Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1310 เส้นที่ห้า
มดขนาดเท่านิ้วโป้งคืบคลาน ชนกับกะโหลกสีขาวจนเกิดเสียงดังตึง
กลิ้งหลุนๆ
กะโหลกกลิ้งลงไปตามเส้นทางขรุขระ เกิดเสียงดังเป็นระลอกๆ ทำลายความสงบของที่นี่
สุดท้ายมันก็ตกลงตีนเขาดังโครม โยกไปโยกมาแล้วหยุดนิ่ง บ่งบอกความโหดร้ายและความน่าเศร้า
สายลมโชยมาดังหวีดหวิว สนามรบที่เคยเป็นวิเวกวังเวง ปราศจากพลังชีวิต ไร้พืชพรรณ ราวกับเป็นเขตสุสานอันเปล่าเปลี่ยว
ผู้กล้ามากเหลือคณานับทิ้งร่าง อัจฉริยะนับไม่ถ้วนเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่
แต่ทว่า ศพทั้งหมดหายไป บ้างก็จมอยู่ใต้ดิน บ้างก็ย่อยสลายไปแล้ว
เวลาทำลายทุกอย่างได้ ต่อให้เคยเป็นอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าแห่งวงการสูงส่ง ก็ยากจะดิ้นรนหรือต้านทานกาลเวลาได้
เมื่อนานมาแล้ว มีเซียนสิ้นชีพที่นี่ เลือดของผู้อมตะนองพื้น ทำให้ภูเขาและหุบเหวมากมายเป็นสีแดงคล้ำ ไม่มีวันเลือนหาย
โทนสีอึมครึมอย่างมาก เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ทำให้หายใจลำบาก รู้สึกถึงความหดหู่ของประวัติศาสตร์อยู่รางๆ ความเศร้าในตอนนั้น แทบจะหายใจไม่ออก!
หนึ่งยุคผ่านไป ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปแล้ว
มีคนยืนอยู่ใต้ตีนเขา นิ่งไม่ไหวติง ราวกับแข็งเป็นหินไปแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมากนับสิบล้านปี ถูกฝุ่นธุลีท่วมท้น
ลมเย็นพัดโบกจนชายเสื้อของเขาเลิกขึ้น ผมสีดำของเขาพลิ้วไหว เผยให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลา เหม่อลอยเงียบๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับกาลเวลา
“ข้ากำลังเวียนว่ายตายเกิดหรือ? ที่เดียวกัน แต่ภาพต่างกัน” เขาพึมพำ ใบหน้าบรรยายไม่ถูกว่าดีใจ โกรธ เศร้าหรือเบิกบานใจ ในความเงียบแฝงความเศร้าสลด อาลัยอาวรณ์ งุนงง และหวนคิดถึงอดีต
บนหัวไหล่ของเขามีมดสีทองตัวหนึ่ง
ชายหนุ่มก้มหน้า มองกระดูกสีขาวบนพื้น จากนั้นก็มองมดขนาดเท่านิ้วโป้งตัวนั้น มันนั่นเองที่ดันกะโหลกชิ้นนั้น
“เหมือนเจ้ายิ่งนัก” ชายหนุ่มเบนหน้ามองมดน้อยบนหัวไหล่
“หากมดตัวนั้นเหมือนข้า กะโหลกบนหัวนั่นก็เหมือนเจ้าเหมือนกัน” มดน้อยบนหัวไหล่ของเขาตอบ
“งั้นหรือ เมื่อร้อยล้านปีก่อน ข้าอยู่ที่ใด ไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวกับข้าก็ได้” ชายหนุ่มย่อตัวลง เก็บกะโหลกสีขาวบนพื้นขึ้นมา
ร่องรอยของการผ่านร้อนผ่านหนาว กาลเวลากัดกร่อน มันเป็นหลุมเป็นบ่อ มีรูพรุนประหนึ่งรังผึ้ง ผุพังไปนานแล้ว
“ขี้โม้จริงๆ คิดว่าเจ้าจะเวียนว่ายตายเกิดได้จริงหรือ? ในโลกนี้มีวัฏสงสารหรือไม่ก็ยังไม่รู้” มดน้อยบนไหล่เขาพูด
เพียงแต่ว่า มันก็สับสน สิ่งที่ประสบเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรือ? ย้อนเวลากลับไปอดีต ราวกับกำลังเวียนว่ายตายเกิด ได้เห็นตัวเองในยุคที่แล้ว
พวกเขาพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน แค่ยืนอยู่ที่นี่เงียบๆ หวนคิดถึงความทรงจำ ประสบการณ์แบบนั้นพิลึกเหลือเกิน และน่ากลัวมากเช่นกัน
พวกเขาคือสือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์
พวกเขาต่างก็มึนงงและสับสน ไม่นานก่อนหน้านี้ ความรู้สึกของพวกเขาประหลาดยิ่งนัก ราวกับเผชิญหน้ากับสงครามที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งจริงๆ!
