Physicians Odyssey - ตอนที่ 18 งานเลี้ยงที่ยั่วยวน
บทที่ 18 งานเลี้ยงที่ยั่วยวน
รถเปิดประทุนได้ออกมาจากทางด่วนและได้มาถึงเขตปริมณฑลเมืองหางโจว ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหางโจวและหัวหนาน ซูเถามองไปที่กระจกหลังแล้วก็พบว่ามีรถโฟล์คสวาเก้นหลายคันตามหลังมา พวกเขาน่าจะเป็นเหล่าลูกน้องของหยานจิ้ง
เหมือนกับงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อเอาไว้สังหารแขกโดยเฉพาะเลยก็ไม่ผิดนัก
ด้วยลักษณะนิสัยของซูเถา เขาไม่มีทางโดนหลอกโดยสเน่ห์ของหยานจิ้งแน่ๆ
หยานจิ้งได้เตรียมการมาอย่างดี ซึ่งหากเธอไม่สามารถพาซูเถามาได้ เหล่าลูกน้องของเธอต้องสร้างปัญหาให้กับโรงพยาบาลเจียงหัวแน่นอน ซึ่งมันจะทำให้ซูเถานั้นได้รับผลกระทบไปด้วย
ถึงแม้เธอจะดูมีบุคลิคที่ดีและลักษณะการพูดจะดูขี้เล่น แต่ลึกๆแล้วเธอเป็นคนที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม ซูเถารู้สึกได้ว่าถ้าหากเขาไม่ตามเธอมา เธออาจละลงมือทำอะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึง
พอรถออกมาจากทางลาด มุ่งไปทางตะวันตก อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้มุ่งเข้าไปในเมือง แต่มุ่งไปทางหมู่บ้านจัดสรร หลังจากขับรถมาได้สิบกว่านาที รถก้ได้จอดบริเวณตึกร้าง ซูเถาตามหยานจิ้งเข้ามาโดยที่มีสุนัขพันธุ์ทิเบอตันมาสทิฟสองตัวเห่าใส่พวกเขาอยู่
หยานจิ้งเดินเข้าไปที่หมาตัวนึงก่อนที่ฟาดไปที่มัน “เจ้าหมาโง่ !, นี่แกจำแม้กระทั่งแม่ตัวเองไม่ได้หรือไง ?”
เจ้าหมาตัวนั้นส่งเสียงร้องก่อนที่มันจะหมอบลงไปบนพื้นอย่างว่าง่าย และตะกุยพื้นอย่างตื่นเต้น
“ที่นี่ถูกทิ้งร้างมาสามปีแล้ว แต่ชั้นก็ตั้งใจจะขายมันล่ะนะ สุนัขพวกนี้ถ้าถูกขังอยู่มันไม่ดุร้ายหรอก เอาไว้แค่ขู่คนปกติให้กลัวเท่านั้นเอง” เธอหันไปมองซูเถาที่สงบนิ่ง เธอรู้ว่าเขาจะต้องผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว
ซูเถาตามหยานจิ้งขึ้นไปบนชั้นสอง ตรงข้ามกับลักษณะภายนอก ที่นี่ได้รับการปรับปรุงค่อนข้างดีด้วยพรมนุ่มๆบนพื้น มันนุ่มมากจนเท้าของเขานั้นแทบจะจมลงไปบนพรมเลยทีเดียว ผนังถูกตกแต่งด้วยบรรดาภาพวาดสีน้ำมัน มีโคมไฟระย้าห้อยอยู่บนเพดานในขณะที่มีตู้เก็บเหล้าวางไว้หลังโต๊ะทำงาน
หยานจิ้งหันไปยิ้มให้ซูเถา “คิดว่าไงล่ะ สำนักงานของชั้นน่ะ ?”
