Physicians Odyssey - ตอนที่ 50 เรื่องอับอายภายในครอบครัวไม่ควรจะเอามาเผยแพร่สู่ภายนอก
บทที่ 50 เรื่องอับอายภายในครอบครัวไม่ควรจะเอามาเผยแพร่สู่ภายนอก
“ชั้นยังใส่สร้อยให้เธอไม่เสร็จเลย ไม่ต้องรีบร้อน” เฉียวเต้อเหากดมือข้างหนึ่งของเขาลงบนไหล่ของเธอ เขารู้สึกถึงความนุ่มและกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอในขณะที่เขากำลังพยายามจะใส่สร้อยคอให้ลู่ชีเหมี่ยว
ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกคันๆที่คอในขณะที่ภายในใจนั้นรู้สึกรังเกียจ เธอรู้สึกตกใจและไม่คิดว่าเฉียวเต้อเหาจะรุกใส่เธอขนาดนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มันก็ผิดที่เธอไม่ได้จัดการเรื่องที่เขาล่วงละเมิดทางเพศเธอให้ชัดๆ มันเลยทำให้เฉียวเต้อเหานั้นกล้ามากขึ้น
เฉียวเต้อเหาลากนิ้ววนไปที่คอของเธอก่อนจะเคลื่อนนิ้วไปยังไหปลาร้า ลู่ชีเหมี่ยวไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปก่อนจะลุกแล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าตกใจ “พ่อ ชั้นรับมันไว้ไม่ได้ มันแพงเกินไป ชั้นยังมีงานที่ต้องสะสาง ดังนั้นขอตัวก่อน”
พอเห็นลู่ชีเหมี่ยวเดินออกไป เฉียวเต้อเหามองไปยังสร้อยคอก่อนจะบ่นพึมพำ “เธอต้องเข้าใจชั้นผิดแน่ๆเลย”
เฉียวเต้อเหานั่งอยู่ในสำนักงานของเขาอยู่นานก่อนจะโทรศัพท์หาเฉียวโป “ลูกกับเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นยังไงบ้าง ? พวกลูกยังทะเลาะกันอยู่อีกหรือเปล่า ?”
เฉียวโปอยู่ที่คาเฟ่ที่เต็มไปด้วยสาวๆ “ผมเอาใจใส่เธอตลอดแหละน่า ช่วงนี้ผมงานยุ่งหน่อย เลยต้องออกไปข้างนอกตอนกลางคืนบ่อย”
เฉียวเต้อเหาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “เหมี่ยวเหมี่ยวเป็นผู้หญิงที่ดี ระวังพฤติกรรมของลูกให้ดี อย่าให้เธอรู้ก็แล้วกัน”
เฉียวโปยิ้มอย่างอายๆ “พ่อ ผมรูว่าต้องทำยังไง ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของเราหรอก”
“ก็ได้ ตอนพ่อไปเจอกับหยานจิ้งพ่อได้ซื้อของขวัญมา มาหาพ่อแล้วแวะเอาของขวัญนี่ให้เธอเพื่อลดช่องว่างระหว่างพวกลูกหน่อย” เฉียวเต้อเหาถอนหายใจ
เฉียวโปอึ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม “พ่อ ผมว่าพ่อต้องโดนทุบหัวมาแน่ๆ”
เฉียวเต้อเหาขมวดคิ้ว “เหมี่ยวเหมี่ยวเป็นลูกสะใภ้ที่พ่อแนะนำมาให้ลูก พ่อจำเป็นจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เพื่อความสุขของพวกลูก อย่างลูกน่ะทำไม่ได้หรอก !”
หลังจากที่เฉียวโปวางสาย ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามเขาก็ได้ถามขึ้น “นั่นใครน่ะ ?”
