Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1602 เพลงสรรเสริญแห่งความจงรักภักดี
ว่ากันว่าเสือยังต้านฝูงหมาป่าไม่ได้ หมาป่าถนัดรับมือกับหมูป่ายิ่งกว่าอะไร ถึงอย่างนั้นหมาป่าตัวเดียวก็สู้กับหมูป่าทั้งฝูงไม่ได้ ถึงฟราเทอร์ที่เป็นภูตสัตว์เลี้ยงจะสุดยอดแค่ไหน เมื่อเจอกับฝูงหมูป่าหนังหยาบ เนื้อหนา ไม่กลัวเจ็บ อย่างมากก็ควักไส้หมูป่าได้แค่สองสามตัว แต่ตัวเองกลับถูกเขี้ยวของหมูป่าที่เหลือแทงทะลุเนื้อเหมือนกัน
เมื่อครู่หมูป่าฝูงนี้ถูกหมาป่าสองสามตัวไล่ต้อนจนต้องก้มหน้าก้มตาหนีเตลิด พอได้เจอกับศัตรู จึงโกรธจนตาเขียวปั้ด พวกมันเอาชนะฝูงหมาป่าไม่ได้ แต่จะเอาชนะหมาป่าแค่ตัวเดียวมาได้เหรอ
ฟราเทอร์เดินไปข้างหน้าอีกก้าว ด้วยอยากจะยั่วให้หมูป่าฝูงนี้โกรธจนวิ่งเข้ามาเอง
จางจื่ออันจนใจ จึงสั่งว่า “งั้นนายก็ระวังตัวด้วยนะ หมูป่ามีจำนวนเยอะเกินไป นายอย่าบ้าดีเดือดเด็ดขาด”
ฟราเทอร์พยักหน้า “วางใจเถอะ ในเมื่อแมวในป่าถูกจัดการไปแล้ว ข้าจะเรียกฝูงหมาป่าเข้ามาช่วย”
จางจื่ออันยังไม่วางใจเสียทีเดียว เขากังวลว่าฟราเทอร์จะอยู่สู้เพียงลำพัง ตอนนี้เฟยหม่าซือจึงขออาสาเอง “ฉันก็จะอยู่ด้วย อย่างน้อยจะได้ช่วยเหลือกัน”
เฟยหม่าซือเป็นภูตสัตว์เลี้ยงสุนัขเพียงหนึ่งเดียวในร้านขายสัตว์เลี้ยง แม้มันจะคุ้นชินแล้ว แต่บางครั้งก็อดรู้สึกโดดเดี่ยวไม่ได้ เสี่ยวไป๋ก็เป็นสุนัขตัวหนึ่ง แต่เสี่ยวไป๋ไม่ได้อยู่ในร้านขายสัตว์เลี้ยง มันมีธุระข้างนอกมากมายต้องจัดการ มาที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงบางครั้งก็เพื่อปรึกษาเรื่องสำคัญกับจางจื่ออัน ดังนั้นเฟยหม่าซือกับเสี่ยวไป๋จึงไม่ได้ผูกพันอะไรกัน
อาจจะเป็นเพราะร่างกายมีสายเลือดบรรพบุรุษหมาป่าไหลเวียนอยู่ และเป็นบรรพบุรุษของหมาป่ายุโรปเช่นเดียวกัน พอเฟยหม่าซือเห็นฟราเทอร์ก็รู้สึกถูกชะตาอยู่หลานส่วน หากต้องปล่อยให้ฟราเทอร์อยู่ต่อเพียงลำพังก็ไม่สบายใจ จางจื่ออันยังมีภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นอยู่ด้วย น่าจะไม่เป็นอันตรายอะไร เฟยหม่าซือจึงตัดสินใจอยู่ต่อเช่นกัน หนึ่งเพื่อช่วยเสริมกำลังฟราเทอร์ สองคือตีสนิท
“ดี งั้นพวกนายสองคนทำเวลาหน่อยนะ ถ้าตึงมือก็ถอยเองเลย อย่าฝืน” จางจื่ออันก็คิดว่าการรวมตัวของพวกมันไม่เลวเลย อย่างน้อยเผชิญหน้ากับฝูงหมูป่าก็ไม่ต้องกังวล แค่รอฝูงหมาป่าเข้ามาสมทบก็พอ
ฟราเทอร์พยักหน้าให้เฟยหม่าซือเป็นเชิงขอบคุณ มันยิ้มและพยักหน้าตอบรับเช่นเดียวกัน แล้วยืนนิ่งอยู่ในตำแหน่งของตัวเองอย่างรู้งาน ดังนั้นฝูงหมูป่าที่จัดทัพเป็นมุมแหลม จึงต้องแบ่งความสนใจไปทั้งสองด้าน
ศัตรูตัวฉกาจของหมูป่าก็คือมนุษย์ และตอนมนุษย์ล่าหมูป่าก็มักจะจูงสุนัขนักล่ามาด้วย พอฝูงหมูป่าได้ยินเสียงสุนัขเห่าก็รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว ความหวาดกลัวที่มีต่อสุนัขนักล่าไม่ได้ด้อยไปกว่าความหวาดกลัวต่อฝูงหมาป่าเลย
หนึ่งหมาป่า หนึ่งสุนัข และฝูงหมูป่าคุมเชิงอยู่ห่างกันประมาณสามสิบเมตร
จางจื่ออันเรียกพวกภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่น อ้อมไปจากข้างๆ อย่างระมัดระวัง เขาพยายามเดินช้า และย่องเบาๆ เพื่อกันไม่ให้ไปยั่วโมโหฝูงหมูป่าเข้า
พวกหมูป่าไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว สนใจแค่ฟราเทอร์และเฟยหม่าซือเท่านั้น พวกจางจื่ออันจึงข้ามทุ่งนาไปได้อย่างราบรื่น และมาถึงเขตที่อยู่อาศัย
เขาหันกลับไปมองครั้งหนึ่ง แม้ฟราเทอร์บอกว่าจะเรียกฝูงหมาป่า แต่ก็ยังไม่ทำอะไรสักที
พอคิดแล้วก็เข้าใจทางเลือกยากสองทางของฟราเทอร์ได้ หอนแล้วเรียกฝูงหมาป่ามาได้ แต่ก็อาจจะยั่วโมโหหมูป่าเช่นกัน ก่อนที่ฝูงหมาป่าจะมาถึง มันกับเฟยหม่าซือจะต้านทางฝูงหมูป่าที่บุกเข้ามาพร้อมกันได้นานเท่าไร ไม่มีใครมั่นใจทั้งนั้น
ฉะนั้นที่ฟราเทอร์ทำได้ตอนนี้คือรักษาสภาพสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด รอเรื่องราวเกิดการพลิกผัน
จางจื่ออันช่วยอะไรไม่ได้ ที่เขาทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือ ไม่ใช้เวลาที่ฟราเทอร์หามาให้เขาไปอย่างเสียเปล่า
เขาเคยหมอบสังเกตสถานการณ์อยู่บนแหลม เขตที่อยู่อาศัยตรงนี้ผู้คุมกับชาวนาอาศัยอยู่ร่วมกัน ทางตะวันตกติดกับทะเลเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คุม ทางตะวันออกเป็นที่อยู่อาศัยของพวกชาวนา พื้นที่ทางตะวันออกใหญ่กว่าทางตะวันตกไม่น้อย ตรงกลางถูกแบ่งด้วยทางสายหลัก ตอนนี้บ้านที่ไฟไหม้กระจุกอยู่ทางตะวันออก ส่วนทางตะวันตกไฟยังลามไปไม่ถึง
“เฮ้! หยะ…หยุดนะ! ห้ามเดินไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว! นะ…นายเป็นใคร….”
เสียงอ่อนล้าดังมาจากข้างๆ ผู้ชายสวมเครื่องแบบผู้คุมคนหนึ่งกึ่งหมอบอยู่บนพื้น ชี้จางจื่ออันพลางถามอย่างอ่อนแรง
ผู้คุมคนนี้จมูกเขียว หน้าปวมเป่ง บนตัวยังมีรอยเท้า…หมูป่าเต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ถูกเหยียบอย่างน่าเวทนา มุมปากยังมีเลือดซึมเล็กน้อย อาจจะช้ำในด้วย
ถึงจะมีท่าทางน่าเวทนาแบบนี้ แต่เขาก็ยังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ได้ลืมหน้าที่ของตัวเองเพียงเพราะความเจ็บปวดบนร่างกาย จางจื่ออันเห็นดังนั้นก็ซาบซึ้งทีเดียว อยากจะร้องเพลงสรรเสริญความจงรักภักดีให้เขาเสียงดังๆ
จางจื่ออันก้มลงไปเก็บปืนเทเซอร์กระบอกหนึ่งจากใต้เท้าของเขา กระสุนช็อตไฟฟ้าใช้ไปแล้ว น่าเสียดายมาก แต่ยังใช้เป็นกระบองช็อตไฟฟ้าได้
จางจื่ออันจึงติดปลายขั้วไฟฟ้าด้านหน้าทั้งสองด้านของปืนเทเซอร์ไว้ข้างหลัง จากนั้นก็เหนี่ยวไกออกไป แล้วยังไม่ยอมปล่อยนิ้วออกจากไกปืน ส่งให้ขั้วไฟฟ้าแหลมๆ แทงทะลุเสื้อผ้าของอีกฝ่าย
“อ๊ากกก!”
