Physicians Odyssey - ตอนที่ 56 คู่แม่ลูกที่ดูเหมือนกับเป็นพี่น้องกัน
บทที่ 56 คู่แม่ลูกที่ดูเหมือนกับเป็นพี่น้องกัน
หลังจากที่พวกเขากินอาหารเย็นพลางพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนกันเสร็จ เวร่าก็ได้พาซูเถามาส่งที่ตำหนัก ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาไม่ได้คุยเรื่องความรักกันเลย หลังจากส่งซูเถาเรียบร้อยแล้ว เวร่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหามิเชล “ตอนนี้คุณอยู่ไหน ? เดี๋ยวชั้นจะไปหา”
มิเชลยิ้ม “อยู่ในผับ กำลังมองหาความรักอยู่น่ะ สนใจมั้ย ?”
เวร่ากลอกตา “ส่งที่อยู่มา จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”
มิเชลนั่งอยู่บนที่นั่งเล็กๆในผับพร้อมกับเหล้านอกอีก 2 ขวดบนโต๊ะ นอกจากนี้ยังมีกับแกล้มหลายอย่างในจาน เธอดื่มไปพลางโยนถั่วเข้าปาก พอเธอเห็นว่าเวร่ามาถึง เธอได้โบกมือเรียกเด็กเสิร์ฟให้นำเหล้ามาอีกขวดพร้อมกับสั่งเค้กด้วย
มิเชลมองไปยังเวร่าที่กำลังทำหน้าขึงขังอยู่ เธอยิ้ม “ตอนที่เราเจอกันครั้งสุดท้ายนั่นทำไมถึงทำท่าดุจังเลยล่ะ ?”
เวร่าถอนหายใจ “แม่ ทำไมถึงไม่เคารพกันบ้างเลยล่ะ ?”
“ไม่เคารพยังไง ? ถ้าชั้นไม่เคารพเธอ แล้วชั้นจะถ่อมาถึงฮั่นโจวนี่ทำไม ? จริงมั้ย เพราะว่าชั้นเป็นห่วง กลัวว่าเธอจะถูกหลอกยังไงล่ะ” มิเชลส่ายหัว
เวร่าตอบกลับ “คิดว่าลูกสาวคนนี้จะโดนหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
มิเชลถอนหายใจ “ชั้นยิ่งเป็นห่วงเธอมากกว่าเดิมอีก เพราะว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ อย่าได้ประมาทพลังแห่งความรัก ใครๆก็ตกอยู่ในความรักได้ทั้งนั้น บางคนถึงขนาดเปรียบเทียบความรักเป็นลัทธิซึ่งชั้นเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยล่ะ”
เวร่าอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะมองไปยังมิเชล “คุณเคยอกหักงั้นเหรอ ?”
มิเชลมองมาที่เวร่า เธอยอมรับ “ใช่ ! แม่ของเธอเคยเป็นไอ้โง่มาก่อนในอดีต และเธอถึงขนาดตัดความสัมพันธ์กับพ่อของตัวเองเนื่องจากความรัก สุดท้ายแล้ว คนๆนั้นก็เลือกอำนาจมากกว่าความรัก”
“คุณก็เลยละทิ้งความเป็นตัวเองไปแล้วเลือกพ่อของชั้นงั้นเหรอ ?” เวร่าถามต่อ
มิเชลพยักหน้า “ถึงแม้ว่าพ่อของเธอจะไม่ใช่คนที่น่ารักอะไร แต่เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ เขายังให้ความเคารพกับชั้นเนื่องจากเราแต่งงานกัน ท้ายที่สุดแล้วชั้นก็เหมือนกับตัวตลก คล้ายกับผ้าขี้ริ้วที่ถูกทิ้งในความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้”
เวร่ามองไปยังมิเชล นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นอารมณ์อื่นนอกจากความสนุกสนานจากแม่ของเธอ
“แล้วเขาคนนั้นคือใครล่ะ ? ตอนนี้เขาอยู่ไหน ?” เวร่าอดไม่ได้ที่จะถาม
มิเชลถอนหายใจ “พวกเราได้ตัดการติดต่อกันไปแล้ว เมื่อความรักหายไป มันก็ถูกเก็บอยู่ภายในส่วนลึกของหัวใจและจะไม่สัมผัสมันอีกเป็นครั้งที่สอง”
เวร่าจิบเหล้า รสชาติแสบปากเล็กน้อย “แปลว่าคุณก็ไม่ได้คิดเลยว่าชั้นกับซูเถาจะไปด้วยกันได้งั้นสิ ?”
