Physicians Odyssey - ตอนที่ 60 ความงดงามที่คุ้นเคย
บทที่ 60 ความงดงามที่คุ้นเคย
หลังจากเรื่องนี้ผ่านพ้นไป หยูโบผู้ซึ่งเป็นกัปตันทีมบาสเก็ตบอลได้กลายเป็นแฟนตังยงของซูเถา ไม่ว่าจะเรื่องที่ชมรมมวยไทยหรือเรื่องที่ลานสเก็ตน้ำแข็ง เขาได้เห็นแล้วว่าซูเถานั้นเป็นคนที่มีความกล้าหาญแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น ซูเถาใช้เพียงแค่เข็มเท่านั้นในการรักษาอาการเจ็บที่ข้อเท้าของเขาซึ่งมันได้กวนใจเขามานาน หลังจากรักษาเรียบร้อยแล้ว หยูโบสามารถกลับมากระโดดได้สูงกว่าเดิมและทำสแลมดั้งค์ได้อีกครั้ง สำหรับนักบาสแล้ว นี่เป็นเหมือนยาใจชั้นดีที่ทำให้เขามุ่งมั่นต่อไปได้
ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บกันไปบ้าง แต่ทั้งเฉินหลิงเฟิงและ K ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับพวกทีมบาสและเสี่ยวจิงจิงอีกแล้ว ซูเถารู้ว่านี่คงจะเป็นฝีมือของหยานจิ้งแน่นอน ฉายาแม่ม่ายพิษไม่ใช่ชื่อที่เอาไว้แค่หลอกเด็ก
เพราะเหตุนี้ จ้าวเจี้ยนดูจะเคารพซูเถาเป็นอย่างมาก เขาได้ทิ้งความเย่อหยิ่งที่เคยมีในอดีตไปจนหมดและหันมามุ่งมั่นฝึกฝนการฝังเข็ม เขาหวังว่าซักวันหนึ่งเขาสามารถใช้วิชาเข็มบินจัดการคนอื่นได้บ้างแบบที่ซูเถาเคยทำ
ทางด้านเสี่ยวจิงจิง เธอเริ่มจะมองโลกในแง่ดีมากขึ้น แม้แต่สไตล์การแต่งตัวของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนไปตามสมัยนิยม เธอไม่ตกอยู่ในวังวนเดิมๆในอดีตอีกต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เธอนั้นเติบโตมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น เธอได้โยนเสื้อถูกๆทั้งหมดที่เธอเคยซื้อมาทิ้งไป และได้เปลี่ยนไปใช้บราแบบที่ดีกว่าเดิมมาก นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
บ่อยครั้งหลังจากที่ฝึกงานเสร็จ เธอมักจะคุยกับไคหยานเกี่ยวกับวิธีการแต่งหน้าและแต่งตัวเป็นหลัก ซึ่งมันทำให้ซูเถารู้สึกแปลกใจ เขารู้สึกว่าผู้หญิงที่ดูซื่อๆอย่างเธอพอเริ่มเข้าสังคมแล้วอะไรๆมันก็เปลี่ยนไปหมด
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นซักวันไม่ช้าก็เร็ว เพียงแค่เรื่องนี้มันถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้นเพราะซูเถา ในตอนที่เสี่ยวจิงจิงก้าวเท้าออกมาจากหมู่บ้าน มันก็กลายเป็นเรื่องที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าอนาคตของเธอนั้นจะต้องดีขึ้นกว่าคนในหมู่บ้านอย่างแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เธอจะต้องเติบโตขึ้นและเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของเธอเมื่อได้เข้ามาอยู่ในเมือง
ถึงจะอย่างนั้น จิตใจของเสี่ยวจิงจิงก็ไม่มีวันเปลี่ยนไป เธอได้ตั้งมั่นเอาไว้อย่างแน่วแน่แล้วก่อนที่จะเข้ามายังเมืองนี้
ความทุ่มเทและความพยายามอย่างสุดหัวใจของเธอ ทำให้ซูเถาได้เปลี่ยนแปลงเธอและพัฒนาเธอให้ไปถึงจุดหมายที่เขาได้วาดเอาไว้
ภายใต้การร่วมมือกันของเวร่าและหยานจิ้ง พวกเธอได้ก่อตั้งบริษัท Three Flavour Cosmetic International Limited (TFCIL) ขึ้นมาภายใต้สโลแกน ‘สุดยอดครีมบำรุงผิวที่สร้างจากสูตรลับจากในวัง‘ เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด ซึ่งสินค้าล็อตแรกจะเป็นจะเป็นครีมเสริมความงามและเซรั่มบำรุงผิวที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนจำกัด 1 หมื่นชุดเท่านั้นทั่วโลก
