Physicians Odyssey - ตอนที่ 76 หมาป่าในคราบลูกแกะ
Physicians Odyssey บทที่ 76 หมาป่าในคราบลูกแกะ
บทที่ 76 หมาป่าในคราบลูกแกะ
อิ้งเล่อทําอะไรไม่ถูก เธอไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ มันควรจะเป็นการทักทายอย่างใจเย็นระหว่างเธอกับสูหุยฟางและสร้างความประทับใจให้กับเปี้ยนโหย่วเถียน อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่คิดว่าสูหุยฟางจะทําให้เธอต้องอับอายต่อ หน้าสาธารณชน ในช่วงเวลานั้นเอง เวลาที่ไวน์ถูกสาดเข้ามา หากมันหกรดเธอเข้า สภาพของเธอจากนกยูงที่แสนจะภาคภูมิใจ จะต้องกลายเป็นนกกระจอกที่น่าสมเพชทันที
สายตาของสูหุยฟ่างเต็มไปด้วยความเย็นชา เหตุผลที่อิ้งเล่อมาในงานนี้เป็นเพราะสูหุยฟางเป็นคนเชิญเธอมาโดยต้องการจะทําให้เธอต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชน
จริงๆแล้วเธอก็พอจะรู้สึกตัวเรื่องนี้ แต่เธอยังคงเก็บเงียบเอาไว้ เธอรู้ว่าการจะควบคุมผู้ชายซักคนมันก็เหมือนกับการเล่นว่าว ตราบใดที่เธอยังถือสายเอาไว้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าว่าวมันจะบินหนีพ้นสายตาของเธอ
เปี้ยนโหย่วเถียนนั้นเที่ยวเจ้าชู้เป็นเสือผู้หญิงมาหลายปี แต่เธอบอกได้เลยว่าเขานั้นปฏิบัติต่ออิ้งเล่อต่างจากผู้หญิงคนอื่น เขารู้สึกผูกพันกับเธอ เมื่อไม่นานมานี้สูหุยฟางได้รับข้อความเสียงจากนักสืบเอกชนที่เธอจ้างเอาไว้ มันเป็นข้อความที่อิ้งเล่อบอกให้เปี้ยนโหย่วเถียนนั้นหย่ากับเธอ แล้วถ้าเขาเกิดตอบตกลงขึ้นมา สูหุยฟางจะไม่โกรธจนบ้าได้ยังไง ?
คู่นี้มีชู้ !
ในใจของเธอ ถึงแม้ว่าสามีเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่มันก็เป็นเพราะอิ้งเล่อหลอกล่อเขา ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะฉีกหน้า อิ้งเล่อและทําให้เธอขายหน้าต่อสาธารณชน
ไวน์ถูกสาดไปทางอิ้งเล่อ พร้อมๆ กับความโกรธของเธอ
อิ้งเล่อได้ยกกระเป๋าถือขึ้นมาบังหน้าเอาไว้ตามสัญชาติญาณ ทันใดนั้นเอง เธอรู้สึกว่าที่ใต้แขนของเธอนั้นถูกจับยกขึ้น ก่อนที่จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายเธอจะโยกไปทางขวา เธอได้ยินเสียงลมที่พัดผ่านหูของเธอได้อย่างชัดเจนขณะที่หลบไวน์ซึ่งถูกสาดเข้ามา
เธอทิ้งตัวลงไปที่อ้อมกอดของซูเถาก่อนจะมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ แววตาของเธอนั้นดูส่องประกายราวกับจะร้อง ไห้
ซูเถาเอามือปัดที่หน้าผากของเธอ “หลบได้ไม่หมดนะ มีเปื้อนอยู่ที่หน้าผากเธอแน่ะ”
เขาขยับนิ้วไปที่ริมฝีปากก่อนที่จะเลียมัน ทําให้อิ้งเล่อตัวแข็งทื่อ
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตั้งแต่ที่สูหุยฟางสาดไวน์ใส่เธอ ซูเถาดึงตัวเธอเข้ามาเพื่อหลบ และไวน์นั่นได้กระเด็นไปโดนหน้าผากของเธอ ในสายตาของคนอื่น เหตุการณ์ทั้งหมด นั่นมันเกินขึ้นชั่วพริบตา
สูหุยฟางตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อิ้งเล่อหลบอย่างกะทันหันได้ยังไง ?
ไวน์หกบนพื้นโยที่ไม่โดนเป้าหมาย ทําให้สูหุยฟางนั้นไม่รู้ว่าต้องทําตัวแบบไหนดี
เธอปล่อยมือจนทําให้แก้วตกลงบนพื้นก่อนจะชี้หน้าอิ้งเล่อ “หล่อนยังกล้าเสนอหน้ามางานเต้นนี้อีกนะ ?”
