Physicians Odyssey - ตอนที่ 83 แพทย์ไม่กลัวพิษ
Physicians Odyssey บทที่ 83 แพทย์ไม่กลัวพิษ
บทที่ 83 แพทย์ไม่กลัวพิษ
การปรากฏตัวของซูเถากับลู่ชีเหมียวนั้นทําให้ผู้ดูแลตกใจเนื่องจากแขกที่จองห้องสูทแบบหรูเอาไว้มันจะมีผู้ติดตามคอยจัดการเรื่องต่างๆให้อยู่เสมออย่างเช่นการลงทะเบียน
และถึงแม้ทั้งดูจะดูรูปร่างหน้าตาดีมากก็ตามแต่พวกเขาก็เหมือนกับคนอื่นๆที่แบกกระเป๋าไปเองโดยไม่มีผู้ติดตามอยู่ข้างหลัง
เหมือนกับการแกล้งเล่นเป็นหมูเพื่อจะกินเสือเลยไม่ใช่หรือไง ?
ผู้จัดการโรงแรมได้มอบหมายให้ผู้ดูแลจัดการกับกระเป๋าของทั้งสองทันทีในตอนนั้นเองมือถือของซูเถาก็ดังขึ้นหยานจิ้งนั่นเอง เป็นคนโทรมา “ตอนนี้พวกนายคงจะถึงโรงแรมแล้วสินะ ? ที่ชั้นจัดไว้ให้ถูกใจมั้ย ?”
ซูเถาโบกมือขอโทษสู่ชีเหมียวตอนที่รับสายเนื่องจากเขาเห็นเธอทําท่าทางงง “ชั้นแปลกใจมากเลยหล่ะ แต่มันก็ใช้เงินมากไปหน่อยนะ”
หยานจิ้งดีดนิ้ว “ทั้งหมดก็เพื่อให้นายได้รับฉายาราชาแห่งแพทย์มายังไงก็ตาม หากนายชนะการแข่งได้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเช่นนี้”
“เธอคงไม่ได้กําลังกดดันชั้นอยู่ใช่มั้ย ?” ซูเถาถอนหายใจ
หยานจิ้งตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ด้วยความสามารถของนายชั้นเชื่อว่าไม่แพ้ !”
ซูเถาสายหัว “แพ้ชนะมันไม่ได้มีอยู่ในพจนานุกรมของคนเป็นหมอหรอก มีแต่ช่วยคนกําลังจะตายกับรักษาคนเจ็บเท่านั้นแหละ”
อีกด้านหนึ่ง หยานจิ้งอึ้งกับคําพูดของเขา หากคบกับเขามานานพอก็จะเข้าใจถึงบางครั้งจะดูขี้เล่นและเลือดร้อนไปบ้างแต่ในใจของเขานั้นราวกับมีเปลวไฟซ่อนอยู่ ซูเถาเป็นพวกที่มีความต้องการค่อนข้างมากแต่เขาก็รู้ว่าต้องจัดการกับมันออย่างไรบางครั้งการกระทําของเขาอาจจะดูชั่วร้ายไปบ้างแต่เขาก็เป็นคนที่มีแต่พลังบวกแถมยังเป็นตัวอันตรายสําหรับเพศตรงข้ามอีกด้วย
“ชั้นได้จองห้องแบบที่ดีที่สุดให้นายเผื่อเอาไว้ว่าจะมีคนลอบทําร้ายนายนะในขณะเดียวกัน มันก็ช่วยเสริมความมั่นใจในตัวเองได้ ด้วยนะ”หยานจึงตอบกลับ
ซูเถาเข้าใจเจตนาของเธอดี มีหลายคนถูกกลั่นแกล้งเนื่องจากดูเป็นพวกคนชั้นต่ํา ซึ่งอาจทําให้คนอื่นมาดูถูกเอาได้ ดังนั้นเหตุผลที่เธอจองห้องสูทแบบหรูก็เพื่อป้องกันเรื่องนั้น
“แล้วเธอล่ะ ? กับพวกคู่แข่งคนอื่นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ?” ซูเถากระซิบ
หยานจิ้งยิ้ม “อย่าลืมสิว่าชั้นเป็นใคร ชั้นไม่เคยทําอะไรโดยไม่มีเหตุผลหรอก !”
