Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1291
หมอกสีดำกระจายอยู่ทั่ว เมื่ออยู่กลางทะเลก็มองไม่เห็นทิศทาง มีเพียงเรือวิญญาณกำลังโลดแล่น
มันพิลึกยิ่งนัก ทะเลผืนกว้าง ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด แต่เงียบสงัดไม่มีเสียง แม้กระทั่งว่าไม่มีแม้แต่ริ้วคลื่น ที่นี่เป็นดุจทะเลแห่งมรณะ เงียบงันจนน่าตกใจ
สือฮ่าวที่อยู่บนเรือกระดูกสีดำที่ยาวไม่ถึงหนึ่งจั้งทำหน้าเคร่งขรึม จ้องเลือดบนเรือเขม็ง จากนั้นก็มองทะเลเงียบวังเวงผืนนี้
เขาไม่มีความมั่นใจ ไม่เคยซักถามคนอื่นว่า พบเจอกับสถานการณ์แบบไหนยามข้ามทะเลผืนนี้ มันปกติไหม?
อย่างน้อย มีเลือดสีดำซึมออกมาจากเรือ มันไม่ปกติแน่นอน คนอื่นไม่เคยพบเจอเป็นแน่
“ในตัวข้ามีอะไร ทำให้มันเกิดปฏิกิริยาหรือ?” สือฮ่าวพึมพำ มิเช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร
เขาอยู่ไม่สุข เรือวิญญาณกำลังแล่นด้วยตัวเอง ปลายทางที่แท้จริงยังเป็นป่าหินทะเลเหนืออยู่หรือไม่? เขาไม่อาจมั่นใจได้ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันในผืนทะเลกว้างเช่นนี้ มันจะรับมือได้ยากยิ่งนัก
“เลือดมีกลิ่นอะไร แม้จะมีกลิ่นคาว แต่กลับมีกลิ่นหอมจางๆ แฝงอยู่’ มดบนหัวไหล่ของสือฮ่าวพูด จากนั้นก็กระโดดลงมา
สือฮ่าวพูดไม่ออก ไยมุมมองของทายาทสิบอสูรจึงแตกต่างแบบนี้ เขายังรู้สึกกังวล แต่เจ้านี่กลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
“เจ้าลองดูไหมล่ะ?” สือฮ่าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ตึง!”
แม้มดสีทองจะยาวไม่ถึงหนึ่งหุน แต่กลับหิ้วหม้อสำริดขนาดเท่าหัวคนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า มันมีญาณวิเศษเหนือชั้น ปกติสามารถใส่อาวุธที่ใหญ่ปานเขาพระสุเมรุเข้าไปในตัวได้
“หลอมสักหน่อย!” มันดีดนิ้ว เลือดสีแดงคล้ำบนท้องเรือกระเด็นออกมาหลายหยด หยดลงในหม้อสำริด
“ไฟแห่งพลัง แผดเผาความชั่วร้าย!” มดน้อยแผดร้อง อ้าปากพ่นลำแสงสีทอง กลายเป็นเปลวไฟ แผดเผาหม้อใบนั้น
แม้มันจะมีขนาดเล็ก แต่อานุภาพของเปลวไฟที่พ่นออกมากลับไม่ธรรมดา ทำให้อุณหภูมิที่นี่พุ่งพรวดพราดขึ้นทันที แม้แต่มิติก็บิดเบี้ยว เกิดเสียงดังเปรี๊ยะ
จากนั้นหม้อก็ถูกเผาจนแดงกระทั่งโปร่งแสง
หม้อใบนี้พิเศษยิ่งนัก ส่องแสงแวววาว เมื่อครู่ยังเป็นสีของสำริด ปรากฏว่าตอนนี้กลับเป็นเหมือนกระจก ทำให้เห็นลวดลายผนึกกำลังข้างใน
มันเป็นอักขระเซียนโบราณ ก่อตัวเป็นโครงสร้างภายในหม้อ ซับซ้อนและวิเศษ
ผลุบ!