ตัวครีมเสริมความงามนั้นสามารถกำจัดสิวหัวดำ , รอยแผลเป็น , บำรุงผิวให้ขาวและชุ่มชื้นมากขึ้น สำครับตัวเซรั่มนั้นสามารถลบรอยสิว ทำความสะอาดผิวหน้าและชะลอการเกิดริ้วรอยได้ ทั้งสองอย่างได้รับฉลากสีเขียวซึ่งหมายถึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติและไม่ใช้สารเคมี
การตลาดส่วนใหญ่จะโฆษณาผ่านนิตยสารแฟชั่นชั้นสูงและตามฟอรั่มการบำรุงผิวพรรณ ถึงแม้ว่าในตอนแรกจะมีขายทางเน็ตราคาเพียง 1998 หยวน แต่มันก็ได้รับการพูดถึงอย่างมากจนมีราคาพุ่งสูงถึง 1 หมื่นหยวนและสินค้านั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
ตามคำแนะนำของซูเถา ไคหยานได้ขึ้นเป็นประธานของ TFCIL โดยมีเวร่าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหาร และหยานจิ้งดำรงตำแหน่ง CEO อีกด้านหนึ่ง ซูเถาจะอยู่ในตำแหน่งผู้ก่อตั้งบริษัทและเป็นประธานกิตติมศักดิ์
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงจนเวลา 6 โมงครึ่ง ตี้ชีหยวนได้ชวนซูเถามาที่บ้าน ซูเถาได้นำตะกร้าผลไม้ติดมือไปด้วยก่อนจะมาถึงหน้าบ้านของตี้ชีหยวนและได้เคาะประตู
เมื่อเร็วๆนี้ ตี้ชีหยวนไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลเจียงหัวเนื่องจากเขาได้รับคำสั่งใหม่ เขาจะเข้ารับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าของสำนักอนามัยเมือง ก่อนที่เขาจะย้ายไป เขาได้พาใครบางคนมาดำรงตำแหน่งฐานะรองประธานของโรงพยาบาล หน้าที่หลักคือคอยดำเนินงานของโรงพยาบาล ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะออกไปแล้ว และเฉียวเต้อเหาขึ้นเป็นประธานของโรงพยาบาลก็ตาม ก็ยังคงถูกจับตาดูอยู่โดยรองประธานนั่นเอง
ในฐานะที่เป็นคนมีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะในด้านการบริหารหรือด้านการจัดการและทางการแพทย์ ตี้ชีหยวนมักจะเป็นคนที่ทำอะไรวางแผนล่วงหน้าก่อนเสมอ ซึ่งตำแหน่งหัวหน้าสำนักอนามัยเมืองนั้นเต็มไปด้วยความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง เขาจะต้องประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากขึ้นแน่นอน
ความวุ่นวายมีอยู่ทุกที่ ซึ่งซูเถาได้ถูกดึงเข้ามาในวังวนแห่งความขัดแย้งนี้ ก่อนที่เขาจะได้กลายเป็นพวกของตี้ชีหยวน
ซูเถานั้นเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม ในหัวเขาได้ประเมินข้อมูลและสถานการณ์ต่างๆเอาไว้พลางเดินมาที่บ้านของตี้ชีหยวน ก่อนที่เขาจะได้ข้อสรุปว่าจากเหตุการณ์นี้ฝั่งตี้ชีหยวนดูจะได้เปรียบมากกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะสูญการควบคุมโรงพยาบาลไป แต่มันก็เป็นโอกาสอันยบอดเยี่ยมที่เขาจะได้เข้าสู่วงการของการเมือง
เมื่อตี้ชีหยวนชวนเขาเข้าบ้าน ซูเถาก็คิดว่าหรือตี้ชีหยวนกำลังส่งสัญญาณบอกเขาเป็นนัยๆว่าตัวเองกำลังจะเข้าเล่นการเมือง
ซึ่งซูเถาก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องนี้ ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้วที่หมอและการเมืองนั้นมักจะมีความใกล้ชิดกัน ถึงขนาดมีตำแหน่งของแพทย์จักรพรรดิ์ในสมัยโบราณ สำหรับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้าเพื่อขึ้นมาอยู่ในระดับหัวแถวโดยผ่านการรักษาประเทศ