“เฮ่ออู่ซวง มีคนเช่นนี้อยู่จริงหรือ?” สือฮ่าวพึมพำ
พวกเขาเดินเลียบตามเส้นทางนั้น เข้าไปในสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอด สิ่งที่พวกเขาพบเจอพิลึกเหลือเกิน
“ทั้งๆ ที่เห็นศพของผู้กล้ามากเหลือคณานับ แผ่นดินผืนนี้นองเลือด กาหลอมเซียนลอยกลางนภา ดูดซึมเลือดลมของเหล่าผู้กล้า กับเฮ่ออู่ซวงที่ยิ่งใหญ่จนน่ากลัว…” มดน้อยบ่นอุบอิบ
ในประสบการณ์เมื่อครู่ สือฮ่าวตาย หมัดสุดท้ายแฝงความโกรธแค้น ทะลวงหน้าผากของชายผมทองคนนั้น ปลิดชีพเขาทันที
ส่วนตัวเขาเองก็ถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายปักหน้าผาก กำจัดดวงจิต ตายไปพร้อมกัน
แต่เมื่อทุกอย่างเลือนราง ฟ้าดินเงียบสงัด สติดับวูบไปเนิ่นนาน เขาก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา หลุดออกจากสภาพแบบนั้น
เขายืนอยู่ตรงนี้ สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นสนามรบอันรกร้าง ไม่มีศพของบรรพชน และปราศจากศัตรูที่ยิ่งใหญ่คนนั้น เสมือนไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
เพียงแต่ว่า ไยจึงรู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเนื้อปวดตัวกันล่ะ?
แต่หาบาดแผลไม่เจอ เมื่อลูบคลำหน้าผาก มันยังเจ็บอยู่มาก ราวกับเคยปริแตก ไม่ฟื้นฟูอย่างสิ้นเชิง
“เป็นความฝัน หรือย้อนเวลา สมจริงเหลือเกิน” สือฮ่าวพูดพลางลูบหน้าผากป้อยๆ
“ข้าก็ไม่เข้าใจ ที่นี่วิเศษเหลือเกิน ต้องใช้วิธียิ่งใหญ่ปานไหนถึงจะสร้างปรากฏการณ์แบบนั้นได้ แยกไม่ออกเลยว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ” มดน้อยก็อุทานเช่นกัน
หากไม่ยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสือฮ่าวยังมีชีวิตอยู่ รวมถึงไม่เห็นเฮ่ออู่ซวงกับสิงห์เลือดหงส์ มันคงคิดว่าประสบการณ์ทั้งหมดเป็นความจริงที่โหดร้าย
“วิชาสังหารเซียน สรรพวิชาสูญเปล่า ญาณวิเศษสะท้านปฐพีแบบนี้มีจริงหรือไม่?” สือฮ่าวถาม
“มีอยู่ อย่างแรกเป็นวิชาโจมตีไร้พ่าย แม้แต่ในต่างแดนก็แทบจะไม่มีใครครอบครองแล้ว มันเป็นวิชาลับสูงส่งที่บุกเบิกเพื่อสังหารเซียน อย่างหลังมีพลังป้องกันเป็นหนึ่งในหล้า ขจัดการโจมตีทั้งหลายของศัตรู ทำลายพลังกฎเกณฑ์ได้” มดน้อยพูด ใบหน้าค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา
“ข้าเห็นล่วงหน้าแล้ว” สือฮ่าวหรี่ตาลง หากเป็นความฝัน ไยจึงเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นภาพลวงตา ทำไมถึงสมจริงปานนี้
สือฮ่าวสำรวจตัวเอง รวมถึงอาวุธทั้งหลาย
“หือ?” จู่ๆ เขาก็สะดุ้ง ตกใจเล็กน้อย
น้ำอมตะเล่า? ของเหลวที่สมุนไพรเซียนขี่เต่าหายไปแล้ว!
กินมันในฝันแล้วจริงหรือ? พิลึกยิ่งนัก
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น เห็นร่องรอยจางๆ เส้นหนึ่ง มันเรียงตามสี่เส้นที่เหลือ ริ้วรอยลึกลับ ประหนึ่งเป็นประตูของวัฏสงสาร!
“อินวัฏจักรทั้งห้า!”
สือฮ่าวเย็นวาบไปทั้งตัว รูม่านตาหดตัว แสงสว่างสาดออกมา
ครั้งก่อน ตอนที่เขากินผลน้ำพุเหลือง เคยมีปรากฏการณ์ที่เข้าใจได้ยากเกิดขึ้น ราวกับผ่านการเวียนว่ายตายเกิด ทิ้งร่องรอยสี่เส้นบนฝ่ามือของเขา
ครั้งนี้ มีเส้นที่ห้าโผล่มาแล้ว!
“สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เรื่องพวกนี้ คัมภีร์อมตะล่ะ? หากสิ่งที่พวกเราเผชิญเป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ กระดาษสีทองบนยอดเขาพวกนั้นล่ะ อยู่ไหน?” มดเขาสวรรค์ร้อนใจยิ่งนัก
พวกเขามาเพื่อคัมภีร์อมตะ มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สูญเสียไปได้ หากคัมภีร์หายไป เท่ากับมาเสียเที่ยวไม่ใช่หรือ?
“หากมีคนที่ชื่อเฮ่ออู่ซวงคนนี้อยู่จริง เขาเคยมาที่นี่ พวกเราไม่ตาย เขาก็ไม่ตายเช่นกัน แบบนั้นเขาก็ชิงคัมภีร์ไปแล้วไม่ใช่หรือ!” มดน้อยกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว
หากวินิจฉัยไม่ผิดล่ะก็ เฮ่ออู่ซวงเป็นคนในช่วงปลายยุคเซียนโบราณ มาก่อนพวกเขาหนึ่งยุค หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ จะเหลืออะไรอีก?
ชิ้ง!
พวกเขากระโดดขึ้น พุ่งเข้าไปในเทือกเขา จากนั้นก็ปีนขึ้นเขาศักดิ์สิทธิ์มหึมาลูกนั้นอย่างรวดเร็ว
ในความฝัน สือฮ่าวต่อสู้กับเฮ่ออู่ซวงที่นี่ จากนั้นก็ตายทั้งคู่
ตอนนั้น มีแสงสว่างสาดส่องที่นี่ กระดาษหนังสัตว์พลิกดังพรึ่บพรั่บไม่หยุด อักขระนานาชนิดเริงระบำ น่าตะลึงยิ่งนัก
แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย ภูเขาหม่นหมอง เป็นสีเทา ยังแปดเปื้อนคราบเลือด เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว คราบเลือดสีทองยังไม่เคยเลือนหาย
“ไม่อยู่แล้ว หายไปไหน?!” มดน้อยตะโกนลั่น หรือสุดท้ายทุกอย่างจะสูญเปล่า?
สือฮ่าวย่อตัวลง เก็บมดขนาดเท่านิ้วโป้งบนพื้นขึ้นมา ไม่ใช่มดเขาสวรรค์ เป็นมดน้อยที่เคยดันกะโหลกกลิ้งลงภูเขาตัวนั้น
เขาสำรวจความทรงจำของมัน เพื่อให้ได้เบาะแสบางอย่าง
เพราะที่นี่วังเวงเหลือเกิน ไม่เห็นต้นไม้ใบหญ้า แทบจะไม่มีชีวิตชีวา เห็นสิ่งมีชีวิตสักตัวนั้นไม่ง่ายเลย
น่าเสียดาย เขาต้องผิดหวัง มดตัวนี้ยังไม่มีวิวัฒนาการ ไม่มีสติปัญญา เป็นแค่มดทั่วไปที่แข็งแรงตัวหนึ่งเท่านั้น
ไม่อาจยืนยันเรื่องประหลาดหรือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากตัวมันได้เลย!
“คัมภีร์อมตะอยู่ไหน?” สือฮ่าวก็อยู่เฉยไม่ได้แล้ว ครั้งนี้มาเพื่อค้นหาคัมภีร์อมตะ หากไม่ได้อะไรเลย มันจะน่าผิดหวัง
ยิ่งไปกว่านั้น หากเฮ่ออู่ซวงมีอยู่จริงล่ะก็ มันจะยิ่งทำให้ตกใจ
คนคนนั้นมาก่อนพวกเขา ปีนขึ้นที่นี่จากช่วงปลายยุคเซียนโบราณ ตอนนี้หาคัมภีร์อมตะไม่เจอ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน!
สือฮ่าวกับมดน้อยปล่อยกระแสอันยิ่งใหญ่ออกไป ค้นหาทั่วบริเวณนี้ ถึงขั้นว่าอยากพังภูเขา พลิกหาทั่วภูเขา
ตูม!
ภูเขามโหฬารสั่นสะเทือนดังครืน แถมยังสว่างวาบ เพียงแค่ไม่เจิดจ้าอีกต่อไป เป็นแสงสีดำ เคยถูกพลังน่ากลัวบางอย่างกัดกร่อน
หลังแสงสว่างสาดกระจาย สือฮ่าวก็มดน้อยก็กระเด็นออกมาทันที
พวกเขาไม่ทำให้ภูเขาลูกนี้เสียหาย!
กา!
อีกาตัวหนึ่งกางปีก พุ่งออกจากแสงดำทะมึน ท่ามกลางสถานที่เปล่าเปลี่ยวแห่งนี้ ในสุสานที่ฝังร่างเหล่าวีรชนผืนนี้ มันดูอัปมงคลอย่างบอกไม่ถูก
“อีกา!” มดน้อยเงื้อหมัดขึ้นจะโจมตีข้างหน้าทันที
“กา กา กา…” อีกากระพือปีก แผดร้องอยู่ตรงนั้น มันหลบออกไป จากนั้นบินลงมา ยืนอยู่บนกะโหลกชิ้นนั้น
“เจ้าแปลงร่างจากตัวอะไร?” สือฮ่าวตะโกนถาม
เขาไม่เชื่อว่านี่จะเป็นอีกาจริงๆ มิเช่นนั้นจะพุ่งออกจากแสงดำทะมึนได้อย่างไร?
“ไม่ต้องลงมือกับข้า ข้ามาไขความข้องใจให้พวกเจ้า” อีกาถอนหายใจ นัยน์ตามีความเศร้าสลัดและเหนื่อยล้า
นี่เป็นนกอัปมงคล แต่ตอนนี้กลับไม่ทำให้รู้สึกถึงความชั่วร้าย กลับทำให้รู้สึกเหมือนเป็นผู้สิ้นหวังที่พ่ายแพ้แก่กาลเวลา
“เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่?” มดเขาสวรรค์เค้นถาม ไม่ค่อยเชื่อมันมากนัก
อีกายืนอยู่บนกะโหลก มีหมอกดำจำนวนมากปรากฏขึ้นด้านหลังของมัน จากนั้นก็มีเสียงตะโกนสะเทือนฟ้าดินดังขึ้น ตามมาด้วยร่างคนมากเหลือคณานับ มันเป็นวิญญาณวีรชน!
เปลวไฟสีดำลุกโชน พุ่งขึ้นฟ้าสูง
อีกาอยู่ท่ามกลางหมอกดำและเปลวไฟ ทำให้ดูลึกลับมากกว่าเดิม
ใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังมองพวกเขาจากหมอกดำ
“วิญญาณวีรชน!” สือฮ่าวพึมพำ เขารู้แล้วว่า มันเกิดจากความรู้สึกที่ยังไม่ดับสูญของผู้กล้าที่รบจนตัวตายในสมรภูมิรบแห่งนี้ วิญญาณวีรชนปรากฏกาย
วิญญาณทั่วไปไม่มีความตระหนักรู้มากนัก เป็นแค่เศษเสี้ยวของความคิด แต่วิญญาณที่แปลงร่างเป็นอีกาตัวนี้ไม่ธรรมดา เหนือคำบรรยาย
“ข้ามาช่วยไขข้อข้องใจให้พวกเจ้า” อีกาพูด
สือฮ่าวกับมดน้อยไม่พูดอะไรอีก ตั้งใจฟังเงียบๆ
“สิ่งที่พวกเจ้าเห็นตรงหน้าต่างหากที่เป็นสถานที่ทดสอบขั้นสุดยอด หรือก็คือสนามรบโบราณในอดีต”
“ศพเกลื่อนพื้นกับเลือดจำนวนมากที่พวกเจ้าเห็นก่อนหน้านี้เคยมีอยู่จริง เป็นสภาพที่ตกอยู่ในมือของต่างแดนหลังผ่านสงครามสุดท้าย พวกเจ้าเห็นศพของบรรพชน ภาพของผู้กล้านับไม่ถ้วน”
“เฮ่ออู่ซวงมีอยู่จริง มีฉายาว่าที่หนึ่งในหล้า เป็นหนึ่งในผู้นำกองทัพต่างแดนในช่วงปลายยุคเซียนโบราณ เกิดมาเพื่อฆ่าผู้สูงส่งของแดนเราโดยเฉพาะ!”
“สงครามในฝันสมจริงมาก มันเป็นการทดสอบพวกเจ้า เป็นสงครามที่เกิดขึ้นจริง หากเจ้าสู้เฮ่ออู่ซวงไม่ได้ เท่ากับว่าไม่มีวาสนากับคัมภีร์อมตะ!”
แค่ไม่กี่ประการ ก็ทำให้สือฮ่าวกระจ่าง มีเสียงครืนครันดังข้างหู แม้แต่ใจก็สั่นระรัวตามกัน!
………………………………………………………