“พ่อชั้นเอง” เขาตอบ
“ทำไมชั้นรู้สึกว่านายกับพ่อไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่เลย” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย
เฉียวโปตอบกลับ “ถ้าเธอมีพ่อแบบนี้ เธอก็คงเป็นแบบชั้นเหมือนกัน”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ?” เธอถามต่อ
เฉียวโปหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด “เรื่องในครอบครัวน่ะไม่มีใครเอามาเล่าให้คนอื่นฟังหรอก”
เนื่องจากถูกเฉียวเต้อเหาขัดจังหวะ ทำให้เฉียวโปหมดอารมณ์ที่จะคุยกับหญิงสาวคนนั้นต่อ เขาเดินออกมาจากคาเฟ่และขับรถคาดิแลคกลับไปที่โรงพยาบาลเจียงหัวเพื่อไปเอาของขวัญที่เฉียวเต้อเหา
เฉียวโปไม่ได้พูดคุยอะไรมากนักกับเฉียวเต้อเหา เขาเดินไปยังแผนกกุมารเวชศาสตร์และพบว่าลู่ชีเหมี่ยวนั้นไม่อยู่ เขาจึงนั่งรอเธออยู่บนเก้าอี้
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ลู่ชีเหมี่ยวกลับมาและเห็นควันอยู่ในห้องก่อนจะพบว่าเฉียวโปกำลังนั่งเขย่าขาเล่นเกมกับคอมพิวเตอร์ของเธออยู่ เธอถามขึ้นอย่างไม่พอใจ “นายมาทำอะไรที่นี่ ?”
เฉียวโปดับบุหรี่ก่อนจะยิ้ม “ชั้นมาเพื่อดูว่าเมียชั้นกำลังเล่นชู้อยู่กับเพื่อนร่วมงานหรือเปล่า”
ทันใดนั้นลู่ชีเหมี่ยวขมวดคิ้ว “นายพูดเรื่องอะไรของนาย ?”
เฉียวโปพูดต่อ “ดูเผินๆ โรงพยาบาลเป็นสถานที่ศักสิทธิ์ที่ช่วยคนที่กำลังจะตายและรักษาคนที่บาจเจ็บ แต่จริงๆแล้ว มันเป็นที่ๆแสนจะสกปรกที่มีข่าวอื้อฉาวทุกปี เมื่อก่อนจิตแพทย์ได้นอกใจพยาบาลจนทำให้เธอนั้นต้องฆ่าตัวตาย”
“เฉียวโป นายน่ะเอาแต่เที่ยวข้างนอกอยู่ตลอด ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นายก็ยังจะมากล่าวหาชั้นเนี่ยนะ” ลู่ชีเหมี่ยวตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อเห็นว่าลู่ชีเหมี่ยวกำลังโกรธ เฉียวโปเช็ดจมูกของเขาก่อนจะโยนของขวัญลงบนโต๊ะ “นี่เป็นของขวัญที่พ่อชั้นซื้อให้เธอ รับมันไปซะ เจ้าแก่นั้นดูจะใจดีกับเธอเหลือเกินนะ ขนาดแม่ชั้นอยู่กับเขามาทั้งชีวิต ชั้นยังไม่เคยเห็นเขาทำอะไรแบบนี้กับใครมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ช่างเป็นพ่อสามีที่ใจดีจริงๆ !”
เมื่อพูดเสร็จ เขาได้ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป
ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกอึ้งขณะที่ความรู้สึกสับสนผุดขึ้นมาในจิตใจของเธอ เรื่องที่เฉียวโปพูดนั้นก็เห็นอยู่ชัดเจน เขาสงสัยว่าเธอนั้นแอบมีความสัมพันธ์ลับๆกับเฉียวเต้อเหา
เมื่อเธอมองไปยังของขวัญ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอสั่น เฉียวเต้อเหาได้ส่งข้อความมาหาเธอ “เหมี่ยวเหมี่ยวๆ ชั้นได้ให้เฉียวโปเอาของขวัญไปให้เธอ อย่าได้เข้าใจชั้นผิด ชั้นแค่ต้องการให้พวกเธอทั้งสองมีความสุข เธอสามารถมาหาชั้นได้ตลอดถ้ามีปัญหา วางใจเถอะ พ่อจะคอยเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอ”
ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกร่างกายสั่นไหวก่อนที่เธอจะโยนของขวัญอย่างรุนแรง มันกระเด็นไปถึงมุมห้องของเธอ
เมื่อตอน 5 โมงครึ่ง ได้มีเสียงหัวเราะคิกคักดังอยู่ที่ทางเดิน ลู่ชีเหมี่ยวล็อคห้องทำงานของเธอก่อนจะเดินออกไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง เมื่อเธอเดินผ่านหัวมุมก็ได้บังเอิญเดินชนคนเข้า มีเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังขึ้นมา “หัวหน้าลู่ ทำไมคุณมักจะเดินใจลอยอยู่เสมอเลยล่ะ ? คุณเดินชนผมสองครั้งแล้วนะ”
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นซูเถา เธอฝืนยิ้ม “เอาล่ะหัวหน้าซู ชั้นต้องขอโทษจริงๆ พอดีชั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่น่ะ !”
