Physicians Odyssey - ตอนที่ 63 เหล่าสาวงามผู้เติมเต็มบริษัท
บทที่ 63 เหล่าสาวงามผู้เติมเต็มบริษัท
ซูเทียนเต๋อได้หยิบกล่องยาออกก่อนจะโยนมันไปทาง มิสฉี เมื่อเธอเปิดมันออก เธอสูดหายใจเข้าก่อนจะรูสึกมึนเมา ซูเทียนเต๋อกล่าว “คุมการใช้ยาหน่อย เธอไม่กลัวการใช้ยาเกินขนาดหรือไง ?”
มิสฉีนอนกางแขนบนเตียง เธอรู้สึกหลอนไปชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกโล่งโปร่งสบาย “แล้วไงล่ะ ? ยังไงคนเราเกิดมาก็ต้องตายอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ขอตายตอนมีความสุขหน่อยไม่ได้เหรอไง ?”
เมื่อมองไปยังผู้หญิงซึ่งตอนนี้ตกอยู่ในกำมือของเขาแล้วนั้น ซูเทียนเต๋อตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เรื่องที่ชั้นให้เธอทำไปถึงไหนแล้ว ?”
มิสฉีตอบกลับ “พวกตระกูลเนี่ยตอนนี้มันก็เหลือแต่เปลือกแล้ว ถึงจะยังดูยิ่งใหญ่และทรงอำนาจ แต่ภายในก็ยุ่งเหยิงไปหมด ชั้นได้โอนเงินของหลายๆบริษัทไปยังบัญชีที่คุณให้ไว้ ตระกูลเนี่ยตอนนี้ออ่อนแอมาก ถ้าคุณต้องการ สวนแพทย์ราชันย์ก็จะตกเป็นของคุณได้ทุกเวลา”
ซูเทียนเต๋อตอบกลับด้วยท่าทางพอใจ “ชั้นแค่กังวลเกี่ยวกับคนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเนี่ยน่ะ”
เสียงของมิสฉีดูจะอ่อนลงก่อนเธอจะตอบกลับ “ตอนนี้เขายุ่งมาก เขารู้ว่าไคซงพูจะเปิดโปงเรื่องของเขากับพวกตำรวจ ถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมา เขาก็จบสิ้นแล้ว”
ซูเทียนเต๋อหัวเราะ “เธอคงจะเหนื่อสินะ งั้นพักผ่อนซักหน่อยก็แล้วกัน”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน หลังจากเขาพูดจบ มิสฉีก็ผล็อยหลับไป
ดวงตาของซูเทียนเต๋อเต็มไปด้วยความยินดี ภายใต้การพยายามอย่างหนักของเขามาหลายปี ในที่สุดสวนแพทยศาสตร์ราชันย์ก็จะได้เจ้าของคนใหม่ซักที
เขาได้ทุ่มเทลงไปมากกับสวนแห่งนี้ แล้วจะปล่อยให้ความพยายามของเขาเกิดประโยชน์กับคนอื่นได้อย่างไร ?
Mrs.ฉีนั้นเป็นเพียงตัวหมากของเขาเท่านั้นในการยึดสวนแพทยศาสตร์ราชันย์มาครอบครอง ด้วยแผนการของเขา พวกตระกูลเนี่ยก็ค่อยๆถอยหลังลงคลองกันไปทีละน้อย ในส่วนของพวกนักธุรกิจในฮั่วเป่ย เนี่ยไฮ่เถียน เขาไม่รูเลยว่ากำลังจะสูญเสียทุกอย่างไปในเวลาที่ใกล้จะมาถึง
ซูเทียนเต๋อแต่งตัวก่อนจะออกไปจากห้อง ศิษย์เอกของเขา ไป่ฟ่าน ได้ยืนรอเขาอยู่แล้วพร้อมกับลูกศิษย์คนอื่นๆ ซูเทียนเต๋อค่อยๆเดินเข้ามาก่อนจะยกขาแล้วเตะไปที่หน้าของหูเสี่ยวเฟิงกระเด็นไปไกลหลายเมตร อย่างไรก็ตาม หูเสี่ยวเฟิงรีบยืนขึ้นก่อนจะกลับมายืนที่เดิม
ซูเทียนเต๋อพูดขึ้น “เตะนั่นเป็นการลงโทษที่นายดันประมาท ชั้นได้ลงทุนไปมากเพื่อให้นายได้เข้าไปอยู่ในหมาลัยฮั่วหนาน ไม่เพียงนายจะล้มเหลวในภารกิจง่ายๆเท่านั้น แถมยังถูกพวกตำรวจเอาตัวไปที่โรงพักด้วย ไม่อับอายบ้างหรือไง ?”