ผู้คุมร้องอย่างน่าเวทนา สองตาเหลือกขึ้น ถูกไฟช็อตจนชักเกร็งไปทั้งตัว คล้ายปลาดิ้นบนบก
ห้าวินาทีให้หลัง จางจื่ออันก็คลายไกปืนเพื่อหยุดส่งกระแสไฟฟ้า ผู้คุมนอนตัวอ่อนอยู่บนพื้นเหมือนโคลน ถูกช็อตจนสติเลื่อนลอยไปแล้ว แม้แต่จุดสัมผัสบนเสื้อผ้าด้านหลังก็ถูกช็อตจนไหม้ ส่งกลิ่นเหม็นออกมาเป็นระลอก
กลิ่นสาบปัสสาวะสายหนึ่งกระจายออกมาจากหว่างขาของผู้คุม คิดไม่ถึงว่าจะถูกช็อตจนกลั้นขับถ่ายไม่อยู่
“ฉันจะแผ่เมตตาให้” จางจื่ออันส่ายหน้าเสียดาย “ก่อกรรมทำเข็ญจริงๆ…”
“ยอดเยี่ยม!” ริชาร์ดถอนหายใจ “แม้ข้าจะมองไม่เห็น แต่ฟังจากเสียงเพียงอย่างเดียว…เจ้าโง่ เอ็งไม่รู้สึกถึงความชอบเป็นพิเศษสินะ?”
“เจี๊ยกๆ!”
“อ๊า!”
เสียงร้องน่าสมเพชดังมาอีกครั้ง คราวนี้ดังมาจากข้างหน้า ตรงนั้นยังมีผู้คุมที่ถูกเหยียบอีกคนคิดจะแอบหนี แต่พายกลับพบเขาเข้า มันจึงใช้กระบองไม้ยันพื้นกระโดดข้ามไปเหมือนกระโดดค้ำถ่อ แล้วตกลงบนขาของผู้คุมพอดิบพอดี ก่อนควงกระบองไม้เคาะหัวเขาเสียงดังป้อกจนสลบไป กระบองไม้ของพายตัดมาจากกิ่งไม้ ไม่ได้หนักเท่าไร ถึงมันออกแรงเต็มที่ก็ตีคนตายไม่ได้
วลาดิเมียร์กล่าวชม “ลิงทองแกว่งไกวกระบองหนักพันจวิน หลังคาสวรรค์ก็ไร้ฝุ่นดุจหยกงาม”
“เจี๊ยกๆ”
พายเกาหัวอย่างเหนียมอาย มันคิดว่าตัวเองยังห่างไกลจากขั้นนั้นอีกไกล ตอนนี้ทำได้แค่ตีลูกหมาตกน้ำเท่านั้น
ต้องบอกว่าผู้คุมคนที่สองช่างแล้งน้ำใจ เห็นอยู่ว่าเพื่อนร่วมงานถูกช็อต กลับไม่คิดที่จะเข้ามาช่วยแม้สักนิด สนใจแต่เอาตัวรอดอยู่คนเดียว แต่นี่ก็ไม่ควรโทษเขา ก็เปรียบเหมือนสามีภรรยาเป็นนกในป่าเดียวกัน เมื่อเจอเหตุการณ์เลวร้ายกลับบินหนีไปตัวเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกองทัพที่รวมคนจากหลายประเทศราวกับฝูงชนก่อจลาจลพวกนี้เลย
พวกภูตสัตว์เลี้ยงก็อยากตีลูกหมาตกน้ำกันทั้งนั้น ทุกตัวจึงออกตามหาคนที่เล็ดรอดไปได้ เสียงร้องน่าเวทนาจึงดังมาครั้งแล้วครั้งเล่า และกลับสู่ความสงบอีกครั้ง พวกผู้คุมที่ได้รับบาดเจ็บที่เหลือถูกตีสลบ หรือไม่ก็ถูกช็อตสลบไปหมดแล้ว
ถ้าทิ้งผู้คุมที่หมดสติไว้ที่เดิม พอลมเปลี่ยนทิศ ตอนไฟลามมาถึงตรงนี้ พวกผู้คุมอาจจะถูกไฟคลอกหรือสำลักควันตาย แบบนี้คงไม่ค่อยดีนัก กลายเป็นว่าทำเกินกว่าแค่ปกป้องตัวเองไปแล้ว สืบสาวเรื่องราวถึงต้นเหตุก็อาจจะพบปัญหาได้ เขาจึงลากผู้คุมไร้สติเหมือนหมาจนตรอกมาไว้ระหว่างก้อนหินบนเนินเขา เพื่อให้ออกจากรัศมีไฟไหม้ คราวนี้ถึงจะเข้าไปปล้นหาเสบียงในบ้านได้อย่างสบายใจ