Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1682 เล่นกล
ก่อนหน้านี้จางจื่ออันเคยเจอกับพ่อของสวี่จ้วงจ้วงแล้ว แม้จะไม่สนิทกัน แต่เห็นแล้วก็นึกขึ้นได้ทันที
เขาขี่จักรยานไฟฟ้าคันหนึ่งมา ผมถูกลมพัดพันกันยุ่งเหยิงเหมือนรังนก หรี่ตาอย่างสุดชีวิตแล้วแต่ก็ยังต้านทานฝุ่นได้ยาก เขาจอดรถไว้ที่ฝั่งตรงข้ามถนน และโบกมือเรียกสวี่จ้วงจ้วงที่อยู่ฝั่งนี้
สวี่จ้วงจ้วงยังทำเป็นตั้งใจอ่านหนังสือ ไม่ได้ยินเสียงตะโกนของพ่อ
“นี่! พ่อเธอมารับแน่ะ อย่ามาทำไก๋!” จางจื่ออันพูดอยู่ข้างๆ
สวี่จ้วงจ้วงถลึงตาใส่เขาอย่างแรงครั้งหนึ่ง
พ่อของสวี่จ้วงจ้วงเห็นลูกชายไม่ตอบสนอง จึงขี่จักรยานหลบรถที่ขับไปมาอย่างระมัดระวัง ก่อนข้ามถนนมาฝั่งนี้
“จ้วงจ้วง! จ้วงจ้วง! พ่อมาแล้ว รีบขึ้นรถกลับบ้าน!”
ในที่สุดสวี่จ้วงจ้วงก็เงยหน้าขึ้น แล้วหิ้วกระเป๋าหนังสือยืนขึ้นอย่างดีใจ “พ่อ! ทำไมพ่อเพิ่งมาล่ะ! ผมรออยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว!”
พ่อเห็นหนังสือเรียนในมือของเขา หางตาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา พึงพอใจกับท่าทางอ่านหนังสือรอของลูกชายมากอย่างเห็นได้ชัด
“ตอนนี้เดินทางลำบาก รถก็ติดมาก พ่อรีบมาเร็วที่สุดแล้ว…แม่เร่งมากเลยนะ พ่อก็ร้อนใจ…เอาล่ะ ขึ้นรถกลับบ้านกันเถอะ” พ่อของเขาตบเบาะหลัง
สวี่จ้วงจ้วงกลับทำเหมือนไม่รีบร้อน เขาเดินอ้อยอิ่งอย่างสบายใจ แถมเดินไปพลางยักคิ้วหลิ่วตามองซ้ายขวาไปด้วย ราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง
จางจื่ออันสังเกตเห็นว่า หลังจากเขาเปิดกระเป๋าหนังสือเมื่อครู่ ก็ไม่ได้ปิดกระเป๋าหนังสือ แต่เปิดอ้าเอาไว้ตลอด
หรือว่า…
เขาหมุนตัวกลับไปเรียกเฟยหม่าซือมา
เฟยหม่าซือไม่แน่ใจว่าเขาจะทำอะไร แต่ก็เดินมาที่หน้าร้านด้วยความสงสัย
อยู่ๆ ลมระลอกหนึ่งก็พัดมาอย่างแรง แรงกว่าก่อนหน้านี้มากทีเดียว
สวี่จ้วงจ้วงตาเป็นประกาย นัยน์ตามีแสงสว่างแห่งความตื่นเต้นวาบผ่าน เขาทำท่าทางอยากปิดตา แล้วยกมือข้างที่ถือกระเป๋าหนังสือขึ้นมาปะทะกับลมแรง จากนั้นก็ทำเป็นปล่อยมือเพราะลมแรงเกินไป
พรวด!
