Physicians Odyssey - ตอนที่ 14 อาหารเป็นพิษ
บทที่ 14 อาหารเป็นพิษ
ไคซงพูนั้นสูงราวๆ 170 ซม. และมีรูปร่างอ้วนเล็กน้อย แต่เมื่อเขาถอดเสื้อผ้าออก ซุเถาสังเกตเห็นว่าเขามีกล้ามด้วย แสดงว่าตอนหนุ่มๆเขาน่าจะเล่นกล้ามมา
ซูเถาได้หยิบกล่องยาของมามาที่ร้านของชำมรกต ซึ่งตอนนี้สีหน้าของไคซงพูเปลี่ยนเป็นสีดำก่อนที่จะพาเขาไปไว้บนเตียงในขณะที่เขากำลังมีอาการชักอยู่ มีฟองสีขาวออกมาจากปากในขณะที่ตาของเขานั้นเบิกกว้าง ลูกตาดำกลอกขึ้นไปด้านบน
ดวงตาของไคหยานนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาก่อนที่เธอร้องไห้ “ให้ชั้นโทรไปที่ 120 มั้ย , หรือชั้นควรจะพาเขาไปโรงพยาบาลดี ?”
(Note :120 น่าจะหมายถึงเบอร์ฉุกเฉิน คล้ายๆ 191 บ้านเรา **ผู้แปล**)
ซูเถาส่ายหัว “ไม่ทันหรอก , ถ้าพาเขาไปโรงพยาบาลอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาราวๆ 30 นาที ชั้นกลัวว่าพ่อของเธอจะอยู่ได้ไม่เกิน 20 นาทีน่ะสิ ! นอกจากนี้ , เราไม่สามารถเคลื่อนย้ายเขาได้ มันจะทำให้เลือดไหลออกมาและอาการของเขาจะยิ่งทรุดหนักลงไปอีก ”
หลังจากได้ยินซูเถาพูดแบบนั้น ไคหยานยิ่งพะวงหนักเข้าไปอีก “แล้วชั้นควรทำยังไงดี ?”
ซูเถายิ้มก่อนจะตอบกลับ “ดูเหมือนว่าเธอจะลืมไปนะว่าชั้นเองก็เป็นหมอเหมือนกัน !”
ไคหยานมองไปยังซูเถาด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะเป็นคนไข้ของซูเถาและรู้ถึงทักษะของซูเถาดี แต่อาการป่วยของไคซงพูมันรุนแรงมาก ดังนั้น เธอจึงไม่คิดว่าซูเถาจะรักษาพ่อของเธอได้
ซูเถาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “อย่าเพิ่งกวนชั้น แบ่งหน้าที่กัน เธอโทรไปที่ 120 เดี๋ยวชั้นรักษาเขาเอง”
“ไม่มีทางเลือกแล้วนะ !” ไคหยานออกไปโดยที่ไม่มีทางเลือกมากนัก แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
เมื่อเห็นซูเถาเข้ามาใกล้ ไคซงพูส่ายหัวและมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจก่อนที่เขาจะพูดออกมา “ออกไปห่างๆชั้น”
ซูเถารู้สึกรำคาญ เขาจึงจี้จุดไม่ให้ไคซงพูพูดมากไปกว่านี้
เหตุผลที่เขาช่วยไคซงพูนั้น ทั้งหมดก็เพื่อไคหยาน ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงปล่อยให้คนไข้ทรมานไปอีกซักหน่อยก่อนที่จะรักษา
คนหยาบคายจะรู้ถึงการที่ต้องเคารพคนอื่นได้ก็ด้วยแค่ความทรมานเท่านั้นแหละ
ไคหยานยกหูโทรศัพท์พลางเดินวนเป็นวงกลมด้วยความร้อนใจ “ทำไมไม่มีใครรับสายเลยนะ ?”
