขา ก่อนจะดึงตัวเข้าหากัน ทําให้ซูเถาได้กลิ่นเหล้าที่ลอยออกมาจากตัวของเธอ
มีเสียงเชียร์ดังขึ้นรอบๆเนื่องจากเธอเป็นจุดสนใจ ทําให้ทุกคนที่อยู่รอบต่างราวกับโดนสะกด เธอค่อยๆเอานิ้ววางไว้บนริมฝีปากก่อนจะค่อยๆเหยียดร่างการขึ้นช้าๆ ซูเถารู้สึกว่าเหมือนกําลังดูงที่พุ่งขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ท่าทางของเธอได้ตราตั้งเข้าไปในหัวใจของเขา
เขารู้สึกถึงความอิจฉาจากรอบๆตัวเขา เมื่อใดที่อิ้งเล่อโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ มีเสียงถอนหายใจที่เต็มไปด้วยความกดดันดัง ออกมาจากรอบๆตัวเขา
ซูเถานั้นเป็นเสา เสาที่เป็นเป้าหมายของความอิจฉาจากรอบๆ แม้จะต้องกลายเป็นหินไปตลอดกาล แต่มันก็คุ้มค่าที่จะได้อยู่ใกล้กับหญิงสาวที่ทรงเสน่ห์เช่นนี้
ในตอนที่แสงไฟส่องมาที่หน้าของอิ้งเล่อ ซูเถามองเห็นหน้าตาของเธอซึ่งมันทําให้เขาเจ็บปวดในใจ ถึงแม้เธอจะดูน่าหลงไหลในตอนนี้ แต่จริงๆแล้วเธอก็มีบาดแผลในใจ เธอใช้รูปลักษณ์ที่ดูแข่งแห่งเพื่อซ่อนความเศร้าเอาไว้ในจิตใจ
ในที่สุดซูเถถาก็เริ่มตอบโต้และโอบไปที่เอวของเธอ ในตอนนี้ เขาได้เปลี่ยนสถานะของตัวเองจากที่เป็นเสามาเป็นคู่เต้นที่คอยรุกใส่อิ้งเล่อเป็นครั้งคราว เขาปิดตาและยกมือขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่เคยฝึกกับอึ้งเล่อมาก่อน แต่ท่าทางของเขาก็ดูเข้ากับเธออย่างสมบูรณ์แบบ
อิ้งเล่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเอาขาเกี่ยวเอวซูเถา ทั้งสองเริ่มจะหมุนไปรอบๆก่อนจะตกลงสู่ความเงียบ ในขณะที่ซูเถากําลังเพลิดเพลินไปกับการการมองที่คอและหน้าอกของอิ้งเล่อ