ไม่นาน ควันดำก็ลอยออกจากหม้อ กลิ่นคาวฉุนจมูก ชวนให้รู้สึกคลื่นเหียน
สือฮ่าวกับมดน้อยถอยหลังอย่างรวดเร็ว ควันดำเบาบาง แต่กลับมีพลังกัดกร่อนอันน่าตกใจ ทำให้หมอกควันรอบๆ เกิดเสียงดัง ซ้ำยังแฝงด้วยพลังงานน่ากลัว ชั่ววินาทีที่มันลอยขึ้นมา มิติบริเวณรอบๆ แตกระแหง
อย่าว่าแต่สือฮ่าวเลย มดน้อยผู้ไม่ยี่หระก็ตะลึงพรึงเพริด
“วิปริตปานนี้ มันเป็นพิษที่เกิดจากเลือดที่ถูกสาปของผู้ยิ่งใหญ่ขั้นอมตะหรือ?” มดน้อยพึมพำ
สือฮ่าวตกใจยิ่งกว่ามันเสียอีก เป็นแค่เลือดที่ซึมออกจากท้องเรือ เอาออกมาไม่กี่หยดเท่านั้น แต่กลับมีพลังถึงปานนี้
เห็นได้ชัดว่า มันเป็นพิษที่หลงเหลือ ตอนนั้นมันเป็นอย่างไร? จินตนาการไม่ออกเลย เกรงว่าเลือดหนึ่งหยดก็สามารถทำลายมือดีขั้นสุดยอดได้
ใบหม้อมีเลือดที่นับว่าแดงฉานอยู่หนึ่งหยด มีพลังบางอย่างแฝงอยู่ แต่กลับขาดพลังชีวิต ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่ด้วย
มันเป็นเลือดวิเศษ!
แน่นอนว่า มันเคยล้ำค่าสุดแสน แต่เมื่อกาลเวลาอันยาวนานผ่านไป พลังปราณสลายหายไป หลงเหลืออยู่หนึ่งในหมื่นนับว่าดีมากแล้ว
แต่แม้จะเป็นแบบนี้ เลือดหยดนี้ยังคงมีพลังที่น่ากลัวมากเช่นเดิม
สือฮ่าวเพ่งมอง เห็นดวงดาวมากมายเคลื่อนไหวอยู่ข้างใน มันเป็นภาพลวงตา เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หมอกเกลือกกลิ้ง ดวงดาวทั้งหลายในจักรวาลถูกพุ่งชน จากนั้นระเบิด
มันทำให้เขาตะลึงพรึงเพริด!
มดน้อยจ้องภาพในเลือดหยดนั้นอย่างลุ้นระทึก
ตูม!
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ราวกับพวกเขาได้ยินเสียงคำรามที่เปี่ยมด้วยความสิ้นหวัง จากนั้นก็มีทวนสีทองพุ่งทะลุจักรวาล ทะลวงสิ่งมีชีวิตตนนั้นดังผลุบ
ต่อมา เลือดก็สาดกระจาย โปรยปรายลงบนดวงดาว เลือดเป็นดุจศาสตราวุธน่ากลัว พุ่งทะลุดวงดาวใหญ่ทั้งหลาย
ทั้งๆ ที่เป็นแค่หยดเลือดบางส่วนเท่านั้น แต่กลับทำลายดวงดาวขนาดมหึมาและเก่าแก่มากมาย โจมตีจนแหลกละเอียด
“สวรรค์ ยิ่งใหญ่นัก ด้อยกว่าพ่อข้าไม่เท่าใดหรอกกระมัง?” มดน้อยอุทานอย่างตกใจ
สือฮ่าวก็อดตกใจไม่ได้ เสียวสันหลังวาบ มันเป็นสงครามแบบไหนกัน? ชั่ววินาทีที่สิ่งมีชีวิตถูกทะลวง เลือดก็พุ่งกระฉูด สาดลงบนดวงดาว ทำลายพวกมันไปมากมายปานนี้ มันสะเทือนขวัญเสียเหลือเกิน
เลือดหนึ่งหยดทำลายดาราจักร โจมตีดวงดาวขนาดใหญ่นับหลายร้อยหลายพันดวง!
นี่เป็นตำนานเหนือตำนาน มันช่างน่าตกใจจริงๆ
“เลือดหยดนี้เจือจางไปแล้วไม่รู้กี่หมื่นเท้า แต่ยังทิ้งร่องรอยพวกนี้ไว้ แฝงด้วยข้อความเมื่อนานมาแล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ!” มดน้อยพูด
สือฮ่าวส่งสัญญาณ ให้มันลองชิมรสชาติของเลือดดู
มันส่ายหน้าอย่างสุขุมแล้วพูดว่า “จะมีเลือดอะไรสู้เลือดสุดยอดพลังของข้าได้ เลือดหัวใจมังกรก็ไม่เห็นว่าจะเทียบได้!”
