Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง - ตอนที่ 1572
ภูตสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มีประสาทสัมผัสว่องไวอย่างยิ่ง ไม่ได้อาศัยการมองเพียงอย่างเดียวเหมือนมนุษย์ ก่อนหน้านี้พวกมันมองไม่เห็นตัวของฟราเทอร์ แต่ในเมื่อรู้ว่ามันเป็นหมาป่าโตเต็มวัย ได้ยินเสียงของมัน ได้กลิ่นของมัน ถึงขนาดรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนเล็กน้อยตอนมันเดินหรือกระโดด น่าจะจินตนาการรูปลักษณ์ การเคลื่อนไหว และตำแหน่งของมันได้คร่าวๆ…
แต่ถึงอย่างไรทุกอย่างนี้ก็ไม่ได้สมจริงเหมือนเห็นด้วยตาตัวเอง
จางจื่ออันเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความสงสัย พูดในใจว่าผิดปกติแล้ว ทำไมแสงส่องลงมาพอดี และแสงนี้ก็แสดงร่างที่แท้จริงของมันออกมาเหรอ?
เขาจำได้ว่าเย็นวันที่เพิ่งมาถึงศูนย์นักท่องเที่ยวของป่าเรดวูดก็เห็นแสงพระเยซูยิ่งใหญ่ส่องสว่างในป่า แต่แสงพระเยซูก็เป็นแค่ปรากฏการณ์พิเศษของแสง นอกจากมีชื่อที่สุดยอดมากแล้ว ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีพลังมหัศจรรย์ขนาดนี้…
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรียกให้แสงพระเยซูส่องลงมาโดนหัวได้ตลอดเวลา จางจื่ออันก็ตัดสินใจว่าอยากเป็นเพื่อนที่ดีของมันแล้ว เพราะสิ่งนี้เป็นอาวุธเก๊กหล่อต่อหน้าสาวโดยแท้!
พอจินตนาการถึงตอนที่หญิงสาวบ่นว่าวันนี้มีเมฆมาก เขาจะพูดคำลึกซึ้งโรแมนติกว่า ‘คุณก็คือแสงอาทิตย์ของผม’ ขณะเดียวกันก็มีแสงอาทิตย์ส่องลงมาบนหัว คาดว่าจะเอาชนะใจของหญิงสาวได้ทันที…
ขณะที่เขากำลังคิดเรื่อยเปื่อย ภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นพากันแนะนำตัวกับฟราเทอร์แล้ว ส่วนพายที่พูดไม่ได้ก็มีริชาร์ดช่วยแนะนำตัวแทน
แม้วลาดิเมียร์จะไม่สนใจพวกเทพเจ้าหรือผีสาง แต่มันเห็นภาพรวม และสนใจสถานการณ์ รู้ว่าตอนนี้ร่วมมือสามัคคีกันถึงจะเป็นพลังได้ ขยายแนวรบเอกภาพ ก่อนหน้านี้เพื่อต่อต้านภัยจากหนอน แม้แต่สุนัขจรจัดที่มันเกลียดขนาดนั้นก็ยังสงบศึกชั่วคราวได้ หมาป่าตัวนี้…พูดอย่างไรก็ดีกว่าเสี่ยวไป๋
ตอนนี้ภูตสัตว์เลี้ยงตัวอื่นรู้ว่าฟราเทอร์ให้ฝูงหมาป่าฆ่าแมวเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแมวพวกนั้นที่ยังคลุมเครืออยู่ว่า ‘ถูกฆ่าตาย’ แล้วจริงๆ หรือเปล่า ดังนั้นจึงไม่รู้สึกข้องใจกับมันแล้ว
พลังที่แท้จริงตัดสินอำนาจของคำพูด ฟราเทอร์เพิ่งแสดงปรากฏการณ์จากเทพที่ยากจะเชื่อเพื่อพิสูจน์พลังแท้จริงของตัวเองแล้ว พวกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอย่างริชาร์ดจึงไม่กล้าแสดงอำนาจให้มันดูเพื่อยกระดับตำแหน่งในบรรดาภูตสัตว์เลี้ยง
