Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1604 จับเสือ
หลักการของปืนเทเซอร์ง่ายมาก ยิงขั้วไฟฟ้าที่เชื่อมกับสายไฟทั้งสองขั้ว หลังจากขั้วไฟฟ้าแทงเข้าไปในตัวคนแล้ว ร่างกายคนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวงจรกลับแบบเปิดปิด ทำให้กระแสไฟฟ้าเริ่มไหลเวียน แต่ถ้ามีขั้วไฟฟ้าขั้วหนึ่งเอียง หรือถูกตัวฉนวนขวางเอาไว้ วงจรกลับของการนำไฟฟ้าจะอยู่ในสภาพแยกออกจากกัน แน่นอนว่าไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมปืนเทเซอร์ถึงมีผลแค่ระยะห้าเมตร หลังจากยิงขั้วไฟฟ้าสองขั้วก็จะแยกออกจากกันโดยอัตโนมัติ หากระยะห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเกินห้าเมตรก็ยากที่จะยิงโดนคนคนเดียวพร้อมๆ กัน
เนื่องจากขั้วไฟฟ้าสองขั้วต้องแทงเข้าไปในผิวหนังถึงจะเดินไฟฟ้าได้ ดังนั้นใช้ปืนทเซอร์รับมือกับสัตว์จึงไม่ค่อยได้ผลนัก เพราะขนของสัตว์ยาวและหนาเกินไป ผิวหนังก็ทั้งหนาทั้งแข็ง ขั้วไฟฟ้าแทงไม่เข้าผิวหนังของสัตว์แน่นอน
จางจื่ออันเคยได้ยินว่าโทรศัพท์มือถือโนเกียกันกระสุนได้ และเคยได้ยินว่าโทรศัพท์มือถือแอปเปิลก็กันกระสุนได้เช่นกัน แต่ไม่คิดว่าเรื่องโชคดีแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกยิงเข้าสักวัน…ยังคิดไม่ถึงอีกว่าวันนี้ได้แผ่นซีดีช่วยเขาขวางกระสุนช็อตไฟฟ้าเอาไว้
ขอบเขตของปืนเทเซอร์จำกัดแค่ระยะห้าเมตร นั่นหมายความว่าตอนที่เขาเข้าสู่ระยะยิงของอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็เข้าสู่ระยะยิงของเขาเช่นกัน และนอกจากเป็นโรคพาร์คินสัน ก็ไม่มีทางยิงเอียงจากเป้าหมาย
แต่พูดตามตรงเลย ขั้วไฟฟ้านี้แทงเข้าไปในผิวหนังแล้วเจ็บนิดๆ โดยเฉพาะตอนเขาแสร้งล้มลงบนพื้น ขั้วไฟฟ้าจึงถูกกดทับและแทงเข้าไปลึกกว่าเดิม
เขายืนขึ้นมาจากพื้น มือขวาถือปืนเทเซอร์เล็งไปที่หลี่ผีเท่อ มือซ้ายจับขั้วไฟฟ้าด้านที่แทงเข้าผิวหนัง ก่อนจะกัดฟันดึงมันออกมา เจ็บจนเขาต้องสูดอากาศเย็นๆ เลยทีเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้ขั้วไฟฟ้าหลุดออกจากผิวหนังหลังจากแทงเข้าไปแล้ว จึงต้องมีตะขอไว้สำหรับเกี่ยว หากฝืนดึงออกมาจะต้องมีเหลือดไหลแน่นอน
“ศาสดาลี หลี่ผีเท่อ หัวหน้าหลี่ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ แถมยังต้อนรับผมด้วยวิธีอบอุ่นแบบนี้อีก แต่น่าเสียดายที่ผมโชคร้าย!”
จางจื่ออันโบกปืนเทเซอร์เล็กน้อย บอกให้หลี่ผีเท่อทิ้งปืนในมือไปเสีย
ด้วยเป็นอาวุธที่ไม่ถึงตาย ปืนเทเซอร์จึงบรรจุกระสุนช็อตไฟฟ้าได้แค่หนึ่งลูกต่อการยิงหนึ่งครั้ง หลังจากยิงออกไปแล้วต้องบรรจุกระสุนใหม่ ยิงต่อเนื่องเหมือนปืนปกติไม่ได้ นี่คือข้อเสียของมัน แต่หนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่สุดของปืนก็คือหยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นปืนดำหรือปืนขาว ทำให้เป้าหมายหยุดเคลื่อนไหวได้ก็นับเป็นปืนดี และปืนเทเซอร์ก็โดดเด่นกว่าเพื่อนในด้านนี้ ใช้ดีกว่าอุปกรณ์ที่ตำรวจใช้หลายๆ ชนิดเสียอีก
เรื่องที่ปืนหนึ่งกระบอกก็เอาอยู่ ย่อมไม่ต้องยิงปืนหลายนัด
หลี่ผีเท่อปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี รู้ว่ายอมถอยสักหน่อยน่าจะเลี่ยงจุดจบน่าขายหน้ากว่านี้ได้ เขาไม่อยากให้ด้านหลังกางเกงสูทสีขาวสะอาดของตัวเองเปื้อนคราบน้ำสีเหลือง
เขาจึงทิ้งปืนเทเซอร์ของตัวเองลงพื้น แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว
“เจฟฟ์ ฉันก็แค่ล้อเล่น พวกเราเป็นเพื่อนเก่ากันนะ ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย ตั้งแต่จากกันที่อียิปต์ ฉันก็คิดอยู่ตลอดว่าอยากไปเยี่ยมเธอที่เมืองปินไห่สักครั้ง แต่น่าเสียดายที่ธุรกิจรัดตัว เจียดเวลาไม่ได้สักที…แต่ก็ดี ในเมื่อเธอมาอเมริกาแล้ว พวกเราจะต้องสังสรรค์กันให้สุดเหวี่ยง ให้ฉันได้ทำหน้าที่เจ้าภาพนะ”
ถ้าฟังแค่น้ำเสียงเป็นกันเองและอัธยาศัยดีของหลี่ผีเท่อเพียงอย่างเดียว อาจจะคิดว่าเขาเป็นเพื่อนเก่าชาวจีนจริงๆ หากไม่ใช่เพราะว่าเขากำลังถูกปืนเทเซอร์กระบอกหนึ่งเล็งอยู่ และเพิ่งจะพยายามช็อตจางจื่ออันล้มลงบนพื้น
พูดตามตรง ถ้าสถานการณ์ของทั้งสองคนย่ำแย่ลง คุณหลี่ถือมีดแล่เนื้อ คุณจางกลายเป็นปลา จางจื่ออันสงสัยมากว่าตัวเองจะใจเย็นอย่างนี้ได้ไหม นี่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์และการควบคุมตัวเอง แต่จางจื่ออันก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลัง เขาสงสัยว่าหลี่ผีเท่อยังมีไพ่เด็ดอะไรที่ยังไม่ได้ใช้อีกหรือเปล่า
จางจื่ออันไม่ได้ต่อความยาว สาวความยืด หลี่ผีเท่อหมุนตัวแล้วเล็กน้อย ชี้ไปที่บ้านหลังใหญ่ข้างบนสุดของแหลมทางเหนือ “ลมกลางคืนหนาวเย็น ไปเดินเล่นที่บ้านฉันสักหน่อยดีไหม? บ้านฉันจะต้องสดใสเพราะการมาเยือนของเธอแน่นอน”
“ช่างเถอะ คุณเห็นผมเป็นคนโง่เหรอ? ผมไม่พาตัวเองไปติดกับหรอก” จางจื่ออันปฏิเสธด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขารู้ว่าในบ้านหลังใหญ่จะต้องมีผู้คุมคนอื่นแน่นอน แม้จำนวนคนอาจจะไม่มาก แต่รับมือกับเขาก็เหลือเฟือ
“ฟังนะเจฟฟ์ พวกเรานั่งตกลงกันสักหน่อยเป็นยังไง” หลี่ผีเท่อพูด ก่อนจะก้มหน้าก้มตานั่งลงบนก้อนหินก้อนหนึ่ง พลางทุบๆ ขา “เธอก็เห็น ฉันอายุไม่น้อยแล้ว วุ่นวายก็มาตั้งหลายปี…แต่ฉันกลั้นใจทิ้งธุรกิจที่อดทนสร้างมาแทบตายไม่ได้ ต้องมีคนมารับช่วงต่อ”
“เอ๋?” จางจื่ออันสับสน ขณะเดียวกันก็สังเกตรอบๆ อย่างระมัดระวัง ในใจยังคงครุ่นคิดถึงเหตุผลที่หลี่ผีเท่อใจเย็นขนาดนี้
“เธออาจจะเข้าใจผิดเรื่องธุรกิจของฉันไปนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ถ้าเธอยอมฟัง ฉันก็อธิบายให้เธอฟังได้” หลี่ผีเท่อพูด “ทีแรกตอนอยู่ในมหาพีระมิดแห่งกีซา ฉันเชิญเธอเข้าร่วมกลุ่ม ตอนนั้นฉันตั้งใจสงบศึกจริงๆ ฉันไม่ได้ทำแบบขอไปที แล้วก็ไม่ได้ฝืนใจยกย่องเธอ ตอนอยู่ที่อียิปต์ฉันเห็นว่าเธอมีความสามารถในการโน้มน้าวคนมาก ถ้ายอมเข้ากลุ่มพวกฉัน ฉันรับรองว่าเธอจะได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญที่สุดของพวกเรา หลังจากฉันปลดเกษียณแล้ว เธอจะได้ดูแลทุกอย่าง ยังมีอีกหลายอย่างที่เธอไม่เคยเห็น แต่มันจะตกอยู่ในความดูแลของเธอทั้งหมด…”
จางจื่ออันไม่เชื่อที่หลี่ผีเท่อพูดแม้สักคำเดียว เขาคิดว่าหลี่ผีเท่อพูดเรื่องพวกนี้เพราะสองจุดประสงค์ ถ้าไม่เบี่ยงเบนความสนใจของเขาและหาจังหวะจู่โจมกลับ ก็ต้องถ่วงเวลารอให้เรื่องราวพลิกผัน
จะเป็นเรื่องไหนกันล่ะ?
ความแตกต่างอยู่ที่ ถ้าเป็นเป้าหมายแรก หลี่ผีเท่อจะต้องอาศัยกำลังของตัวเองโจมตีกลับ ส่วนถ้าเป็นอย่างหลัง หลี่ผีเท่ออาจจะรอกำลังเสริม
“หมอบลงบนพื้น”
หลี่ผีเท่อยังพูดไม่หยุดปาก จางจื่ออันจึงพูดขัดจังหวะเขา แล้วใช้ปืนเทเซอร์ชี้ไปบนพื้น
“เจฟฟ์ เธอไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยนะ…” หลี่ผีเท่อขมวดคิ้ว
“หมอบลง” จางจื่ออันทำท่าทางจะเหนี่ยวไก
ในที่สุดหลี่ผีเท่อก็ยอมถอดหน้ากากอ่อนโยน แล้วความโกรธก็พลันฉายชัดบนใบหน้า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “ฉันรับรองว่าเธอจะต้องเสียใจ…”
“ค่อยๆ หมอบลง เคลื่อนไหวช้าๆ ให้ผมเห็นมือของคุณด้วย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ ผมไม่อยากพูดอีกรอบหรอกนะ” จางจื่ออันใจแข็ง เพราะเขารู้ว่าหลี่ผีเท่อมีทักษะมีดบินไว้ป้องกันตัว ให้สองมือของหลี่ผีเท่อรอดพ้นจากสายตาของเขาไม่ได้เลย
แม้จะปากแข็ง แต่หลี่ผีเท่อยังหมอบบนพื้นอย่างว่าง่าย ถึงอย่างไรเมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ก็ต้องยอมถอยเพื่อไม่ให้เป็นเบี้ยล่าง
เมื่อครู่จางจื่ออันหาเชือกไนล่อนได้จากในบ้านของพวกผู้คุม มันเป็นเชือกที่พวกผู้คุมใช้มัดเมแกนนั่นแหละ ตอนนี้เห็นหลี่ผีเท่อยอมจำนนถึงได้เดินเข้าไป แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ใช้หัวเข่ายันหลังของเขาเอาไว้ จากนั้นดึงมือของเขาไพล่หลังมัดไว้ด้วยเชือก และถือโอกาสมัดขาทั้งสองข้างของเขาไปด้วยเลย
อย่างนี้ก็กำจัดความเป็นไปได้ที่หลี่ผีเท่อจะอาศัยกำลังของตัวเองโจมตีกลับได้
“แกว๊กๆ! ท่าทางไม่เลว ขืนขยับนิดเดียว พ่อจะตุ๋ยเข้าให้!” ริชาร์ดเลียนเสียงของจางจื่ออันขู่
ร่างกายของหลี่ผีเท่อแข็งทื่อไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าจางจื่ออันมีรสนิยมแบบนี้ด้วย