Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1646 ทรุด
ตอนกลางวัน หลายคนกลับบ้านไปกินข้าวแล้ว คนเดินถนนจึงบางตาลงไปมาก นอกจากลูกค้าสองสามคนสุดท้ายแล้ว ก็มีแค่คนเดินถนนประปรายที่หยุดมองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่พอรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกเขาก็จากไป
ในบรรดาลูกค้ามีคนที่รู้จักคุ้นเคยกับจางจื่ออันอยู่ พวกเขาไม่แน่ใจว่าจางจื่ออันมีความสัมพันธ์อะไรกับช่างเชื่อมจ้าว คิดว่าช่างเชื่อมจ้าวเป็นคนงานที่จางจื่ออันจ้างมา จึงเตือนเขาด้วยเจตนาดี “เจ้าของร้านจาง นี่คงไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงใช่ไหมคะ?”
ผู้คนสับสนมาก แต่พวกเขาก็เตือนด้วยเจตนาดี
อันดับแรก ช่างเชื่อมจ้าวไม่ได้โกหกหลอกลวง อาจจะมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยทุกคนก็รู้ดี แต่เขาไม่เหมือนคนที่จะทำเรื่องแบบนั้น ถ้าฝีมือการแสดงของเขาทำได้ถึงขั้นนั้น ก็คงใช้การหลอกลวงให้เป็นประโยชน์ไปแล้ว
เขาหน้าซีดเผือดและเหงื่อไหลออกไม่หยุด ไม่ใช่การแสดงแน่นอน
ช่างไฟฟ้าอู๋ก็ร้อนใจมาก ร้อนใจจนเหงื่อแตกเต็มหน้าแล้ว
จางจื่ออันเดินไปนั่งยองๆ ข้างช่างเชื่อมจ้าว แล้วถามว่า “คุณลุงจ้าว เป็นยังไงบ้างครับ ต้องส่งไปโรงพยาบาลไหม หรือให้ผมช่วยเรียกรถพยาบาลให้ไหมครับ”
ช่างเชื่อมจ้าวกัดฟันแน่น ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเปลืองแรง
ที่จางจื่ออันกังวลที่สุดคือโรคหัวใจของเขากำเริบ แต่พอตรวจสอบแล้ว พบว่าเขาไม่ได้ใช้มือกุมหน้าอกหรือตรงหัวใจ อย่างนั้นน่าจะไม่ใช่อาการป่วยที่ร้ายแรงมาก
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ความทรมานเหมือนจะคลายลงบ้างแล้ว ช่างเชื่อมจ้าวจึงพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ไม่เป็นไร…ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเรียกรถพยาบาล…ฉันอาจจะเป็นไข้แดด ให้ฉันนั่งพักสักหน่อยก็หายแล้ว…”
ไข้แดดเหรอ?
เมื่อวานมีลม วันนี้ไม่มีลม อากาศก็อบอ้าวเล็กน้อย บวกกับช่างเชื่อมจ้าวและช่างเชื่อมอู๋สวมชุดทำงานผ้าใบแขนยาวขายาว ทำงานไปมาขึ้นลงบนหลังคากับพื้น เลื่อยไม้ ขนวัสดุต่างๆ ถ้าบอกว่าเป็นไข้แดดก็มีความเป็นไปได้
ชุดทำงานด้านหลังของคุณลุงสองคนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว หลังของช่างเชื่อมจ้าวแทบจะชุ่มเหงื่อทั้งแผ่น แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเหงื่อจากการทำงานสักกี่ส่วน และมีเหงือที่ออกมาจากอาการทรุดสักกี่ส่วน
ถึงเป็นช่วงปลายฤดูร้อนแล้ว แต่เป็นไข้แดดก็เป็นเรื่องธรรมดา จางจื่ออันจึงให้หวางเฉียนไปซื้อยาหอมมาจากร้านขายยาแถวนี้สักหน่อย
นอกจากอาจจะเป็นไข้แดดแล้ว สถานการณ์แบบนี้ยังเหมือนน้ำตาลในเลือดต่ำกะทันหัน จางจื่ออันเห็นช่างเชื่อมจ้าวอาการคงที่แล้ว จึงแอบกวักมือเรียกช่างไฟฟ้าอู๋มาข้างๆ
“คุณลุงอู๋ ช่างเชื่อมจ้าวมีโรคเบาหวานหรือเปล่าครับ” จางจื่ออันถามเสียงเบา
