Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1280
เซียนขนานแท้ เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดนี้หรือ?!
ผู้คนกลั้นหายใจ นิ่งไม่ไหวติง ต่างก็แข็งเป็นหิน หยุดอยู่กับที่
เมืองโบราณแบบนี้ ดำรงอยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว ครั้งที่ยุคก่อนล่มสลาย มันก็อยู่มานานแล้ว ทำไมตอนนี้ถึงยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่อีกเล่า?
ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่าม เกรงว่าจะยั่วโทสะผู้ดำรงอยู่เหล่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ต้องเกิดหายนะครั้งใหญ่แน่นอน!
ชุดเกราะดำทะมึน แต่กลับไม่มีคราบสนิม ซ้ำยังส่องแสงโลหะ กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ยังคงสภาพไว้เป็นอย่างดี ทำให้คนรู้สึกถึงของความแหลมคมของทองคำเซียน!
เมื่อมองอาวุธของพวกเขา ล้วนเป็นทวนวงเดือน ดาบขวานสีดำ ต่างก็เป็นอาวุธโบราณ มีกลิ่นอายคาวเลือดราวกับจะเขมือบฟ้าดินแฝงอยู่ในความเก่าแก่
มันชวนให้รู้สึกพรั่นพรึง เพราะอาวุธเหล่านี้ต้องเคยสังหารศัตรูตัวฉกาจแน่นอน ปลิดชีพบุคคลเหนือชั้น มิเช่นนั้นคงไม่มีรังสีอำมหิตเช่นนี้!
พวกเขากระจายพลังเซียน แต่อาวุธกลับน่ากลัวขนาดนี้ ทำให้ทุกคนในที่นี้เคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม
“มีทองคำเซียนมืดมนผสมอยู่!” เฉาอวี่เซิงตะโกนออกมาเสียงดังอย่างใจกล้า
ชุดเกราะกับอาวุธเหล่านั้น มีส่วนผสมของทองคำเซียนมืดมน แฝงอยู่ภายใน มันเป็นความฟุ่มเฟือยปานใดกัน ทองคำเซียนหายาก แม้แต่ในโลกนี้ยังนับมันเป็นเม็ด
เมืองโลหะตระการตากว้างใหญ่ไพศาล ประตูเมืองที่ตั้งตระหง่านเป็นดุจเขาบรรพกาล เงาดำที่ทอดลงมาทำเอาคนแทบหยุดหายใจ
กำแพงเมืองหินสีน้ำเงินยิ่งใหญ่ ยาวต่อเนื่องดุจทิวเขา ตั้งขวางทางข้างหน้า
มีสิ่งมีชีวิตเดินออกมาจากเมือง แม้แต่ใบหน้าก็ถูกเกราะบดบัง มีเพียงดวงตาที่ฉายลำแสงเฉียบแหลม พุ่งออกมาประหนึ่งสายฟ้า เกิดความเจ็บปวดเมื่อกระทบใบหน้า
ตอนนี้ ผู้สูงส่งพวกนั้นที่อยู่ในมุมมืดก็เงียบงัน ไม่กล้าขยับตัว
ตึก ตึก ตึก…
เสียงฝีเท้าดังก้อง เสียงกระทบก้อนหินดังชัดเจนและกังวาน ราวกับดังออกมาจากหัวใจของผู้คน ชวนให้ขนหัวลุก
บอกว่าพวกเขาเป็นบุคคลวิถีเซียนก็ไม่ผิด แต่ตอนนี้กลับกดดันแบบนี้ พวกเขาไม่ปริปากเลย ทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนมึนงง
ในตอนนี้เอง หน้าผากของสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์ที่นำหน้าก็ฉีกขาด ดวงตาปรากฏขึ้น ปล่อยลำแสงสีแดง กวาดมองทุกคนทีละคน
“อุ๊ย!” กระต่ายน้อยร้องลั่น
เพราะลำแสงสีแดงกระทบตัวมันก็ใครอื่น ทำให้มันตกใจ ราวกับโดนไฟช็อต เนื้อตัวสั่นระริกไม่หยุด
“เกิดอะไรขึ้น?” คนข้างๆ อุทาน อยากเข้าไปช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกแสงสีแดงผลักออกไป แตะต้องไม่ได้
“สายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดของเซียนโบราณ เข้าได้” ผู้นำพูดเสียงทุ้ม พิลึกนัก คนทั่วไปฟังไม่ออกแน่นอน
เพราะมันเป็นภาษาเซียนโบราณ หายไปนานหลายปีแล้ว แต่ทุกคนที่นี่ล้วนไม่ใช่คนทั่วไป ล้วนเคยเล่าเรียนในสำนัก แม้กระทั่งว่ารู้อักษรของยุคนั้น
ผู้คนประหลาดใจ คนที่เฝ้าประตูเมืองกำลังตรวจสอบงั้นหรือ?