“โชคดีจริงๆที่เราอยู่ข้างเดียวกัน ชั้นกําลังภาวนาไม่ให้คนพวกนั้นพบกับจุดจบที่น่าเศร้าเกินไปอยู่นะ” ซูเถายักไหล่
หยานจิ้งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นมา “ชั้นได้ยินมาว่านายพาสาวสวยที่แต่งงานแล้วไปด้วยใช่มั้ย ? ไม่คิดเลยนะว่านายจะชอบแบบนี้…”
ซูเถายิ้ม “ดูเหมือนเธอจะเข้าใจชั้นมากขึ้นแล้วสินะ ชั้นชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่า อย่างเช่นเธอไงคุณพี่หยาน ผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ใหญ่และประสบความสําเร็จในชีวิตอย่างเธอนี่แหละเป้าหมายของชั้นเลย”
“นายไม่กลัวชั้นจะวางยาพิษใส่หรือไง ?” หยานจิ้งถาม
ซูเถาลดเสียงลง “อย่าลืมสิว่าชั้นน่ะเป็นหมอนะ ยาพิษอะไรนั่นก็แค่ของเด็กเล่นเท่านั้นแหละ”
ถึงแม้ว่าซูเถาจะคุยโทรศัพท์เสียงเบาแล้วก็ตามลู่ชีเหมี่ยวก็ยังคงได้ยินอยู่บ้าง เมื่อเขาวางสาย เธอจึงถามขึ้นมา “นายคุยกับใครเหรอ ?”
ซูเถาไม่คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว เขายิ้ม “พูดตรงๆเลยละกันหล่อนอาจจะนับได้ว่าเป็นพวกเดียวกันกับชั้น ชั้นไม่ได้เข้าแข่งขันเพื่อโรงพยาบาลเจียงหัวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีจุดประสงค์อื่นอีกด้วยและเธอคนนั้นแหละที่เป็นคนจองห้องให้กับเรา”
“ดูเหมือนนายจะมีเส้นสายดีเลยทีเดียวนะ” สู่ชีเหมี่ยวขมวดคิ้ว
ซูเถาเอามือตบไปที่หน้าอกของตนเอง “นั่นก็เพราะชั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นน่ะสิ แล้วความสัมพันธ์ของเราก็จัดว่าดีไม่ ใช่หรือไงคุณหัวหน้าแผนกลู่ ?”
สู่ชีเหมี่ยวทําเสียงฮี “อย่ามามั่วนิ่ม นายกับชั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้นแหละ !”
หลังพูดจบ เธอก็เดินอ้าวออกไป ซูเถาเดินตามหลังอย่างใจเย็นเขามองไปที่ก้นของเธอ นี่ก็แค่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วธรรมดาๆซึ่งมักจะมีอารมณ์โมโหเป็นธรรมดา ซึ่งมันทําให้พวกเขานั้นน่าสนใจยิ่งขึ้น
มีห้องข้างในอีกสองห้องภายในห้องชุดสูทแบบหรู เป็นห้องนอนหลักและห้องนอนอีกห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ําในตัวถึงแม้ว่าบางคนจะเคยมีประสบการอันน่าตื่นเต้นแบบนี้มาแล้วแต่ลู่ชีเหมียวก็ยังรู้สึกเกร็งๆเวลาเธอเข้ามาที่ห้องสูท ห้องนั่งเล่นนั้นดูกว้างข วางเป็นพิเศษ ด้วยพื้นที่กว่ายี่สิบตารางเมตรสามารถจัดปาร์ตี้ยอมๆราวสิบคนได้เลย
พรมของห้องนี้ก็ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย และเพดานของห้องก็สูงมากเป็นพิเศษ โดยมีคริสตัลแขวนอยู่ข้างบน โซฟาหนังได้รับการดูแลอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับเงินจํานวนมากประดับอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่ดูหรูหรา
หลังจากลู่ชีเหมียวจัดการกระเป๋าสัมภาระของเธอเรียบร้อยแล้วก็ได้ล้มตัวลงนอนบนเตียงและปิดตาลง ในตอนนี้เธอก็ได้นึกไตร่ตรองไปถึงเรื่องที่ได้ตัดสินใจมายังฮั่วเขียน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมาที่นี่ก้เพราะเรื่องงานแต่มันก็ยังเป็นเรื่องแปลกอยู่ดีที่ชายหญิงนั้นอยู่ด้วยกัน
เมื่อเธอนึกถึงสายตาของชีหยวนที่มองมาที่เธอ เธอก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเนื่องจากมันเป็นการตัดสินใจที่ดูหุนหันพลันแล่นไปหน่อยช่วยไม่ได้ที่อาจจะทําให้เกิดข่าวลือแปลกๆขึ้นได้
แต่พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นอาจจะคิดมาก เกินไปอย่างไรซะซูเถากับเธอก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซูเถาเพิ่งจะอายุยี่สิบในขณะที่เธอนั้นแต่งงานแล้ว คนอื่นคงไม่เหมารวมพวกเขาเข้าด้วยกันแน่
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันกัน ลู่ชีเหมียวลุกขึ้นทันทีก่อนจะตะโกนออกไป“มีอะไร ?”
