Physicians Odyssey - ตอนที่ 57 ตบจนเจ็บมือ
บทที่ 57 ตบจนเจ็บมือ
เสี่ยวจิงจิงสังเกตเห็นจ้าวเจี้ยนกับหวังเผิงทำตัวมีพิรุธหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ หลังจากซักไซ้อยู่พักนึง เธอก็พบว่าทั้งสองจะไปข้างนอกกับซูเถา พอเธอรู้เรื่องเข้าเลยจะขอติดตามทั้งสองคนไปด้วย
เพราะว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากเสี่ยวจิงจิง เธอจึงมีสิทธิ์ที่จะไปกับพวกเขาด้วยเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ ดังนั้น ซูเถาจึงได้ให้หวังเผิงคอยเฝ้าตำหนักไว้ ในขณะที่เขาพาจ้าวเจี้ยนกัยเสี่ยวจิงจิงไปที่โรงเรียน
เมื่อพวกเขามาถึงประตูทางเข้า จ้าวเจี้ยนได้บอกให้ซูเถากับเสี่ยวจิงจิงรออยู่เฉยๆก่อนที่เขาจะโทรหาเพื่อนชมรมบาส
สิบนาทีต่อมา เพื่อนของจ้าวเจี้ยนก็มาถึง แต่พวกเขาดูจะง่วงนอนมากเนื่องจากตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเช้า
ซูเถามองไปยังพวกเพื่อนของจ้าวเจี้ยน ขนาดคนที่ตัวเตี้ยสุดยังสูงตั้ง 5.9 ฟุต ส่วนคนที่สูงที่สุดอยู่ประมาณ 6.5 ฟุต ทำเอาซูเถากลายเป็นคนธรรมดาไปเลย
“เจี้ยน ทำไมนายถึงได้เรียกพวกเราออกมาเช้านักล่ะ ? เราเพิ่งไปปาร์ตี้บาร์บีคิวมาเมื่อคืน พวกเรายังนอนไม่เต็มอิ่มเลย” หนึ่งในเพื่อนของจ้าวเจี้ยนพูดด้วยท่าทางขี้เกียจ
จ้าวเจี้ยนรีบแนะนำทันที “พี่โบ เมื่อเช้า K มันไปที่ชมรมมวยไทย เวลาเหมาะพอดีที่จะไปหามัน”
โบยักไหล่ “ไอ้เจ้า K น่ะมันเป็นอันธพาลของโรงเรียนนี้ ชั้นทำเป็นไม่สนใจเรื่องของมันเพราะมันไม่เคยมายุ่งกับทีมบาสเรา แต่เมื่อมันอัดนาย เราคงต้องไปเคลียร์กับมันเรื่องนี้หน่อย”
จ้าวเจี้ยนยิ้มอย่างตื่นเต้น “พี่โบนี่น่านับถือจริงๆ ไว้ผมจะเลี้ยงข้าวเช้าในตอนที่เราจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว”
โบสังเกตเห็นซูเถากับเสี่ยวจิงจิง เขาจึงถามขึ้น “เจี้ยน สองคนนั่นเพื่อนนายเหรอ ?”
จ้าวเจี้ยนไม่มีได้มีเจตนาที่จะปิดบังอยู่แล้ว เขาจึงแนะนำทั้งสองคน “คนนี้คืออาจารย์ของผม ทักษะทางการแพทย์ของเขาสุดยอดมากๆ ไว้พวกพี่เกิดเจ็บป่วยยังไงก็มาหาเขาได้ ผมรับประกันเลยว่าหายเป็นปลิดทิ้งแน่นอน ส่วนคนนี้เป็นศิษย์พี่ เสี่ยวจิงจิง”
“เสี่ยวจิงจิงน่ะเป็นเหมือนกับดาวโรงเรียนเลย พวกเรารู้จักเรื่องของเธออยู่แล้ว” สายตาของโบมองไปยังซูเถา “งั้น คุณก็คืออาจารย์ของเจี้ยนสินะ ? ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะอายุน้อยขนาดนี้ เขาชื่นชมคุณมากเลยต่อหน้าเรา ไหนๆก็ว่างอยู่แล้ว โชว์ทักษะให้พวกเราดูซักอย่างสองอย่างได้ไหม ?”