“ถูกต้อง เพราะว่าระยะห่างของพวกเธอทั้งสองนั้นมันกว้างเกินไป อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นแค่การออกเดทและยังไม่ได้แต่งงานกัน ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร” มิเชลเอานิ้วจิ้มหัวเวร่าเบาๆ
เวร่าตกใจ “มิเชล มุมมองกับค่านิยมของคุณมันบิดเบี้ยวจริงๆ”
มิเชลกลอกตา “เป็นเพราะว่าชั้นกังวลหน่ะสิ เธออายุ 20 แล้วแถมยังซิงอยู่ด้วย ชั้นคิดว่ามันแปลกมากเลยล่ะ ถึงขนาดครั้งนึงชั้นเคยคิดว่าเธอเป็นพวกรักร่วมเพศด้วยซ้ำ !”
หน้าผากของเวร่าเต็มไปด้วยรอยย่น เธอไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีจังหวะนี้ “นั่นเป็นเรื่องที่คนเป็นแม่พูดกับลูกสาวของตัวเองงั้นเหรอ ?”
ก่อนหน้านี้เธอเป็นโรคฮิสเทเรีย นอกจากงานแล้วจะมีผู้ชายที่ไหนใกล้ชิดเธอกัน
มิเชลล้างคอก่อนจะพูดต่อ “ชั้นบอกเธอเอาไว้ก่อน ชั้นอนุญาติให้เธอไปเดทได้ จะจับมือ จะจูบ หรือมีเซ็กส์ชั้นก็ไม่ว่า แต่อย่าได้พูดถึงเรื่องการแต่งงาน พ่อเธอได้ขีดเส้นตายเรื่องนี้เอาไว้แล้ว !”
ดวงตาของเวร่าเบิกกว้าง “ได้แค่ไปเที่ยวแต่ไม่ให้แต่งงานเนี่ยนะ คิดได้ไง ?”
มิเชลถอนหายใจ “จำเอาไว้ การแต่งงานคือหลุมศพของความรัก เว้นเสียแต่ว่าเธออยากให้เขาไปให้พ้นๆ ก็ใช้การแต่งงานฆ่าความรักนั่นไปซะ”
เวร่าตอบกลับอย่างหัวเสีย “ความคิดของเธอไม่มีผลกับชั้นหรอก”
“ถ้างั้น ก็ให้ความพ่ายแพ้มันสอนเธอดูว่าความโหดร้ายของความรักมันเป็นยังไง” มิเชลถอนหายใจ
เวร่าพูดเบาๆ “ไม่ลองมาพนันกันดูล่ะ ? ถ้าพวกเราไปด้วยกันได้ไกลพอ เธอต้องใช้ทรัพย์สินของเธอครึ่งนึงเป็นสินสอด”
มิเชลขมวดคิ้วในทันที “ไม่มีทาง ทั้งหมดนั่นเป็นลูกรักของชั้นเลยนะ !”
“ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนั่นเป็นของชั้นหรอกเหรอเมื่อเธอตายไปแล้วน่ะ ?” เวร่าเม้มปาก
“ลูกอกตัญญู เธอแช่งแม่ของตัวเองอย่างงี้ได้ยังไง ?” มิเชลพูดต่อ “ถึงชั้นจะตายไป พวกมันก็จะถูกฝังไปกับชั้นด้วยอยู่ดี”
“ขี้เหนียวจริงๆ !” หลังจากหยุดพักไปชั่วครู่ เวร่าพูดต่อ “มิเชล ขอบคุณนะที่มา”
ถ้ามิเชลไม่ได้เป็นห่วงเธอ เธอคงไม่มาตั้งไกลเพื่อแอบพบซูเถา
มิเชลมองไปยังเวร่าก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง “พระเจ้า ! นี่หน้าอกเธอใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ?”
ถึงแม้ว่าลูกค้าจะค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมีลูกค้าอยู่บ้าง พอพวกเขาได้ยินที่มิเชลพูด พวกเขาทั้งหมดก็มองมาที่เวร่า เธอรู้สึกราวกับใบหน้าถูกไฟไหม้ ก่อนที่เธออจะกระซิบ “บางครั้ง ชั้นก็รู้สึกอายที่อยู่กับเธอเหมือนกัน”
“ทรมานจิ้งจอกอย่างเธอนี่สนุกดีจริงๆ” มิเชลยิ้ม
เวร่ากับมิเชล คู่แม่ลูกที่มีความสัมพันธ์ราวกับพี่น้อง !