อิ้งเล่อยังไม่หายอึ้ง และกําลังมองดูสูหุยฟางที่กําลังดูจะวิตกกังวล ถึงจะดูแข็งแกร่ง แต่จิตใจของเธอนั้นกลับอ่อนแอผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก อย่างไรก็ตาม ที่นี่เธอคือมือที่สาม เธอมองไปที่เปี้ยนโหย่วเถียนและหวังว่าเขาจะเข้ามาปกป้องเธอ แต่เขากลับหันหน้าหนีและเลี่ยงการสบตากับเธอ
** เพี้ยะ !**
เสียงตบดังสนั่นไปทั้งห้องโถง ดึงดูดสายตาทั้งหมดให้จับจ้องมายังทางเดียว
ในขณะที่สูหุยฟางพูด ซูเถาก็ได้เดินเข้าไปตบหน้าเธอจังๆ
“นี่นายตบชั้นอย่างงั้นเหรอ ?” สูหุยฟางเอามือจับไปที่แก้ม พร้อมกับมองไปยังซูเถาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
ที่นี่เป็นคฤหาสน์ของเธอ และเธอก็เป็นเจ้าภาพงานนี้ด้วย ในตอนแรกเธอตั้งใจจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อจะทําให้อิ้งเล่อนั้นต้องอับอาย และถึงแม้ว่าเธอจะทําการฉีกหน้าอิ้งเล่อได้สําเร็จ งานเต้นนี้ก็ยังสามารถดําเนินต่อไปได้เพราะเธอเข้าใจสามีของเธอ เปี้ยนโหย่วเถียนดี เขาจะต้องไม่พูดอะไรและเก็บเรื่องนี้เงียบแน่นอน ในขณะเดียวกัน เธอต้องการใช้งานนี้ในการบอกไปยังเปี้ยนโหย่วเถียนว่าให้ทําตัวดีๆและไม่ล้ำเส้นจนเกินไปนัก
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกลับผิดไปจากที่เธอคาดไว้โดยสมบูรณ์ เธอถูกชายผอมแห้งอายุราว 20 ต้นๆตบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง เป็นคนที่มีคิ้วสีดําขลับ และมีรอยยิ้มสีกุหลาบ อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้ตบเธออเสียงดังมากๆ
ซูเถาชักมือกลับก่อนจะพยักหน้า “ใช่ ชั้นตบเอง ! ตบนี่สําหรับแฟนชั้นเพราะการกระทําของเธอมันไร้มารยาท ยิ่งแฟนของชั้นสวยมากซะด้วย คงระงับความโกรธเอาไว้ไม่ได้แน่ถ้าเธอต้องมาถูกไวน์ถูกๆราดใส่ว่ามั้ย ?”
ในขณะที่ซูเถากําลังตําหนิเธออยู่ เธอสวนกลับไป “นายรู้มั้ยว่าที่นี่คือที่ไหน ?”
ซูเถาส่ายหัวก่อนจะตอบอย่างใจเย็น “ชั้นไม่สนหรอก ไม่มีใครสามารถรังแกผู้หญิงของชั้นได้ ไม่ว่าจะที่ไหน ตอนแรก ชั้นนึกว่าที่นี่จะดูเป็นแหล่งรวมพวกชนชั้นสูงซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะมีอีตัวอย่างเธอโผล่มาในที่แบบนี้ได้ ช่างไร้คลาสซะจริง”
“นี่กล้าเรียกชั้นว่าอีตัวเชียวเหรอ ?” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกคนอื่นทํากิริยาแบบนี้ใส่ ไม่เพียงแค่ถูกตบหน้าเท่านั้น แต่ยังโดนเหยียดหยามอีกด้วย
ซูเถาชี้ไปยังแก้วไวน์ที่ตกแตกอยู่บนพื้นก่อนจะตอบกลับ “เธอไม่เป็นเพียงอีตัวเท่านั้น เป็นอีตัวบ้าพลังอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะใส่เสื้อผ้าหรูหรา ฉีดน้ำหอมราคาแพงก็ตาม มันก็ไม่อาจซ่อนกลิ่นสาปตัวเธอได้หรอก”
ดวงตาของสูหุยฟางเบิกกว้าง เธอถูกเขาเล่นงานเข้าไปที่จุดอ่อน เธอถอยหลังออกมาสองก้าวก่อนจะหันไปหาเปี้ยนโหย่วเถียนด้วยความโกรธ “นี่ไม่คิดจะทําอะไรบ้างเลยเหรอไง ? ไอ้หมอนี่มันกําลังว่าร้ายภรรยาของคุณอยู่นะ !”