ซูเถายิ้ม “นายเคยได้รับาจเจ็บที่ข้อเท้าขวา ไว้ลองมาฝังเข็มที่ตำหนักดูสิในตอนที่นายว่าง”
โบอึ้งนิดหน่อยก่อนจะมองไปยังจ้าวเจี้ยน จ้าวเจี้ยนยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้บอกโบเรื่องที่เขานั้นไม่เคยพูดถึงอาการบาจเจ็บของโบให้ซูเถาฟังเลย
โบยิ้มพลางยกนิ้วโป้งให้ซูเถา “ดูเหมือนคุณจะไม่ใช่แค่ราคาคุย ไว้ผมจะไปหาคุณในตอนที่เราเสร็จธุระเรื่องนี้แล้ว”
โบเป็นกัปตันทีมบาสเก็ตบอลที่ได้รับความเคารพอย่างมาก เขาเริ่มวางแผน โบจะเข้าไปก่อน ส่วนที่เหลือให้คอยคุ้มกันเขา ถ้ามันกลายเป็นการทะเลาะวิวาทขึ้นมาเมื่อไหร่ โบจะจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้เอง ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ซูเถาคิดว่าโบคงมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง
แผนการนี้ไม่ได้นับรวมซูเถาเข้าไปด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ของจ้าวเจี้ยนก็ตาม แต่หากตัดสินจากรูปร่างภายนอกที่ดูอ่อนแอของเขาแล้ว ไม่มีใครคิดว่าเขาจะต่อสู้ได้
โบยืนอยู่หน้าชมรมมวยไทยก่อนจะถีบประตูเข้าไป ผู้คนในชมรมมวยไทยนับสิบต่างตกใจกันหมด โบขมวดคิ้ว “ K มันมุดหัวอยู่ไหน ? ไปบอกให้มันออกมา”
ชายผิวดำคนนึงสูงประมาณ 5.7 ฟุต ที่กำลังปล่อยหมัดแย็บบนกระสอบทรายอยู่ เขาได้หัวเราะก่อนจะเดินมาทางประตู เขาใส่ที่คาดหัวสีขาว ดวงตาแหลมคมและดูดุร้าย เขามอองไปที่โบก่อนจะเคลื่อนสายตามายังจ้าวเจี้ยนและเสี่ยวจิงจิง
“ในที่สุดก็ฉลาดขึ้นซักทีนะ ถ้านายจากจะหาเรื่องใส่ตัว อย่างน้อยก็ต้องพาพวกมาด้วยถึงจะถูก” K เงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปยังโบ “นายคงจะเป็นหยู โบ จากทีมบาสใช่มั้ย ? ชั้นอยากจะสู้กับนายมาตลอดเลยล่ะ”
โบมองไปยัง K ก่อนจะพูดขึ้น “งั้นมาสู้กัน 1-1 ถ้านายแพ้ต้องมาขอโทษน้องชั้น”
K ส่ายหัว “อย่างชั้นเหรอจะแพ้ ? ไม่มีทาง นายถึงขนาดกล้าถีบประตูชมรมเข้ามา เลิกคิดเรื่องที่หนีกลับออกไปได้เลย ต่อให้ดาวโรงเรียนคนนั้นมานั่งเล่นกับเราก็ตาม”
หลังพูดจบ เขาหักนิ้วเพื่ออุ่นเครื่อง คนที่มองดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็หยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำทั้งหมดและมาล้อมพวกเขาเอาไว้
โบขมวดคิ้ว “คิดจะหมาหมู่หรือไง ?”