สีหน้าสำนึกผิดปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหูเสี่ยวเฟิง ก่อนที่เขาจะก้มหัว “อาจารย์ ผมขอโทษ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าซูเถามันจะเป็นคนที่รับมือได้ยากขนาดนี้ !”
ซูเทียนเต๋อมองไปที่ไป่ฟ่าน “ได้ข้อมูลของมันมาบ้างไหม ?”
ไป่ฟ่านถอนหายใจ “จากการสืบหาข้อมูลของเรา ได้เพียงแค่ข้อมูลของมันช่วงเดือนสองเดือนนี่เท่านั้นเอง เรารู้แค่ว่ามันมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับหยานจิ้ง และยังเป็นหัวหน้าแผนก TCM ของโรงพยาบาลเจียงหัวที่ประธานตี้ได้ประเมินเอาไว้สูงมาก ขณะเดียวกัน เราก็พบว่ามันมีความสัมพันธ์ที่คลุมเคลือกับทายาทตระกูลออร์มอนด์ของรัสเซีย เวร่าอีกด้วย”
ซูเทียนเต๋อตอบกลับ “ไม่มีประวัติก่อนหน้านี้แต่กลับใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็ได้ขนาดนี้แล้ว มันต้องมีพวกคนมีอำนาจคอยหนุนหลังมันอยู่แน่นอน ชั้นสงสัยว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับ พวกนั้น จับตาดูมันต่อไป แล้วรายงานให้ชั้นรู้ทันทีที่มีอะไรเกิดขึ้น”
ไป่ฟ่านพยักหน้า “เข้าใจแล้ว แต่ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนซูเถาจะมีส่วนร่วมในการแข่งขันที่กำลังจะจัดขึ้นอีกด้วย”
ซูเทียนเต๋อหัวเราะเยาะ “มันกล้าดีเดือดจริงๆ ชักน่าสนุกแล้วสิว่าจะจัดการกับมันยังไง ถึงขนาดเข้ามาหาชั้นเองเลยเนี่ยนะ ?”
ไป่ฟ่านขัดคอเขาก่อนจะพูดต่อ “เรายังพบอีกเรื่องนึง ไม่นานมานี้ ดูเหมือนจะมีการแข่งขันลับๆกับหวังเกาเฟิงด้วย และหวังเกาเฟิงเป็นฝ่ายแพ้”
“โอ้ ?” ซูเทียนเต๋อประหลายใจก่อนจะพูดต่อ “ด้วยนิสัยของหวังเกาเฟิงแล้ว เขาแทบจะไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งเลย ท่าทางซูเถาจะเป็นคนที่มีความสามารถพอตัว ให้มันลงแข่งไป บางทีเราอาจใช้โอกาสนี้เพื่อควบคุมการแข่งขันให้เป็นไปตามที่ชั้นต้องการได้”
เทพธิดาทั้งสาม ไคหยาน หยานจิ้ง และเวร่านั่งอยู่ด้วยกัน เป็นภาพที่จินตนาการไม่ออก แต่มันก็เป็นไปแล้วต่อหน้าซูเถา
ทั้งสามคนต่างก็เป็นตัวแทนของความงามที่แตกต่างกันในการประชุมของบริษัทใหม่ที่ก่อตั้งขึ้น (TFCIL)
ไคหยานเป็นตัวแทนของสาวข้างบ้านที่มีสเน่ห์ราวกับดอกมะลิที่กำลังผลิบานซึ่งส่งกลิ่นหอมออกมาตามธรรมชาติ
หยานจิ้งสวมชุดสีขาวพร้อมกับสร้อยคอทองคำที่คอของเธอ ด้วยผิวขาวราวกับหิมะของเธอ ตัดกับต่างหูสีเงิน ดูมีความเป็นผู้ใหญ่และสง่างาม
ส่วนเวร่า เธอสวมชุดสีชมพูที่เข้ารับรูปลักษร์ชวนฝันกับใบหน้าที่ดูราวกับนางฟ้า เธอสามารถเป็นที่ดึงดูดต่อสายตาคนรอบข้างได้อย่างง่ายดายด้วยผิวที่ขาวราวกับมุกและดวงตาอันน่าหลงไหล