กระต่ายดวงจันทร์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ดวงตาที่สุกใสยิ่งกว่าทับทิมเปล่งประกาย เตรียมจะเข้าไปทันที
ปรากฏว่ามันถึกม่านแสงดีดออกไปดังตูม เข้าใกล้ไม่ได้
“ทำไมกัน เจ้าบอกว่าข้ามีสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดไม่ใช่หรือ ไยข้าจึงเข้าไปไม่ได้?” กระต่ายดวงจันทร์ถลึงตา ทำหน้าไม่เข้าใจ ขณะเดียวกันก็บันดาลโทสะ
“มีสายเลือดใดบริสุทธิ์ และเกี่ยวข้องกับเซียนโบราณเท่าลูกกิเลนอีก” สิ่งมีชีวิตที่ถือทวนวงเดือนสีดำพูดเสียงเรียบ เย็นชาไม่น้อย และระคนการกล่าวเตือนและแข็งกระด้าง
ลูกกิเลนในอ้อมอกของกระต่ายดวงจันทร์ดิ้นพล่าน กระโดดลงพื้น สามปีผ่านไป มันเติบโตขึ้นมากแล้ว แต่กลับเกียจคร้าน ปกติยังคงชอบให้อุ้ม ร่างกายยังคงยาวหนึ่งเซี๊ยะกว่า
ลูกกิเลนสีขาวดีอกดีใจอย่างยิ่ง รู้สึกคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ตั้งนานแล้ว อยากพุ่งตัวเขาไปในเมืองให้รู้แล้วรู้รอด
“เจ้ามันไร้จิตสำนึก ทิ้งพวกข้าได้อย่างไร!” กระต่ายน้อยโมโห
ลูกกิเลนสีขาวชะงัก กะพริบดวงตากลมโตสุกใสปริบๆ สื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่เฝ้าเมือง กำลังร้องขอให้พวกเขาเข้าไป
ตอนนี้ เนตรที่สามของผู้นำยังคงเปิดอยู่อย่างนั้น กวาดสายตาผ่านทุกคน สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เป็นทายาทของผู้จงรักภักดีต่อเซียนโบราณ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอีกแดน ซ้ำยังมีกิเลนนำทาง เข้าได้”
ผู้คนตกใจ ผู้เฝ้าเมืองเหล่านี้ป้องกันสิ่งมีชีวิตต่างแดน นี่เป็นจุดประสงค์ที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือ?!
“เข้าไปได้!” เมื่อเพ่งมองแล้ว พวกเขาก็หลีกทางให้ เป็นสัญญาณให้ทุกคนเดินหน้า
สือฮ่าวและคนอื่นพากันเดินหน้า ผ่านประตูเมืองเข้าไปข้างใน มาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีเหตุผลให้ล่าถอย ต่อให้มีอันตรายก็ต้องเสี่ยง
จู่ๆ ดาบขวานสีดำก็ยื่นออกมา ปลายแหลมสาดแสงดำทะมึน เจิดจ้ายิ่งนัก แผ่รังสีอำมหิต แทบจะม้วนตัวไปทั่วเก้าสวรรค์สิบพิภพแล้ว
อาวุธด้ามนี้ปิดทางทันที ขวางอยู่ข้างหน้าคนคนหนึ่ง
“ผู้บุกรุกต่างแดน ศัตรูตัวฉกาจ!” เสียงตะโกนดุจสายฟ้าคำรามดังขึ้น ทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยง
ในกลุ่มพวกเขามีจารชนต่างแดนด้วยหรือ? มันชวนให้ทุกคนขนพองสยองเกล้า ไยก่อนหน้านี้ไม่รู้ไม่เห็น
ทุกคนพากันเหลียวมองไปตรงนั้น
“เขามาจากต่างแดนจริง” สือฮ่าวก้าวออกไปแล้วพูดแบบนี้
คนที่ถูกขวางคือมั่วเต้า เป็นคนที่สือฮ่าวกำราบเป็นผู้ติดตามคนนั้น หากแบ่งตามสายเลือดแล้ว เขาเป็นเช่นเดียวกับคนในเก้าสวรรค์สิบพิภพ แต่อาศัยอยู่ต่างแดนเท่านั้น
ตอนนี้ สือฮ่าวทำได้แค่พูดความจริง เพราะเขาก็ไม่รู้ว่ามั่วเต้าจะทรยศ หักหลังในช่วงเวลาสุดท้ายหรือไม่
หากที่นี่สำคัญมากจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นก็จำต้องห้ามไม่ให้เขาเข้า
ปัง!
ร่างสูงใหญ่ที่สวมดชุดเกราะสีดำทั้งตัวสาวเท้าก้าวมา จากนั้นคว้าตัวมั่วเต้าไว้ เนตรที่สามเป็นประกาย สาดแสงเจิดจ้าออกมา จ้องมั่วเต้าเขม็ง
ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ปล่อยตัวมั่วเต้า
“เข้าไปได้ แต่ให้อยู่ในอาณาเขตของเมืองใหญ่ ห้ามเข้าไปลึกกว่านี้” เขาพูดเสียงแข็ง
ผู้คนถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้แต่สือฮ่าวก็สบายใจ หากครั้งนี้เจอพิรุธบางอย่างจากตัวมั่วเต้า เช่นนั้นก็จำต้องสังหารอย่างไม่ปรานี!