K ยิ้ม “ของมันแน่อยู่แล้ว เราจะอัดพวกนายด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ โทษตัวเองซะเถอะที่ดันย่างเท้าเข้ามาที่นี่น่ะ”
โบสบถอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเตะไปยัง K
ถึงแม้ว่า K จะเป็นมวย แต่เขาก็ไม่กล้าลดการ์ดลงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับโบ เหตุผลที่การแข่งขันมวยนั้นถูกแบ่งประเภทตามน้ำหนัก ก็เพราะว่าน้ำหนักนั้นมีผลกับการต่อสู้ ต่อให้เป็นแชมป์ไลท์เวทก็ตาม แต่ถ้าต้องมาสู้กับเลอบรอน เจมส์ ก็มีโอกาสถึง 80% ที่แชมป์จะแตก ความต่างของน้ำหนักนั้นย่อมหมายถึงความต่างของพละกำลังในการปล่อยหมัดและการป้องกัน
อย่างไรก็ตาม K นั้นค่อนข้างจะคล่องแคล่วเป็นพิเศษ เขาก้มหลบลูกเตะก่อนจะสวนด้วยโลว์ คิก โบร้องด้วยความเจ็บปวดและถอยมาตั้งหลัก 2 ก้าว
โบรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
K เยาะเย้ยก่อนจะตั้งท่า เขายกหมัดพลางยกเข่าปิดช่วงล่างตั้งท่ามวยไทย นิ้วเท้าของเขาแตะพื้นเป็นครั้งคราวก่อนพุ่งเขาหาโบอย่างรวดเร็วและหมุนตัวซัดกระบวนท่าใส่หน้าของโบ
อย่างไรก็ตาม โบตอบสนองอย่างรวดเร็วก่อนจะปล่อยหมัดสวนไปยังหน้าอกของ K แต่ศอกของอีกฝ่ายทะลุผ่านการป้องกันมาได้และกระแทกเข้าไปที่หน้าโบอย่างจัง
K ยิ้มก่อนจะเยาะเย้ย “ว้า โบจากทีมบาสโรงเรียน ชั้นไม่คิดเลยว่านายจะอ่อนแอถึงขนาดต่อยชั้นไม่โดนซักหมัดเลย อัดมันเลย แต่อย่าไปทำร้ายผู้หญิงเข้าล่ะ เธอเป็นถึงเมียในอนาคนของน้องนายเชียวนะ”
สมาชิกชมรมมวยไทยต่างหัวเราะเยาะ พวกเขาเริ่มขยับกันบ้างแล้ว หนึ่งในพวกเขาเตะไปที่โบ ในขณะที่คนอื่นก็ร่วมวงด้วยเช่นกัน ถึงแม้พวกชมรมบาสจะตัวใหญ่ก็จริง แต่ก็รับมือกับคนจำนวนไม่ได้ หลังจากโดนซ้อมไปซักพัก พวกเขาทั้งหมดก็ได้ถอยออกมาและกำลังทรมานกับความเจ็บปวด
จ้าวเจี้ยนดึงโบขึ้นมาก่อนจะกระซิบ “เราเผ่นกันก่อนดีกว่า ชั้นไม่คิดเลยว่าข้างในนี่จะมีพวกมันอยู่กันเยอะขนาดนี้”
หน้าของโบที่ถูกศอกไปรู้สึกชา “เมื่อคืนชั้นเมามากไปหน่อยเลยอยู่ในสภาพไม่เต็มที่ ขาชั้นยังอ่อนยวบอยู่เลย งั้นเราถอยกันก่อนแล้วกัน”
แต่ทว่าประตูของชมรมมวยไทยถูกปิดเรียบร้อยพร้อมกับมีคนคอยคุมอยู่ 2 คน
ตัดกลับมาที่ฝั่งทีมบาส พวกเขาร่วงลงไปกองบนพื้น 2 คนแล้ว
ซูเถายังคงนิ่งไม่ขยับ พวกทีมบาสคงจะไม่เจ็บตัวมากในตอนแรก แต่เขาไม่คิดเลยว่าพวกชมรมมวยไทยจะต่ำทรามขนาดนี้ พวกมันถึงขนาดใช้ไม้ทุบ พวกทีมบาสตอนนี้ทุกคนบาดเจ็บเลือดออกกันหมด พวกเขาไม่อยู่ในสภาพที่จะสามารถสู้ต่อได้แล้ว