ประตูได้เปิดขึ้นโดยมีหญิงวัยกลางคนอายุราวๆ 40 ปีโผล่อออกมาจากอีกฟากของประตู “เธอคงจะเป็นซูเถาสินะ ? ตี้เขาอยู่ในห้องอ่านหนังสือน่ะ เธอไปหาเขาก่อนได้เลย พอดีชั้นกำลังทำอาหารอยู่” หลังพูดจบ เธอก็รีบกลับเข้าไปในครัว
ซูเถาคิดว่าเธอคงเป็นภรรยาของตี้ชีหยวน เธอเป็นครูสอนภาษาจีนระดับประถม เขามองไปยังรอบๆห้องนั่งเล่น ที่อพาทเม้นท์นี้เมื่อ 10 ปีก่อนเป็นโรงเรียนกวดวิชา ผนังจึงได้ลอกออกไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ภายในห้องก็ยังตกแต่งไปด้วยภาพวาดและตัวอักษรต่างๆแขวนเอาไว้บนกำแพง นอกจากนี้ยังมีโหลปลาทองตั้งอยู่บนโต๊ะกาแฟอีกด้วย
ดูจากลักษณะอพาทเม้นท์ ซูเถาบอกได้เลยว่าตี้ชีหยวนเป็นคนที่ซื่อตรงและไม่ได้ต้องการชีวิตที่ดูไฮโซมากนัก
ซูเถายังไม่ได้เข้าไปยังห้องอ่านหนังสือ กลับกันเขาได้ตรงไปยังห้องครัวก่อนจะเริ่มล้างมือ “คุณฟาง ให้ผมช่วยเถอะ”
จ้างฟางส่ายหัวก่อนจะอุทาน “ชั้นจะให้เธอช่วยได้ยังไง เธอเป็นแขกนะ”
ซูเถาส่ายมือก่อนจะยิ้ม “ผมเป็นพวกชอบเข้าสังคมน่ะ ถึงแม้ฝีมือทำอาหารผมจะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่อย่างน้อยผมก็เป็นผู้ช่วยที่ดีได้”
หลังจากเขาพูดจบ ก็ได้เอื้อมมือไปหยิบหัวไชเท้าสองหัวมาล้างก่อนจะหยิบมีดและเขียงมาเตรียมไว้แล้วเริ่มซอยหัวไชเท้า
จ้างฟางหัวเราะหลังจากที่ได้เห็นทักษะการใช้มีดของซูเถา “ใช้มีดเก่งจัง ถ้าชั้นไม่ได้ยินจากตี้ว่าเธอเป็นหมอจากแผนก TCM ชั้นคงคิดว่าเธอคงเป็นหมอศัลยกรรมแล้วล่ะ”
ซูเถายิ้มก่อนจะตอบกลับ “เกรงว่าแม้แต่ศัลยแพทย์ก็คงจะด้อยกว่าผมนะ”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ได้จัดการหั่นซี่โครงหมู เมื่อเห็นทักษะการใช้มีดระดับโปร จ้างฟางก็ได้ให้เขาช่วยงานต่อไปโดยไม่ปฏิเสธ
หลังจากจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ล้างมือก่อนจะยิ้ม “ผมไปหาประธานตี้ก่อนนะครับ”
จ้างเฟิงรู้สึกประทับใจซูเถากับสิ่งที่เขาทำ เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มี EQ ค่อนข้างสูงและมีทักษะในการเข้าสังคม
พอซูเถาเข้ามาที่ห้องอ่านหนังสือ ตี้ชีหยวนกำลังนั่งดูเอกสารอยู่ เมื่อเขาเห็นว่าซูเถามาถึงแล้ว เขาโบกมือก่อนจะยิ้ม “มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ ชั้นมีอะไรบางอย่างอยากจะหารือกับนายหน่อยน่ะ”
“คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” ซูเถายิ้ม
ตี้ชีหยวนกลอกตา “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ? ดูจากท่าทางของนาย รู้สึกว่านายกำลังเลือกปฏิบัติกับชั้นอยู่นะ”
ซูเถายิ้ม “ตี้ชีหยวน ผมเข้าใจคุณดี เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มจะใจดี แปลว่าคุณคงมีเรื่องอะไรซักอย่าง”
ตี้ชีหยวนอึ้งไปพักนึง ก่อนจะชี้นิ้วไปยังซูเถาและหัวเราะ “ถูกของนาย ชั้นมีภารกิจสำคัญให้นายทำ แต่มันเป็นเรื่องดีนะ”
“อะไรล่ะที่ว่าน่ะ ?” ซูเถายิ้มเล็กน้อย
“ดูนี่สิ !” ตี้ชีหยวนยื่นเอกสารให้ซูเถา
ซูเถามองดูเอกสารก่อนจะขมวดคิ้ว “คุณอยากให้ผมเข้าแข่งขันในทัวร์นาเม้นท์ของราชาแห่งแพทย์งั้นเหรอ ?”
