Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1592 เล่นพิเรนทร์
ปกติเวลาเซฮวาได้ยินจางจื่ออันเรียกแล้วก็จะยึกยักไม่สนใจ แต่พอครั้งนี้ได้ยินเสียงตะโกนของเขา เธอก็ว่ายกลับมาที่ชายฝั่ง พร้อมกับยื่นมือออกมา “มือถือของฉันล่ะ? เอามาให้ฉันเร็ว!”
“เธออย่าเพิ่งห่วงเล่นมือถือ ฉันมีเรื่องน่าสนุกกว่านั้นอีก เธออยากร่วมมือกันไหมล่ะ?” เขานั่งยองๆ ถาม
เซฮวาเห็นเรื่องเล่นสำคัญมากเหมือนเด็กๆ จึงรู้สึกสนใจในทันที “เล่นยังไง? เล่นอะไร? เล่นซ่อนแอบเหรอ ฉันชอบเล่นซ่อนแอบมากเลยนะ แต่พวกคุณไม่เคยเรียกฉันเลย!”
“เฮ้อ! เธอเล่นซ่อนแอบไม่ได้หรอก…ถ้าเธอไม่ซ่อนในอ่างอาบน้ำ ก็ซ่อนอยู่ในทะเล แล้วพวกเราจะเล่นซ่อนแอบกันยังไงล่ะ?” เขาแบมืออย่างจนใจ
ถ้าเซฮวาเล่นซ่อนแอบได้ เขาก็ลดปัญหาลงไปได้ไม่น้อยเลย
“งั้นคืออะไรกันแน่ล่ะ?” เธอหมดความสนใจไปมากกว่าครึ่ง
“ที่จริง…ถ้าจะพูดละก็ คล้ายๆ ซ่อนแอบอยู่เหมือนกัน”
จางจื่ออันเล่าแผนการของตัวเองให้เซฮวาฟังรอบหนึ่ง เรื่องที่เธอต้องทำนั้นง่ายมาก แม้แต่สติปัญญาแบบเธอก็ยังเข้าใจได้
พอกลับมาที่หมู่บ้าน เขาก็เรียกรวมพลพวกภูตสัตว์เลี้ยงที่ด้านนอก แล้วปรึกษาหารือแผนการของตัวเองกับพวกมัน แม้จะไม่ได้เป็นแผนการสมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้ก็คิดแผนการที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว
พวกเขากินข้าวเย็นเร็วกว่าปกติมาก ฟ้ายังไม่ทันมืด จางจื่ออันก็ยกบีเวอร์ย่างกับข้าวสวยมาที่โต๊ะอาหารแล้ว จากนั้นก็ไปเรียกเมแกนในห้องนอน
เธอกอดเสวี่ยซือจื่อหลับไปแล้ว หลับลึกมากเสียด้วย เขาเรียกอยู่หลายครั้งถึงจะยอมตื่น
เมแกนหิวไส้กิ่วนานแล้ว แค่เธอได้กลิ่นหอมของเนื้อย่างโชยมาจากห้องอาหาร สองตาของเธอก็เป็นประกาย กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเหมือนหมาป่าหิวโหยตัวหนึ่ง เธอนั่งลงตรงหน้าโต๊ะอาหารอย่างไม่เกรงใจ สองมือคว้าบีเวอร์ย่างตัวหนึ่งเริ่มฉีกเนื้อยัดเข้าปาก
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นต้องทนหิวโหยมาหลายวันขนาดนี้ ความอยากอาหารคงหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าเธอขยายท้องกินอย่างเต็มที่ ก็สามารถกินบีเวอร์ทั้งตัวได้คนเดียว ทำเอาจางจื่ออันตกใจจนต้องรีบแย่งกลับมาจากมือเธอ
เขาไม่ได้เสียดายบีเวอร์ ของแบบนี้อยากได้กี่ตัวก็หามาได้ แค่ให้ฝูงหมาป่าไปจับมาก็พอแล้ว แต่กระเพาะของเธอชินกับอาหารไร้มันแล้ว อยู่ดีๆ กินอาหารน้ำมันเยิ้มต้องย่อยไม่ได้แน่นอน อาจจะท้องร่วงด้วยซ้ำ ฉะนั้นจางจื่ออันจึงอธิบายความน่ากลัวของเรื่องนี้ บอกให้เธอกินแค่ครึ่งตัว และต้องกินข้าวผสมกับเนื้อ รวมถึงกินผักและผลไม้ป่าให้มาก พยายามเคี้ยวและกลืนช้าๆ ด้วย
เมแกนรู้ว่าเขาพูดเรื่องจริง จึงพยายามควบคุมความอยากอาหารของตัวเอง
หลังจากเธอกินไปได้พักหนึ่ง น้ำตาลเติมเข้าไปในกระแสเลือดของเธอ สีหน้าของเธอเปล่งปลั่งขึ้นมา หัวก็แล่นมากขึ้น คราวนี้เธอถึงอยากถามขึ้นมาว่า นี่คือเนื้อของตัวอะไร?