ซูเถารู้สึกแปลกใจที่เสี่ยวจิงจิงดูจะไม่ตระหนกกับเหตุการณ์นี้เท่าไหร่ สายตาของเธอดูสงบนิ่ง แต่เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิง เลยไม่รู้ว่าจะต่อสู้ยังไง
พวกทีมบาสยังคงยืนเป็นวงกลมเพื่อปกต้องเสี่ยวจิงจิงกับซูเถา แต่เนื่องจากพวกเขาหมดสภาพแล้ว ได้มีบางคนคว้าไม้มาแล้วฟาดไปยังซูเถา ทำให้เสี่ยวจิงจิงร้องอุทานขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้นั้นเสี่ยวจิงจิงไม่ได้คาดคิดมาก่อน มือของชายคนนั้นสั่นไหว ไม้ที่เขาถืออยู่ร่วงหล่นลงไปบนพื้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดก่อนจะร้องออกมา “ไอ้เวรนี่มันเล่นสกปรก มันใช้เข็มแทงชั้น”
ซูเถาเดินออกมาก่อนจะเตะไปที่ท้อง “ก่อนเราจะสู้กันนี่ได้มีการห้ามใช้อาวุธหรือเปล่าล่ะ ?”
ชายคนนั้นโดนเตะอัดจนสลบ พวกที่เหลือซึ่งเห็นเหตุการณ์ได้เปลี่ยนความสนใจจากพวกทีมบาสและกรูกันมาที่ซูเถา
มีอยู่ประมาณ 8 คนที่กำลังล้อมซูเถาอยู่ แต่สายตาของเขานั้นอยู่ที่ K ซึ่งเป็นคนที่อัดจ้าวเจี้ยน ถ้าต้องงัดกับพวกนักเลงก็ต้องเล่นหัวหน้าของพวกมัน ซูเถาจึงพุ่งไปยัง K ก่อนจะอัดเขาอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ซูเถาจะดูผ่อนคลาย แต่การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วมาก มันเป็นฉากที่แปลกมาก ทุกๆการเคลื่อนไหวของเขาจะมีเข็มบินออกมาเสมอ ซึ่งทำให้พวกที่เหลือลงไปนอนกองกับพื้น
K ได้กลับมาให้ความสนใจซูเถา พลางขมวดคิ้ว เขาปล่อยมือจ้าวเจี้ยนก่อนจะกระโดดไปยังซูเถา เขารู้ว่าซูเถาคงจะซ่อนอาวุธเอาไว้เป็นแน่ เขาจึงหยิบกระสอบทรายขึ้นมาเป็นโล่
อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่ซูเถามีนั้นไม่ใช่อะไรที่จะเรียนมาแค่วันสองวัน ตราบใดที่ยังอยู่ในระยะ 10 เมตร เขาก็สามารถเล็งได้อย่างแม่นยำ K รู้สึกว่าข้อเข่าของตัวเองนั้นเสียแรงไปก่อนที่เขาจะทรุดลงไปบนพื้นโดยที่ใบหน้าของเขานั้นจูบพื้นก่อนเป็นอย่างแรก
ก่อนที่เขาจะได้ฟื้นตัว ซูเถาได้เดินเข้ามาเหยียบที่คอพอดี ทำให้ K นั้นรู้สึกหมดแรงไปในทันที
จ้าวเจี้ยนกับโบต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนแรกพวกเขาคิดว่าคงจะเละเป็นขี้ไปแล้วในวันนี้ แต่สถานการณ์ก็ได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
สิบนาทีก่อน พวกทีมบาสได้พ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้ ก่อนที่ซูเถาจะขยับและสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปในทันที
โบกระซิบไปยังจ้าวเจี้ยน “อาจารย์นายไล่อัดพวกนั้นจนร่วงได้ไงน่ะ ?”
จ้าวเจี้ยนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน !”
โบพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “นายเป็นศิษย์เขาไม่ใช่หรือไง แต่นายไม่รู้ว่าเขามีวิชาการต่อสู้ด้วยเนี่ยนะ ? ตาบอดหรือเปล่าเนี่ย !”
จ้าวเจี้ยนยิ้มเจื่อนๆก่อนจะส่ายหน้า “ผมคิดว่าเขาเป็นแค่หมอเท่านั้นเอง ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมีวิชาการต่อสู้ด้วย ถ้าผมรู้คงไม่ทำให้เรื่องมันบานปลายอย่างนี้หรอก”
โบพยักหน้าพลางลูบหน้าตัวเอง “แค่วิชาการต่อสู้ของเขา มันก็คุ้มค่าแล้วที่เขาได้เป็นอาจารย์ของนาย”
ซูเถากวักมือเรียกจ้าวเจี้ยน “มานี่สิ”
จ้าวเจี้ยนพยักหน้าก่อนจะเดินกะเผลกเนื่องจากโดน K หักขาไปมาทางซูเถา “อาจารย์ คุณนี่แข็งแกร่งจริงๆ ! ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมีความสามารถแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย !”
ซูเถายิ้มก่อนจะดึง K ขึ้นมา “อัดมัน”
จ้าวเจี้ยนมองไปยัง K ถึงว่าตอนนี้เขาจะไร้พิษสงไปแล้ว แต่แววตาก็ยังดูดุร้าย
เขากุมมือด้วยความลังเล “มันเหมือนกับทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ผมทำไม่ได้หรอก”
ซูเถาถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “นายอุตส่าห์ยกโขยงกันมาตั้งเยอะเพื่อถามหาความยุติธรรม แล้วตอนนี้มันก็อยู่ต่อหน้านายแล้ว ยังจะลังเลอะไรอีก ?”
จ้าวเจี้ยนสูดหายใจลึกๆ “งั้นผมจะทำ”
ฝ่ามือของจ้าวเจี้ยนตบไปยังที่หน้าของ K ก่อนที่ K จะยิ้มละพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “งี่เง่าจริงๆ นี่แกกินข้าวมาแล้วยังวะ แรงยังกะผู้หญิง ไม่เห็นจะเจ็บเลยโว้ย !”
ซูเถาส่ายหัวก่อนจะตอบกลับ “เห็นมั้ย ? มันยังมีแรงอยู่เลย ทำต่อ !”
ทันใดนั้นเอง จ้าวเจี้ยนรู้สึกว่าซูเถานั้นดูต่างไปจากทุกที เมื่อเข้ามองไปยังตาของซูเถา มันยากจริงๆที่จะขัดขืนคำสั่งเขา เขาทำได้แค่ซัดหมัดลงไปที่หน้าของ K เท่านั้น
“อีกหมัดนึง !”
“ต่อเซ่ ! เพิ่มแรงอีก”
“อัดเข้าไปเรื่อยๆ ! อย่าหยุด”
มีแค่เสียงถูกทุบเท่านั้นที่ดังออกมาจากชมรมมวยไทย K โดนอัดจนหมดสภาพ
แม้แต่โบและพวกทีมบาสก็ไม่กล้าจะมองฉากนี้ต่อเนื่องจากมันเป็นฉากนองเลือดเกินไป
ในที่สุดดูเหมือนพระเจ้าจะรู้แล้วว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน ซูเถาก็พูดขึ้น “พอได้แล้ว”
จ้าวเจี้ยนรู้สึกว่ามือของเขานั้นชาไปหมด ก่อนจะมองไปยัง K ที่สลบเหมือดไปแล้วและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “เขายังไม่ตายใช่มั้ย ?”
“จากประสบการณ์ของคนเป็นหมอ เขาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งจะกลับมาหายดีได้หลังจากนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลประมาณ 2 เดือน”
จ้าวเจี้ยนรู้สึกโล่งที่ได้ยินแบบนั้น “ให้ตายสิ หน้าของไอ้หมอนี่หนาชะมัด ต่อยจนมือชาไปหมดแล้วเนี่ย”