แต่หลังจากที่มีคนรับสาย เธอตอบสายอย่างเลิ่กลั่ก “นั่น 120 ใช่มั้ย ? พ่อของชั้นล้มป่วย ช่วยส่งคนมาพาเขาไปโรงพยาบาลหน่อยได้ไหม ? ที่อยู่เหรอ ? ย่านถนนเก่าที่ไป่เหอ ! ใช้เวลาเท่าไหร่กว่าพวกคุณจะมาถึง ? ช่วยมาเร็วหน่อยได้ไหม ? ชั้นกลัวว่าพ่อชั้นจะทนได้ไม่นาน , ชั้นจ่ายให้เพิ่มได้นะ…”
“คุณผู้หญิง , เราได้รับข้อความของคุณแล้ว ได้โปรดถือสายรอจนกว่าเราจะแจ้งคนของเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว” โอเปอเรเตอร์ปลายสายตอบกลับอย่างสุภาพ
ไคหยานถือสายรอไว้และพลางนึกได้ว่าซูเถานั้นเริ่มรักษาพ่อของเธอแล้ว ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ซูเถาได้เอานิ้วชู่ที่ปากเขาส่งสัญญาณว่าให้เงียบ , ทำให้ไคหยานเงียบโดยไม่ได้พูดอะไรเลย
ซูเถาได้เอาใบมีดขนาดเล็กออกมาเพื่อตัดกางเกงไคซงพูออก แผลบวมขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ มีเลือดสีดำซึ่งส่งกลิ่นเหม็นไหลออกมา
ซูเถามองไปยังไคหยานก่อนจะพูด “ออกไปรอข้างนอก ! เธออยู่นี่กวนสมาธิชั้นเปล่าๆ”
ซูเถากังวลว่าไคหยานจะรบกวนเขาหากเธอเห็นเขากำลังจัดการกับบาดแผล
ดังนั้น เขาจึงบอกให้เธอไปรอข้างนอก ซูเถาได้ดึงเข็มเงินยาวออกมาก่อนที่ปักมันลงไปที่บาดแผล ทันใดนั้น ได้มีหมอกควันสีดำซึ่งคนธรรมดามองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเล็ดรอดออกมาพร้อมกับเสียงวี้เหมือนน้ำเดือดดังขึ้น
เป็นอย่างที่ซูเถาคิด , ไคซงพูไม่ได้แค่โดนพวกแมลงมีพิษกัดเท่านั้น มีพิษจากแบคทีเรียโทเมนซึ่งเกิดจากอาหารเป็นพิษฝังลึกอยู่ข้างในด้วย
ไคซงพูคงคิดว่าเป็นเพราะพิษจากพวกแมลง เพราะงั้นเขาจึงได้คิดจะซื้อสมุนไพรก่อนหน้านี้ แต่แค่นั้นมันไม่เพียงพอ แถมสมุนไพรพวกนั้นยังมีผลข้างเคียงอีกด้วย มันจะให้พิษโทเมนนั้นอาการกำเริบไวขึ้นอีก จากบาดแผลของไคซงพู ต้นขาของเขานั้นเต็มไปด้วยหมอกสีดำ ซูเถาได้ถอดเสื้อของไคซงพูออกและสังเกตเห็นว่าพิษมันลามไปจนถึงท้องแล้ว
หนังสือนิยายหลายเล่มต่างก็บรรยายเอาไว้ถึงความน่ากลัวของพิษโทเมนว่าน่ากลัวแค่ไหน ซึ่งมันก็ไม่ได้เกินจริงเลย หากศพซึ่งตายไปนานหลายปีแล้ว ร่างกายก็จะเน่าเสีย พิษจากศพนั้นจึงได้หายไปนานแล้ว ดังนั้น โอกาสที่พวกนักขุดสุสานจะติดพิษโทเมนนั้นมีต่ำมากๆ