เปี้ยนโหย่วเถียนใช่เวลาอยู่พอสมควรในการเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าอิ้งเล่อเพิ่งจะพาชายคนนี้มา เพราะซูเถานั้นยังดูเด็กเกินไป และอิ้งเล่อดูจะชอบคนที่แก่กว่า เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเธอคงจะไม่ได้ตกหลุมรักคนแบบซูเถาแน่
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่คิดว่าซูเถาจะมายืนอยู่ข้างๆอิ้งเล่อ แสดงว่าทั้งสองคงมีความสัมพันธ์อะไรกันซักอย่าง
ความสนใจในห้องโถงทั้งหมดต่างก็จับจ้องมาที่เหตุการณ์นี้ ผู้คนรอบๆต้องก็จับกลุ่มซุบซิบกัน และความโกลาหลก็ยิ่งมากขึ้นเมื่อสูหุยฟางนั้นถูกตบ เจ้าของงานถูกทําให้ขายหน้าต่อสาธารณชน ยิ่งทําให้งานนี้ดูวุ่นวายขึ้นไปอีก
เปี้ยนโหย่วเถียนเดินออกมาก่อนจะถามหาความรับผิดชอบ “นายต้องให้คําอธิบายกับชั้นในเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้นายตบภรรยาของชั้น และนายต้องให้ภรรยาชั้นตบคืน 2 ที แล้ว ชั้นจะปล่อยนายไป”
ซูเถามองไปยังอิ้งเล่อ เธอดูจะตะลึงกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเธอไม่คิดว่าก่อนว่าเหตุการณ์มันจะบานปลายจนถึงขนาดนี้
เขาถอนหายใจ ทําไมเธอถึงต้องตกตะลึงด้วย เขากําลังปกป้องเธออยู่ไม่ใช่หรือไง ? ดังนั้น ซูเถาจึงค่อยๆบีบมือของเธออย่างอ่อนโยน ทําให้เธอค่อยๆดึงสติกลับมา
อิ้งเล่อหายใจเบาๆก่อนจะมองไปทางเปี้ยนโหย่วเถียน “นั่นมันก็เพราะภรรยาของคุณตั้งใจจะเอาไวน์สาดใส่ชั้นไม่ใช่หรือไง ? ถ้าชั้นหลบไม่ทัน ก็คงต้องขายขี้หน้าไปแล้วในวันนี้ เหตุผลที่เธอโดนตบนั้นก็เพราะการกระทําของเธอมันต่ำและดูสถุลไร้สกุลรุนชาติ”
ดวงตาของเปี้ยนโหย่วเถียนเต็มไปด้วยความซับซ้อน ก่อนเขาจะค่อยๆระงับความโกรธ “อิ้งเล่อ อย่าได้ทําตัววุ่นวายที่นี่ ดูด้วยว่าที่นี่คือที่ไหน ระวังพฤติกรรมของตัวเองหน่อย”
เธอยักไหล่ก่อนจะยิ้ม “อย่ามาใช้มุกนี้กับชั้น ดูสถานที่งั้นเหรอ ? ระวังพฤติกรรมงั้นเหรอ ? ชั้นไม่ให้ราคากับความเจ้าเล่ห์ของนายแล้ว”
เมื่อเห็นว่าอิ้งเล่อนั้นไม่ไว้หน้าเขาเลย สีหน้าของเปี้ยนโหย่วเถียนดูจะแย่ลง “เรื่องมันก็มาถึงขึ้นนี้แล้ว ถ้างั้นชั้นก็ต้องขอโทษด้วย” หลังจากพูดจบ เขาก็ได้ส่งสัญญาณ ให้พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาล้อมรอบซูเถาและอิ้งเล่อเอาไว้
เปี้ยนโหย่วเถียนพูดสั้นๆ “พวกนี้มันทําลายงานเต้นรํา ไล่พวกมันออกไปซะ”
พวกเจ้าหน้าที่รู้ว่าเขาต้องการให้ทั้งสองได้พบกับความข่มขื่นในขณะที่กําลังไล่พวกเขาออกไป
อิ้งเล่อมองไปยังซูเถาก่อนจะยิ้ม “ขอโทษนะที่ดันพานาย เข้ามาเจออปัญหาซะได้”
ซูเถาพยักหน้า “ช่วยไม่ได้นี่นะ แถมชั้นก็ดันลืมโชคดีเอาไว้ที่บ้านในตอนที่ออกมาซะด้วย ถ้ารู้ว่าวันนี้มันจะเป็นแบบนี้ ชั้นก็คงไม่เอาตัวเองเข้ามาเจอเรื่องยุ่งยากกับเธอหรอก”
อิ้งเล่อไม่คิดว่าเวลาแบบนี้ซูเถายังจะมีอารมณ์เล่นมุกอยู่อีก “ชั้นจะบังพวกการ์ดเอาไว้เอง นายจะได้หนีไปได้ ยังไงซะชั้นก็เป็นผู้หญิง เปี้ยนโหย่วเถียนมันคงจะไม่ทําอะไรชั้นเนื่องจากความสัมพันธ์ในอดีต ถ้านายถูกจับได้ขึ้นมา ชั้นเกรงว่านายคงจะโดนเล่นงานแน่ๆ”
เมื่อเห็นว่าเธอนั้นเป็นห่วงซูเถา เขาก็รู้สึกว่าแม้เพียงเล็กน้อย แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังมีความรับผิดชอบ เขายิ้ม “ทําไมดูสิ้นหวังนักล่ะ เราต้องมั่นใจและเชื่อในปาฏิหารย์สิ จิตใจของเราต้องเต็มไปด้วยความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรค”
อิ้งเล่อไม่คิดเลยว่าขนาดเวลาแบบนี้ ซูเถายังจะมีอารมณ์มาคุยเล่นอีก เธอเริ่มวิตกกังวล “จริงจังหน่อยสิ !”
