Physicians Odyssey - ตอนที่ 45 รสนิยมที่แสนหนักหน่วง
บทที่ 45 รสนิยมที่แสนหนักหน่วง
ซูเถาได้ระเบิดอารมณ์ของเขาในขณะที่กำลังลูบไล้หยานจิ้ง หยานจิ้งพยายามยั่วเขาด้วยคำพูดมาตลอด วันนี้เขาจึงได้แสดงให้เธอเห็นว่าเขาเป็นคนที่ไม่ใช่จะมาแหย่เล่นได้ หน้าอกของเธอรู้สึกอ่อนนุ่มและเด้งสู้มือ เขารู้สึกขึงขนาดหน้าอกได้เพียงครึ่งเดียวเนื่องขนาดขนาดที่แท้จริงนั้นใหญ่กว่าที่ตาเห็น มันเหมือนกับการคลึงผ้าฝ้าย
หยานจิ้งทั้งรู้สึกโกรธและกังวล ซูเถาไม่ได้ใช้กำลังมากนัก เพียงแต่เขาขยับไปมาอย่างคล่องแคล่ว เขาบีบข้อต่อของหยานจิ้งซึ่งทำให้เธออ่อนแรงในทันที
“โว้ว พวกเธอกำลังเล่นเสียวกันอยู่เหรอ ?” ในขณะที่พวกเขาสองคนกำลังฟัดกันบนเตียง มีคนปรากฎขึ้นอยู่นอกประตูและกำลังมองดูอย่างเพลิดเพลินก่อนที่เธอจะยิ้ม “ต่อได้ตามสบายเลย ทำเป็นว่าชั้นไม่มีตัวตนก็ได้ !”
พอเห็นว่าในที่สุดซูเถาก็ปล่อยเธอซักที หยานจิ้งได้ถ่มน้ำลายลงบนพื้นก่อนจะพูดอย่างขมคอ “ปากชั้นมีแต่ครีมบำรุงเต็มไปหมดเลย”
ซูเถาได้ทาครีมบำรุงผิวหน้ามาก่อน และเมื่อเขาจูบหยานจิ้ง มันก็ทำให้ครีมบนหน้าเขาเปื้อนหยานจิ้งด้วยเช่นกัน มันช่วยเพิ่มอารมณ์ทางเพศได้ดีทีเดียว
หยานจิ้งรีบจัดเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อยก่อนจะล้างหน้าและมองไปยังซูเถา “นายมีเวลา 10 นาทีในการจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วออกไปซะ !”
ก่อนที่เธอจะหันไปยังผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าประตู “ขัดลาภจริงๆ”
“ชั้นบอกพวกคุณไปแล้วนี่ว่าให้ต่อได้เลย” ผู้หญิงคนนั้นยักไหล่
หยานจิ้งมองกระจกก่อนจะพบว่าเมคอัพของเธอตอนนี้ดูยุ่งเหยิงไปหมด “นั่นรสนิยมของเธอเหรอ ?”
“ชั้นชอบแบบหนักหน่วนรุนแรงหน่ะ ชั้นชอบดูมวยปล้ำมากที่สุดเลยล่ะ” เธอยักไหล่อีกครั้ง
ขณะที่พวกเขาคุยกัน ซูเถาได้จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ในตอนที่เขาเดินออกไป ผู้หญิงคนนั้นยืนจ้องซูเถาอยู่พักใหญ่ “ดูเหมือนเธอจะเจอเด็กหนุ่มน่ารักน่าดูเลยนี่ หล่อใช้ได้เลย ว่าไง อยากจะลองเล่นกับชั้นซัก 2-3 วันไหมล่ะ ?”