“ถูกต้อง ! คุณถังต่อสู้เพื่อโรงพยาบาลเจียงหัวมาในปีนี้และได้สิทธิ์ในการแข่งขัน ชั้นจึงคิดว่าจะให้นายได้ลงแข่งน่ะ” ตี้ชีหยวนยิ้ม
จริงๆแล้วซูเถาก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากหยานจิ้งเคยคุยกับเขาเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อวานนี้หยานจิ้งก็ได้ส่งข้อความมาบอกเขาว่าอย่าปฏิเสธถ้าโรงพยาบาลได้โควต้าในการเข้าแข่งขันครั้งนี้
นอกจากนี้มันยังเป็นไปตามแผนของหยานจิ้งที่โรงพยาบาลเจียงหัวได้สิทธิ์ในการแข่งขัน ท้ายที่สุดแล้ว มาตรฐานของแผนก TCM โรงพยาบาลเจียงหัวจะได้อับดับที่เท่าไหร่ในการแข่งขันครั้งนี้
“คงไม่แย่เท่าไหร่หรอกมั้ง ?” ซูเถายิ้มพลางครุ่นคิดสั้นๆ
ตี้ชีหยวนยิ้ม “ทักษะการแพทย์ของนายนั้นยอดเยี่ยมมาก เพียงแต่นายยังขาดความนิยมไปหน่อย ถ้านายได้ลงแข่งครั้งนี้ ชั้นมั่นใจเลยว่านายจะได้รับฉายาราชาแห่งแพทย์อย่างแน่นอน ซึ่งมันจะเป็นการยกระดับชื่อเสียงของโรงพยาบาลเจียงหัวกับตำหนักของนายไปในเวลาเดียว ชั้นคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเลยล่ะ”
ซูเถาถอนหายใจ “ก็ได้ ผมตกลง”
ตี้ชีหยวนอารมณ์ดีเป็นพิเศษก่อนจะพูดต่อ “ซูเถา ถ้าระบบการแพทย์มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์แล้วละก็ ชั้นคงส่งต่อโรงพยาบาลเจียงหัวให้นายไปแล้ว ถ้านายสามารถเอาชนะทัวร์นาเม้นท์นี้ได้ ชั้นจะพยายามจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเป็นกำลังให้นายเอง”
“ประธานตี้ นี่คุณกำลังล้อผมเล่นออยู่เหรอเปล่าเนี่ย ?” ซูเถาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตี้ชีหยวนจะมีความคิดแบบนี้
ตี้ชีหยวนยิ้ม “นายจะเต็มใจทำงานได้ไงถ้าไม่มีอะไรตอบแทนให้นายเลย แต่ถ้านายถึงขนาดได้รับฉายาราชาแห่งแพทย์ มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินไปหรอกที่นายจะเป็นประธานของโรงพยาบาลเจียงหัวน่ะ แน่นอน ก็เพราะว่าชื่อเสียงของหวังเกาเฟิงทำให้ตัวเขาได้กลายเป็นรองอาจารย์ใหญ่ของมหาลัยหัวหนาน แต่เขาก็แพ้นายมาไม่ใช่เหรอไง ?”
ได้ยินตี้ชีหยวนพูดดังนั้น ซูเถารูสึกว่าเลือดของเขากำลังเดือดพล่าน แต่เขาก็ยงตอบกลับอย่างสุภาพ “ผมก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง พื้นฐานของหวังเกาเฟิงนั้นแข็งแกร่งมาก มาตรฐานของเขาก็สูงเช่นกัน”
ทันใดนั้นเอง จ้างฟางได้ส่งซิกเป็นสัญญาณว่าอาหารนั้นพร้อมแล้ว ตี้ชีหยวนยิ้ม “ไปกันเถอะ ไว้เราไปคุยกันต่อตอนกินข้าวกัน”
เมื่อเขาเข้ามาที่ห้องกินข้าว ได้มีเด็กสาวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอสวมประโปรงสีชมพูและรองเท้าแตะลายการ์ตูน ใบหน้าของเธอดูสมส่วนประกอบกับผมที่ยาวของเธอพาดไหล่ลงมาถึงหน้าอก ซูเถาอึ้งอยู่พักใหญ่ก่อนจะมองไปยังเธอแลัวหันไปทางตี้ชีหยวน “ทำไมเด็กคนนี้ดูคุ้นหน้าคุ้นตาจังเลย ?”