จางจื่ออันตอบไปตามตรง
ทีแรกเธอคิดว่าเป็นเนื้อกวาง พอได้ยินว่าเป็นเนื้อบีเวอร์ สีหน้าของเธอก็บิดเบี้ยวทันที แต่แค่พริบตาเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหยิบเนื้อ ถึงขนาดดูดน้ำมันที่เปื้อนบนนิ้วจนเกลี้ยง
หลังจากกินเสร็จ ร่างกายที่ขาดสารอาหารและผอมแห้งของเธอก็มีแค่ส่วนท้องที่นูนขึ้นมา อิ่มจนเธอไม่อยากจะขยับตัวเลยทีเดียว
จางจื่ออันเก็บอุปกรณ์ทานอาหารเล็กน้อย และขอตัวไปทิ้งกระดูกที่กินเหลือไว้ข้างนอก แต่ความจริงแล้วเอาไปให้ฝูงหมาป่าข้างนอกกิน
พอกลับมาข้างโต๊ะอาหาร เขาไม่ได้บอกแผนการของตัวเองให้เมแกนฟัง แค่ให้เธอพักผ่อนอยู่ในบ้านดีๆ อยากนอนก็นอน นอนไม่หลับก็เดินเล่นในบ้านสักหน่อย แต่อย่าออกจากบ้าน เพราะตกกลางคืนแล้วสัตว์ป่าจะออกมาหากิน
ความจริงแล้วตอนที่เขาเพิ่งออกจากประตูบ้าน เธอได้ยินเหมือนข้างนอกมีเสียงเคลื่อนไหวดังมาแว่วๆ นั่นเป็นเสียงฝูงหมาป่าแย่งกระดูกบีเวอร์
เธอรู้ว่าเขาคิดจะแทรกซึมเข้าไปในนรก จึงอดเป็นห่วงเขาอยู่ลึกๆ ไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาสองคนเป็นตั๊กแตนบนเชือก ไม่มีใครวิ่งชนะใครได้ ถ้าเขาถูกจับได้ขึ้นมา เธอคงได้แค่หิวตายอยู่ในบ้านหลังนี้
เธอเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่อยากตายอีกครั้งเลย แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น ทำได้เพียงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา แล้วจึงพูดว่า “คุณต้องระวังตัวด้วยนะคะ ฉันจะอธิษฐานให้คุณเอง!”
จางจื่ออันให้เธอล็อกกลอนจากข้างในห้อง จุดเทียนอยู่ในห้องนอนที่มีผ้าม่านหนา ทำเหมือนบ้านโล่งๆ ไม่มีคนอยู่ นอกเสียจากเขากลับมา ไม่อย่างนั้นใครเคาะประตูก็อย่าไปสนใจ และยังกำชับเธออีก ไม่ว่าได้ยินเสียงประหลาดอะไร ก็ต้องทำเป็นไม่ได้ยินเท่านั้น
เมแกนยิ่งฟัง ก็ยิ่งงุนงง จะได้ยินเสียงประหลาดอะไรในป่ากัน?
จางจื่ออันไม่ได้อธิบายโดยละเอียด ก็พาพวกภูตสัตว์เลี้ยงออกจากบ้านไปแล้ว
ฟราเทอร์ประทับใจเมแกนอยู่เหมือนกัน ยังตั้งใจทิ้งหมาป่าสองสามตัวไว้ให้เฝ้ารอบๆ หมู่บ้านด้วย เพื่อไล่สัตว์ป่าที่เข้าใกล้ออกไป
เมฆดำจากทางตะวันตกเฉียงเหนือปกคลุมทั่วทั้งผืนฟ้า ยังไม่ถึงเวลาที่ฟ้ามืดเลย ทั่วไปแล้วพอตกกลางคืน ก็จะมองไม่เห็นทิศทัศน์สวยงามของพระอาทิตย์ตก เขาจึงแอบเสียดายเล็กน้อย
พอจางจื่ออันกับพวกภูตสัตว์มาถึงริมทะเล เซฮวากับฝูงวาฬก็รออยู่ตรงนั้นแล้ว เธอยังอยากเล่นพิเรนทร์ จึงถามอย่างกระตือรือร้น “เริ่มตอนนี้เลยไหม?”