ความเป็นไปได้ที่จะได้รับพิษโทเมนนั้นสูงกว่าการขุดสุสานซะอีก เพียงแค่กินอาหารที่ปนเปื้อนเข้าไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีแบคทีเรียอย่างน้อย 100,000 ชนิดในทุกๆกรัมของเนื้อและอาจมากกว่า 900,000,000 ชนิดถึงแม้ว่าจะปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิสูงก็ตาม มันก็ไม่สามารถที่จะกำจัดแบคทีเรียทั้งหมดได้
เขาได้วิเคราะห์เพิ่มเติมลงไปและพบว่าไคซงพูนั้นติดพิษไทเมนมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะพิษได้ซึมเข้าไปในร่างกายลึกมาก ซึ่งมันก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงอาการหนักขนาดนี้ ซูเถาคิดว่าบางทีมันอาจจะมีอะไรมากกว่านี้
ซูเถาใช้นิ้วบีบไปยังจุดฝังเข็มบริเวณขาของไคซงพู จากนั้นเขาได้ส่งพลังฉีของเขาเข้าไปยังร่างกายของไควงพู เมื่อนิ้วของเขาไล่ขึ้นไปถึงบริเวณหน้าอกของไคซงพู ดวงตาของไคซงพูก็เปิดขึ้นอย่างกะทันหัน ซูเถาใช้ใช้พลังของเขาดันให้เลือดเสียสีดำนั้นพุ่งออกมาจากปากของไคซงพู
ไคซงพูตื่นขึ้นมาก่อนที่เขาจะถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาเห็นซูเถาล้างมือกับเศษเสื้อสีขาว “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
ซูเถาตอบกลับด้วยเสียงเข้ม “ผมเพิ่งช่วยชีวิตคุณเอาไว้”
ไคซงพูส่ายหัว เขาไม่เชื่อ “นายเนี่ยนะ ?”
ที่พื้นเต็มไปด้วยกองเลือดสีดำ เขาก้มมองลงไปที่ขา ถึงแม้ว่ามันจะยังปูดอยู่เล็กน้อย แต่หมอกควันสีดำก็ได้หายไปแล้ว
เนื่องจากซูเถาเป็นคนเดียวที่อยู่ที่นี่ มันจึงเป็นเครื่องยืนยันเรื่องทั้งหมดได้อย่างดี
ซูเถารู้ดีว่าไคซงพูนั้นไม่ชอบเขา และเหตุผลที่เขารักษาไคซงพูนั้นทั้งหมดก็เพื่อไคหยาน เขาไม่ได้หวังให้ไคซงพูมาของคุณเขา เขาพูดช้าๆ “แน่นอน , คุณจะทำไม่รู้ไม่ชี้ไปก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะไคหยานแล้ว ผมไม่มายุ่งกับคุณหรอก”
ความโกรธได้เข้าครอบงำสายตาของไคซงพูอีกครั้ง “แก , อยู่ห่างๆจากลูกสาวชั้นนะ !”
ซูเถามองไปยังไคซงพูด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะยิ้ม “นี่ลุงไค , ผมคิดว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงเกี่ยวกับผม ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไคหยานเป็นไปด้วยดี , คุณคิดว่าผมจะทำอันตรายเธองั้นเหรอ ? ถึงแม้ว่าผมต้องการจะไปเดทกับเธอ , เธอเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชาย มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอไงที่ชายหญิงจะมีความรักกันน่ะ ?”