หลังจากซูเถาออาบน้ำเสร็จ เขาได้เดินผ่านห้องของไคหยานและสังเกตเห็นว่าไฟในห้องของเธอยังคงเปิดอยู่ เขาเดินไปเคาะประตู ไคหยานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีอะไร ?”
ซูเถารู้ว่าเธอยังคงโกรธอยู่ เขายิ้ม “พอดีชั้นมีเรื่องอยากจะหารือกับเธอหน่อย”
“นายยืนพูดตรงนั้นก็ได้ ชั้นฟังอยู่” ไคหยานตอบกลับด้วยท่าทางหงุดหงิด
ซูเถาถอนหายใจ “ดูเหมือนจะมีบางคนมองเห็นถึงศักยภาพของครีมเสริมความงามที่ชั้นคิดขึ้น และกำลังเตรียมที่จะลงทุนในการจัดตั้งบริษัทน่ะ”
ไคหยานรู้สึกแปลกใจก่อนจะถาม “ใช่ผู้หญิงต่างชาติหรือไม่ก็คนที่แต่งงานแล้วหรือเปล่า ?”
ซูเถายิ้มแห้งก่อนจะตอบกลับ “ทั้งคู่นั่นแหละ แล้วก็มีบางอย่างที่ชั้นอยากจะปรึกษาเธอ”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากไคหยาน เธอนิ่งไปพักนึงก่อนจะเดินมาเปิดประตูและชี้ไปที่เก้าอี้ภายในห้อง “นั่งสิ”
ซูเถานั่งลงบนเก้าอี้และมองไปยังไคหยาน เธอสวมเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ที่คลุมยาวมาถถึงต้นขาและรองเท้าแตะพร้อมกับเล็บสีแดง มันดูดีทีเดียว
“นี่คือสิ่งที่ชั้นได้ติดสินใจเอาไว้ !” ซูเถาสูดหายใจลึกๆก่อนจะพูด “ถึงแม้ว่าชั้นจะอยู่ที่ตำหนักนี่ แต่ชั้นก็ยังต้องการคนที่ไว้ใจได้ช่วยจัดการเกี่ยวกับบริษัทเครื่องสำอาง”
ได้ยินคำพูดของซูเถา ในใจของไคหยานนั้นรู้สึกมีความสุข กลายเป็นว่าตัวเธอนั้นจะอยู่ในจุดที่สูงมากสำหรับเขา แต่ปากของเธอดันพูดอีกอย่าง “เสี่ยวจิงจิงเป็นคนดีและมีความสามารถ อีกทั้งเธอยังเป็นศิษย์ขอองนาย เลือกเธอน่าจะดีที่สุดนะ”
ซูเถายิ้ม “เสี่ยวจิงจิงยังเป็นแค่นักเรียน แถมประสบการณ์ชีวิตก็ยังไม่มาก เวร่ากับหยานจิ้งเป็นตัวอย่างในวงการธุรกิจ เธอจะไปสู้พวกหล่อนได้ยังไง ?”
ไคหยานไอ “นี่นายไม่ได้คิดถึงชั้นเลยใช่ไหม ?”
ซูเถาพยักหน้า “ก็นะ มันจะยอดเยี่มมากถ้าเธอมีส่วนร่วมในการบริหารงานโดยเป็นตัวแทนของฝั่งตำหนัก อย่างแรกคือเธอมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ที่สำคัญก็คือชั้นไว้ใจเธอ”
ถึงแม้ไคหยานจะรู้ว่าซูเถากำลังใช้คำหวานล่อลวงเธออยู่ แต่เธอก็ปฏิเสธกลับไป “อย่าไว้ใจชั้น นายควรจะระวังไว้บ้างว่าชั้นทำอะไรอยู่เบื้องหลังของนาย”
ซูเถาหัวเราะ เขารู้ว่าไคหยานนั้นไม่ได้โกรธเขาแล้ว เขาจึงตอบกลับ “ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้เธอตั้งใจจะแทงชั้น ชั้นก็จะยื่นอกรับเลยหล่ะ”
ไคหยานจ้องมาที่เขา “แทงนายงั้นเหรอ ? มือชั้นเปื้อนเปล่าๆ”
ไคหยานเป็นคนฉลาด มันจึงเป็นเรื่องสนุกที่ได้ทะเลาะกับคนอย่างเธอ ซูเถาหายใจลึกๆก่อนจะพูดต่อ “ถ้างั้น เราก็เอาตามนั้นแล้วกัน”
“ออกไปได้แล้ว !” เมื่อเห็นซูเถาจ้องมาที่เธอด้วยท่าทางหรีตาลงและยังไม่คิดจะออกไปจากห้อง เธอจึงได้ยืนขึ้นและผลักเขาออกไป ซูเถาจึงจำใจถูกผลักก่อนที่จะโดนผลักออกมาจากห้องและโดนปิดประตูอัดหน้า
หวังเผิงโผล่หน้าออกมาด้วยความสงสัย “อาจารย์ ดูไม่ค่อยดีเลยนะนั่นน่ะ ?”