“ก็ได้ งั้นชั้นจะลองเงียบดู” ซูเถายิ้ม เขาเว้นช่วงไปแป๊ปนึง “แต่แค่ 5 นาทีนะ”
พอพูดจบ การ์ดคนนึงได้เข้าชาร์จที่ซูเถาหมายจะจับทุ่ม เขาจับแขนของซูเถาพร้อมกับเหยียบเท้าไว้
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด เมื่อแขนของเขาเข้ามาเกี่ยวกับแขนของซูเถา มือของการ์ดคนนั้นก็ลื่นหลุดจากการจับกุมและทันใดนั้น ก็ได้มีความเจ็บปวดแล่นเข้าไปที่ข้อมือ ข้อต่อของเขาหักและแขนทั้งท่อนก็ใช้การไม่ได้ไปแล้ว
ซูเถาดึงแขนของการ์ดคนนั้นเบาๆ สําหรับหมอที่เชี่ยวชาญในด้านกระดูกและข้อต่อ การหักกระดูกและข้ออต่อมันก็ง่ายเหมือนกับการกินถั่ว แค่ว่าต้องออกแรงนิดหน่อยเท่านั้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างโกลาหลทําให้การ์ดคนอื่นถอยไปตั้งหลัก พวกเขาทั้งหมดไม่มีใครฝึกการต่อสู้มาเลย แต่แต่งตัวดีๆให้ดูโก้หรูเท่านั้น เพราะงั้นพวกนี้จะสู้กับระดับมืออาชีพได้ยังไง ?
สูหุยฟางถอยมาสองก้าวก่อนจะชี้ไปทางซูเถาและตะโกนออกมา “จัดการมัน ! ถ้าพวกนายจัดการมันไม่ได้ พรุ่งนี้ชั้นจะไล่ออกให้หมดเลย”
ทันใดนั้น พวกการ์ดก็ได้เกร็งตัวและพุ่งเข้าไปหาซูเถา
หัวหน้าการ์ดเคยเป็นนักดับเพลิงมาหลายปี ดังนั้นเขาจึงพอจะมีทักษะอยู่บ้าง เขารู้ว่ามันคงช่วยอะไรมากไม่ได้หากใช้มือเปล่าเข้าสู้ เขาจึงดึงกระบองไฟฟ้าออกมาและพุ่งเข้าไปหาซูเถา
ซูเถายืนนิ่ง ขาของเขากางออกเมื่ออการ์ดคนนึงเข้ามา หัวหน้าการ์ดรู้สึกข้อมือชา ก่อนที่ซูเถาจะคว้ากระบองไฟฟ้าออกมาและหันไปทางหน้าอกของหัวหน้าการ์ดพร้อมกับกดปุ่ม มีเสียงช็อตดังขึ้นพร้อมกับการ์ดคนนั้นลงไปนอนกองกับพื้น
ในตอนแรกพวกการ์ดคนอื่นๆตั้งท่าเตรียมจะเข้ามาก็ถอดกรูดกันหมดทันที
ใบหน้าของเปี้ยนโหย่วเถียนเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในตอนนั้นเอง ซูเถาก็ได้กลับมามีท่าที่สงบเสงี่ยมอีกครั้ง ราวกับหมาป่าในคราบลูกแกะที่ถอดหน้ากากออกมา