Physicians Odyssey - ตอนที่ 21 อวดเก่งเกินไป
บทที่ 21 อวดเก่งเกินไป
ซูเถาเปิดคอมพิวเตอร์ของเขาเพื่อเข้าไปดูหน้าเว็บของตำหนักหลังจากที่ได้อ่านข้อมูลบางอย่างของแผนกแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยเจียงหัว วิทยาเขตหางโจว
โลกอินเตอร์เน็ตทำให้อะไรๆนั่นง่ายขึ้นมาก เมื่อก่อนผู้ป่วยจะต้องมาจองคิวที่โรงพยาบาลเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้แค่ใช้ระบบออนไลน์ก็สามารถจองคิวได้แล้ว
บรรดาแพทย์ทั้งหลายก็ต้องปรับตัวตามยุคสมัย โดยเฉพาะแพทย์แผนจีน หากพวกเขายังยึดติดกับวิธีการเก่าๆ ก็ไม่สามารถที่จะพัฒนาตนเองให้ตามทันยุคสมัยได้
ธุรกิจของซูเถาไปได้ไม่ดีนักหลังจากที่เขารับสืบทอดตำหนักมา ดังนั้นเขาจึงได้หาวิธีใหม่ๆโดยการทำเว็บไซต์ของตำหนักขึ้นมาเพื่อแนะนำเกี่ยวกับการแพทย์จีนและคอยแบ่งปันประสบการณ์ของเขา
ถึงแม้จะไม่ค่อยมีผู้เข้าชมเว็บของเขาซักเท่าไหร่ แต่ซูเถาก็เข้าไปเช็คทุกวัน วันนี้เขาได้พบข้อความของชาวเน็ตคนหนึ่ง มันเขียนเอาไว้ว่า ‘ผมเห็นเว็บของคุณและได้เข้ามาดู คุณเขียนข้อมูลได้ละเอียดมากๆ มีเพียงหมอไม่มีคนเท่านั้นที่ทำแบบนี้ ผมรู้สึกชื่นชมในตัวคุณจริงๆ’
ซูเถาหัวเราะ ชาวเน็ตคนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนแก่ ซึ่งมันก็เข้าใจได้เพราะคนเป็นหมอนั้นมันจะให้ความรู้สึกว่าเหมือนคนแก่ๆ แต่ทุกวันนี้ พวกคนรุ่นใหม่ต่างก็หันไปพึ่งยาจากทางตะวันตกมากกว่าเพราะมันสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก
หลังจากปิดคอม , ซูเถาได้จัดเตรียมแผนการสอนของเขาไว้สำหรับสอนวันพรุ่งนี้ เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นการสอนครั้งแรกของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะพูดเก่งและมีไหวพริบดี แต่เขาก็ไม่พลาดที่จะเตรียมการไว้ก่อน มันเป็นหลักการของเขาในการที่จะทำทุกๆอย่างให้ออกมาดี
คณะการแพทย์จีนของมหาลัยเจียงหัวนั้นติดระดับ Top 5 ของประเทศ , เป็นที่ๆผลิตคนมีความสามารถออกมามากมาย ก่อนที่การแพทย์แผนตะวันตกจะเริ่มได้รับความนิยมในช่วงต้นปี 1980 เรื่องของปรมาจารย์แพทย์ทั้งสามแห่งจงหนานไห่นั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
แต่หลังจากการแพทย์ตะวันตกก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แพทย์แผนจีนก็ค่อยๆล้าหลังลงไป ซึ่งทำให้เหล่านักเรียนนั้นขาดการพัฒนาตนเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งมหาวิทยาลัยเจียงหัวก็ประสบปัญหาไม่ต่างกัน ถึงแม้ว่าทางวิทยาเขตหลวงยังคงผลิตนักเรียนที่มีความสามารถให้แก่โรงพยาบาลต่างๆได้ แต่วิทยาเขตหางโจวนั้น พวกเขากำลังประสบกับปัญหาทางการศึกษาซึ่งทำให้นักเรียนที่จบออกมานั้นไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร
จากหมู่บ้านอันแสนห่างไกลในเสฉวน เสี่ยวจิงจิง ผู้ซึ่งเป็นตำนานของหมู่บ้านเนื่องจากเป็นคนแรกของหมู่บ้านที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม เธอจำเป็นต้องเดินไปกลับหลายกิโลเพื่อไปโรงเรียนเนื่องจากหมู่บ้านของเธอนั้นอยู่ห่างไกลจากสถานศึกษา