หยานจิ้งนั่งตัวตรงและด้วยท่าทางของเธอดูเหมือนกับงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เธอมองไปยังทุกคนก่อนจะพูดขึ้น “เราวางแผนที่จะเปิดผลิตภัณฑ์ของเราตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการยืนยันขั้นสุดท้ายแล้วเพื่อให้สินค้าของเรานั้นสามารถเริ่มต้นได้ด้วยความสำเร็จ”
“ประการแรก ฝ่ายขายมีหน้าที่ติดต่อกับตัวแทนจำหน่ายด้านเครื่องสำอางก่อนจะเคาะราคาตลาดที่ไม่ทำให้ตลาดผันผวน ประการที่สอง ฝ่ายการตลาดจำเป็นจะต้องติดต่อกับสื่อกระแสหลักเพื่อให้แน่ว่าว่าสินค้าของเราจะได้รับการโฆษณาผ่านทางอินเตอร์เน็ต โทรทันศ์ หนังสือพิมพ์ และช่องทางการโฆษณาหลักอื่นๆ ประการสุดท้าย ฝ่ายการเงิน ฝ่าย HR และฝ่ายบริหารจะดำเนินการด้านโลจิสติคเพื่อให้แน่ใจว่างานของเราจะดำเนินไปอย่างราบรื่น”
หยานจิ้งแสดงความสามารถในการจัดการที่โดดเด่นให้เห็นอีกครั้ง การจัดการของเธอทั้งหมดนั้นย่อมมีจุดประสงค์ เธอยิ้ม “จริงๆแล้วยังมีเรื่องอื่นอีกในการประชุมครั้งนี้ ชั้นขอแนะนำให้พวกคุณได้รู้จักกับผู้ที่คิดค้นผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา Mr.ซูเถา”
ซูเถายืนขึ้นก่อนจะยิ้ม “ผมมีความรู้สึกยินดีอย่างมากที่ทุกท่านได้ทำงานหนักเพื่อบริษัทแห่งนี้ ด้วยฝีมือของเหล่าผู้หญิงที่โดดเด่นทั้งสามคนในการจัดการ ผมสามารถที่จะนั่งเฉยๆแล้วสนุกไปกับมันได้ ด้วยความที่ผมรู้จักทั้งสามคน พวกเธอเป็นคนที่ใจกว้าง ถ้าแผนการในครั้งนี้ไปได้สวยและประสบความสำเร็จ ผมมั่นใจเลยว่าพวกคุณจะได้รับโบนัสก้อนโตอย่างแน่นอน”
ด้วยคำพูดของเขาทำให้หัวหน้าแผนกอื่นๆเต็มไปด้วยรอยยิ้มพลางกระซิบกันไปมา
หยานจิ้งและเวร่าต่างมองหน้ากันไปมา ซูเถาได้ให้สัญญาคำโตกับพวกพนักงานไปด้วยความไม่รู้ของเขา และเรื่องนี้มันจะทำให้เขาปวดหัวภายหลังแน่นอน
การประชุมจบลงก่อนที่ซูเถาจะตามหยานจิ้ง เวร่า และไคหยานไปที่สำนักงาน โดยสำนักงานนี้มีพื้นที่ราว 20 ตารางเมตรซึ่งตกแต่งด้วยโซฟาหนัง ชั้นหนังสือ โต๊ะทำงาน และโคมไฟระย้าที่ให้ความรู้สึกหรูหรา
เมื่อไคหยานเห็นซูเถากำลังสำรวจเครื่องลายครามอยู่ เธอยิ้ม “ระวังหน่อย อันนั้นของแท้นะ !”
ซูเถาตกใจเล็กน้อยก่อนจะยกนิ้วโป้ง “ของจากราชวงค์หมิง หรูหราจริงๆ”
เวร่ายิ้ม “ที่นี่เป็นสำนักงานสำหรับประธานกิตติมศักดิ์ เป็นเรื่อองธรรมดาที่จะต้องดีอยู่แล้ว นายมาที่นี่เพื่อดื่มชาและนั่งเล่น Apex Legendsฆ่าเวลาได้นะ”
ในตอนนั้นเอง ซูเถาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสำนักงานนี้เป็นที่สำหรับเขา เขาส่ายหัว “ไม่มีทาง ! ไม่ๆ !”