“ไม่มีนะ”
ช่างไฟฟ้าอู๋ส่ายหน้าอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม
พวกเขาสองคนเป็นเพื่อนเก่า เป็นเพื่อนร่วมงานเก่า ครอบครัวของทั้งสองบ้านรู้จักคุ้นเคยกันดี โรคที่ไม่นับว่ายากจะจัดการแบบโรคเบาหวาน พอเป็นขึ้นมาแล้วก็เก็บเป็นความลับไม่ได้ จางจื่ออันเชื่อช่างไฟฟ้าอู๋ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ช่างเชื่อมจ้าวเป็นโรคเบาหวานแล้วไม่รู้ตัว
“งั้นช่วงนี้เขาตรวจสุขภาพบ้างไหมครับ” จางจื่ออันถามอีก
“ช่วงเดือนมีนาฯ เคยเข้าตรวจสุขภาพของพนักงานปลดเกษียณ” ช่างไฟฟ้าอู๋ตอบ
ช่วงเดือนมีนาคม นี่ก็ครึ่งปีแล้วนะ
“ผลตรวจสุขภาพเป็นยังไงครับ ทุกอย่างปกติไหม” จางจื่ออันถาม
ช่างไฟฟ้าอู๋ยิ้มเจื่อน “พวกเราเป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว มีร่างกายใครไม่ผิดปกติบ้างล่ะ? สามสูง* อะไรนั่นไม่ต้องพูดแล้ว แทบจะมีกันทุกคน ขอแค่ไม่ตรวจเจอมะเร็ง ความจริงแล้วโรคเล็กน้อยแบบนี้ไม่มีใครเห็นเป็นเรื่องใหญ่หรอก ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่ม ถึงแม้ต้องงดอาหารนั่นนี่ แล้วจะอยู่ได้อีกกี่ปี”
คำพูดนี้ก็ถูกต้อง มีคนแก่ปลดเกษียณอายุหกสิบถึงเจ็ดสิบปีแข็งแรงทุกอย่างสักกี่คนเชียว? เชื่อว่าในหนึ่งร้อยคนคงไม่มีสักคน
อย่าว่าแต่วัยกลางคนเลย สมัยนี้ถึงเป็นวัยรุ่นอายุยี่สิบสามสิบปี จะมีสักกี่คนที่กล้าพูดว่าตัวเองแข็งแรงทุกอย่าง?
“งั้นคุณคิดว่าช่างเชื่อมจ้าวเป็นไข้แดดเหรอครับ?” จางจื่ออันขอความเห็นจากเขา
ช่างไฟฟ้าอู๋ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “จริงๆ เหล่าจ้าวแข็งแรงมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ไม่เคยได้ยินว่าเขาเป็นไข้แดดนะ แต่ถึงยังไงก็หลายปีมาแล้ว เทียบกับตอนเป็นหนุ่มไม่ได้ เธอว่าไหมล่ะ? ฉันเองก็เคยเป็นไข้แดด คล้ายกับอาการตอนนี้เลย โลกหมุน ขาก็อ่อนจนทรุดลงกับพื้น”
จางจื่ออันครุ่นคิด ไม่ได้พูดต่อ
ตอนนี้เอง หวางเฉียนก็ซื้อยาหอมจากร้านขายยาวิ่งกลับมาแล้ว
ช่างไฟฟ้าอู๋ขอบคุณไม่หยุด แล้วเดินกลับไปประคองช่างเชื่อมจ้าวให้ดื่มยา
จางจื่ออันให้หลู่อี๋อวิ๋นชงน้ำหวานแก้วหนึ่ง แล้วให้ช่างเชื่อมจ้าวดื่มเข้าไปด้วยกัน หนึ่งคือเพื่อล้างรสชาติขมของยาหอม สองคือเพื่อหยุดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
ช่างเชื่อมจ้าวพักผ่อนอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง อาการเหมือนจะทุเลาลงบ้างแล้ว จึงพยายามยืนขึ้นทำงานต่อ
“ฉันไม่เป็นไร ฮ่าๆ ยานี่ใช้ได้ทีเดียว…รีบทำงานให้เสร็จ พวกเรายังต้องไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารด้วยนะ…” ช่างเชื่อมจ้าวเพิ่งยืนขึ้นมาก็โคลงเคลงเล็กน้อย ดีที่ช่างไฟฟ้าอู๋อยู่ข้างๆ จึงประคองเขาไว้ได้ทัน
ช่างไฟฟ้าอู๋บ่นว่า “เหล่าจ้าว! ทำงานไว้อีกวันสองวันก็ได้ วันนี้กลับไปพักก่อนเถอะ ให้ซ้อทำข้าวต้มให้กินสักหม้อ แล้วก็อย่าไปกินอาหารน้ำมันเยิ้มพวกนั้นให้มาก เอาเหล้าสองขวดไปนายก็ไม่เสียเปรียบแล้ว!”
จางจื่ออันให้ทำงานต่อวันนี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ใครจะรับผิดชอบไหวล่ะ?
ช่างเชื่อมจ้าวกลับอวดเบ่งสุดแรง บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว อาจจะเป็นเพราะหิว ไม่ไหวจริงๆ ก็กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปทำงานต่อให้เสร็จ
เฟยหม่าซือก็เบียดมาดูความวุ่นวายหน้าร้าน มันจมูกไว ตอนนี้ได้กลิ่นเหม็นส่งมาจางๆ จึงเดินเข้าไปใกล้ตัวช่างเชื่อมจ้าว
ช่างเชื่อมจ้าวตัวไม่สูง ตอนปล่อยแขนลงมา ฝ่ามือก็เกือบจะเท่าระดับความสูงของหัวเฟยหม่าซือ
เฟยหม่าซือดมอย่างละเอียด ในที่สุดก็รู้ว่าต้นกำเนิดกลิ่นมาจากฝ่ามือข้างหนึ่งของช่างเชื่อมจ้าวจริงๆ
มันเรียกจางจื่ออันไปด้านหนึ่ง ก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองค้นพบเสียงเบา
“อะไรนะ มีกลิ่นเน่าเหรอ” จางจื่ออันได้ยินแล้วก็ตะลึง “นายจะบอกว่ามือของช่างเชื่อมจ้าวกำลังเน่าเหรอ”
“ไม่ใช่ ความหมายของฉันคือ บนมือของเขามีกลิ่นเน่าโชยมาจริงๆ แต่กลิ่นจางมาก น่าจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่กำลังเริ่มเน่า”
“งั้นก็ร้ายแรงมากสิ!”
จางจื่ออันฟังแล้วเย็นสันหลังวาบ แบบนี้ก็อธิบายอาการป่วยอย่างกะทันหันของช่างเชื่อมจ้าวได้แล้ว ฝ่ามือเริ่มเน่าก็หมายความว่าเส้นเลือดขาวกำลังพยายามต่อต้านแบคทีเรียและไวรัส อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบ
เขาไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว สาวเท้าไปข้างๆ ช่างเชื่อมจ้าว คว้าฝ่ามือสองข้างของช่างเชื่อมจ้าวขึ้นมาถามว่า “คุณจ้าว มือข้างไหนของคุณได้รับบาดเจ็บ ใช่ที่โดนข่วนเมื่อวานหรือเปล่า”
ไม่รอให้ช่างเชื่อมจ้าวตอบ จางจื่ออันก็ดึงถุงมือป้องกันของเขาออกทั้งสองข้างแล้ว จึงเห็นพลาสเตอร์ยาบนฝ่ามือขวาของเขาชิ้นหนึ่ง
จางจื่ออันดึงขอบพลาสเตอร์ออกเล็กน้อย ก่อนดึงออกแรงๆ ดังพรวด ช่างเชื่อมจ้าวเจ็บจนต้องเบะปาก เจ็บจนเหงื่อออกเต็มไปหมด
“เบาหน่อย! เบาหน่อย! ไอ้หนุ่มจาง เธอทำอะไรของเธอ?”
ช่างเชื่อมจ้าวอยากดึงมือกลับมา แต่ข้อมือถูกจางจื่ออันจับเอาไว้แน่น
จางจื่ออันก็มองเห็นแผลปรากฏสีดำรางๆ แล้ว
*สามสูง ประกอบไปด้วย ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง และคลอเรสเตอรอลสูง