ไคซงพูฝืนยืนขึ้นด้วยความโกรธ “ไม่มีทาง , ชั้นไม่มีวันให้แกกับลูกสาวชั้นไปไหนด้วยกันเด็ดขาด”
“ถ้าผมไม่ช่วยคุณวันนี้ ตอนนี้คุณคงได้ไปเยี่ยมยมบาลแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นแล้วคุณยังจะบังคับไคหยานได้อย่างงั้นเหรอ ?” เมื่อซูเถาเห็นว่าไคซงพูนั้นหายแล้วแต่ยังคงดื้อรั้นเหมือนเดิม เขาหัวเราะหึเบาๆก่อนที่จะยกกล่องยาขึ้นแล้วกลับออกไป
ไอ้คนเนรคุณเอ้ย
เมื่อซูเถาออกไปจากห้อง ไคซงพูได้หายใจออกช้าๆ เขาไม่ต้องการที่จะติดหนี้ซูเถา ไคหยานจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น ไคซงพูคงจะขาดใจตายหากเขาเห็นไคหยานกับซูเถาเดินด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยคำพูดของซูเถา ทำให้ไคซงพูคิดมากเลยทีเดียว
เมื่อไคหยานเห็นซูเถาเดินออกมา เธอเข้าไปถามอย่างใจจดใจจ่อ “ทำไมนายมาอยู่นี่ล่ะ ? นายรักษาพ่อของชั้นได้มั้ย ?”
ซูเถาตบลงไปเบาๆที่ไหล่ของไคหยานก่อนที่จะตอบกลับ “เย็นไว้ , พ่อของเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว ถ้าเธอยังเป็นห่วงเขา ก็รอให้รถพยาบาลมาพาเขาไปตรวจละเอียดอีกทีที่โรงพยาบาลละกัน”
พอได้ยินดังนั้น ไคหยานก็เบาใจไปเปราะนึง เธอรู้ว่าซูเถานั้นไม่พูดให้สัญญาอะไรลอยๆแน่นอน ถ้าเขาบอกว่าจะรักษาไคซงพูแล้ว เขาก็ต้องรักษาให้อาการดีขึ้น ดังนั้นแล้วเธอจึงยิ้ม “ขอบคุณนะ ! ค่ารักษาเท่าไหร่ล่ะ ?”
ซูเถาส่ายมือปฏิเสธ “หักเอาจากค่าชุดที่เธอซื้อให้ก็แล้วกัน”
อย่างไรก็ตาม ไคหยานยังคงยืนยันคำเดิม “นั่นมันไม่เหมือนกันนะ , อันนั้นมันส่วนสำหรับค่ารักษาของชั้น ส่วนของพ่อชั้นต้องคิดแยกสิ”
ซูเถาจ้อองไปยังดวงตาของไคหยาน เขาจึงแกล้งพูด “ลืมเรื่องเงินไปซะเถอะ , ถ้าเธออยากจะจ่ายจริงๆ ทำไมเธอไม่ใช้เวลากลางคืนกับชั้นแทนล่ะ ?”
“ห้ะ ?” ดวงตาของไคหยานเปิดกว้าง , เธอตกใจก่อนที่จะด่าเขา “ไอ้บ้านี่ !”
“เห้ๆ ชั้นเป็นคนที่ช่วยชีวิตพ่อของเธอเอาไว้นะ” ซูเถาระเบิดหัวเราะ “นอกจากนี้ พวกเราก็เป็นคนธรรมดาที่ต่างก็มีความต้องการ เธอก็ไม่ได้เสียอะไรซักหน่อยนี่”
ไคหยานชี้ไปยังซูเถา หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลง “ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้ !”
ซูเถาเอามือปัดนิ้วของไคหยานไปด้านข้าง ก่อนที่จะเปลี่ยนน้ำเสียง “ชั้นแค่ล้อเธอเล่นเท่านั้นเอง , ชั้นรักษาเธอในฐานะเพื่อน เพราะงั้นชั้นถึงได้ช่วยพ่อของเธอ ถ้าเธอยังยืนยันที่จะจ่ายเงินให้ชั้น ชั้นก็จะเอาแต่พูดเรื่องทะลึ่งตึงตังแบบนี้แหละ!”