ซูเถาถอนหายใจ อย่างน้อย เมื่อเทียบกับตอนแรก การตอบสนองของเธอก็ดีกว่าครั้งที่แล้วมาก เขาจึงยิ้มตอบ “มีอะไรรบกวนคุณอยู่หรือเปล่า ? ให้ผมช่วยไหม ?”
“ไม่มีอะไร ขอบใจที่หวังดี” ลู่ชีเหมี่ยวส่ายหัว
หลังพูดจบ เธอได้เดินไปยังลานจอดรถและมุ่งตรงไปยังรถ BMW สีขาว พอมองตามเงานั่นไป ซูเถาถอนหายใจ เธอยังคงเย็นชาเหมือนเดิม เขาส่ายหัวก่อนจะเดินไปยังป้ายรถเมล์
ลู่ชีเหมี่ยวขับรถอออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอขับรถผ่านป้ายรถเมล์ ทันใดนั้นเธอได้เหยียบเบรกอย่างกะทันกันก่อนจะลดกระจกลง “ขึ้นมา ชั้นจะไปส่งนายเอง”
ซูเถาอึ้ง และเมื่อเขาพยายามจะปฏิเสธ รถเมล์ก็มาถึงพอดี ถ้าเขาไม่รีบขึ้นไปตอนนี้ ก็คงต้องไปใช้ขนส่งสาธารณะ เขาจึงรีบขึ้นไปนั่งบนรถของลู่ชีเหมี่ยว
ในรถเปิดเพลงแนวร็อคแอนด์โรลซึ่งทำให้ซูเถาประหลาดใจทีเดียว เขาไม่คิดว่าคนเย็นชาออย่างลู่ชีเหมี่ยวจะฟังเพลงแนวนี้
“คืนนี้นายว่างมั้ย ?” ลู่ชีเหมี่ยวถามขึ้นในขณะที่ขับรถผ่านแยก
ซูเถาไอด้วยความตกใจ เขายิ้ม “ว่าง คุณจะชวนผมไปข้างนอกงั้นเหรอ ?”
ลู่ชีเหมี่ยวยิ้ม “ใช่ มากับชั้นและไปเที่ยวผ่อนคลายกันซักหน่อย คิดว่าไง ?”
ซูเถายักไหล่ “ชั้นไม่คิดว่าเราสนิทกันมากเท่าไหร่ ว่ามั้ย ?”
ลู่ชีเหมี่ยวเบาเสียงเพลงเพลงก่อนจะยิ้ม “ถ้านายไม่อยากมา ชั้นจะโยนนายออกไปที่แยกหน้านี่แหละ”
ซูเถาเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะยิ้มแบบฝืนๆ “งั้นลืมมันไปซะ ยังไงชั้นก็ขึ้นมาบนเรือโจรสลัดนี่แล้ว งั้นก็เอาตามนั้นแล้วกัน”
การจราจรหนาแน่นเล็กน้อยเนื่องจากเป็นชั่วโมงเร่งด่วน เทคนิคการขับรถของลู่ชีเหมี่ยวดูคล่องแคล่วมาก หลังผ่านไปราว 20 นาที พวกเขาก็มาถึง Meritin Plaza ที่อยู่ทางด้านตะวันตกของเมือง เธอเลือกบุฟเฟ่ต์อาหารตะวันตกที่ราคา 128 หยวนต่อหัว ที่ฮั่นโจว นี่ถือเป็นราคาของคนชนชั้นกลาง – สูง เมื่อซูเถาควักกระเป๋าเพื่อจะจ่ายเงิน ลู่ชีเหมี่ยวได้ชิงจ่ายเงินก่อนและปิดโอกาสเขาไปในทันที
“ชั้นบออกไปแล้วว่าจะเลี้ยงนาย” ลู่ชีเหมี่ยวพูดหลังจากเห็นท่าทางที่อึดอัดของซูเถา “ถ้านายยังรู้สึกคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ครั้งหน้านายค่อยเลี้ยงชั้นก็แล้วกัน”
ซูเถายักไหล่ “งั้นชั้นไปตักอาหารก็แล้วกัน”
มีอาหารให้เลือกมากมาย โดยมีซีฟู้ดเป็นอาหารหลัก มีทั้งแซลมอน หอยงวงช้าง และปลิงทะเล ซึ่งเป็นที่นิยมมาก สำหรับสเต็กก็จะมีสเต็กปลาอบ หอยเชลล์ หอยนางรม และแผงบาร์บีคิวซึ่งมีไม่มากนัก
จริงๆแล้ว ลู่ชีเหมี่ยวไม่ค่อยจะกินบุฟเฟ่ต์มากนัก เนื่องจากเธอมักจะกินพวกผลไม้และสลัดมากกว่า
ยังไงซะ พวกเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว และพวกเขาก็ตั้งใจจะกินให้คุ้มค่า ซูเถาเล็งไปที่อาหารราคาแพงเป็นหลัก เมื่อลู่ชีเหมี่ยวเห็นซูเถาตักอาหารมา 7-8 จานพูนๆ เธอก็ได้หัวเราะออกมา “พวกเด็กเสิร์ฟหันมามองนายกันหมดเลยนะ”
“เรามาที่นี่เพื่อกินนะ ไม่ได้มาเพื่อมองหน้าคนอื่นซักหน่อย” ซูเถาตอบกลับในขณะที่กำลังกินอยู่
พอเห็นว่าซูเถานั้นกินเยอะขนาดไหน ลู่ชีเหมี่ยวพูดขึ้น “นายยังต้องไปคาราโอเกะกับชั้นต่อหลังจากกินเสร็จ”
“แน่นอน ที่ไหนชั้นก็ไปทั้งนั้นแหละ” ซูเถาพูดขณะกำลังจัดการกับส้อมและมีดอยู่
ลู่ชีเหมี่ยวยิ้ม “ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนที่ซื่อตรงแบบนี้”
ซูเถาตอบกลับในขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ “ชั้นอาจจะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่อย่าเหมารวมว่าชั้นเป็นพวกลามกก็แล้วกัน”
“ไม่ใช่หรือไง ? นายมักจะมองคนอื่นด้วยสายตาหื่นกามตลอดเลย” ลู่ชีเหมี่ยวหัวเราะ
ซูเถายักไหล่ “มันเป็นแค่นิสัยส่วนตัวของชั้นเท่านั้นเองเวลามองคนอื่น”
ลู่ชีเหมี่ยวแหย่เขาต่อ “ยังไงซะ นายก็ยังเป็นพวกหยาบคายที่คอยกวาดตามองคนอื่นไปทั่วนั่นแหละ”
ซูเถายิ้มอย่างอึดอัดพลางลงมือกินอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นว่าซูเถานั้นหิวขนาดไหน อารมณ์ของลู่ชีเหมี่ยวก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน เธอได้เริ่มเดินไปหยิบเนื้อและซีฟู้ด หลังจากกินไปครึ่งชั่วโมง ลู่ชีเหมี่ยวยิ้ม “ชั้นอิ่มแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นปีกไก่บนจานของลู่ชีเหมี่ยว ซูเถาได้เอาส้อมจิ้มมันมาที่จานของเขา “อย่ากินเหลือสิ ชั้นจะจัดการปีกไก่ของเธอเอง”
ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกใจหวิวเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นว่าซูเถาไม่ได้รู้สึกรังเกียจอาหารบนจานของเธอ หลักจากที่เธอได้พูดคุยกับซูเถามากขึ้น เธอรู้สึกว่าซูเถาไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนเมื่อก่อน
พวกเขาขึ้นไปยังชั้น 4 ซึ่งลู่ชีเหมี่ยวได้จองห้องเล็กๆเอาไว้ ก่อนที่เด็กเสิร์ฟจะนำน้ำผลไม้และเบียร์มาเสิร์ฟ
ซูเถาสังเกตได้ว่ามีบางอย่างกำลังรบกวนลู่ชีเหมี่ยวอยู่ เขานั่งที่มุมห้องก่อนจะดื่มเบียร์พลางฟังเธอร้องเพลง น้ำเสียงของเธอนั้นไม่เหมือนตอนที่เธอพูด เสียงร้องของเธอฟังดูหวานและไพเราะ
เขาเดินไปที่กำแพงก่อนจะปรับไฟในห้องให้เป็นโหมดช้า ลู่ชีเหมี่ยวนั่งอยู่บนเวทีพร้อมกับถือไมโครโฟน เธอสวมชุดรัดรูปสีเหลืองและถุงน่องสีดำและใส่ส้นสูง แต่งตัวสไตล์หญิงสาวที่แต่งงานแล้วซึ่งสามารถล่อลวงผู้ชายให้ถึงตายได้เลย !