“จริงสิ ฟราเทอร์ ฉันมีเรื่องยากปรึกษากับนายหน่อย” จางจื่ออันชี้ไปที่ต้นไม้ข้างหลังไกลๆ “เรื่องนี้พูดยาก…มีกวางแดงฝูงหนึ่งอยู่ข้างหลังพวกเราไม่ไกล นายช่วยบอกฝูงหมาป่าของนายไม่ให้ทำร้ายพวกมันได้ไหม? ถึงยังไงพวกมันก็ตามฉันมา ถ้าถูกกินหมดแบบนี้…ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนทำร้ายพวกมัน พอเรื่องที่นี่จบลง ฉันออกจากป่าไปแล้ว จะไม่รบกวนเรื่องของหมาป่ากับกวางอีกแน่นอน”
ฟราเทอร์พยักหน้าด้วยความยินดีอย่างยิ่ง “ถึงเจ้าไม่พูด ข้าก็สัญญาว่าจะไม่จู่โจมกวาง เพราะข้าเคยเห็นกวางติดเชื้อโรคร้ายนั้นด้วยตาตัวเอง ช่วงนี้ฝูงหมาป่าจะจับหมาป่าไคโยตีกินเป็นหลัก ข้ารู้สึกว่าหมาป่าไคโยตีในป่าแห่งนี้มากเกินไปจริงๆ”
“งั้นก็ดี”
จางจื่ออันวางใจแล้ว ที่จริงโรคผอมของกวางไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ อย่างน้อยก็มีอยู่มามากกว่าห้าสิบปี แค่ช่วงนี้แนวโน้มการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นมากะทันหันจนดึงดูดความสนใจของผู้คน ในห้าสิบกว่าปีนี้ มนุษย์ยังไม่มีวิธีจัดการกับโรคนี้ ดังนั้นในอนาคตที่คาดการณ์ได้ มนุษย์จะหาวิธีควบคุมโปรตีนพรีออนได้ยากมาก และกำจัดการคุกคามโรคจากกวางไม่ได้ในเวลาอันสั้น
“นายบอกฝูงหมาป่าสักหน่อยดีกว่า ถึงแม้จะจับหมาป่าไคโยตีกิน ก็อย่ากินไขกระดูกสันหลัง น้ำเหลือง สมอง และอวัยวะอื่น อย่าจับหมาป่าไคโยตีที่ท่าทางน่าสงสัยพวกนั้นกินด้วย กัดพวกมันให้ตายก็พอแล้ว อย่ากินพวกมัน ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคระบาดจากตัวหมาป่าไคโยตีมาสู่หมาป่า” เขาพูดเตือน
ฟราเทอร์ฉีกยิ้มราวกับมีแผนในใจ “วางใจเถอะ แม้ข้าจะเพิ่งเคยเห็นโรคระบาดร้ายแรงชนิดนี้เป็นครั้งแรก แต่ข้าเคยเห็นโรคร้ายแรงที่น่ากลัวกว่านี้แล้ว ผู้ป่วยหน้าตาปูดบวม มือเท้าเน่าเปื่อย มีการแพร่ระบาดรุนแรงอย่างยิ่ง…อยากจะควบคุมโรคประสาทร้ายแรงไม่ให้แพร่กระจายไปอีกขั้น ก็จำเป็นต้องไม่ให้กวางที่อาจจะแพร่เชื้อสัมผัสกับกวางร่างกายแข็งแรง”
จางจื่ออันฟังมันพูดอย่างชัดเจนและมีเหตุผล สอดคล้องกับหลักการควบคุมโรคระบาดจริงๆ จึงไม่ได้กำชับปัญหานี้มากอีก
“ต่อไปพวกเราจะทำยังไง?” เขาถาม
ฟราเทอร์คุ้นเคยกับป่ามากกว่าเขา แถมยังคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถวนี้ น่าจะเสนอความคิดที่น่าเชื่อถือได้
เขาหยิบกิ่งไม้ขึ้นมากิ่งหนึ่ง นึกถึงรูปภาพที่ถ่ายในศูนย์นักท่องเที่ยว และวาดแผนที่แถวนี้คร่าวๆ ลงบนดิน
ฟราเทอร์มองอย่างละเอียดสักพัก จากนั้นใช้อุ้งเท้าหน้าข้างหนึ่งชี้ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้วพูดว่า “ตะวันตกเฉียงเหนือมีจุดรวมพลมนุษย์อยู่จุดหนึ่ง ห่างจากทะเลไม่ไกล ข้าไม่แน่ใจว่าเป็นพวกหลี่ผีเท่อที่เจ้าพูดถึงหรือเปล่า แต่ตามที่ข้ารู้ จุดรวมพลมนุษย์แถวนั้นมีแค่จุดเดียว…และนกเหล็กตัวเมื่อครู่ก็บินไปทางนั้น”
“เอ๋? งั้นก็น่าจะใช่แหละ” จางจื่ออันพยักหน้า จากการเปรียบเทียบ ตรงนั้นสภาพพื้นดินค่อนข้างสูง เป็นเนินเขาสูงต่ำทั้งหมด
“ที่นั่นมีคนทั้งหมดเท่าไร?” เขาถาม
“ไม่แน่ใจ” ฟราเทอร์ถอนหายใจด้วยความเสียดาย “ที่นั่นมีการป้องกันแน่นหนา ในป่ารอบนอกมีแมวลาดตระเวนอยู่มากมาย พอหมาป่าอย่างพวกข้าเข้าใกล้ก็จะถูกพบเข้า จากนั้นก็จะมีหมานักล่าและคนถือปืนมาถึงหลังจากได้รับข่าว…”
จางจื่ออันเข้าใจความยากลำบากของมัน ฝูงหมาป่าเพิ่งกลับมาที่ป่าแห่งนี้ ยังมีจำนวนน้อยเกินไป ตายไปหนึ่งตัวก็เท่ากับลดน้อยลงหนึ่งตัว ต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างสะเพร่าไม่ได้ ทำได้แค่พเนจรอยู่ในป่าลึกเหมือนตอนนี้ พยายามตัดกำลังของศัตรูให้ได้มากที่สุด แต่นี่ก็เสียเวลามาก
ส่วนทำไมในอุทยานถึงมีพื้นที่ส่วนบุคคลขนาดใหญ่แบบนี้ ที่จริงก็เข้าใจได้ง่ายมาก โฉนดที่ดินมากมายตกทอดมาจากตอนอเมริกาสถาปนาประเทศช่วงแรก หรือแม้กระทั่งก่อนสถาปนาประเทศ ผู้บุกเบิกที่รกร้างในตอนนั้นรีบร้อนประกาศความเป็นเจ้าของที่ดิน ที่รกร้างไร้เจ้าของแบบนี้ใครครอบครองแล้วก็นับเป็นของคนนั้น สองสามร้อยปีให้หลัง เกิดการเปลี่ยนผู้ครอบครองที่ดินหลายครั้ง แต่ในฐานะที่เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลก็จะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายเสมอ ถึงแม้พื้นที่ตรงนั้นถูกจัดสรรแบ่งเป็นอุทยานก็ตาม
“ตอนนี้นายไม่ต้องเป็นห่วงปัญหาเรื่องแมว” จางจื่ออันมองฟีน่าครั้งหนึ่ง “สมมติว่าทำลายการสกัดกั้นของแมวได้ ต่อไปควรจะทำยังไง?”
ฟีน่าเผยสีหน้าเยือกเย็นน่ากลัว ในดวงตาสีเขียวเป็นประกายเหมือนน้ำแข็ง ภายใต้น้ำแข็งเหมือนมีภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุลูกหนึ่ง มันอัดอั้นไฟโกรธในใจนานแล้ว ไม่ว่าใครสั่งให้แมวพวกนี้ทำหน้าที่เป็นกระสุนปืนใหญ่ มันก็จะลงโทษอย่างหนัก
“อ้อ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันกำลังตามหาผู้หญิงที่ชื่อว่าเมแกน ฉันคิดว่าเธอถูกพวกหลี่ผีเท่อขังไว้ในรังโจรของพวกเขา อาจจะถูกล้างสมองวันแล้ววันเล่า แม่ของเธอฝากฝังเธอไว้กับฉัน ต้องช่วยเธอออกมา…และฉันเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ถูกหลอกให้มาที่นี่ ถ้ามีความเป็นไปได้ ฉันอยากปล่อยพวกเขาออกมาให้ได้มากที่สุด”
ช่วยคนหนึ่งคนกับช่วยคนกลุ่มหนึ่งย่อมมีความยากคนละระดับกัน ฟราเทอร์รู้ข้อนี้ดี แต่กลับพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ได้ ข้าจะร่วมมือกับเจ้าอย่างสุดความสามารถ ขอเทพจงสถิตอยู่กับพวกเรา!”