เมื่อไคหยานเห็นว่าซูเถานั้นหลอกเธอ เธอจึงพยักหน้า “ก็ได้ , งั้นชั้นก็จะไม่จ่ายเงินให้นาย แต่อย่าคิดนะว่าชั้นจะ…ชั้นจะ…”
ในตอนนั้นเอง ซูเถาชี้นิ้วไปยังด้านหลังไคหยาน “รถพยาบาลมาแล้ว เธอพาลุงไคไปโรงพยาบาลแล้วตรวจให้ละเอียดเพื่อความแน่ใจเถอะ”
หลังพูดเสร็จ ซูเถาเดินฮัมเพลงที่ไคหยานไม่เคยได้ยินมาก่อนพลางออกไปจากร้านขายของเก่า
รถพยาบาลได้มาถึง คนของหน่วยกู้ภัยได้พาไคซงพูขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากตรวจเช็คเรียบร้อยแล้ว , หมอได้พูดกับไคหยาน “คนไข้ยังคงร่างกายอ่อนแอ , แต่ทุกอย่างปกติดี ถ้าคุณยังเป็นห่วงเขา เราแอดมิทเขาเข้า ICU เพื่อตรวจสอบอย่างอะเอียดอีกทีตอนกลางคืนได้นะ”
ไคหยานไม่ได้ประหลาดใจกับคำพูดของหมอ เธอเชื่อคำพูดของซูเถา “ไม่จำเป็นต้อง ICU หรอก ให้เขาพักห้องธรรมดาก็พอ แล้วเราจะออกจากโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้”
ไคซงพูค่อยๆนอนลงบนเตียง ไคหยานเดินเข้ามาเช็ดหน้าผากของเขา เขาลืมตาขึ้นแล้วถามไคหยาน “นี่ลูกชอบซูเถาจริงๆเหรอ ?”
ไคหยานพยักหน้า “ชั้นชอบอยู่กับเขา เขามักจะเล่าเรื่องตลกให้ชั้นฟังเสมอจนชั้นหัวเราะ นี่คือความรักหรือเปล่านะ ?”
หลังจากที่ได้ยินลูกสาวของเขาพูดแบบนั้น ไคซงพูตอบกลับ “ลูกเติบโตขึ้นแล้ว พ่อคงบังคับลูกต่อไปไม่ได้แล้ว ลูกจะทำอะไรก็ตัดสินใจด้วยตัวเองเถอะ”
ไคซงพูนึกถึงคำพูดของซูเถา ถ้าวันนี้เขาตาย ไคหยานก็จะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวโดยที่ไม่มีใครคุม เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอก็จะถูกทิ้งให้ดูแลตนเอง เขาไม่สามารถปกป้องเธอได้ไปตลอดชีวิต สุดท้ายแล้วชีวิตก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างเปราะบาง
ไคหยานงงงวย เนื่องจากไคซงพูนั้นเปลี่ยนใจกะทันหัน “พ่อ , นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อเนี่ย ? นี่พ่อโกรธอยู่หรือเปล่า ?”
เพื่อที่จะปกป้องเธอ ไคซงพูมักจะขอให้เธอรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้ามและคอยจำกัดการกระทำของเธอเสมอ มันเป็นแค่ความเห็นแก่ตัวของเขาเท่านั้นเอง
ไคซงพูพูด “เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะติดต่อครอบครัวเหน่ย ถ้าพวกเขาอยากจะยกเลิกพิธีแต่งงาน พ่อก็จะยอมให้ลูกคบกับเขา , แต่ถ้าทางครอบครัวเหน่ยไม่ยินยอม ลูกก็คบกับเขาไม่ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไคหยานรู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่หัวรั้นเหมือนเมื่อก่อน “พ่อ , มันไม่สำคัญหรอกว่าพ่อจะตกลงหรือไม่ ชั้นก็ยังจะยืนยันทำตามความคิดของชั้นเอง”
ในขณะที่เธอพูด จู่ๆไคหยานก็เงียบลง ซูเถาอาจจะคิดกับเธอแค่เพื่อนเท่านั้นก็เป็นได้