“จะว่าไปก็จริง ให้ข้าได้ชิมสักหน่อยว่า เลือดสุดยอดพลังเป็นอย่างไรกันแน่ ข้ายังไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนเลย” สือฮ่าวพูดยิ้มๆ
“หลีกไป อย่าคิดจะทำอะไรข้า!” มดน้อยทำท่าระวังตัวขึ้นมา
ทั้งที่ตึงเครียดยิ่งนัก บรรยากาศไม่ชอบมาพากล ผืนทะเลกว้างเงียบสงัด ประหนึ่งเป็นเขตต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิต แต่พวกเขายังโต้เถียงกัน ทำให้ผ่อนคลายลงไม่น้อย
สือฮ่าวตรวจสอบเลือดหยดนี้จะถี่ถ้วน เสียดายที่ไม่พบอะไรใหม่ มันค่อยๆ มืดสลัวลง กลับสู่ความสงบ
เวลาผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว หมอกในทะเลหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแม้แต่เนตรสวรรค์ก็หมดประสิทธิภาพ
พวกเขาเข้าสู่แดนปีศาจ ทะเลลึกยิ่งนัก ไม่รู้ลึกถึงกี่หมื่นจั้ง แต่กลับมีโครงกระดูกขนาดใหญ่โผล่พ้นผิวน้ำให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
นี่มันสถานที่บ้าบอกอะไร? เห็นผีชัดๆ!
ร่ำลือกันว่า ระหว่างทางที่เรือวิญญาณแล่นผ่านไม่มีสถานที่แบบนี้ ที่นี่ไม่น่าใช่ปลายทางที่จะมุ่งหน้าไป
ผิวน้ำมีกระดูกครึ่งวงกลมให้เห็นเป็นครั้งคราว เมื่อเพ่งมอง มันเป็นกะโหลก ตั้งขวางอยู่กลางทะเล ใหญ่โตมโหฬารนัก
“กะโหลกนี่ใหญ่เกินไปแล้ว ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ คงจะยืนค้ำฟ้าเป็นแน่” มดน้อยอุทาน
สือฮ่าวทำหน้าจริงจัง เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินทางผ่านเส้นทางมรณะ ข้ามผ่านเก้าสวรรค์สิบพิภพในความเป็นจริง มาถึงแดนนรก
มิเช่นนั้น จะมีภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร
มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ปักอยู่กลางทะเลให้เห็น โผล่พ้นขึ้นเหนือผิวน้ำ สูงทะลุชั้นเมฆ มันพิลึกเหลือเกิน
สามารถจินตนาการได้ว่า สงครามในตอนนั้นดุเดือดปานใด ผู้ตายต้องเป็นบุคคลขั้นสุดยอดเป็นแน่ ไม่ว่าตนใดปรากฏตัวก็คงสะเทือนฟ้าดิน!
รู้สึกถึงอานุภาพของพลังได้ที่นี่ บุคคลที่ยิ่งใหญ่สะเทือนโลกาปานใด สุดท้ายก็น่าเวทนาเช่นนี้ เป็นแค่เศษกระดูกในสายน้ำของกาลเวลาเท่านั้น
สือฮ่าวอดคิดไม่ได้ว่า เขาในอีกล้านปีให้หลังจะอยู่ที่ใด จะกลายเป็นแค่เศษกระดูกเหมือนกันหรือไม่
อนาคตจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เค้าลางต่างก็กำลังส่งสัญญาณให้เห็น มันจะเลวร้ายอย่างมาก กฎเกณฑ์ฟ้าดินถูกทำลาย สิ่งมีชีวิตต่างแดนรุกราน ทำให้กลายเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์
หากเข้าสู่ยุคใหม่ คนในยุคนี้อย่างพวกเขาจะเหลือกี่คน จะกลายเป็นเถ้าธุลีของประวัติศาสตร์หรือไม่?