ซูเถาโบกมือไปยังหวังเผิง “ไปซะ อย่าทำให้อะไรมันแย่ไปกว่านี้เลย”
หวังเผิงแลบลิ้นออกมา เขาเข้าใจผิดคิดว่าซูเถาโดนไคหยานไล่ออกมา แต่หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เขาลดเสียงของตัวเองลงก่อนจะพูดกับซูเถา “อาจารย์ มีบางเรื่องที่ผมต้องบอกคุณ”
ซูเถาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เรื่องอะไรล่ะ ?”
หวังเผิงเบ้ปากไปยังห้องถัดไป “ลองดูที่จ้าวเจี้ยน แล้วคุณจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ซูเถาตบประตูเบาๆ “จ้าวเจี้ยน เปิดประตู”
ไม่กี่วิต่อมา จ้าวเจิ้ยนเปิดประตูออกมาพร้อมกับใส่แว่นกันแดด “อาจารย์ มีอะไรงั้นเหรอ ?”
ซูเถาขมวดคิ้ว “แล้วนั่นนายจะแว่นกันแดดตอนกลางคืนทำไม ? ถอดแว่นออก ให้ชั้นดูหน่อยว่านายบาดเจ็บตรงไหน ?”
เมื่อเขาถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาเขาบวมมาก แต่ก็ยังจะยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่ทะเลาะกับคนอื่นมานิดหน่อย”
ซูเถาถอนหายใจ “บอกความจริงมา มันเกิดอะไรขึ้น ?”
จ้าวเจี้ยนมองไปยังหวังเผิง เขารู้ทันทีว่าถูกหักหลังซะแล้ว เขาอ้ำๆอึ้งๆก่อนจะพูด “ศิษย์พี่เสี่ยว เธอถูกรังแกเพราะว่าไปขายครีมในโรงเรียน ผมทนดูไม่ได้เลยเข้าไปซัดกับพวกมันนิดหน่อย…”
“เสี่ยวจิงจิงไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม ?” ซูเถาลองเดาดู
จ้าวเจี้ยนหยักหน้า “ผมกลัวว่าศิษย์พี่เสี่ยวจะเป็นห่วงแล้วไปมีเรื่องกับพวกมันเข้า”
ซูเถารู้ว่าจ้าวเจี้ยนนั้นรู้สึกยังไงกับเสี่ยวจิงจิง เขาถอนหายใจ “พรุ่งนี้ชั้นจะไปโรงเรียนกับนายด้วย”
จ้าวเจี้ยนตอบกลับด้วยใบหน้าที่ดูขมขื่น “ไปยุ่งกับพวกมันไม่ได้หรอก หัวหน้าของพวกมันชื่อ K เป็นพวกนักเลงในโรงเรียนอีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับพวกใต้ดินอีกด้วย ผมจัดการคนเดียวได้เรื่องนี้”
จ้าวเจี้ยนเป็นสมาชิกของทีมบาสเก็ตบอล เขาจึงมีฝีมือในการต่อยตีอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม อีกฝั่งนั้นแข่งแกร่งมากถึงขนาดทำให้จ้าวเจี้ยนบาดเจ็บได้
“ชั้นเป็นอาจารย์ของนาย การช่วยนายจึงเป็นความรับผิดชอบของชั้น” ซูเถาเอามือวางบนไหล่ของจ้าวเจี้ยน
“ก็ได้ !” จ้าวเจี้ยนรู้ว่าซูเถาทำไปเพราะหวังดี แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะมองหาพวกซัก 2-3 คนในวันพรุ่งนี้