“นี่ก็เลยเวลามาแล้ว พวกเราไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันมั้ย ?” ซูเถาถามในขณะที่เปิดประตูเข้ามา
อู่ชีเหมียวถลึงตาใส่ “มีมารยาทหน่อย นายจะเข้ามาได้ก็ต่อเมื่อชั้นอนุญาตเท่านั้น”
เมื่อเห็นการตอบสนองแบบนั้นซูเถาจึงหยอกเธอเล่น “ชั้นแค่จะมาลองเช็คดูว่าเธอล็อคประตูหรือเปล่า ชั้นไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่ ได้ล็อคก็เลยรีบเปิดเข้ามา”
“ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกชั้นจะไปจองห้องเพิ่มและนอนห้องอื่น”
ซูเถาถอยมาสองก้าวเพื่อให้เธอนั้นออกมา ไหล่ของพวกเขา ชนกันซูเถายิ้ม “ไม่น่าเสียดายไปหน่อยเหรอสําหรับชั้นที่ต้องอยู่ห้องสูทคนเดียวเนี่ย ?”
อาหารกลางวันถูกจัดขึ้นที่ระเบียง พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงอากาศเย็นของฤดูใบไม้ร่วง ทางโรงแรมได้เตรียมอาหารตะวันตกเอาไว้ให้พวกเขามีสเต็ก สปาเก็ตตี้ ปีกไก่ทอด และซุปฟักทองพร้อมกับพวกของกินเล่นซึ่งทั้งหมดรสชาติดีมาก และเมื่อซูเถาเห็นว่าลู่ซีเหมี่ยวดูจะไม่อยากอาหารเลย เขาจึงถามขึ้น “ไม่หิวหรือไง ?”
เธอถอนหายใจ “ประธานที่กําลังจะลาออกจากโรงพยาบาลเจียงหัวเร็วๆนี้ ชั้นเป็นห่วงน่ะว่าโรงพยาบาลจะเป็นยังไงต่อ”
ซูเถาหันสเต็กเข้าปาก “ไม่ยักรู้ว่าเธอจะเป็นห่วงเรื่องของโรงพยาบาลด้วย”
หลังจากเงียบไปพักนึง ลู่ชีเหมี่ยวพูดขึ้น “พ.เฉียวเต้อเหาบอก เอาไว้ ถ้าวันนึงเขาได้ขึ้นเป็นประธานสิ่งแรกที่เขาจะทําก็คือการปฏิรูปโรงพยาบาล”
ซูเถายิ้ม “แปลว่าเขาของมีแรงจูงใจเยอะเลยสิท่าถึงคิดจะปฏิรูปโรงพยาบาลนะ”
สู่ชีเหมียวส่ายหัว “แต่แผนการของเขานั้นดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”
“โฮ่ ? งั้นขอฟังหน่อยก็แล้วกัน” ซูเถามองไปที่จานของลู่ชีเหมี่ยวและช่วยเธอนั่นสเต็กให้เป็นชิ้นเล็กๆก่อนจะส่งจานคืนให้เธอ
“อย่างเช่น รายได้ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับตําแหน่ง” ลู่ชีเหมียวถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “ยกตัวอย่างเฉียวเต้อเหา เขาไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรเลยในฐานะหมอ แต่เขามีตําแหน่งสูง ถ้ามีการนําโยบายนี้มาใช้ เขาก็จะได้เงินเดือนสูงขึ้นมาก”
ซูเถาพยักหน้า“นั่นมันผิดนะ ในอนาคตถ้าเกิดพวกหมอปลอม แปลงตําแหน่งขึ้นมา แล้วจะเอาเวลาไหนไปสนใจคนไข้กัน ?”