สือฮ่าวจำได้ชัดเจนว่า ในสนามรบเซียน มีผู้ยิ่งใหญ่ก่อนปฐมกาลข้ามเวลามาจะสังหารเขา เคยมีหญิงชุดขาวลงมือช่วยเขาจากตอนบนของสายน้ำแห่งกาลเวลา
นั่นเป็นรุ่นหลัง เป็นคนของยุคหน้าหรือ พวกเขาจะมีโอกาสได้พบกันหรือไม่?
หรือการลงมือครั้งนั้นเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น
กลียุคที่มืดมนที่สุด ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดจะมาเยือน สุดท้ายสือฮ่าวก็ไม่รู้ว่าชะตาของตัวเองจะเป็นอย่างไร
“หือ?” จู่ๆ ขณะที่เขากำลังขบคิด ก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พวกเขาแล่นออกจากบริเวณนี้
ผืนทะเลโล่งกว้างในพริบตา ท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลที่แวววาวดุจลูกแก้ว ร้อยเข้าด้วยกัน สุกใสและโปร่งแสง งดงามจับใจ
ก่อนหน้านี้ยังมีหมอกดำหนาแน่น กลิ่นอายความตายปกคลุม ในน้ำเต็มไปด้วยกระดูกมหึมา แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรในพริบตา
แตกต่างกันเหลือเกิน เหนือความคาดหมาย!
“เราอยู่ที่ไหนกัน?” มดสีทองหันซ้ายแลขวา มันมึนงงไม่น้อยเลย
ทะเลกว้างท้องฟ้าคราม ผิวน้ำดุจผลึกหิน มีพลังปราณทะลักออกมา
นี่ไม่ใช่ป่าหินทะเลเหนือแน่นอน มันไม่เหมือนที่ร่ำลือ สือฮ่าวขมวดคิ้ว ไม่มีกะจิตกะใจชื่นชมทิวทัศน์งดงามเช่นนี้
เลือดซึมออกจากเรือวิญญาณ มันมีอะไรบางอย่าง พาพวกเขาเข้ามาในแดนลึกลับ เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ทำไมสิ่งที่เผชิญไม่เหมือนคนอื่น
ครั้งนี้ เรือวิญญาณแล่นไวยิ่งนัก ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็เข้าสู่สถานที่ขมุกขมัวแห่งหนึ่ง
ที่นี่ล้มล้างความคิดที่เคยมีมาอย่างสิ้นเชิง แตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาเห็นทั่วไป
พระอาทิตย์สีทองดวงหนึ่งแนบผิวน้ำ ส่องแสงสว่างไสว เห็นอีกาทองหลับใหลอยู่ในดวงตะวัน
มันเป็นดวงอาทิตย์เก่าแก่ดวงหนึ่ง เกิดจากศพอีกาทองที่ตะลุยไปทั่วฟ้าดิน ไร้พลังความตาย มีเพียงความร้อนระอุและสุขสงบ
และบนฟ้าสูง เต็มไปด้วยยอดเขามากมาย แต่ล้วนคว่ำหัวลง มากกว่านั้นคือต้นไม้ ประหนึ่งงอกเงยบนฟ้าสูง แต่ยอดไม้กลับหัวเข้าหาผิวน้ำสีคราม
นอกจากนี้ ทั้งเทือกเขาและผืนดิน ต่างก็กลับหัว ตรงข้ามกับสรรพสิ่งที่อยู่ข้างล่าง
พระอาทิตย์แนบผิวน้ำ ห่างไกลจากฟากฟ้า ต้นหญ้ากลับหัวบนผืนฟ้า ปักษาและสัตว์ร้ายบางส่วนกำลังแผดร้อง เท้าเหยียบท้องฟ้า เดินกลับหัวเช่นกัน
มันเหมือนโลกกลับหัว ตรงข้ามกับที่นี่
จักรวาลประหลาด ดินแดนที่แตกต่าง ที่นี่พิเศษยิ่งนัก มันชวนให้ฉงนสนเท่ห์
มดน้อยยืดคอ ท่าทางเหม่อลอย กวาดสายตาประเมินรอบทิศ มันเป็นดินแดนอะไรกัน มันทำให้พวกเขาสับสนยิ่งนัก
เปรี้ยง!
ทันใดนั้น เสียงฟ้าคำรามก็ดังขึ้น แทบจะฟาดวิญญาณคนให้แหลกสลายแล้ว!
มันกะทันหันปานนี้ ปรากฏขึ้นมาดื้อๆ ทำให้หวาดผวา กะทันหันเหลือเกิน ทำลายความสงบของที่นี่เสียแล้ว
เรือวิญญาณเคลื่อนตัวช้าๆ ก็เข้าสู่บริเวณที่มีเสียงฟ้าคำรามสะเทือนปฐพีแห่งนี้แล้ว
ท่ามกลางผืนฟ้าและทะเลที่สาดสีฟ้า บนผิวน้ำเบื้องหน้าอันสงบ มีภาพอันน่าพรั่นพรึงเกิดขึ้น
น้ำวนประหนึ่งภูเขาไฟเชื่อมต่อผืนฟ้าและผิวน้ำ มันเป็นตาน้ำกลับหัว ที่น่าเสียดายคือ มันไม่ได้ดูดสรรพสิ่งลงใต้ทะเล แต่ม้วนตัวขึ้นฟ้าสูง
ตรงนั้นมีสายฟ้ากะพริบแปลบปลาบ เป็นตาน้ำที่ห้อมล้อมด้วยสายฟ้า หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นตาฟ้าดิน
ตอนแรกไร้เสียง แต่หลังจากพรวดพราดเข้ามาที่นี่ จึงได้ยินกะทันหัน มันบาดแก้วหู ทำให้จิตสั่นคลอน แทบจะระเบิด
มดน้อยกุมหัว ร้องลั่นอย่างทนไม่ไหว สีหน้าเจ็บปวด ที่นี่พิลึกเหลือเกิน มันทำให้ต้านทานไม่ไหว!
หน้าผากของสือฮ่าวก็แทบจะปริแตก ประหนึ่งคมดาบปักลงมา ทิ่มแทงดวงจิตของเขา แหลมคมยิ่งนัก!
“นั่นอะไรน่ะ?” สือฮ่าวอดทนต่อความเจ็บปวด ฝืนมองกระแสวนที่เชื่อฟ้าและผืนน้ำ เมื่อเพ่งพินิจมอง เขาพบก็พบว่า พลังแห่งกาลเวลารุนแรงเหลือเกิน มันไปด้วยชิ้นส่วนของเวลา กำลังหมุนอยู่ตรงนั้น
“พลังแห่งกาลเวลา ข้าไม่เคยเห็นพลังที่น่ากลัวปานนี้มาก่อนเลย!” มดน้อยหน้าถอดสี
หากเกี่ยวข้องกาลเวลา มันจะน่ากลัวโดยสิ้นเชิง เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ง่าย ต่อให้เป็นมดเขาสวรรค์ หนึ่งในสิบอสูรอย่างพ่อของมัน ตอนนั้นก็ยังหวาดกลัวมากเช่นกัน
และในแดนนี้ กลับมีพลังแห่งกาลเวลาที่รุนแรงปรากฏขึ้นโดยบังเอิญ แม้จะเกิดขึ้นนับครั้งได้ แต่หากก่อตัวเป็นเช่นนี้ จำต้องหลีกเลี่ยง!
ในตอนนี้เอง ก็มีพลังน่ากลัวลอยมาจากกระแสวนอันทรงพลังนั่น กระชากสือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์ให้พุ่งเข้าไปข้างใน
“ไม่!”
มดเขาสวรรค์ร้องลั่น ใบหน้ามีแต่ความหวาดกลัว สือฮ่าวก็ขนพองสยองเกล้า รู้สึกว่ากำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ สถานการณ์เลวร้ายสิ้นดี
“ข้าไม่อยากกลับไปก่อนปฐมกาล เจ้าน้ำวนบ้านี่ ก่อตัวจากพลังของกาลเวลา หากติดแหง็กอยู่ข้างใน มีแค่สวรรค์ที่รู้ว่าจะไปโผล่ที่ไหน ข้าไม่อยากตาย!”
เพราะว่า จากบันทึกที่พ่อของมันทิ้งไว้ หากหลุดเข้าไป ถ้าขั้นบำเพ็ญไม่แก่กล้าเหนือใคร อาจตายระหว่างทางหรือหายสาบสูญ ตกอยู่ในวัฏสงสาร!