“ดูมีระดับดี เหมือนเธอไง” ซูเถาพยักหน้า
หยานจิ้งระเบิดหัวเราะออกมา “เจ้าหนู เธอนี่ตลกดีนะ”
แต่ในใจของซูเถา เขาก็คิดเกี่ยวกับคำพูดของหยานจิ้ง ‘ปากของชั้นไม่เพียงแค่รู้วิธีทำให้คนหัวเราะหรอกนะ แต่ยังสามารถใช้ กิน คนได้อีกด้วย’
หยานจิ้งเข้ามาในห้องและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์พลางหันหน้าไปยังซูเถา “เข้ามาสิ , ชั้นจะให้นายได้ดูเตียงของชั้นซักหน่อย”
ซูเถาอึ้ง ก่อนที่เขาจะสายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะตามเธอไปที่ลิฟท์ คลับคล้ายคลับคลากับที่เขาเคยเห็นมันมาก่อนในอดีต เขาเห็นเตียงตัวใหญ่ซึ่งมีชายวัยกลางคนนอนรอยู่
ชายชราซึ่งสวมชุดสีฟ้ายืนอยู่ข้างๆเขา ก่อนที่เขาจะจับเข็มเงินและฝังมันเอาไว้ที่จุดฝังเข็มของตัวเขาเองอย่างระมัดระวัง
ชายวัยกลางคนแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยในการรักษา ดวงตาของเขานั้นเย็นชา ก่อนที่เขาจะหันไปมองหยานจิ้งก่อนจะยิ้มแบบขมขื่น “ชั้นทำอะไรกับมันไม่ได้เลย”
หยานจิ้งโบกมือปัดรำคาญ “คุณออกไปได้แล้ว”
“หลานสาวชั้นเป็นยังไงบ้าง” ชายแก่ถาม
หยานจิ้งตอบกลับ “วางใจเถอะ , ชั้นจะปล่อยเธอกลับไปหลังผ่านไปเดือนนึงแล้ว”
ชายแก่มองไปยังหยานจิ้งด้วยสายตาสับสนก่อนที่จะถูกล้อมไปด้วยเหล่าบอดี้การ์ด
หยานจิ้งกวาดสายตามองไปยังซูเถาก่อนที่สีหน้าของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าทรงสเน่ห์ที่มีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก “มีเพียงแค่หมอเทวดาแห่งเสฉวน เฉียวโชชุน(หมอในสามก๊ก ซึ่งมีฝีมือแก่กล้ามาก) เท่านั้นที่รักษาอาการนี้ได้ และดูเหมือนนายเป็นคนเดียวที่สามารถรักษาเขาได้ เพราะว่านายเป็นคนทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ ดังนั้นนายก็น่าจะมีวิธีรักษาเขาได้”
ซูเถามองไปที่เนี่ยเหว่ยถิง ทันใดนั้น เขาก็เข้าใจในทันทีว่าหยานจิ้งพาเขามาทำไม เขายิ้ม “นี่เธอต้องการใช้ชั้นรักษาเขางั้นเหรอ ?”
หยานจิ้งเอานิ้วแตะลงที่ริมฝีบากของเธอก่อนจะส่ายหัวพลางยิ้ม “เปล่า ชั้นไม่ต้องการให้นายรักษามัน , มันขโมยบางสิ่งซึ่งมันสำคัญมากไปจากชั้น ถ้าหากมันตาย ชั้นก็จบเห่ มันขโมยบางอย่างซึ่งมันสำคัญกว่าชีวิตของมันเองไป เพราะงั้น ชั้นต้องการให้นายรักษามันและให้เวลาชั้นในการหาของนั่น หลังจากจบเรื่องแล้ว มันจะตายก็เรื่องของมัน”
แม้แต่ซูเถาเองก็เสียวสันหลังหลังจากได้ยินคำพูดนั่น ผู้หญิงคนนี้เห็นชีวิตคนอื่นไม่ต่างไปจากวัชพืชเลย
ซูเถามองไปยังที่ใบหน้าของหยานจิ้งก่อนจะถาม “แล้วถ้าชั้นขอปฏิเสธล่ะ ?”