สิ่งที่เฉียวเต้อเหาทํานั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทําที่สั่นคลอนต่อรากฐานการดําเนินงานของโรงพยาบาล
สู่ชีเหมียวถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น เขายังตั้งใจจะมองหมาหมออายุน้อยและคอยโปรโมตเขาอีกด้วย”
ซูเถาเข้าใจถึงการกระทํานี้ “เขาตั้งใจจะเขียพวกที่อยู่ฝ่ายประธานทิ้งไปงั้นสินะ”
คู่ชีเหมียวยิ้มจางๆ “พูดจากความรู้สึกชั้น เฉียวเต้อเหานี่แหละเป็นเหตุผลสําคัญที่ว่าทําไมชั้นถึงได้เป็นหัวหน้าแผนกกุมารเวชศาสตร์ตั้งแต่อายุยังน้อยแต่ชั้นก็ไม่คิดจะขอบคุณเขาหรอกนะ”
“เธอไม่จําเป็นต้องถ่อมตัวหรอก ด้วยการจัดการของเธอแผนกกุมารเวชศาสตร์ก็ถือเป็นหนึ่งในแผนกที่โดดเด่นที่สุดของโรงพยาบาลซึ่งมันก็เป็นเพราะว่าเธอทํางานอย่างหนักนั่นแหละ” ซูเถาตบมือของลู่ชีเหมี่ยวเบาๆ
เขาไม่ได้พยายามจะพูดเอาใจเธอ แต่เธอทํางานได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ซึ่งแม้แต่ผู้ป่วยชาวต่างชาติก็ยังรับรู้ได้ถึงชื่อเสียงของแผนกนี้
การสัมผัสของซูเถา ทําให้คู่ชีเหมี่ยวรู้สึกถึงความอบออุ่นที่มือก่อนจะชักมือกลับทันที “แล้วทําไมเวลาคุยกันต้องมาจับชั้นด้วยเนี่ย ?”
ซูเถาเอามือลูบคาง “โทษที่ๆอารมณ์มันพาไปน่ะ”
พวกเขาใช้เวลาอาหารไปราวชั่วโมงกว่าและทั้งสองก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลายเรื่อง เช่นเดียวกับพวกผู้ชายหลายคนที่พยายามไล่ตามลู่ชีเหมี่ยวในสมัยที่เธอยังเป็นนักเรียนมหาลัย และถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นพวกระดับไฮโซก็ตาม เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียน และปฏิเสธพวกนั้นไปหมดซึ่งเธอก็ได้รู้จักกับเฉียบโบหลังจากที่เข้ามาทํางานที่โรงพยาบาลเจียงหัวเท่านั้นเอง
ในตอนแรกที่เธอรู้จักเฉียวโบ เขามักจะเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษแต่หลังจากแต่งงานแล้วก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขามักจะออกไปเที่ยวข้างนอกและความสัมพันธ์ของทั้งสองก็มาถึงจุดสิ้นสุด
“แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะ พวกเขาเห็นด้วยกับการหย่าของเธอหรือเปล่า ?” ซูเถาถาม
สู่ชีเหมี่ยวส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มจางๆ “ชั้นเป็นเด็กกําพร้าชั้นเกิดมาในสถานเลี้ยงเด็ก ที่นั่นเป็นบ้านของชั้น และคณบดีของที่นั้นก็เป็นแม่ของชั้น เมื่อไม่กี่ปีก่อน คณบดีก็ได้ถึงแก่กรรม ก่อนที่สถานเลี้ยงเด็กจะถูกพวกบริษัทเอกชนยึดไป ตอนนี้ชั้นตัวคนเดียวแล้วล่ะ โรงพยาบาลเจียงหัวเป็นที่ๆชั้นอยู่ เพราะงั้นที่นั่นก็เป็นเหมือน บ้านหลังที่สองของชั้น”
ซูเถารู้สึกถึงความลังเลในใจของเธอ เนื่องจากเธอเป็นคนที่มีอารมร์ร่วมในเรื่องครอบครัว และถึงแม้ว่าเฉียวโบจะทําร้ายจิตใจเธอมากขนาดไหน เธอก็เลือกที่จะอดทน เขาจึงค่อยๆวิเคราะห์ “จริงๆแล้วเธอเป็นพวกที่ไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยเลยสินะ”
เธอพยักหน้าพร้อมกับน้ําตาที่ซึมออกมา “ใช่ เพราะงั้นอย่าทําดีกับชั้นมากนักไม่งั้นชั้นก็ต้องกลับไปพึ่งใครซักคนอีก”
คําพูดของเธอทําให้ซูเถานั้นอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะหันไปมองเธอสายตาที่ริบหรี่ของเธอกระตุ้นความนุ่มนวลในส่วนลึกของจิตใจเขาทําให้เขารู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ และต้องการที่จะปกป้องเธออย่างสุดความสามารถ