กระเป๋าหนังสือของเขาถูกลมพัดกลิ้งอยู่บนพื้น สมุดการบ้านและหนังสือแบบฝึกหัดต่างๆ ในกระเป๋าหนังสือปลิวออกมาหมด เห็นกับตาว่าจะถูกลมพัดไปไกลแล้ว
“อ๊า! การบ้านของผม!” สวี่จ้วงจ้วงทำเป็นร้องอย่างเจ็บปวดใจ แต่มุมปากกลับเผยความเบิกบานออกมา
เพราะได้เลิกเรียนก่อนครึ่งวัน ขณะเดียวกันเพื่อป้องกันไม่ให้พวกนักเรียนเถลไถลอยู่ข้างนอกไม่ยอมกลับบ้าน พวกคุณครูจึงสั่งการบ้านไว้เยอะมาก ทำให้พวกนักเรียนบ่นไม่หยุด ตอนเด็กนักเรียนคนอื่นเดินผ่านหน้าร้าน จางจื่ออันก็ได้ยินพวกเขาบ่นเหมือนกัน
คิดไม่ถึงว่าสวี่จ้วงจ้วงจะคิดพิเรนทร์ใช้ไต้ฝุ่นเป็นเครื่องมือ ทำเป็นถือโอกาสทบทวนบทเรียน แต่ความจริงแล้วจุดประสงค์ที่แท้จริงคือให้ลมพัดการบ้านปลิวไปทั้งหมด และอยู่ต่อหน้าพ่อพอดี ทำแบบนี้เขาก็มีเหตุผลพูดได้เต็มปากเต็มทำ ทีนี้คงได้เล่นสนุกทั้งบ่ายและทั้งเย็น ถ้ามะรืนยังไปโรงเรียนไม่ได้ เขาก็อาจจะได้เล่นสนุกอย่างเต็มที่อีกหลายวัน
คุณบอกว่าเขาฉลาด แต่ผลการเรียนเขาต่ำที่สุด…คุณบอกว่าเขาโง่ แต่ความคิดพิเรนทร์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กประถมทั่วไปจะคิดได้จริงๆ
พ่อของเขาทิ้งจักรยานไฟฟ้า แล้วโบกมืออยากจะคว้าหนังสือแบบฝึกหัดเอาไว้ด้วยความร้อนใจ แต่ลมแรงเกินไป หนังสือแบบฝึกหัดจึงถูกลมพัดขึ้นสูงในพริบตา
ตอนนี้เอง เงาร่างแข็งแรงสีขาวน้ำตาลสายหนึ่งก็กระโดดข้ามหัวเขาไปอย่างว่องไว คาบหนังสือแบบฝึกหัดที่ถูกลมพัดอยู่ระหว่างหลังคาบ้านมาได้อย่างแม่นยำ
พอพ่อของเขามองให้ชัดๆ ที่แท้ก็เป็นเยอรมันเชพเพิร์ดตัวหนึ่งที่พุ่งออกมาจากร้านขายสัตว์เลี้ยง
ขากรรไกรล่างของเฟยหม่าซือไม่ได้ออกแรงมากเกินไป เพื่อไม่ให้กัดหนังสือแบบฝึกหัดทะลุ
“แกว๊กๆ! ข้าก็มาช่วยด้วย!”
ริชาร์ดตีปีกบินสูงขึ้น พยายามต้านกำลังลม แล้วคาบสมุดการบ้านเอาไว้ ปกติไม่เห็นมันกระตือรือร้นขนาดนี้เลย
จางจื่ออันรับหนังสือแบบฝึกหัดและสมุดการบ้านมาจากปากของพวกมัน แล้วเก็บกระเป๋าหนังสือขึ้นมาแทนสวี่จ้วงจ้วง ก่อนจะพูดพร้อมหัวเราะว่า “เกือบถูกพัดปลิวไปแล้วแน่ะ”
“โอ้! ขอบคุณมากเลย! ขอบคุณคุณมากจริงๆ!” พ่อของสวี่จ้วงจ้วงดีใจมาก จากนั้นก็ตีท้ายทอยของสวี่จ้วงจ้วงดังป้าบครั้งหนึ่ง “ไอ้ลูกคนนี้เหม่ออะไร รีบขอบคุณเขาสิ! ถ้าไม่ได้เขา ลูกคงทำการบ้านไม่ได้แล้ว!”
สวี่จ้วงจ้วงหน้าเขียวปั้ด ถลึงตาใส่เฟยหม่าซือราวกับมองศัตรูฆ่าพ่อ
“เสี่ยวฉินไช่ ช่วยฉันหยิบเทปกาวจากในร้านมาหน่อย ลมแรงขนาดนี้ พวกเราช่วยสวี่จ้วงจ้วงพันกระเป๋าหนังสือไว้ให้แน่นๆ ดีกว่า อย่าให้การบ้านของเขาปลิวไปอีก” จางจื่ออันยิ้มพร้อมกับเรียกเสี่ยวฉินไช่
เสี่ยวฉินไช่ตอบตกลง ไม่นานก็นำเทปกาวมา ช่วยจางจื่ออันพันกระเป๋าหนังสือของสวี่จ้วงจ้วงไว้รอบหนึ่ง
“ลมแรงมาก คุณช่วยเขาถือเถอะครับ” จางจื่ออันส่งกระเป๋าหนังสือให้พ่อของสวี่จ้วงจ้วงด้วยสีหน้าจริงจัง
“ได้ ผมจะช่วยเขาถือเอง เด็กไม่เอาไหนคนนี้ แม้แต่กระเป๋าหนังสือก็ถือเอาไว้ไม่ได้ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงเชียว!”