เวร่าแปลกใจกับท่าทางการตอบกลับของซูเถา เธอถาม “นายไม่ถูกใจตรงไหนงั้นเหรอ ?”
ซูเถาส่ายหัวก่อนจะดีดนิ้ว “ชั้นรู้สึกเริ่มเสียใจที่ทิ้งงานเอาไว้ให้พวกเธอทำซะแล้วสิ ชั้นเพิ่งนึกได้ว่าการดูแลของบริษัทของเรานั้นดีมาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความงามหรอก เอาแค่ได้ทำงานในที่แบบนี้ทุกวันมันก็น่าจะสนุกพอตัวเลยล่ะ”
ไคหยานหัวเราะ “พี่สาวคนนี้มักจะพูดอยู่บ่อยๆเลยว่าเดี๋ยวนายก็ต้องโดนสิ่งต่างๆของบริษัทนี่ล่อลวงแน่ๆ และมันก็เป็นจริงซะด้วย”
“ชั้นก็เป็นคนธรรมดานะ ถึงจะไม่ได้ถูกล่อลวงก็เถอะ อย่างน้อยชั้นก็ค่อนข้างจะสะดุดตาของอะไรแบบนี้ ความงามของชั้นน่ะมาตรฐานสูงนะ พวกนี้ไม่ทำให้ใจชั้นเต้นได้หรอก เว้นแต่ว่ามันจะอยู่ในระดับเดียวกับพวกเธอสามคน” ซูเถาถถอนหายใจ
“พูดจาไร้สาระอีกแล้ว !” หยานจิ้งยักไหล่ก่อนจะพูดต่อ “ในฐานะพนักงานของบริษัทเครื่องสำอาง อย่างอื่นน่ะเป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการมีภาพลักษณ์ที่น่าดึงดูดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นสิ่งแรกที่เข้ามาที่บริษัทเรามันต้องดูน่าดึงดูด !”
ซูเถารู้สึกว่ารสนิยมในการเลือกของหยานจิ้งนั้นดูจะเข้ากันกับเขามาก เขาหยักหน้าเห็นด้วยก่อนเสริมเข้าไป “ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ ชั้นมีคำของ่ายๆเรื่องนึง ชั้นขอสำเนาเรซูเม่ของลูกจ้างที่เพิ่งเข้าทำงานใหม่มาที่อีเมลของชั้นพร้อมกับภาพถ่ายชีวิตประจำวันของพวกเขา 10 ใบ”
“ฝันไปเถอะ !” ทั้งเวร่าและไคหยานตอบกลับพร้อมกัน
หยานจิ้งรู้ว่าทั้งสองคนนี้คิดอะไรอยู่ เธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “ซูเถา ในฐานะสมาชิกที่สำคัญที่สุดของบริษัทนี้ นายจำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของบริษัทนี้อย่างมาก”
“ภารกิจอะไรล่ะ ?” ซูเถาเงยหน้าขึ้น จริงๆแล้วเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่บริษัทนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะดูสุภาพ แต่เขาก็มีออำนาจในการพูดอย่างเต็มที่ แต่จากการปรุชุมในวันนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดเท่านั้น
หยานจิ้งยิ้ม “การแข่งขั้นราชาแห่งแพทย์ใกล้จะเริ่มแล้ว นายจะต้องเอาชนะให้ได้เพื่อที่เราจะได้โฆษณาบริษัทของเรา”
ซูเถาแปลกใจก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย “งั้นนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมสินค้าของเราถึงต้องเปิดตัวเดือนหน้าใช่มั้ย ?”
หยานจิ้งพยักหน้า “ถูกต้อง ทำแบบนี้มันได้ผลยิ่งกว่าโฆษณาไหนๆซะอีก ถ้านายเอาชนะการแข่งได้ มันก็เทียบเท่ากับการโฆษณาที่มีมูลค่าถึง 50 ล้านหยวนเชียวนะ”
ซูเถารู้สึกว่ากำลังตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงได้ให้สำนักงานนั่นกับเขา มันเป็นกับดักนั่นเอง