Physicians Odyssey - ตอนที่ 59 การโต้กลับของเสี่ยวจิงจิง
บทที่ 59 การโต้กลับของเสี่ยวจิงจิง
การปฏิเสธที่จะขอโทษของหยูโบทำให้ญาติของเขาโกรธมาก ก่อนจะหันไปอธิบายด้วยท่าทางหนักใจ “ลุงเฟิง ดูเหมือนเด็กนี่จะยังไม่ค่อยประสีประสาเท่าไหร่ ทำไมคุณไม่ให้ผมจัดการเรื่องนี้เองล่ะ ?”
หลิวเฉียนที่ยืนออยู่ข้างเฉินหลิงเฟิงกระซิบไปที่เขาก่อนจะพูดขึ้น “ที่จริงชั้นก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายหรอก ชั้นแค่ต้องการให้เสี่ยวจิงจิงมาคุกเข่าขอโทษชั้นเท่านั้น !”
ญาติของหยูโบงง ก่อนที่เขาจะรู้ว่าหยูโบนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเฉินหลิงเฟิง แต่มีเรื่องกับคนอื่นแทน เขารู้สึกเสียใจที่มาที่นี่ ถ้าเขารู้ว่ามันเป็นแบบนี้ก็คงไม่มาที่นี่หรอก เพราะเฉินหลิงเฟิงเป็นพวกชื่อฉาวโฉ่ในฮั่นโจวที่เขาไม่ค่อยอยากจะยุ่งด้วย !
ธุรกิจของเขานั้นล้วนแต่มีเบื้องหลังสีเทาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง ตู้เกมอาร์เขต อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ และโซนโต๊ะสนุ้ก ทั้งหมดนั้นตั้งอยู่ที่ชานเมือง ซึ่งรายได้หลักของเขาไม่ได้มาจากพวกนี้ มีข่าวลือว่าเฉินหลิงเฟิงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกพ่อค้ายารายใหญ่ไปทั่ววงการสีเทา
นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออีกว่าเขานั้นครอบครองปืนเอาไว้หลายกระบอก ซึ่งทั้งหมดเขาได้มาจากพวกพ่อค้ายา สาเหตุที่เขามีอาวุธมากมายขนาดนี้ก็เพื่อที่จะสามารถถือครองอิทธิพลอยู่ได้ในวงการสีเทานี้
เฉินหลิงเฟิงกระแอม เขายังคงเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองฮั่นโจว ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องมาจัดการเรื่องของพวกนักเรียน ซึ่งมันคงจะดูไม่ดีหากเขายื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ “เรื่องมันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ไปพาเด็กนั่นมาขอโทษซะ แล้วพวกเราจะทำเป็นลืมๆเรื่องนี้ไป”
ซูเถาถอนหายใจ พวกใต้ดินนี่ไม่รู้ว่าอะไรถูกผิด เขาเดินไปทางหยูโบก่อนจะพูดกับเฉินหลิงเฟิง “นายรู้เบื้องหลังของเรื่องนี้มั้ยว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ?”
เฉินหลิงเฟิงชำเมืองมายังซูเถาก่อนจะหัวเราะเยาะ “ชั้นไม่จำเป็นต้องรู้หรอกเจ้าหนุ่ม วงการใต้ดินน่ะมันซับซ้อน เฉพาะคนที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นแหละที่มีสิทธิ์พูด และตอนนี้ หมัดของชั้นก็ใหญ่กว่าของนาย ชั้นจึงสามารถตัดสินได้ว่าใครผิดใครถูก !”
ซูเถาขมวดคิ้ว “ทำไมนายถึงคิดว่าหมัดของนายใหญ่กว่าของชั้นล่ะ ?”
เฉินหลิงเฟิงหัวเราะ “ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช่หรือไง ?”
ซูเถาส่ายหน้าพลางตอบกลับ “สงสัยต้องมาวัดกันหน่อยแล้วว่าหมัดใครจะใหญ่กว่ากัน !”