เขาดูเวลาแล้ว จากนั้นก็มองสีท้องฟ้า “รออีกหน่อยเถอะ พอเวลาพวกเขากินข้าวเย็น”
พวกภูตสัตว์เลี้ยงต่างก็หาที่พักผ่อนย่อยอาหาร แต่เขากลับปีนขึ้นไปบนแหลมอย่างระมัดระวัง ถือกล้องส่องทางไกลสังเกตทุ่งนา รวมถึงบ้านพักที่อยู่ไกลออกไปกว่านั้น
กริ๊งๆๆ!
มีคนท่าทางเหมือนผู้คมคนหนึ่งถือกระดิ่งทองแดงขนาดใหญ่ เคาะไปสามครั้ง เสียงสะท้อนดังไปไกล แม้แต่จางจื่ออันที่ห่างด้วยอ่าวกั้นยังได้ยินแว่วๆ
ผู้คนที่ทำงานหนักอยู่ในทุ่งนาว่างอุปกรณ์ทำนาในมือของตัวเองลง ก่อนจะเรียงแถวออกจากทุ่งนา ไปต่อแถวรับข้าวเย็นใต้เพิงไม้เรียบๆ
จางจื่ออันมองไม่เห็นว่าข้าวเย็นเป็นอะไร เห็นแค่ทุกคนถือจานข้าวทำจากไม้คนละใบ ข้างในมีขนมปังสีดำก้อนหนึ่ง ซุปที่ไม่แน่ใจว่าคืออะไรชามหนึ่ง บวกกับผักตุ๋นที่เหมือนแกงกะหรี่สองกระบวย คล้ายกับอาหารช่วยเหลือทหารช่วงทำสงคราม แม้แต่อาหารในคุกยังดีกว่านี้เลย
หลังจากได้รับอาหาร พวกเขาก็นั่งกินบนเก้าอี้ไม้จนหมด จากนั้นก็แบ่งกลุ่มผู้หญิงสองสามกลุ่ม เข้าไปในบ้านไม้คนละหลังกัน
ในบ้านไม้ส่วนใหญ่ค่อยๆ เปิดแสงไฟสีเหลืองสลัวจากตะเกียงน้ำมันและเทียน ในบ้านไม้ไม่มีอุปกรณ์บันเทิงอะไร ไม่มีแม้แต่ไพ่โปกเกอร์ ยากจะจินตนาการได้ว่าโลกแห่งเทคโนโลยีในรัฐแคลิฟอร์เนียยุคปัจจุบัน ยังมีคนสมัครใจใช้ชีวิตดั้งเดิมแบบนี้
ผู้คนที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันอาบน้ำล้างหน้าลวกๆ แล้วยังพักผ่อนไม่ได้ แต่คุกเข่าลงอธิษฐานต่อหน้ารูปวาด ท่องบนสวด ที่อยู่ในรูปวาดไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นคนสวมเสื้อและกระโปรงสีขาว แม้จะมองไม่เห็นหน้าตา แต่มารดาคุณสิ นี่ไม่ใช่ชุดประจำของหลี่ผีเท่อเหรอ
การอธิษฐานยาวนานถึงสิบกว่านาทีก็ยังไม่จบ คาดว่ายังต้องรอไปอีกสักพัก ตอนแรกจางจื่ออันอยากรอให้ผู้คนที่น่าสงสารพวกนี้หลับไปแล้วค่อยเริ่มทำตามแผน แต่ตอนนี้เขาไม่คิดจะรออีกแล้ว อาจจะทำให้ความศรัทธาของพวกเขาเกิดความสั่นคลอนพอดี
ท้องฟ้ามืดสนิท เนื่องจากไม่มีแสงจากพระจันทร์และดวงดาว ทะเลจึงมืดมิดไปทั้งผืน สถานที่ที่สว่างที่สุดแถวนี้ก็คือประภาคารขนาดเล็กริมฝั่งเพียงแห่งเดียว
“เซฮวา ถึงตาเธอแล้ว” เขาตะโกนเรียก