“ไว้เจอกันใหม่นะสวี่จ้วงจ้วง ครั้งหน้ามีโอกาสก็มาเล่นกันอีกนะ แล้วก็…เธอควรจะลดน้ำหนักได้แล้วนะ” จางจื่ออันยิ้มพร้อมกับโบกมือลา
“ลูกไม่เอาไหน บอกลาคุณอาสิ!”
พ่อของเขาทั้งดึง ทั้งลากสวี่จ้วงจ้วงที่อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไปที่เบาะหลัง
จนกระทั่งจักรยานไฟฟ้าไกลออกไปแล้ว จางจื่ออันยังได้ยินสวี่จ้วงจ้วงบ่นว่าหนังสือแบบฝึกหัดเปื้อนน้ำลายสุนัขกับอึนกอีก แต่พ่อของเขาไม่ผ่อนผันเรื่องทำการบ้านอย่างแน่นอน
“พี่ชายเจ้าของร้านคะ เขาจงใจทิ้งการบ้านใช่ไหม?” เสี่ยวฉินไช่ไร้เดียงสาแต่ไม่ได้โง่ คาดเดาเงื่อนงำได้จากท่าทางและการกระทำของจางจื่ออันแล้ว
“แน่นอนเลยล่ะ เด็กคนนี้พยายามอย่างสุดชีวิต จะได้ไม่ต้องทำการบ้าน” จางจื่ออันพูด
เสี่ยวฉินไช่พยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก และไม่คิดจะฟ้องคุณครูด้วย แต่เมื่อครู่เธอเห็นมีคนมารับสวี่จ้วงจ้วงกลับบ้าน แววตาก็แอบฉายแววอิจฉาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว แล้วฝนก็ตกลงมาทันที
ตอนนี้เอง พวกพนักงานร้านกลับมาจากบ้านเช่าที่อยู่ในหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามแล้ว พวกเขาไม่ได้กางร่ม จึงตัวเปียกปอนไปหมด เพราะลมแรงขนาดนี้ ถึงกางร่มไปก็ไม่มีประโยชน์
พวกเขาปิดตายหน้าต่างบ้านเช่าของหลู่อี๋อวิ๋นกับเจี่ยงเฟยเฟยด้วยเทปกาวแล้ว ทั้งยังย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ย้ายได้ไปไว้บนเตียงและบนโต๊ะ แล้วใช้ถุงพลาสติกพันอุปกรณ์ดิจิตัลชิ้นเล็กๆ เอาไว้ แถมยังใส่สิ่งของสำคัญอย่างสมุดบัญชีธนาคารไว้ในถุงซิปล็อกและพกติดตัวมาด้วย
เพิ่งผ่านตอนกลางวันไปแท้ๆ แต่ท้องฟ้ากลับมืดขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับตอนเย็นเลยทีเดียว
ลมแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โลกส่งเสียงคำรามเหมือนผี โหยหวนเหมือนเทพ ยืนพูดอยู่ไกลออกไปหน่อยก็ฟังไม่รู้เรื่องแล้ว ในหูมีแต่เสียงลมโหยหวนและเสียงหยดน้ำฝนดังเปาะแปะ
คนเดินถนนและรถราลดน้อยลงไปมาก คนที่กลับบ้านไม่ทันก็หลบอยู่แถวนี้ เดินเตร่อยู่ท่ามกลางอากาศแบบนี้อันตรายเกินไป เสียงกระจกถูกพัดกระแทกบนพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
จางจื่ออันให้พวกพนักงานร้านดึงประตูม้วนชั้นล่างลงมา แล้วใช้เทปกาวติดประตูกระจกเอาไว้ ส่วนตัวเขาขึ้นไปบนชั้นสอง แล้วปล่อยบานเกล็ดที่ช่างเชื่อมจ้าวและช่างไฟฟ้าอู๋ทำให้ลงมา
“เจี๊ยกๆ?”
อานุภาพของธรรมชาติทำให้พายอกสั่นขวัญแขวนและกระวนกระวาย พอเห็นจางจื่ออันขึ้นมาข้างบน มันก็รีบทำมือสอบถามสถานการณ์จากเขา
จางจื่ออันกำลังคิดจะห้ามไม่ให้มันนั่งริมหน้าต่าง เพื่อกันไม่ให้กระจกถูกลมพัดแตกมาถูกมัน แต่พอได้ยินเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวเหนือหัว สั่นสะเทือนจนเกิดเสียงสะท้อนดังหึ่งๆ ขึ้นในหู ฉับพลันนั้นตรงหน้าก็มืดสนิท มองไม่เห็นอะไรอีก
ไฟดับแล้ว