หยานจิ้งหยิบบุหรี่ออกมาและจุดไฟ “อย่าเข้าใจผิดล่ะ เขาเป็นหุ้นส่วนของชั้น เขาแค่พยายามจะข่มขืนชั้นเท่านั้นเอง”
เธอดูจะตะลึงมากทีเดียวก่อนจะหันไปยกนิ้วโป้งให้ซูเถา “ว้าว , นายนี่ท่าทางจะชอบแบบหนักหน่วงมากกว่าชั้นอีกนะเนี่ย ถึงขนาดกล้าข่มขืนแม่ม่ายพิษเลยงั้นเหรอ ? นายนี่มันแน่จริงๆ”
ซูเถามองไปยังผู้หญิงคนนั้น “เธอมีริมฝีปากสีแดงพร้อมกับฟันสีขาวราวกับไข่มุก อย่างไรก็ตาม เธอมีรูปร่างเพรียวบางราวกับว่าเป็นหนังหุ้มกระดูก มันมีคำพูดที่ว่า คนที่เราคลุกคลีด้วยนั้นเป็นเหมือนกระจกสะท้อนตัวเราเอง ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นหุ้นส่วนของหยานจิ้ง เนื่องจากมีท่าทางที่คล้ายกับเธอ เป็นคนหนักแน่นและใจร้อน”
ซูเถายิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะประธานหยานยั่วผม ในฐานะผู้ชายที่มีความต้องการ มันยากนะที่จะควบคุมตัวเองในห้องส่วนตัวแบบนี้ ยิ่งกว่านั้น ชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรที่ขัดต่อความต้องการของเธอซักหน่อย มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่น่ะ”
หลังได้ยินคำพูดของซูเถา หยานจิ้งถึงกับสำลักควันบุหรี่จนน้ำตาไหลก่อนจะยิ้ม “ชั้นมองนายผิดไป , ชั้นคิดมาเสมอว่านายเป็นสุภาพบุรุษ ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วนายเป็นพวกความต้องการสูงขนาดนี้ ใส่หน้ากากได้แนบเนียนจริงๆ”
ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าหยานจิ้งมีท่าทางผิดปกติเมื่อเธอคุยกับซูเถา เธอจึงพูดขึ้น “ทำไมเธอไม่แนะนำคนรักของเธอให้ชั้นรู้จักล่ะ ?”
ก่อนที่หยานจิ้งจะทันได้พูดอะไร ซูเถาได้ชิงพูดก่อน “ชั้นชื่อซูเถา เป็นหมอประจำที่ตำหนัก”
“นายคือซูเถางั้นเหรอ ?” เธอตกใจก่อนจะพูดต่อ “คนที่พวกตระกูลเนี่ยตั้งค่าหัวไว้ 1 ล้านหยวนนั่นอ่ะนะ ?”
“เธอกำลังพูดกับเขาอยู่” ซูเถายิ้ม
เธอยักไหล่ ก่อนจะหันไปทางหยานจิ้ง “น่าสนใจจริงๆ ไม่แปลกใจเลยทำไมบอสหยานถึงได้ปกป้องนาย พวกนายจะต่อกันก็ได้นะ ชั้นว่าจะไปนอนกลางวันซักงีบ ไว้คราวหน้าเราไปกินข้าวกัน”
ซูเถาได้กลิ่นเหล้าจากตัวผู้หญิงคนนี้ เทียบกับหยานจิ้งแล้วเธออาจจะสวยน้อยกว่า แต่การแสดงออกของเธอทำให้เขานั้นจดจำเธอได้ เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวบางๆซึ่งเผยให้เห็นชั้นในสีดำของเธอและกางเกงยีนส์สีฟ้าอ่อนที่พอดีกับหุ่นรูปตัว S ขอองเธอ
หลังจากที่เธอออกไป หยานจิ้งจ้องไปยังซูเถา “นี่ๆ เธอไปแล้วนะ นายเผลอหลงเสน่ห์เธอเข้าหรือไง ?”
ซูเถาส่ายหัว “นั่นเธอป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงยังดื่มเหล้าอีกล่ะ ?”
“นายสังเกตเห็นอาการป่วยของเธอเหรอ ?” หยานจิ้งประหลาดใจ
ซูเถาส่ายหัวและไม่ได้ตอบกลับอะไร ยังไงซะ มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ป่วย เขาไม่สามารถเปิดเผยมันได้เนื่องจากมันจะขัดกับแนวทางของคนเป็นแพทย์
หยานจิ้งรู้ว่าซูเถากำลังคิดอะไร เธอจึงอธิบาย “เธอชื่อฉิน เหม่ยเหม่ย เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนคนสำคัญของชั้น”
ซูเถาวิเคราะห์ “หล่อนไม่เหมือนกับเธอ ชั้นเกรงว่าเธอคงจะมีเหตุผลอื่นอีกที่เลือกหล่อนเป็นหุ้นส่วนใช่ไหม ?”
“รู้มากไปก็ไม่ดีนะ” หยานจิ้งยิ้ม
ซูเถานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะมองไปทางหยานจิ้ง “ประธานหยาน ที่คุณพาผมมาที่นี่วันที่คงไม่ใช่แค่ให้มาเที่ยวเล่นที่สปาอย่างเดียวใช่ไหม ?”
หยานจิ้งเอานิ้วไล่ริมฝีปากของเธอก่อนวางขวดลงต่อหน้าซูเถา “นี่หล่ะเหตุผล”
ซูเถารู้สึกอึ้งในตอนที่เขาเห็นขวดนั่น “นี่มันขวดครีมเสริมความงามของตำหนักไม่ใช่หรือไง ? มันฮิตเหรอ ? เธอลองมันแล้วยัง ? ผลลัพธ์มันยอดเยี่ยมไหม ?”
หยานจิ้งหยิบกระดาษออกมาก่อนจะส่งให้ซูเถา “ดูเองก็แล้วกัน”
ซูเถามองไปที่กระดาษก่อนจะถอนหายใจ “ทำไมอำนาจของพวกกระทรวงพาณิชย์มันเยอะชะมัด พวกเขาคิดจะออกค่าปรับกับสินค้าที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้งั้นเหรอ ?”
หยานจิ้งยิ้มก่อนที่เธอจะอธิบาย “ครีมนี่คุณภาพดีมาก แต่ทางตำหนักไม่มีใบอนุญาตในการผลิตพวกผลิตภัณฑ์เสริมความงามดังนั้นจึงถูกปรับ แต่ชั้นได้บล็อคมันไปแล้วล่ะ เหตุผลที่ชั้นพานายมานี่ก็เพื่อจะคุยเกี่ยวกับการร่วมงานกันของเราน่ะ”
ซูเถาเอามือลูบคางก่อนจะถาม “เธอมีความคิดอะไรบ้าง ?”
หยานจิ้งยิ้ม “ชั้นจะรับผิดชอบในด้านการจัดตั้งบริษัท การผลิต การตลาดและการดำเนินงานของบริษัทใหม่ที่จะตั้งขึ้นเอง งานของนายก็แค่การจัดหาสินค้าและพัฒนามันออกมาเป็นชุดสินค้า ถ้านายไม่ร่วมมือกับเรา ชั้นจะส่งใบค่าปรับนี่ไปให้นายเป็นการส่วนตังพรุ่งนี้”
ค่าปรับของกระทรวงพาณิชย์เป็นแค่ของปลอม หยานจิ้งนั้นเจ้าเล่ห์มากก่อนที่เธอจะหางโผล่ออกมา
ซูเถาเม้มปาก “แล้วเราจะแบ่งกำไรกันยังไง ?”
“แล้วนายคิดว่าไงล่ะ ?” หยานจิ้งตอบคำถามด้วยคำถาม
“ชั้นเก้า เธอหนึ่ง” ซูเถาตอบ
หยานจิ้งอดใจไม่ไหวก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่เกินไปหน่อยหรือไง ?”
ซูเถายักไหล่ “มันก็แค่การผลิต การตลาดและการปฏิบัติเท่านั้น ชั้นสามารถทำเองได้ เพียงแค่ชั้นอาจจะเสียเวลามากขึ้นหน่อยในการไปที่ธนาคารและกระทรวงพาณิชย์”
เมื่อรู้ว่าซูเถานั้นไม่ง่ายที่จะตกลงด้วย หยานจิ้งถอนหายใจ “ชั้นจะให้เงินทุนและการโฆษณาและบรรจุภัณฑ์ ด้วยตำหนักของนายต้องใช้เวลากี่ปีล่ะในการผลิตและโฆษณาน่ะ !”
ซูเถายิ้ม “ประธานหยาน เรื่องนี้เรายังต้องคุยกันอีก ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอกที่สนใจจะลงทุนด้วยน่ะ”
“มีใครอีกงั้นเหรอ ?” หยานจิ้งประหลาดใจ
“ไม่ใช่ตอนนี้ , แต่ชั้นเชื่อว่ายังมีคนที่มองการณ์ไกลแบบคุณอยู่อีก” ซูเถาตอบกลับ
หยานจิ้งขมวดคิ้ว เธอรูอยู่แล้วว่าการพูดคุยครั้งนี้จะต้องยังไม่ได้ข้อสรุป “งั้นเราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลัง ชั้นอยากให้นายไปกับชั้น”
ซูเถายิ้ม “ผมงานยุ่งนะ แถมยังมีเรื่องของตำหนักอีก คงไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นกับคุณหรือไปไหนกับคุณทั้งนั้นแหละ”
หยานจิ้งโยนบัตรเครดิตให้ซูเถา “รหัสคือ 111111 มันมีเงินอยู่ข้างในนิดหน่อย ชั้นว่ามันคงพอที่จะซื้อเวลาของนายได้บ้างล่ะนะ”
“งั้นลืมที่ชั้นพูดเมื่อกี้ไปซะ” ซูเถารีบเอาการ์ดเก็บเข้ากระเป๋าโดยไม่ลังเล ใครปฏิเสธเงินไม่โง่ก็บ้าแล้ว
หยานจิ้งคิดในใจ สำหรับคนอย่างซูเถา จะต้องใช้เวลาหน่อยในการทำความเข้าใจเขา เขาสามารถทำให้ใครบางคนรู้สึกใกล้ชิดและไม่เคยทำงานแบบขอไปที แถมยังสามารถอ่านใจคนอื่นเก่งอีกด้วย การได้อยู่กับคนอย่างเขาดูจะไม่เหนื่อยเท่าไหร่
ซูเถาขับรถในขณะที่หยานจิ้งนั่งอยู่ที่นั่งผู้โดยสารในขณะที่กำลังแต่งหน้าอยู่ ในขณะที่เธอกำลังใช้ลิปกลอส ซูเถานึกถึงตอนที่พวกเขาจูบกัน ทั้งกลิ่นหอมและรสจูบยังคงติดอยู่ในใจเขา
เขาขับรถตาม GPS ไปก่อนจะขับเข้าไปใน Golden Bay มีพ่อบ้านคอยเปิดประตูให้อยู่แล้ว ซูเถาตามหยานจิ้งเข้าไปในคฤหาสน์ พวกเขารีบตรงดิ่งขึ้นไปยังชั้นสองและเห็นฮั่วหยานอยู่บนสวนดาดฟ้า
ฮั่วหยานกำลังกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลพลางซ่อนตัวอยู่ที่มุมสวนเมื่อเธอเห็นหยานจิ้งกลับมา
หยานจิ้งถอนหายใจ “เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ชั้นพาตัวเธอมาแล้ว เธอไม่พูดกับใครเลย ชั้นคิดว่าเธออาจจะมีอาการป่วยทางจิต”
ซูเถาส่ายหัว “หล่อนไม่ได้ป่วยหรอก เธอแค่คิดมากเกินไปเท่านั้นเอง !”
เธอรู้ถึงทักษะการแพทย์ของซูเถาดี เธอจึงรู้สึกสบายใจเมื่อได้ยินเขาว่าแบบนั้น “ได้งั้นก็ดี แต่ทำไมเธอถึงตั้งการ์ดใส่ชั้นตลอดเลยล่ะ ?”
ซูเถาถอนหายใจ “ฮั่วหยานยังเป็นแค่เด็ก เธอเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมของบ้านเด็กกำพร้ามาก่อน เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะยังปรับตัวไม่ได้หลังจากสภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน เป็นเรื่องปกติที่หล่อนจะกลัวเธอ”
“ชั้นเป็นห่วงเธอและหวังว่าจะชดเชยความเหงาของเธอได้ ชั้นเลยพยายามที่จะให้ทุกอย่างกับเธอ” หยานจิ้งสำลัก ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่จะมีน้ำตาเล็ดออกมา
เมื่อเห็นหยานจิ้งดูจะมีอารมณ์ร่วมมาก ซูเถาถอนหายใจ “อย่าพยายามวิ่งก่อนจะเดินได้สิ อยู่กับเขาบ่อยๆแล้วปล่อยให้หล่อนค่อยๆทำความคุ้นเคยกับเธอ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม”
หยานจิ้งพยักหน้า “ถูกของนาย บางทีชั้นอาจจะกังวลเกินไป”
ซูเถายิ้มก่อนจะเดินไปยังฮั่วหยาน “นี่แม่หนู เราออกไปเล่นข้างนอกกันหน่อยมั้ย ?”
ฮั่วหยานมองไปยังซูเถาอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงตัวเองกลับ ซูเถารู้ว่าเด็กคนนี้ท่าทางจะขี้อายผิดปกติเมื่อดูจากปฏิกิริยาของเธอ ทันใดนั้นเขาก็เร่งฝีเท้าก่อนจะอุ้มฮั่วหยานแล้วหมุนตัว
ในตอนแรกฮั่วหยานกรีดร้องด้วยความกลัวแต่อีกแป๊ปเดียวเธอก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะ
นี่เป้นครั้งแรกที่หยานจิ้งได้ยินเสียงหัวเราะของฮั่วหยานนับตั้งแต่เธอกลับมา เธอถอนหายใจก่อนจะรู้สึกว่าสิ่งที่ซูเถาพูดนั้นถูกต้องแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลูกสาวมันต้องค่อยๆใช้เวลาอย่างช้าๆ
ฮั่วหยานถูกนำตัวไปที่รถสีดำโดยที่ซูเถานั่งอยู่ข้างหลังคอยกระซิบเรื่องตลกให้ฟังเป็นครั้งคราว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไร แต่ก็มีหัวเราะออกมาตลอด หยานจิ้งรู้ว่าซูเถากำลังค่อยๆสร้างความเชื่อใจให้กับลูกสาวของเธอ