หยานจิ้งถอนหายใจ “นั่นฟังดูแย่เลยล่ะ เพราะซูกวงเฉิง ญาติเพียงคนเดียวของนายก็ดันตายไปแล้วด้วย ชั้นจึงไม่มีอะไรเอาไว้ขู่นาย แต่ชั้นได้ยินมาว่านายมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกสาวของร้านขายของเก่ามรกต ถ้าชั้นลักพาตัวเธอมา นายจะเปลี่ยนใจไหมล่ะ ?”
ซูเถาหัวเราะในลำคอ “ชั่วช้าจริงๆ”
หยานจิ้งดีดจมูกของซูเถาเบาๆ “นายเคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อนมั้ยล่ะ ‘คนชั่วช้ากับผู้หญิงนั้นยากที่จะต่อกรด้วย’ น่ะ”
เธอตบมือเรียกเลขาของเธอก่อนที่เขาจะถือแท็ปเลทที่ฉายภาพของร้านขายของเก่ามรกตอยู่ ไคหยานกำลังคุยอยู่กับชายวัยกลางคนที่เคาเตอร์ ซึ่งชายคนนั้นคือคนที่หยานจิ้งส่งไป ซึ่งหากซูเถาปฏิเสธที่จะรักษาเว่ยถิง ไคหยานจะต้องโดนจับตัวไปอย่างแน่นอน
หยานจิ้งนั้นรับมือยากกว่าเว่ยถิง เธอได้วางแผนเอาไว้ในทุกการเคลื่อนไหว สามารถคาดเดาความคิดคนอื่นและบังคับให้ทำตามที่เธอต้องการ
ซูเถาได้เดินเข้ามาในถ้ำเสือเสียแล้ว เขารู้ว่าแถวๆนี้มีพวกนักฆ่านับสิบคอยถือปืนจับตาดูอยู่ หากเขาทำการรักษาเสร็จสิ้นเขาจะต้องโดนเก็บอย่างแน่นอน
ซูเถาขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจ “ ก็ได้ ชั้นจะช่วยเขา”
หยานจิ้งพนักหน้าด้วยความพึงพออใจก่อนที่จะเดินไปกระซิบที่ข้างหูของซูเถา “ชั้นจะรออยู่ที่สำนักงาน ถ้านายทำผลงานได้น่าพอใจ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะให้รางวัล”
หลังจากพูดเสร็จเธอก็เดินออกไปพร้อมๆกับที่ประตูเหล็กได้ปิดลงโดยมีเหล่าบอดี้การ์ดคอยจับตาดูเขาอยู่
ซูเถาเดินไปยังเว่ยถิง ตั้งแต่ที่เขาถูกซูเถาจัดการ เขาดูอ่อนแอเหมือนกับพืชผักเลยทีเดียว
ซูเถาได้วางเครื่องมือของเขาลงก่อนที่จะเลือกเข็มขนาดสามนิ้วขึ้นมา
ในทางการแพทย์ อาการของเว่ยถิงนั้นเรียกว่า ‘อัมพาตอ่อนเปียก’ ซึ่งมันได้บันทึกในคัมภีร์อักษรคานอนของจักรพรรดิ์เหลืองแห่งจีนโบราณพร้อมคำอธิบายโดยละเอียด โดยมันได้ระบุเอาไว้ว่าเป็นอาการที่ทำให้ปอดนั้นรู้สึกถูกไหม้ด้วยความร้อนปละตามทฤษฎีจะต้องใช้จุดหยางหมิงเพื่อการรักษา
อาการป่วยนั้นแบ่งแยกกันไปตามจุดฝังเข็ม ร่างกาย กระดูก เอ็น และผิวหนัง
อาการป่วยของเว่ยถิงนั้นเกิดจากการที่จุดภายในร่างกายไม่เสถียร
การที่จุดฝังเข็มในร่างกายอ่อนแอนั้น ถือได้ว่ายากที่จะรักษา เนื่องจากใช้ยารักษาไม่ได้ผล แม้แต่จะใช้การฝังเข็มรักษาก็ทำได้ยากหากไม่รู้จักวิธีควบคุมพลังปราณภายใน
บรรดาแพทย์ที่มีชื่อเสียงในอดีต ฮัวโต๋ , เกฮง , เต๋าหงจิง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้พลังปราณทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาจะต้องรู้วิธีการไหลเวียนลมปราณหากพวกเขาต้องการที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญการฝังเข็มชั้นยอด