“มั่นใจจังนะ คงต้องสั่งสอนให้รู้ซึ้งกันหน่อยแล้ว ไอ้หนู” เขาหัวเราะพลางมองไปยังท่าทางของซูเถา
ทันใดนั่นเขาก็กวักมือก่อนที่ชายหัวล้านจะวิ่งเข้ามาที่ซูเถาพร้อมกับกระบองในมือ มันเป็นกระบองแบบยืดได้ที่พวกตำรวจมัจะใช้กันบ่อย เป็นกระบองสามท่อนที่ผลิตในอเมริกาซึ่งจะพบเห็นได้บ่อยในหนังอเมริกันซึ่งพวกตำ รวจชอบใช้
แต่ก็ยังห่างจากซูเถาอยู่ราวๆ 4-5 เมตร ก่อนที่ชายหัวล้านคนนั้นจะรู้สึกชาที่ข้อมือและทำกระบองหลุดลงพื้น ซูเถาเข้าไปชาร์จใกล้ๆก่อนจะใช้มือขวาอัดหมัดไปที่หน้าอกของชายคนนั้น ทำให้เขารู้สึกมึนงงก่อนละร่วงลงไปกองบนพื้น
จริงๆแล้วชายหัวล้านได้ตั้งการ์ดเตรียมรับมือกับซูเถาไว้แล้ว เนื่องจากเขารู้ว่าซูเถานั้นเป็นมวย แต่เขาก็ไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวของซูเถาทันก่อนที่เขาจะโดนช่วงชิงพละกำลังในการต่อสู้ไป
สีหน้าของเฉินหลิงเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะออกคำสั่ง “พวกแกทั้งหมด จัดการมันเลย !”
พวกลูกน้องทั้งหมดต่างก็เคยผ่านเรื่องต่อยตีกันมาแล้วทั้งนั้น พวกเขาจึงได้เข้าชาร์จพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ซูเถาได้ขยับมืออย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกลูกน้องทั้งหมดจะลงไปนอนบนพื้นตามชายหัวล้านไปติดๆ
เฉินหลิงเฟิงหน้าถอดสี ก่อนจะชักปืนที่เหน็บไว้ที่เออวออกมาเล็งไปทางซูเถา “ใช้ได้นี่หว่า แต่วิชาหมัดของแกมันจะไปเร็วกว่าลูกปืนของชั้นได้ไง ?”
“ถ้าระยะแค่นี้ ชั้นก็วัดกับลูกปืนได้เหมือนกัน” ซูเถายิ้ม
ในตอนที่เฉินหลิงเฟิงกำลังจะเหนี่ยวไก เขารู้สึกเจ็บนิ้วชี้ขึ้นมา ก่อนจะเห็นว่ามีเข็มเสียบลึกเข้าไปในเล็บ ทำให้เขาเผลอทำปืนหล่นลงพื้น
ซูเถาเดินเข้าไปหาเฉินหลิงเฟิงก่อนจะเตะอัดเข้าไปเต็มแรง เฉินหลิงเฟิงกลิ้งหลุนๆเป็นลูกบอลไปประมาณ 3-4 เมตร ก่อนที่เขาจะมองไปยังหลิวเฉียนที่กำลังหน้าถอดสี “ดูเหมือนหมัดของชั้นจะใหญ่กว่านะ ถ้าเอาตามที่ลุงเธอเคยพูดไว้ เธอต้องมาขอโทษเสี่ยวจิงจิง !”
หลิวเฉียนดูจะลนลานจนทำอะไรไม่ถูก เธอไม่เคยคิดว่าซูเถาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ จัดการพวกนักเลงทั้งหมดด้วยการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ซูเถาหันไปทางเสี่ยวจิงจิง ก่อนที่จะหายใจลึกๆแล้วเดินไปยังหลิวเฉียน โดยที่ไม่ต้องให้ซูเถาสั่ง เสี่ยวจิงจิงได้ยกมือขื้นแล้วเริ่มรัวตบไปยังหน้าของหลิวเฉียน
เธอระบายความเจ็บปวดทั้งหมดที่อัดอั้นอยู่ตลอดมา หลิวเฉียน
นั้นไม่พอใจเสี่ยวจิงจิงตลอดมา แถมเธอยังล้อเลียนเสียวจิงจิงอีกด้วย ก่อนหน้านี้เธอทำตัวเหมือนพี่สาว คอยดูแลเสี่ยวจิงจิง แต่ลับหลังแล้วเธอกลับทำร้ายและรังแกเสี่ยวจิงจิง
ในที่สุดเธอก็หยุดมือ ซูเถาถอนหายใจ “ขืนเธอยังตบต่อ เดี๋ยวก็ได้เจ็บมือกันพอดี”
ในตอนนั้นเอง หน้าของหลิวเฉียวก็บวมฉึ่งไปหมด รอยยิ้มที่ดูจะพึงพอใจปรากฎบนหน้าของเสี่ยวจิงจิง “เทียบกับที่เธอทำกับชั้นเอาไว้ ความเจ็บปวดของมือนี้ยังเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
“งั้นเธอตบต่อไปได้เลย !” ซูเถายักไหล่ก่อนจะยืนดูอยู่เงียบๆ