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หมู่ใหญ่บ้านได้รวมเงินบริจาคของคนในหมู่บ้านมาเพื่อส่งเธอไปเรียนหนังสือ ถึงแม้จะเป็นจำนวนเงินที่พอสำหรับค่าเล่าเรียนเพียงหนึ่งปีเท่านั้ แต่เธอก็ประทับใจมาก เธอจึงตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะตอบแทนชาวบ้านเหล่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็เหมือนกับถูกความจริงตบเข้าที่หน้าให้อย่างจัง ประการแรก เมื่อเธอพบว่ามหาลัยที่เธอเข้ามาเล่าเรียนเป็นเพียงสาขาหนึ่งของแพทย์แผนจีนของมหาลัยเจียงหัวเท่านั้น และประการที่สอง คุณภาพของหลักสูตรและอาจารย์ผู้สอนนั้นไม่ได้ดีซักเท่าไหร่
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เธอก็ไม่ยอมแพ้และได้พยายามอย่างหนัก เธอได้ฝึกฝนพื้นฐานต่างๆของแพทย์แผนจีน ศึกษาใบสั่งยา การวิเคราะห์ไข้หวัด อ่านตำราแพทย์แผนจีนตามห้องสมุดนานาชาติต่างๆ ในสายตาของเพื่อนร่วมคลาส เธอเป็นเหมือนกับหนอนหนังสือที่เอาแต่เรียนจริงๆ
ตรงข้ามกับหลิว เฉียนที่เป็นรูมเมทของเธอซึ่งมักจะโดดเรียนเป็นประจำ แถมในวันนี้เธอยังวางแผนว่าจะไปช็อปปิ้งตอนบ่ายอีกต่างหาก หลิวเฉียนจึงได้ขอร้องเสี่ยวจิงจิง “ช่วยเช็คชื่อคาบบ่ายให้ชั้นทีนะ พอดีชั้นมีธุระตอนบ่ายน่ะ”
เสี่ยวจิงจิงเอามือดันขาแว่น “ชั้นได้ยินว่าวันนี้จะมีอาจารย์มาใหม่ ชั้นจะทำยังไงดีถ้าถูกจับได้ขึ้นมา ?”
หลิวเฉียนหยิบกระจกขึ้นมาก่อนจะปัดคิ้ว “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็โทษชั้นได้เลย เธอเป็นนักเรียนดีเด่น พวกเขาไม่ลงโทษเธอหรอก”
“แต่…”เสียวจิงจิงลังว่าเธอควรจะช่วยเพื่อนของเธอดีหรือเปล่า
คิ้วของหลิวเฉียนงอนขึ้นก่อนที่เธออจะกระแทกดินสอเขียนคิ้วลงบนโต๊ะ “แค่ให้ช่วยนิดหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าไม่อยากช่วยก็ไม่ต้อง เดี๋ยวชั้นให้คนอื่นช่วยแทน หึ !โชคดีจริงๆที่ชั้นได้เธอเป็นรูมเมท ขนาดเที่ยงคืนแล้วยังอ่านหนังสือเรียนอยู่เลย มันรบกวรการนอนของชั้น ทำให้ชั้นเป็นโรคนอนไม่พอ พรุ่งนี้ชั้นจะหารูมเมทใหม่แล้ว !”
เมื่อเห็นหลิวเฉียนมีท่าทีแบบนั้น เธอจึงรับปาก “ก็ได้ๆ ชั้นจะช่วยเธอ”
หลิวเฉียนรู้ว่าจะต้องพูดยังไงให้เสี่ยวจิงจิงยอมร่วมมือด้วย เธอเพียงแค่ใช้จิตวิทยานิดหน่อยเท่านั้น พอเห็นว่ามันใช้ได้ผล เธอจึงตอบกลับ
“ขอบใจ , เดี๋ยวชั้นจะซื้อของอร่อยๆมาฝาก ถ้ามีอารมณ์ล่ะนะ”
แต่เสี่ยจิงจิงตอบกลับด้วยท่าทางที่ไม่ได้สนใจมากนักพลางอ่านหนังสือเรียนต่อ
หลิวเฉียวบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงดูถูก ยัยหนอนหนังสือเอ้ย
ใกล้จะจบปีสามแล้ว และเธอได้ที่ฝึกงานเรียบร้อยในขณะที่เสี่ยวจิงจิงยังคงหาที่ฝึกงานอยู่
พอหลิวเฉียนหยิบกระเป๋าถือแบรนด์เนมเตรียมจะออกไป โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นพอดี เธอรับสายก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ลุงเฉิน , เรามีนัดดื่มชากันตอนบ่ายใช่มั้ย ? ทำไมถึงเปลี่ยนใจกะทันหันล่ะ ? อะไรนะ ? ประชุมตอนบ่ายเหรอ ? ก็ได้ , งานสำคัญกว่านี่นะ ไว้คราวหน้าตอนคุณว่างก็ได้”
พอวางสาย เธอโยนกระเป๋าถือด้วยความโกรธลงบนเตียงก่อนจะสบถ “ไอ้หมูตอนนั่น ไอ้ตัวเหม็นเปรี้ยว ดันปล่อยให้ชั้นรอเก้อซะได้ !”
เสี่ยวจิงจิงไม่ได้พูดอะไร พอเห็นดังนั้นเธอก็เตะเก้าอี้ระบายความโกรธ “ชั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอแล้ว ชั้นจะไปเข้าเรียนกับเธอด้วย !”
เสี่ยวจิงจิงตอบกลับ “งั้นเตรียมหนังสือเรียนให้พร้อมล่ะ”
หลิวเฉียนเดินไปรอบๆห้องอย่างขี้เกียจก่อนที่จะหยิบสมุดมาจากโต๊ะของเสี่ยวจิงจิง “ชั้นจำไม่ได้แล้วว่าโยนสมุดทิ้งไว้ที่ไหน ชั้นจะใช้ของเธอถ้าเธอจำมันได้หมดแล้ว”
ทั้งสองมาถึงก่อนคาบเรียนเริ่ม 15 นาที ปกติแล้วหลิวเฉียนจะนั่งข้างหลังและเสี่ยวจิงจิงจะนั่งข้างหน้า แต่วันนี้หลิวเฉียนได้โยนตัวตนของเธอทิ้งไปและนั่งลงข้างๆเสี่ยวจิงจิง
พอเห็นเสี่ยวจิงจิงทำหน้าสงสัย หลิวเฉียนได้สะกิดแขนของเสี่ยวจิงจิงก่อนจะกระซิบ “วันนี้มีหนุ่มหล่อเข้ามาด้วยล่ะ !”
เสี่ยวจิงจิงหันไปมองทางขวา เธอเห็นชายที่ไม่คุ้นหน้าเลย ดูจากลักษณะภายนอก เขาคงจะอายุคราวเดียวกับพวกเธอ เป็นคนผอม ผมสั้น และพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เป็นอันตรายปรากฎบนใบหน้าของเขา
เสี่ยวจิงจิงเหมือบมองอีกหน่อยก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
เมื่อเห็นเสี่ยวจิงจิงหน้าแดง หลิวเฉียวคิดว่าวันนี้พระอาทิตย์คงขึ้นมาจากทางทิศตะวันตกแน่ หนอนหนังสืออย่างนี้จะหน้าแดงได้ไง
หลิวเฉียวมองไปยังเสี่ยวจิงจิง เหตุผลที่เธออปกป้องเสี่ยวจิงจิงก็เพราะแค่เพื่อความสนุกเท่านั้นเอง เธอรู้สึกแย่ที่มีเสี่ยงจิงจิงเป็นเพื่อนสนิท มันเกี่ยวกับการที่เธอจะเรียนเก่งกว่าหรืออะไรหรอก แม่ชีก็ยังคงเป็นแม่ชีอยู่วันยังค่ำถ้าไม่คิดจะแต่งตัวอะไรเลย
“นี่พ่อรูปหล่อ , ชั้นขอยืมโทรศัพท์แป๊ปนึงสิ พอดีมือถือชั้นถูกตัด ชั้นอยากจะโทรศัพท์น่ะ” หลิวเฉียวทำท่าทางขอร้อง
ซูเถามองไปยังหลิวเฉียว เธอแต่งหน้าหนามาก ทั้งยังฉีดน้ำหอมราคาแพงกลิ่นฟุ้งไปหมด อีกทั้งยังใส่ชุดที่ดูเกินตัวนักศึกษาไปหน่อยอีกต่างหาก เขายิ้ม “ชั้นเรียนจะเริ่มแล้ว ไว้ชั้นให้เธอยืมหลังจบคาบเรียนแล้วกัน”
หลิวเฉียวไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นพวกนักเรียนดีเด่นเอาแต่เรียนจนมองเธอไม่ออก ก่อนเธอจะพูดต่อ “มันจะสายเกินไปหน่ะสิ ชั้นมีธุระที่สำคัญกว่าชั้นเรียนอีกนะ”
“โอ้ ?” ซูเถามองเธอด้วยความประหลาดใจ
หลิวเฉียวยิ้ม “นายน่าจะเป็นนักเรียนใหม่ใช่มั้ย ? ชั้นไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเลย ชั้นเกรงว่านายจะผิดหวังกับคุณภาพของบรรดาอาจารย์ที่นี่ นานๆทีจะมีอาจารย์จากส่วนกลางมาสอน ถ้านายไม่อยากให้ชั้นยืมมือถือก็ไม่เป็นไร งั้นนายจะให้เบอร์ของนายกับชั้นได้มั้ยล่ะ ?”
อย่างไรก็ตาม ซูเถาก็ไม่ได้ตอบตกลงเธอในทันที ก่อนที่เขาจะหันไปยิ้ม “ชั้นจะให้เธอยืมโทรศัพท์ทีหลัง ชั้นได้ยินมาว่าวันนี้จะมีอาจารย์คนใหม่เข้ามา ใครจะรู้ เขาอาจจะแตกต่างจากอาจารย์คนอื่นๆก็ได้”
หล่อนเบะปากก่อนจะชี้ไปที่หนังสือเรียน “จะต่างกันแค่ไหนเชียว ? , ยังไงซะพวกเขาก็แค่ทำตามในหนังสือเรียนซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้นแหละ”
ซูเถาไม่ได้ตอบกลับก่อนที่จะมองไปยังเสี่ยวจิงจิงที่นั่งอยู่ข้างๆหลิวเฉียว ปากของเธอขยับเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะเบา แต่เขาก้ได้ยินว่าเธอกำลังท่องจำตำราแพทย์จีนอยู่ ทั้งสองคนช่างต่างกันได้ถถึงขนาดนี้เชียว
เสียงกริ่งดังขึ้น ถังหนานเชงได้เดินเข้ามาพร้อมกับตำราเรียนก่อนที่เขาจะยิ้มให้กับคนที่อยู่แถวหน้า ทำให้หลิวเฉียวตกใจ ถังหนานเชงต้องการจะจีบเธองั้นเหรอ ?
ด้วยความที่เขาเป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์ เขาอาจจะไม่ค่อยได้เข้าสอนเท่าไหร่ เมื่อเมื่ใดที่เขาเข้ามาสอน ห้องเรียนก็แทบจะไม่มีที่นั่ง
เสี่ยวจิงจิงตั้งใจมากกว่าเดิมพลางเปิดสมุดโน้ตของเธอพร้อมทั้งเตรียมจดบันทึก อย่างไรก็ตาม ถังหนานเชงได้พูดขึ้น ซึ่งมันทำให้เธอผิดหวัง
“นักเรียนทุกคน , วันนี้ชั้นไม่ได้เป็นคนสอนคาบนี้หรอกนะ จะมีอาจารย์อีกคนซึ่งอายุไล่เลี่ยกับพวกเธอเป็นคนสอน แต่ทว่าทักษะของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปปกว่าชั้นเลย กับคนรุ่นใหม่มันก็ต้องใช้คนรุ่นใหม่นี่แหละ และชั้นรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มีคนอย่างเขาในสาขาแพทย์แผนจีน ดังนั้น ชั้นขอเชิญเขาเข้ามาเพื่อให้เป็นผู้ดำเนินการสอนเกี่ยวกับมาตรฐานแพทย์แผนจีนนานาชาติ !”
ในห้องเรียนดูจะวุ่นวายขึ้นหลังจากที่ถังหนานเชงพูดจบ ถ้าศาสตราจารย์ถังไม่ได้เป็นคนสอนในวันนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์ไม่ใช่เหรอ ?
หลิวเฉียวดูจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ในขณะที่เสี่ยวจิงจิงดูจะผิดหวังมากทีเดียว
ซูเถาที่นั่งอยู่ข้างๆ จู่ๆก็ลุกขึ้นและเดินออกไปข้างหน้า ก่อนที่เขาจะเขียนชื่อและเบอร์โทรของเขาบนกระดานดำซึ่งทำให้ในห้องดูวุ่นวายขึ้นมาทันที
“เขาจะเป็นคนสอนเราเหรอ ? เขายังอายุน้อยอยู่เลยนะ นี่มันเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรหรือเปล่าเนี่ย ?”
“เขาอายุน้อยเกินไปนะ ! ศาสตราจารย์ถัง คุณล้อเล่นอะไรอยู่เนี่ย ?”
หลิวเฉียวขมวดคิ้วก่อนจะสบถอออกมา “นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ? มันจะอวดดีเกินไปแล้วนะ นี่กล้าหลอกชั้นงั้นเหรอ ?”
เสี่ยวจิงจิงขมวดขิ้วเช่นกัน แต่ถึงจะอย่างั้น เธอก็คิดว่าลองฟังดูหน่อยคงไม่เสียหายอะไร เพราะถังหนานเชงชมเขาไว้มากทีเดียว