ในตอนอายุห้าขวบ ซูเถาเคยมีประสบการณ์การฝังเข็มมาก่อน ซึ่งซูกวงเฉิงกล่าวชื่นชมเขาอย่างมาก เขายังแนะนำซูเถาด้วยว่าควรเอาดีทางด้านการรักษาด้วยการฝังเข็ม
ยิ่งไปกว่านั้น หัตถ์สวรรค์ยังเป็นเทคนิคพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ถึงแม้ว่าหมอจะชำนาญในการฝังเข็ม แต่พวกกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจเทคนิคนี้ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ซูเถาถึงได้พูดว่านอกเหนือจากตัวเขาเอง ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถรักษาเหน่ยเว่ยถิงได้
ถึงแม้ว่าซูเถาจะถูกหยานจิ้งบังคับให้รักษาเว่ยถิง แต่เขาก็รู้สึกสงสารเว่ยถิงเช่นกัน อาการป่วยของเขานั้นไม่ถึงแก่ชีวิต เพียงแค่ทำให้เขาไม่สามารถที่จะไปทำร้ายคนอื่นได้อีก ท้ายที่สุดแล้ว ซูเถาได้สัญญากับซูกวงเฉิงเอาไว้ว่าจะเก็บวิชานี้เอาไว้เป็นเวลาสามปี
ดังนั้น ซูเถาจึงรู้สึกสงสารเว่ยถิง เพราะไม่เพียงแค่เขาจะเสียสุขภาพ แต่เขายังเสียอิสรภาพไปด้วย
มันเป็นโลกใต้ดินที่ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ซึ่งในตอนนี้ เว่ยถิงก็เป็นเพียงแค่เหยื่อบนเขียงที่พร้อมให้คนอื่นเชือดเท่านั้น
การฝังเข็มนั้นจำเป็นต้องใช้สมาธิเพื่อควบคุมเข็ม นั่นหมายความว่าเมื่อตอนพวกเขาฝังเข็ม จิตใจของพวกเขาจะต้องจดจ่ออยู่กับการฝังเข็มและการถ่ายพลังปราณลงไปยังเข็ม หากเขาเสียสมาธิ พลังปราณก็จะเสียไปด้วย
เมื่อเข็มเงินถูกฝังไปที่เว่ยถิง ส่วนใหญ่จะเป็นการฝังตามจุดต่างๆ ฟูถู ซู่เซียนลี่ เจี่ยสี จัวกู ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งอยู่ที่บริเวณข้อมือและหลังของเขา
หลังผ่านไปราวๆชั่วโมง เว่ยถิงหายใจออกด้วยความโล่งอก เขาไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาได้ แต่เมื่อเขามองเห็นซูเถา ดวงตาของเขาได้กลอกขึ้นบนและเป็นลมสลบไปอีกครั้ง
ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุมาจากที่ซูเถาได้ใช้หัตถ์สวรรค์กับเขา
ซูเถาได้เช็ดมือของเขาด้วยผ้าสะอาดก่อนที่บอดี้การ์ดจะพาเขาไปยังชั้นสองหลังจากรู้ว่าซูเถาได้ดำเนินการรักษาเสร็จแล้ว
หยานจิ้งนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนที่จะชี้ให้ซูเถาไปนั่งที่ตรงข้ามกับเธอ ก่อนจะยิ้ม “ขอบคุณมาก ชั้นคิดว่านายน่าจะหิวแล้ว นี่เป็นรางวัลของนาย งานเลี้ยงจากชั้นเอง”
ซูเถาเริ่มจะคุ้นเคยกับการเปลี่ยนท่าทีกะทันหันของหยานจิ้งแล้ว ดังนั้นเขาจึงนั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนที่จะเอาตะเกียบคีบเนื้อปลาเข้าปาก ตอนนี้เขาทั้งหิวและเหนื่อยล้ามาก
หยานจิ้งประสานมือเข้าด้วยกันก่อนจะยิ้ม “นายไม่คิดว่าชั้นจะวางยาไว้ในอาหารของนายบ้างเหรอ ?”