แต่น่าแปลกใจที่เสี่ยวจิงจิงส่ายหัว “ชั้นไม่ตบเธอแล้ว หลิวเฉียน ชั้นแค่อยากให้เธอรู้เอาไว้ว่าเหตุผลที่ชั้นคอยดูแลเธอไม่ใช่เพราะเธอคอยสับสนุนชั้นเรื่องเงินหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าชั้นสงสารเธอ ตั้งแต่วันแรกที่เราเป็นรูมเมทกัน ชั้นก็รู้อยู่แล้วว่าเธอคงไม่ได้มาจากครอบครัวที่เพียบพร้อมเหมือนกับชั้น อย่างไรก็ตาม เธอก็ได้ทรยศต่อร่างกายและวิญญาณของเธอและได้เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ชั้นจึงรู้สึกสงสารเธอ หวังว่าการตบครั้งนี้จะช่วยปลุกเธอให้ตื่นมาเผชิญกับความเป็นจริงได้นะ”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ได้เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
ซูเถาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องนี้จะมีเบื้องหลังแบบนี้ด้วย อีกด้านหนึ่ง หลิวเฉียนเอามือจับปากแล้วร้องไห้ออกมา เธอรู้สึกว่าเธอได้ซ่อนความรู้สึกต่างๆเอาไว้หลังรถหรูและเสื้อผ้าดีๆที่เธอใส่เอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอก็ไม่รู้เลยว่าเสี่ยวจิงจิงนั้นมองออกมาโดยตลอด
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่หลิวเฉียนอิจฉาเสี่ยวจิงจิง เนื่องจากทั้งคู่นั้นเริ่มต้นที่จุดเดียวกัน แต่จบลงในเส้นทางที่ต่างกัน
เสี่ยวจิงจิงเลือกจะเดินไปอีกเส้นทางหนึ่งโดยไม่ใช้ทางลัดและได้พบกับซูเถา ผู้ซึ่งสังเกตเห็นถึงพรสวรรค์ในตัวเธอและรับเธอมาเป็นศิษย์ เธอไม่เพียงแค่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันของมหาลัยหัวหนานเท่านั้น แต่เธอยังมีรายได้จากการขายครีมบำรุงผิวอีกด้วย
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือการที่กระบนหน้าเธอนั้นหายไป ผิวของเธอดูขาวขึ้นและเธอก็ได้ถอดแว่นที่ดูเงอะงะออกไป เธอเปลี่ยนไปจนกลายเป็นถึงดาวโรงเรียนที่มีผู้ชายคอยรายล้อมอยู่
หลิวเฉียนไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวจิงจิงได้ เธอจึงต้องการทำลายเสี่ยวจิงจิง
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเสี่ยวจิงจิงนั้นเจ็บยิ่งกว่าที่เธอตบเสียอีก การตบนั้นได้ทำลายความเย่อหยิ่งและความภาคภูมิใจของหลิวเฉียนโดยสิ้นเชิง
เมื่อเธอเห็นเสี่ยวจิงจิงเดินออกไป ซูเถาก็มองไปยังเธอด้วยท่าทีที่อธิบายยาก ในตอนนั้นเอง เสี่ยวจิงจิงที่ดูเหมือนจะเป็นดักแด้มาก่อนก็ได้เติบโตขึ้นและกลายเป็นเหมือนกับผีเสื้อ เมื่อจิตใจของเธอเข้มแข็งขึ้น เท่ากับว่าเธอนั้นได้เติบโตขึ้นแล้ว
ในตอนที่ญาติของหยูโบเห็นว่าซูเถานั้นจัดการล้มพวกเฉินหลิงเฟิงได้ยังไง เขาส่ายหัวอย่างไม่เชื่อสายตาตนเองก่อนจะรีบหนีออกไป เขาไม่ต้องการจะหาเรื่องใส่ตัวมากไปกว่านี้
หลังจากพวกจ้าวเจี้ยนได้ออกมากันข้างนอกหมดแล้ว พวกเขารู้สึกหนักใจราวกับฟ้าฟ้าถล่มลงมาเลยทีเดียว ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ยังเป็นแค่นักเรียน เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต่อกรกับผู้มีอำนาจ
หลังจากคิดอยู่นาน ซูเถาได้ส่งข้อความไปหาหยานจิ้ง “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าถ้าชั้นเกิดปัญหาอะไรที่ฮั่นโจวนี่ เธอสามารถจัดการมันให้ชั้นได้ใช่ไหม ?”
หลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ซูเถารับสายก่อนจะหัวเราะ “ประธานหยาน เธอนี่ตอบกลับเร็วชะมัดเลย !”
หยานจิ้งถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้นายคงมีปัญหาเล็กๆเกิดขึ้นสินะ นายไปก่อเรื่องเอาไว้ในผับแห่งหนึ่งเมื่อ 2 วัน แถมยังจะก่อเรื่องอีกวันนี้ ทำไมชั้นไม่รู้สึกว่านายเป็นหมอเลย กลับกันชั้นรู้สึกว่านายเป็นพวกนักเลงเลือดร้อนซะด้วยซ้ำ”
ซูเถาถอนหายใจ “ผิดแล้ว อย่างน้อยชั้นก็น่าจะเป็นนักเลงขาใหญ่นะ อ้อจริงสิ ดูเหมือนเธอจะเดาผิดนะ ชั้นอัดเจ้าอ้วนไปคนนึง คนที่ชื่อลุงเฟิงอะไรนี่แหละ”
หลังเงียบไปซักพัก หยานจิ้งถอนหายใจ “ใช่เฉินหลิงเฟิงหรือเปล่า ? เจ้าหมอนั่นมันไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ นายไปมีเรื่องกับมันได้ไงน่ะ ? ตัวตนของหมอนี่มันค่อนข้างลึกลับนิดหน่อย แถมยังเป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมอีกด้วย … ลืมมันไปซะ เดี่ยวชั้นจะให้เจิ้งหงจัดการเรื่องนี้เอง แต่นายต้องหยุดก่อเรื่องซักพัก ไม่งั้นได้วุ่นวายกันทั้งฮั่นโจวแน่””
ซูเถารู้สึกได้จากคำพูดของหยานจิ้ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการล้างแค้นของพวกนั้นเท่าไหร่ แต่มันจะทำให้งานของตำหนักนั้นลำบากขึ้นหากพวกนั้นมันเข้ามาแก้แค้นเขา
ซูเถายิ้ม “แน่นอนคุณหุ้นส่วน อุ่นใจจริงๆที่มีเธอเป็นแบ็คให้ !”
หยานจิ้งตอบกลับ “เพราะว่าครีมของนายมันเป็นประโยชน์มากกับชั้น ไม่งั้นชั้นคงไม่สนใจนายหรอก !”
“สองสามวันมานี่ฮั่วหยานเป็นไงบ้าง ?” ซูเถารีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน
หยานจิ้งถอนหายใจ “เธอมักจะรบเร้าชั้นหานายตลอด ดูเหมือนเธอจะติดนายแจเลย”
ซูเถายิ้ม “ถ้างั้น อาทิตย์หน้าชั้นเลี้ยงข้าวพวกเธอแล้วกัน”
หยานจิ้งพยักหน้า “อย่างน้อยนายก็ยังมีความรับผิดชอบดี”
หลังจากวางสาย ซูเถาได้โบกมือไปยังจ้าวเจี้ยนก่อนที่พวกเขาจะแยกกัน ซูเถาพูดขึ้น “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้พวกนายไม่ต้องเป็นห่วง ชั้นจัดการเคลียร์ให้เรียบร้อยแล้ว”
สายตาแห่งความสงสัยปรากฎขึ้นที่จ้าวเจี้ยนก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง “อาจารย์ คุณจัดการเรื่องนี้ได้ยังไงน่ะ”
ซูเถายิ้ม “อย่าได้ประเมินชั้นต่ำไปเชียว จริงๆแล้วชั้นยังมีตัวตนอีกด้านนึงด้วยนะ”
เขาสนิทกับราชินีแห่งโลกใต้ดิน แม่ม่ายพิษ เพียงแค่การพูดคุยเล็กน้อยเท่านั้นก็สามารถจัดการเรื่องต่างๆได้แล้ว
เมื่อเห็นว่าซูเถานั้นมีทั้งทักษะของการรักษาและทักษะการต่อสู้ จ้าวเจี้ยนดูเหมือนจะเชื่อในสิ่งที่ซูเถาพูดอย่างสนิทใจ “ผมรู้ ! คุณต้องมาจากหน่วยพิเศษอะไรซักอย่างในอดีตเหมือนกับพวกนิยายออนไลน์อะไรเทือกนั่นแน่ๆ ซึ่งคุณจำเป็นต้องกลับมาที่เมืองเนื่องจากสถานการณ์พิเศษบางอย่าง แต่ที่จริงแล้วคุณมีพลังอันหน้าเหลือเชื่อ ถึงขนาดจัดการเฉินหลิงเฟิงได้อย่างง่ายดาย”
ซูเถาอึ้งไปกับเรื่องที่จ้าวเจี้ยนพูด อย่างไรก็ตาม จ้างเจี้ยนก็ยังเดาประวัติความเป็นมาของเขาไม่ถูกอยู่ดี “จำเอาไว้อย่างนึง ชั้นเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น”
จ้าวเจี้ยนพยักหน้า “ผมจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับแน่นอน อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง”