Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1669 รวมพล
ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้
อาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของเครือข่ายฝานซิง
ตั้งแต่เช้า พวกพนักงานที่ขับรถมาทำงานก็สังเกตเห็นว่ามีรถแปลกหน้าทยอยขับเข้ามาในลานจอดรถชั้นใต้ดินของอาคารสำนักงานใหญ่ เนื่องจากทั้งอาคารและทั้งลานจอดรถชั้นใต้ดินล้วนเป็นของเครือข่ายฝานซิง หากจะเข้าไปในลานจอดรถต้องแสดงเอกสารรับรองของพนักงาน ดังนั้นเจ้าของรถที่มาจากข้างนอกพวกนี้ต้องมีเอกสารรับรองเข้ามาเยี่ยมเยือนชั่วคราว
รถพวกนี้มียี่ห้อแตกต่างกัน ตั้งแต่โรลส์รอยซ์ ไปจนถึงบีวายดี ตั้งแต่เฟอร์รารี ไปจนถึงบีเอ็มดับเบิลยูมินิ ทั้งยังมีซานตานา 2000 เก่าแก่คันหนึ่ง พวกพนักงานเห็นแล้วก็งุนงง ถ้าเป็นบริษัทมาคุยธุรกิจ ก็จะมีรถธุรกิจของบริษัทรับผิดชอบรับส่ง ถึงตัวเองขับรถมาเอง คิดถึงการร่วมมือระดับธุรกิจ ก็ควรจะขับรถที่ค่อนข้างมั่นคงเหมาะกับสถานะทางธุรกิจสักหน่อย แต่รถพวกนี้มีหลายยี่ห้อมากเกินไปแล้ว
พวกเจ้าของรถยิ่งลึกลับเข้าไปใหญ่ หลังจากลงรถก็ไม่ได้ขึ้นลิฟต์ธรรมดาหรือลิฟต์พนักงาน แต่เข้าไปในอาคารสำนักงานผ่านลิฟต์ที่ใช้สำหรับแขกผู้มีเกียรติโดยเฉพาะ ขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของตึกระฟ้า และที่อยู่ชั้นบนสุดคือห้องทำงานระดับสูงที่สุดและห้องประชุมอันแสนหรูหรา
ข่าวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว พวกพนักงานหลายคนชอบซุบซิบนินทา จึงพูดคุยเรื่องคนแปลกหน้าลึกลับพวกนี้กันทั้งวัน
คนที่ปกติชอบเอาหน้าทำท่าลับๆ ล่อๆ เปิดเผยข่าวลือ บอกว่าคนแปลกๆ พวกนี้ล้วนเป็นซินแสดูฮวงจุ้ยและคนประหลาดที่ประธานเชิญมา พวกคนที่มีความสามารถทางด้านฮวงจุ้ย กำลังเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของบริษัท
มีคนซุบซิบกันว่าอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทมีฮวงจุ้ยไม่ค่อยดี ไม่ชงก็ดูดโชคดี หลังจากย้ายเข้ามาก็มีแต่เกิดเรื่องขึ้น มีพนักงานที่ทำยอดขายไม่เข้าเป้ากระโดดตึกตาย บางครั้งก็มีน้ำรั่วและไฟไหม้ ช่วงนี้ยังยุ่งวุ่นวายเพราะเข้าไปพัวพันกับอาหารสุนัขเล็กซี่อีก งานที่ออกสู่ท้องตลาดก็มีแต่อุปสรรค…ไม่ว่าก่อนหน้านี้พนักงานทุกคนอยู่ที่หน่วยงานไหน ตอนนี้ก็ควบตำแหน่งประชาสัมพันธ์แล้ว ต่างก็ยุ่งอยู่กับการโพสต์โฆษณาบนอินเทอร์เน็ตหรือใช้เงินเชิญสถานีโทรทัศน์มาช่วยวิพากษ์วิจารณ์
พนักงานที่เชื่อเรื่องงมงายก็เชื่อจริงๆ ส่วนพนักงานที่ไม่เชื่องมงายกลับย่นจมูก บอกว่าบริษัทไหนไม่มีคนกระโดดตึกตายบ้าง? อาคารสำนักงานสูงๆ ทุกอาคารในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้มีวิญญาณอาฆาตตายจากการถูกกลั่นแกล้งวนเวียนอยู่ทั้งนั้น คนที่จิตใจอ่อนแอรับความกดดันจากงานไม่ได้ เปลี่ยนไปอยู่บริษัทอื่นแล้วก็จะกระโดดตึกตามเดิม ถึงไม่กระโดดตึกก็มีวิธีฆ่าตัวตายอย่างอื่นอีกมากมาย…ส่วนคนแปลกๆ พวกนั้นมาทำอะไร เกี่ยวอะไรกับพนักงานระดับล่างอย่างพวกเขาล่ะ? ทำงานเสียดีๆ เถอะ!
แน่นอนว่าพวกซุปเปอร์ไวเซอร์ระดับกลางปล่อยให้พวกพนักงานพูดเรื่องที่ไม่มีหลักฐานพวกนี้ไม่ได้ จึงตำหนิพนักงานสองสามคนที่พูดคุยกันออกรสออกชาติที่สุด ในที่สุดก็เหยียบข่าวลือไม่มีมูลเอาไว้ได้ ความจริงแล้วพวกซุปเปอร์ไวเซอร์ระดับกลางก็อยากรู้เหมือนกัน จึงลองสอบถามกันเป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจ
ซุปเปอร์ไวเซอร์ระดับกลางบางส่วนทนไม่ไหว พูดกับซุปเปอร์ไวเซอร์ระดับสูงที่สนิทสนมกันตรงๆ แต่พวกซุปเปอร์ไวเซอร์ระดับสูงก็ไม่แน่ใจเช่นกัน รู้แค่ว่าเป็นคนที่ประธานเชิญมาเพราะชื่อเสียง สรุปแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ทำงานให้ดีๆ ไม่ต้องสนใจเรื่องของชาวบ้านมาก
ณ ห้องประชุมชั้นบนสุด
คนที่ถูกพวกพนักงานเรียกว่าคนแปลกพวกนี้ พอเข้ามาในห้องประชุมแล้วก็นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับทุกคนเตรียมใจเอาไว้แล้ว
ในบรรดาคนแปลกมีทั้งชายและหญิง ไม่ได้มีแค่คนจีน ยังมีชาวต่างชาติจมูกโด่งและนัยน์ตาโหลลึกด้วย ต่างก็สวมเสื้อผ้าแตกต่างกันไป นอกจากชุดสูทและชุดไปรเวทแล้ว ยังมีคนสวมชุมประจำเผ่าด้วย ราวกับเป็นสหประชาชาติขนาดย่อม
บนโต๊ะประชุมรูปวงรีมีน้ำผลไม้และน้ำดื่มราคาแพงวางเอาไว้ และยังเตรียมล่ามพร้อมให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้อย่างเอาใจใส่ เพื่อให้พวกเขาที่พูดคนละภาษากันสื่อสารได้สะดวก
แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
บางคนส่องกระจกขนาดเล็กกำลังแต่งหน้า บางคนมองนาฬิกาอยู่บ่อยครั้ง บางคนสูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่าราวกับมองไม่เห็นป้ายห้ามสูบบนผนัง และบางคนก็บิดฝาขวดเหล้าขนาดเล็กที่พกติดตัวมาด้วย ก่อนจะเงยหน้าเทเหล้าวอดก้าของรัสเซียลงไปอึกหนึ่ง…บรรยากาศเงียบเชียนจนน่ากลัว ราวกับจะมีการต่อสู้ปะทุขึ้นมาได้ตลอดเวลา
ตอนที่พวกเขามาถึงตึกระฟ้าก็เป็นจังหวะต่างกัน เพื่อให้ทุกคนได้ขึ้นลิฟต์ของแขกผู้มีเกียรติเพียงลำพัง ดังนั้นตอนที่พวกเขาเข้ามาในห้องประชุมก็มีทั้งคนที่มาก่อนและคนที่หลังมา คนที่เข้ามาคนแรกก็น่าจะเมื่อสิบห้านาทีก่อน และดูท่าทางไม่มีคนมาอีกแล้ว ทว่านายจ้างกลับยังไม่ปรากฏตัว
คนที่ใจร้อนที่สุดก่นด่าขึ้นมาครั้งหนึ่ง ผลักเก้าอี้ยืนขึ้นเสียงดังโครม ดูท่าทางไม่คิดจะรอต่อไปแล้ว
ตอนนี้เอง ประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
หลี่หย่วนเฟยที่เป็นนายจ้างจ้องคนคนนั้น แล้วพูดขึ้นเรียบๆ ว่า “ในเมื่อมากันครบแล้ว อย่างน้อยก็ปรึกษาหาผลสรุปก่อนค่อยไป”
พอพูดจบ เขาก็ปิดประตู และนั่งตรงตำแหน่งประตู
คนคนนั้นร้องเฮอะครั้งหนึ่ง แล้วนั่งลงอีกครั้ง
ไม่ว่าคนที่แต่งหน้าหรือสูบบุหรี่ ทุกคนวางสิ่งของในมือลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย บรรยากาศก็ดูจะเคร่งเครียดขึ้นทันตา
หลี่หย่วนเฟยกวาดตามองทุกคนครั้งหนึ่ง เขาไม่เพียงมองคนที่อยู่ตรงนี้ ยังมองภูตสัตว์เลี้ยงต่างๆ พวกนั้นที่อยู่ในสภาพพรางตัวข้างๆ พวกเขาด้วย ไม่ได้มีแค่สัตว์เลี้ยงประเภทสัตว์ปีกที่พบเห็นได้ง่าย ยังมีสัตว์เลี้ยงประเภทแมลง สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์หายากอื่นๆ
“มีอะไรก็รีบพูดเถอะ พวกเราไม่ว่างมานั่งเสียเวลาอยู่ตรงนี้นะ!” ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนหนึ่งโวยวาย
ผู้ชายในชุดคลุมสีขาวรูปร่างอ้วนเตี้ยคนหนึ่งตบโต๊ะอย่างแรง ก่อนจะพูดด้วยความโมโห “หุบปาก! ไม่อยู่ต่อก็ไสหัวไป! ที่นี่จะได้เงียบลงสักที!”
ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เพียงไม่หุบปาก กลับพูดเหน็บว่า “ให้ผมหุบปากเหรอ คุณมีสิทธิ์พูดเหรอ ทุกคนดูสิ คิดไม่ถึงว่าหมาขี้แพ้ที่เสียภูตสัตว์เลี้ยงไปอย่างนี้ยังมีหน้าเข้ามาอีก ถ้าเป็นผมนะ ผมเอาหัวโขกผนังตายไปแล้ว!”
คำพูดของเขาถูกเครื่องแปลพร้อมแปลให้ชายในชุดคลุมสีขาวฟัง เครื่องแปลถ่ายทอดน้ำเสียงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็พูดความหมายโดยรวมออกมาได้อย่างชัดเจน ความจริงน้ำเสียงของคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็อธิบายทุกอย่างหมดแล้ว
ชายในชุคคลุมสีขาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาถกแขนเสื้อคิดจะไปต่อยคนนั้น แต่พอเห็นสายตาดุร้ายของงูจงอางขาวที่อยู่ข้างๆ ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาก็ต้องยอมแพ้ไปในทันที
แม้คนอื่นๆ จะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่มองไปทางชายในชุมคลุมสีขาวก็เปี่ยมด้วยความเหยียดหยาม ไม่ต่างกับคำพูดของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดไม่ถึงว่าขี้แพ้ชวนตีอย่างชายในชุดคลุมสีขาวจะเข้าร่วมด้วย หน้าคงจะหนาในระดับหนึ่งทีเดียว
ชายในชุดคลุมสีขาวหน้าแดง กำปั้นข้างหนึ่งทุบลงโต๊ะระบายความโกรธ ก่อนจะนั่งลงอีกครั้งด้วยความเดือดดาล เขาเสียแมวชื่อว่าเอเมียร์อันเป็นที่รักไปในป่าเรดวูด ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่หย่วนเฟยใช้เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวพาเขาออกมาจากป่าในคืนนั้น ตอนนี้เขาคงจะติดร่างแหของหลี่ผีเท่อไปแล้ว และคงจะกินข้าวแดงอยู่ในคุกที่อเมริกา
ส่วนอาจารย์ของเขาก็หมดกำลังใจไปเพราะสูญเสียแมวสุดที่รักชื่อว่าซาเมียลไป เสียอกเสียใจยกใหญ่ กลับประเทศไปพักฟื้นแล้ว เกรงว่าชีวิตนี้คงจะไม่ออกจากทะเลทรายอีก
เขาไม่ยอมแพ้ไปทั้งแบบนี้ จึงตามหลี่หย่วนเฟยมาที่ประเทศจีน วางแผนหาโอกาสหวนกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง
ทุกคนในที่นี่ล้วนหัวเราะเยาะผู้พ่ายแพ้ราบคาบ แต่ก็ยังไม่วายเตือนตัวเองไว้ ให้ความผิดพลาดก่อนของชายในชุดคลุมสีขาวเป็นบทเรียน ไม่อย่างนั้นที่จะถูกหัวเราะเยาะรายต่อไปคงจะเป็นตัวเอง