ซูเถาส่ายหัวอย่างมั่นใจ “ไม่เลย , ตราบใดที่เว่ยถิงยังไม่ได้ให้คำตอบที่เธอต้อง เธอก็ไม่กล้าจะทำอะไรชั้นหรอก”
ซูเถาเข้าใจคนอย่างหยานจิ้ง ตราบใดที่เขายังมีประโยชน์ เขาก็ยังจะถูกใช้ประโยชน์ไปเรื่อยๆ
หยานจิ้งถอนหายใจ “ฉลาดมากเจ้าหนู , นายเคยแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาบ้างไหมเนี่ย บอกชั้นหน่อยสิ ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการรักษาเว่ยถิง”
ซูเถากินอาหารต่อไปพลางพูด “เว่ยถิงไม่ได้โง่ เขารู้สถานะของตัวเองดี ถ้าเขาให้ในสิ่งที่เธอต้องการ เขาต้องโดนฆ่าอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพยายามรักษาความลับอย่างดีที่สุด ด้วยเหตุนี้ เขาสามารถอยู่ได้อีกซักพัก รักษาเขาให้หายนั้นไม่ยากหรอก แต่ชั้นถามหน่อย เขาจะมีประโยชน์เหรอถ้าหากเขาหายป่วยเร็ว ?”
ซูเถาสามารถคาดเดาสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน หากเว่ยถิงได้รับการรักษาจนหายดี มันจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับเธอ ดังนั้น ความตั้งใจของซูเถาคือการที่เขาสามารถควบคุมคนไข้และการรักษาให้อยู่ในมือเขา หยานจิ้งยักไหล่
“ถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็คงต้องเจอกันบ่อยขึ้นล่ะนะ จริงสิ นี่เราก็คุยกันมาพักนึงแล้ว บางทีเราอาจจะพุดคุยกันเกี่ยวกับความร่วมมือในย่านถนนเก่าก็ได้นะ”
ซูเถามองไปยังหยานจิ้งด้วยความไม่พอใจ “มันมีความลับอะไรซ่อนอยู่ที่ย่านถนนเก่าหรือไง ทั้งเธอทั้งเว่ยถิงยังตื้อไม่เลิกซักที ?”
หยานจิ้งสังเกตได้ว่าซูเถานั้นไม่อยากจะคุยเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงเม้มริมฝีปากก่อนจะครุ่นคิด “นายช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองเมื่อสิบปีก่อนให้ชั้นฟังได้ไหม ? นายมาจากพวกกรงเล็บมังกรอย่างงั้นเหรอ ?”
ซูเถากลอกตาไปมาในขณะที่เคี้ยวอาหารที่อยู่ในปาก “หือ กรงเล็บมังกรงั้นเหรอ ? นั่นมันคืออะไรน่ะ ?”
หยานจิ้งระเบิดหัวเราะ ซูเถาเป็นคนที่น่าสนุกจริงๆ หยานจิ้งรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขา