Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1685 น้ำท่วมปินไห่
ปกติใช้ชีวิตอย่างมีสีสันมากขนาดไหน แต่ไฟดับนานๆ เข้าก็น่าเบื่อมาก ถึงแม้โทรศัพท์มือถือยังพอต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่สัญญาณก็อ่อนมาก พอจะดูเว็บเพจได้บ้าง แต่สัญญาณก็ขาดหายอยู่บ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะสถานีฐานส่งสัญญาณแถวนี้เปียกน้ำไปหมดแล้ว ชาวบ้านเป็นบริเวณกว้างจึงต้องเชื่อมอินเทอร์เน็ตจากที่ค่อนข้างไกลออกไป ก็เหมือนรถเยอะแต่ทางแคบ ทำอะไรไม่ได้
หวางเฉียนกับหลี่คุนยังคิดเรื่องเล่นไพ่นกกระจอก จางจื่ออันไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้งพวกเขา แต่ในบ้านเขาไม่มีไพ่นกกระจอกจริงๆ ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่มัวแต่ยุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็น มีเวลาเล่นไพ่นกกระจอกที่ไหนกัน
ริชาร์ดก็สนใจมรดกทางวัฒนธรรมจีนอย่างไพ่นกกระจอกมากทีเดียว จึงตะโกนเสียงดังลั่นว่าอยากเล่นด้วย
เขาไม่พอใจที่พวกเขาสองคนเสียงดังเอะอะ เพราะมันกระทบการทำการบ้านของเสี่ยวฉินไช่ จึงยัดเทียนใส่มือของพวกเขาคนละเล่มสองเล่ม แล้วไล่พวกเขาไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำข้างๆ เพราะทางนั้นก็ต้องมีคนเฝ้าเหมือนกัน
สัตว์น้ำเปราะบางมาก หลังจากเครื่องปรับอากาศหยุดทำงาน ก็ต้องไปตรวจดูอุณหภูมิของตู้สัตว์น้ำทุกตู้ทุกครึ่งชั่วโมง โดยเฉพาะสัตว์ที่หายากและชอบความเย็นสองสามชนิด ต้องใช้การเติมน้ำแข็งเพื่อรักษาอุณหภูมิ แต่เพิ่มน้ำแข็งแล้วก็ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลในตู้ลดต่ำลง ดังนั้นตอนเติมน้ำแข็งต้องเพิ่มเกลือทะเลตามสัดส่วน เติมน้ำแข็งโดยไม่คิดคำนวณสัดส่วนไม่ได้
ดีที่หลังจากเซ้งร้านข้างๆ แล้วก็หาโอกาสติดประตูเชื่อมตรงชั้นล่างของทั้งสองร้านให้คนเดินผ่านไปได้ ไม่อย่างนั้นคงลำบากน่าดู
เสียงพายุฝนมีแต่ดังขึ้น ไม่มีลดลงเลย ซอกประตูม้วนเริ่มมีน้ำขุ่นๆ ทะลักเข้ามาข้างในแล้ว นี่เป็นการบ่งบอกว่าปริมาณน้ำข้างนอกสูงท่วมทางเท้าแล้ว และสูงท่วมฐานและบันไดของร้านขึ้นมาแล้วด้วย คำนวณคร่าวๆ แล้วน้ำอาจจะลึกยี่สิบถึงสามสิบเมตร
ท่อระบายน้ำของถนนน่าจะถูกใบไม้ที่ร่วงลงมาและขยะต่างๆ อุดเอาไว้แล้ว จึงระบายน้ำท่วมสะสมออกไปไม่ได้ ระดับน้ำยังต้องเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกแน่นอน
พวกพนักงานร้านใช้เทปกาวติดขอบล่างและซอกของประตูกระจกเอาไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ปิดตายโดยสิ้นเชิง น้ำถึงได้ซึมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเพิ่มขึ้นของแรงดันน้ำ
ผู้หญิงสองคนวางโทรศัพท์มือถือลง ก่อนจะใส่ถุงมือนำผ้าขี้ริ้วและผ้าขนหนูมาซับน้ำที่หน้าประตู พอผ้าขี้ริ้วและผ้าขนล็อตแรกชุ่มน้ำหมดแล้ว พวกเธอก็ไปเปลี่ยนเป็นอีกล็อตหนึ่ง สลับกันนำผ้าขนหนูเปียกน้ำไปบิดให้แห้งในห้องน้ำสัตว์เลี้ยง หมุนเวียนกันไปอย่างนี้ เพื่อกันไม่ให้น้ำสกปรกท่วมเข้ามาในร้าน
“เจ้าของร้านคะ!” เจี่ยงเฟยเฟยตะโกนมาจากห้องน้ำ
จางจื่ออันเข้าไปดู ที่แท้ท่อน้ำในห้องน้ำก็เริ่มมีน้ำสกปรกเอ่อล้นขึ้นมา บ่งบอกว่าระบบระบายน้ำใต้ดินของถนนเส้นนี้เป็นอัมพาตแล้ว
พวกเขาทำได้แค่ใช้ถุงพลาสติกพันผ้าขี้ริ้วยัดเข้าไปที่ปากท่อ เพื่อหยุดน้ำสกปรกไม่ให้ไหลย้อนกลับมา
จางจื่ออันคิดดูแล้ว จึงหิ้วถังพลาสติกมาอีกสองใบ ให้สองสาวบิดน้ำสกปรกใส่ในถัง พอเต็มแล้วถังหนึ่ง เขาก็หิ้วขึ้นไปที่ห้องเก็บของชั้นสอง หาเสื้อกันฝนตัวหนึ่งมาใส่ไว้ก่อน จากนั้นก็เปิดหน้าต่างห้องเก็บของแล้วเทน้ำสกปรกออกไปข้างนอก
พอเปิดหน้าต่าง ลมแรงก็พัดหยดน้ำฝนใหญ่เท่าเม็ดถั่วกระแทกทั่วหน้าของเขา ก่อนที่น้ำฝนจะเข้าผ่านคอเสื้อกันฝนเข้าไป
ตอนนี้ท้องฟ้าข้างนอกมืดสลัวไปทั้งผืน ถนนกลายเป็นแม่น้ำสายเล็ก บางครั้งมีรถยนต์คันสองคันขับแหวกผิวน้ำมา ดูแล้วเหมือนกำลังขับเรือ ต้นไม้เป็นทิวแถวสั่นไหวไปทางซ้ายขวา กระถางดอกไม้ที่วางอยู่บนดาดฟ้าของบ้านเก่าถูกลมพัดตกลงมาบนพื้นแตกเสียงดังเพล้ง
ลมฝนพัดแรงจนคนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น ดูท่าทางเปิดหน้าต่างเทน้ำครั้งต่อไปต้องใส่แว่นตากันลมแล้ว
เขาสาดน้ำสกปรกในถังออกไป แม้แต่ปิดหน้าต่างก็ยังเปลืองแรงมาก
สภาพอากาศข้างนอกย่ำแย่ขนาดนี้ แม่ของเสี่ยวฉินไช่จะมาได้ไหม?
ทุกคนต่างก็กำลังยุ่ง ลมฝนข้างนอกก็เสียงดัง เสี่ยวฉินไช่ทำการบ้านอย่างไม่สบายใจ ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ด้วย
พวกพนักงานร้านที่ตอนแรกไม่สนใจไต้ฝุ่นก็ค่อยๆ รู้สึกได้ถึงอานุภาพของไต้ฝุ่นแล้ว พวกเขาถูกขังอยู่ในร้าน ออกไปข้างนอกไม่ได้ แถมยังมีน้ำทะลักเข้ามาในร้านตลอด ไม่มีใครรู้ว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเท่าไรแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อการค้าขายของร้านขายสัตว์เลี้ยงและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหรือเปล่า
นี่เป็นเพียงชายขอบของไต้ฝุ่นเท่านั้น ถ้าเป็นพื้นที่ใจกลางไต้ฝุ่น ถึงบ้านเก่าถล่มลงมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ตอนที่จางจื่ออันกับพวกพนักงานร้านกำลังทำงานหัวหมุน พวกภูตสัตว์เลี้ยงที่หูไวกลับหันหน้าไปทางประตูกระจกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เฟยหม่าซือเตือนว่า “ข้างนอกมีคนกำลังทุบประตู”
เสียงลมฝนฟ้าร้องดังเกินไป พวกจางจื่ออันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ถึงได้ยินอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่าเป็นกิ่งไม้หรือขยะที่ถูกลมพัดมาชนประตู
“แม่!” เสี่ยวฉินไช่ทิ้งดินสอ แล้ววิ่งไปทางประตูกระจก พลางทุบประตูกระจกร้องเสียงแหลม
พวกพนักงานร้านขอคำแนะนำจากจางจื่ออัน เปิดประตูเรียกแม่ของเธอเข้ามาไหม?
จางจื่ออันโบกมือ “เสี่ยวฉินไช่ เธออย่าตะโกนเลย ข้างนอกไม่ได้ยินหรอก ต่อให้เธอตะโกนจนเสียงแหบก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราเปิดประตูไม่ได้ พอเปิดประตูแล้วน้ำจะทะลักเข้ามาข้างในหมด อย่าเปิดประตูล่ะ พวกนายรออยู่ที่นี่นะ”
เขากลับไปที่ชั้นสอง เข้าไปในห้องเก็บของอีกครั้ง ก่อนจะใส่เสื้อกันฝน เปิดหน้าต่าง แล้วยื่นหน้าออกไปข้างนอก
ห้องเก็บของเป็นทรงแคบยาว หน้าต่างจึงค่อนข้างแคบ คนเข้ามาเยอะก็ไม่มีประโยชน์ กลับจะเกะกะเสียด้วยซ้ำ
ที่หน้าประตูร้าน ผู้หญิงอายุสามสิบกว่าไม่ถึงสี่สิบปีกำลังทุบประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมกับร้องตะโกนเรียกชื่อของเสี่ยวฉินไช่เสียงดัง เธอไม่ได้สวมเสื้อกันฝน ตัวเปียกปอนไปทั้งตัวแล้ว เธอปล่อยผม และไม่ได้สวมรองเท้า
“เฮ้! ข้างบน! ตรงนี้!” จางจื่ออันตะโกนเสียงดัง
เพราะเธอเคาะประตูแล้วไม่ได้ผล จึงกังวลว่าตัวเองมาผิดที่หรือเปล่า ตอนกำลังคิดจะหาที่หลบฝนและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรฯ เธอก็ได้ยินเสียงของเขาดังมาจากข้างบน
เธอเงยหน้าก็เห็นจางจื่ออัน จึงชี้ประตูม้วนตะโกนเสียงดังว่า “เปิดประตู!”
จางจื่ออันโบกมือ แล้วชี้อู่หลิงเสินกวงที่จอดอยู่ใต้หน้าต่าง “ประตูปิดตายแล้ว! คุณปีนขึ้นไปบนหลังคารถ ผมจะดึงคุณเข้ามาทางหน้าต่างชั้นสอง!”
วลาดิเมียร์ก็มักจะใช้เส้นทางนี้ กระโดดขึ้นไปบนหลังคารถ แล้วค่อยกระโดดเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างชั้นสอง
เธอตะลึง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีเวลาให้อธิบายขยายความอีก และไม่มีเวลาถามคำถามด้วย เธอจึงเดินไปข้างๆ อู่หลิงเสินกวง ก่อนจะลองปีนขึ้นไปบนหลังคารถ
“ใช้อันนี้!”
จางจื่ออันโยนเก้าอี้พับได้ตัวหนึ่งจากหน้าต่างลงไปให้เธอ ให้เธอปีนเก้าอี้ขึ้นมาฝากระโปรงหน้า แล้วค่อยปีนขึ้นไปบนหลังคารถ
น้ำโคลนขุ่นๆ ท่วมทางเท้าแล้ว ราวกับเป็นแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ฉีดน้ำล้างบ้านและสิ่งสกปรกสองข้างถนน ถังขยะถูกพัดจนล้มลง ขยะลอยอยู่เกลื่อน แต่ขาเก้าอี้เหล็กพับได้รับแรงได้น้อยมาก เป็นเก้าอี้ที่แข็งแรงในทางกลศาสตร์ ตั้งอยู่ในน้ำโคลนแล้วนับว่ามั่นคง ไม่ได้ถูกน้ำซัดล้มลงได้ง่ายๆ
เธอไม่ได้ใส่รองเท้าพอดี จึงกางเก้าอี้ แล้วเหยียบขึ้นไปบนที่นั่ง แบบนี้ปีนขึ้นไปบนหลังคารถก็ค่อนข้างง่ายดาย
หลังจากปีนขึ้นไปถึงหลังคารถ ร่างกายผอมบางของเธอก็ถูกลมพัดจนเซเกือบล้ม
“ยื่นมือมา!”
จางจื่ออันยื่นตัวออกไป แล้วจับมือเธอที่ยื่นออกมา แต่ฝ่ามือของเขากับเธอเต็มไปด้วยน้ำฝน ทำให้มือลื่นมาก จับไม่อยู่เลยแม้แต่น้อย
เขาให้เธอรอสักครู่ แล้วหยิบถุงมือยางมาใส่ไว้ ก่อนโยนอีกข้างหนึ่งให้เธอใส่ด้วย คราวนี้มีแรงเสียดทานมากเธอ เขากลั้นใจครั้งหนึ่ง แล้วออกแรงดึงเธอขึ้นมาบนขอบหน้าต่าง
เธอก็จับขอบหน้าต่างยึดตัวไว้ แล้วใช้ขายันหน้าต่าง จนเข้ามาในบ้านได้ในที่สุด