Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1610 ธรรมชาติของหมาป่า
มีเฟยหม่าซือนำทางอยู่ข้างหน้า จางจื่ออันไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะหลงทาง แค่ใช้กล้องส่องวัตถุในตอนกลางคืนเพ่งมองพื้นอย่างเดียวก็ไม่เป็นอันทำอย่างอื่นแล้ว เผลอนิดหน่อยก็อาจจะถูกกิ่งไม้หรือหญ้ารกพันเข้า
เขาทั้งนึกถึงฟราเทอร์ ทั้งเป็นห่วงฟีน่า รู้สึกว่าทางฝั่งตัวเองเหมือนถูกมือล่องหนข้างหนึ่งดึงออกจากกัน นี่ไม่ใช่เรื่องดี นิ้วมือต้องกำหมัดถึงจะมีแรง แต่ตอนนี้กลับเหนื่อยล้าจากการวิ่งเต้น
ไม่รู้เดินซวนเซมาไกลเท่าไร จางจื่ออันมองผ่านกล้องส่องวัตถุจึงเห็นแสงสว่างข้างหน้าก่อนพวกภูตสัตว์เลี้ยง และได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังมาแว่วๆ กำลังเดินล่องลอยอยู่ในป่าอยู่ไกลลิบๆ
เขาเรียกเฟยหม่าซือ แล้วบอกให้พวกภูตสัตว์เลี้ยงหยุด
เฟยหม่าซือ กลิ่นของฟราเทอร์ยังไปถึงข้างหน้านั้นใช่ไหม” เขาถามเสียงเบา
เฟยหม่าซือพยักหน้า
ริชาร์ดห่อตัวอยู่ในฮู้ดอย่างแน่นหนา แล้วพึมพำว่า “ฮือแง เหมือนกับผีสาวร้องไห้ ซวยจริงๆ!”
พูดตามเหตุผล กลางป่ามีนักเดินป่าเจออันตรายแล้วร้องขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ป่ากว้างใหญ่ขนาดนี้ และยังเป็นป่าลึกที่ไม่ได้รับความนิยมจากนักเดินป่า โอกาสที่นักเดินป่าไม่รู้จักกันสองคนจะเจอกันนั้นต่ำมาก เขาเดินมาหลายวันขนาดนี้แล้ว อย่าว่าแต่นักเดินป่าคนอื่นเลย แม้แต่ร่องรอยและซากขับถ่ายที่นักเดินป่าคนอื่นทิ้งไว้ยังไม่เคยเห็นเลย ทำไมถึงบังเอิญเจอกันตอนนี้ล่ะ
ตรงนี้ใกล้รังโจรของหลีผีเท่อเกินไปแล้ว ยากจะให้เขาคิดในแง่ดีว่าผู้หญิงที่กำลังร้องไห้เป็นนักเดินป่าธรรมดาคนหนึ่ง
ถึงไม่ใช่นักเดินป่า แต่อยู่ที่นี่ก็น่าสงสัยมาก
เขาดีดหน้าผากของริชาร์ด “นี่! นายเลียนเสียงหมาป่าหอนได้หรือเปล่า”
“แกว๊ก?” ริชาร์ดสะบัดหน้าผาก “อย่าทำให้ผมข้ายุ่ง! เลียนแบบหมาป่าหอนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ข้าไม่เข้าใจความหมาย ทำได้แค่เลียนแบบเสียง แต่เลียนแบบอินเนอร์ไม่ได้ แต่เอ็งคงไม่เข้าใจเรื่องนี้”
นอกจากภาษานกแก้วตามความสามารถเดิมแล้ว ริชาร์ดยังเชี่ยวชาญภาษาต่างๆ ของมนุษย์ แต่ภาษาสัตว์และภาษานกกลับรู้น้อยมาก เพราะภาษาคนเป็นสิ่งที่มันมั่นใจจากการฝึกสอนทางวิทยาศาสตร์เป็นเวลานาน ขอแค่มั่นใจสักภาษาหนึ่ง ภาษาอื่นก็ไม่เป็นปัญหา แต่ภาษาสัตว์กับภาษานก มันไม่มีทางแทรกซึมเข้าไป และไม่มีทางเรียนได้
“ไม่เป็นไร เลียนแบบเสียงได้ก็พอแล้ว ถ้าฟราเทอร์อยู่ตรงหน้า มันจะต้องสนใจหรือตอบสนองแน่นอน” เขาพูด
ริชาร์ดทำตามที่บอก มันยืดคอ “บรู๋ววว”
พอฟังเสียงหอนที่มันเลียนแบบเผินๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับเสียงหมาป่าหอนจริงๆ แต่พวกหมาป่าจะต้องรู้สึกอีกแบบแน่นอน
เสียงหมาหอนดังสะท้อนในป่าเงียบสงัด เสียงร้องไห้หยุดลงแล้ว ผ่านไปสักพักก็ดังขึ้นอีก เสียงร้องไห้ดังขึ้นกว่าเดิม แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากฟราเทอร์
“หรือว่ามีปัญหา” จางจื่ออันคิดดูแล้วก็รู้สึกสงสัย จึงให้พวกภูตสัตว์เลี้ยงระมัดระวังมากขึ้น ก่อนค่อยๆ เดินไปข้างหน้าทีละก้าว
เสวี่ยซือจื่อถูกบังคับให้แยกจากฟีน่า ในใจกลั้นความโกรธเอาไว้ มันเป็นห่วงความปลอดภัยของฟีน่า อยากจะจัดการเรื่องของฟราเทอร์หรือฝาไห่อะไรนี่ใจจะขาด แล้วมันก็จะได้รีบไปเจอฟีน่าสักที มันจึงไม่พอใจกับวิธีการเคลื่อนไหวอันเชื่องช้าของจางจื่ออัน
“ถุยๆๆ! ชายเฮงซวยจู้จี้ทั้งวัน! ก็แค่ผู้หญิงร้องไห้โยเยคนหนึ่งไม่ใช่หรือ กลัวอะไรนักหนา! ข้าไม่เห็นกลัวเลย! น่าโมโหเสียจริง!”
เสวี่ยซือจื่อบ่นพึมพำ จากนั้นก็เร่งความเร็ว พุ่งไปเป็นแมวนำหน้า อย่ามองว่ามันขาสั้นเชียว ตอนนี้ทุกคนกำลังเดินย่องไปข้างหน้า เผลอแป๊บเดียวมันก็สลัดทุกคนไว้ข้างหลังแล้ว
จางจื่ออันขวางมันไม่ทัน และไม่กล้าเรียกมัน เพราะหากนี่เป็นกับดัก แล้วพวกเขาส่งเสียงวุ่นวายอยู่ตรงนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกตำแหน่งและเปิดเผยตัวตนให้ศัตรูรู้ แถมมันยังไม่ค่อยเชื่อฟังเสียด้วย
เสวี่ยซือจื่อพุ่งออกมาจากในพงหญ้า ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังพิงต้นไม้ก้มหน้าร้องไห้อยู่ ผ้าคลุมสั้นๆ ของเธอตกอยู่บนพื้นด้านข้าง คลุมอยู่บนร่างกายของสัตว์ตัวหนึ่ง แต่ดูจากสีขนและรูปทรงหางแล้วก็รู้ว่าเป็นฟราเทอร์
ฟราเทอร์นอนนิ่งอยู่บนพื้น ราวกับหลับใหลไปแล้ว
เสวี่ยซือจื่อนิสัยใจกล้า มันวิ่งเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่สนใจฟราเทอร์ที่อยู่บนพื้นโดยสิ้นเชิง มันวิ่งตรงไปข้างๆ ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ ก่อนจะใช้กรงเล็บจิ้มเธอ ทำหน้าด้านพูดว่า “อยู่ไหม ก๊อกๆ?”
เธอหยุดร้อง แล้วตะลึงในทันที สถานการณ์ไม่ค่อยปกติ
ตามแผนการแล้ว ถ้ามีสัตว์อื่นมาช่วยหมาป่าตัวนี้ ถ้าไม่ลอบมองเธอในระยะห่างออกไปช่วงหนึ่ง ก็จะวิ่งไปดูสภาพของหมาที่ถูกผ้าคลุมเอาไว้ข้างๆ แล้วแมวสีขาวตัวนี้เป็นอะไร ดวงตาแทะโลมมองเรือนร่างของเธอ กรงเล็บแมวยังดึงเสื้อผ้าของเธออย่างอยู่ไม่สุข…
มือของเธอคลำหาปืนยิงตาข่ายที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง แต่อยู่ใกล้กันเกินไป ปืนยิงตาข่ายใช้ไม่ได้ผลในระยะห่างแค่นี้
เธอเงยหน้าชำเลืองมองบนต้นไม้ พวกผู้คุมที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ก็กำลังลังเล ถ้าพวกเขาใช้ปืนยิงตาข่าย ก็จะจับแมวกับเธอไว้ด้วยกันในตาข่าย และจะเปิดเผยแผนการของพวกเขาด้วย
แผนของพวกเขาคือ ถ้าเป้าหมายปรากฏตัวพร้อมกัน พวกเขาจะจับเป้าหมายในตาข่ายเดียวจากบนต้นไม้ ถ้าเป้าหมายระมัดระวังตัวมาก ส่งตัวหนึ่งออกมาดูลาดเลาก่อน ก็จะให้เธอจับตัวที่มาดูลาดเลา พอเป้าหมายอื่นพุ่งเข้ามาช่วยก็ค่อยจับรวดเดียว แต่สถานการณ์ในตอนนี้เหนือความคาดหมายของพวกเขา
ตอนที่เธอกับพวกผู้คุมกำลังลังเล อยู่ๆ เธอก็สังเกตเห็นว่าแมวสีขาวใช้อุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งวาดไปมาบนตัวของเธอตลอด ส่วนอุ้งเท้าหน้าอีกข้างกลับแอบยื่นเข้าไปใต้ผ้าคลุม ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร เนื่องจากมันมีขนยาวสีขาว จึงเห็นการเคลื่อนไหวไม่ถนัดนัก
ได้ยินแค่เสียงฉึบ กรงเล็บของเสวี่ยซือจื่อตัดเทปกาวบนปากของฟราเทอร์อยู่ มันมองไม่เห็นผ่านผ้าคลุม ทำได้แค่กวาดกรงเล็บไปมั่วๆ แต่ก็ตัดเทปกาวได้พอดี
ในที่สุดฟราเทอร์ที่พูดได้ก็ใช้แรงทั้งหมดตะโกนว่า “วิ่งเร็ว! นี่คือกับดัก! ระวังคนบนต้นไม้ด้วย!”
แม้ผู้หญิงและพวกผู้คุมจะฟังไม่ออกว่าหมาป่าตัวนี้กำลังหอนอะไร แต่รู้ดีว่าแผนแตกแล้ว และไม่ต้องอำพรางตัวอีกต่อไป
เธอเตะเสวี่ยซือจื่อกระเด็นออกไปด้านหนึ่งทันที แล้วดึงผ้าคลุมบนตัวฟราเทอร์ออก เธอควักมีดผ่าตัดวาววับออกมาจากตรงไหนก็ไม่รู้ ก่อนจะกดลงบนข้างลำคอของฟราเทอร์ ตะโกนว่า “เจฟฟ์! ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่! รีบไสหัวออกมายอมแพ้! ไม่งั้นฉันจะฆ่าหมาป่าตัวนี้ทิ้ง!”
“อย่าออกมา! ไม่ต้องสนใจข้า!” ฟราเทอร์ตะโกน
“หุบปาก!”
เธอออกแรงที่นิ้วมือ มีดผ่าตัดแหลมคมทะลุเนื้อของฟราเทอร์แล้ว
ฟราเทอร์ไม่กลัวตายอยู่แล้ว จึงตะโกนต่อ “อย่าออกมา! อย่าติดกับ! ถึงเจ้ายอมแพ้ พวกเขาก็ไม่ปล่อยข้าไป และจะไม่ปล่อยเจ้าไปเช่นเดียวกัน!”
“คิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าแกเหรอ” ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกกระอักกระอ่วน เธอยกมีดผ่าตัดขึ้นมาคิดจะกรีดฟราเทอร์ให้เลือดไหล
“เดี๋ยวก่อน!”
เงาดำขยับอยู่ในป่า แล้วก็เห็นจางจื่ออันยกมือขึ้นและเดินออกมา “ผมออกมาแล้ว มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่าฆ่ามันเลย”
ฟราเทอร์ทั้งโกรธ ทั้งร้อนใจ มันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโง่แบบนี้ ทั้งที่รู้ดีว่าเป็นกับดักก็ยังเดินออกมาอีก…แต่ในขณะเดียวกันมันก็ซาบซึ้งมาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะเอาตัวเข้ามาเสี่ยงเพื่อรักษาชีวิตของมัน