คนกลุ่มนี้มีไม่น้อยเลย ทั้งปีศาจสาว ฉางกงเหยี่ยน เฟิ่งหวู่ เจินกู่ เถิงยีและอีกหลายคน และมีศิษย์ที่เหลือในสำนักเทพสวรรค์อีกด้วย
จากนั้น ผู้สูงส่งที่ซ่อนตัว ไม่เคยโผล่ออกมาเหล่านั้นก็ปรากฏตัว รวมตัวกับหลานเซียน มหาโสดาและชีกู้ เดินมาถึงหน้าประตู
แต่คนพวกนี้มีแสงคุ้มกันกาย มีหมอกควันห้อมล้อม ไม่เผยตัวตนที่แท้จริง
สุดท้าย แม้แต่เทพตะวันม่วงที่บาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปก็ลงมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าสำนักเซียนใช้ยาขั้นเทพฟื้นฟูร่างกายให้เขา ไม่ยอมให้เขาพลาดโอกาสนี้
ในเมืองเงียบสงัด ถนนหนทางไร้เงาคน ราวกับทั้งเมืองมีเพียงผู้เฝ้าเมืองลึกลับเหล่านี้เท่านั้น
เงาคนกะพริบ เหล่าผู้เฒ่าของทั้งสามสำนักลงมาแล้ว ปรากฏตัวตรงหน้าประตูเมือง อยากสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่สวมชุดเกราะสีดำเหล่านี้
เพียงแต่ว่า สิ่งที่ตอบกลับมีเพียงทวนวงเดือนที่ขวางทางข้างหน้า
“พวกเจ้าแก่เกินไป โชคชั้นใหญ่แทบจะไม่เหลือแล้ว หากให้พวกเจ้า จะไม่ได้ผลเท่าใดนัก รังแต่จะสิ้นเปลือง”
พวกเขาพูดไม่ออก ช่างไม่เกรงใจกันเลย พูดออกมาต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ใจของพวกเขาก็หนักอึ้ง เมืองใหญ่ตระการตาแบบนี้ไม่มีโชคชั้นใหญ่แล้วหรือ? ช่างน่าเสียดายจริงๆ
“เดิมนึกว่าจะเป็นหนทางรอดที่ราชันเซียนทิ้งไว้ น่าเสียดายเหลือเกิน” มีคนถอนหายใจเบาๆ
“เสียดายอะไร เมืองนี้ย่อมเป็นหนึ่งในไพ่ที่สำคัญที่สุดแน่นอน” ผู้เฝ้าเมืองพูดเสียงเรียบ
“ที่นี่มีอะไร?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเซียนจ้องพวกเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“เป็นของราชันเซียนสองท่าน แต่ไม่ให้พวกเจ้า จะให้ผู้ที่มีสายเลือดเซียนโบราณที่บริสุทธิ์ที่สุด!” มีคนพูดอย่างเย็นเยือก
ตอนนี้ คนที่เข้าเมืองก็ได้ยินเช่นกัน ต่างก็ตกใจ มรดกของราชันเซียน ที่นี่มีลานของราชันเซียนจริงๆ แถมยังโผล่มาถึงสองคน!
ต้องรู้ว่า ตั้งแต่อดีตยันวันนี้ จะมีราชันเซียนกี่คนกัน ในยุคนี้ไม่มีเลยสักคน!
ในยุคก่อนก็หักนิ้วนับได้ และที่นี่มีถึงสองท่าน พวกเขาทิ้งอะไรไว้?!
สายตาของทุกคนลุกเป็นไฟทันที คาดหวังยิ่งนัก ที่นี่ต้องเป็นแดนของโชคชั้นใหญ่เหนือธรรมชาติแน่นอน ทำให้ทุกคนต่างก็มีความหวัง
เพียงแต่ว่า สิ่งมีชีวิตที่เฝ้าเมืองบอกว่า มันเป็นของทายาทที่มีเลือดบริสุทธิ์ที่สุดเท่านั้น
ในเมืองกว้างขวางยิ่งนัก ใหญ่โตมโหฬาร เป็นเหมือนโลกหนึ่งใบ กว้างกว่ายามมองเข้ามาจากข้างนอกหลายเท่าตัว
“นั่นมันอะไร ส่องแสงระยิบระยับเชียว!”
ในตอนนี้เอง มีคนอุทานขึ้นมา ผู้คนพากันชะเง้อมอง เห็นมีแสงกะพริบตรงปลายทาง หมอกขาวขมุกขมัว ศักดิ์สิทธิ์และวิเศษ
ทุกคนพากันพุ่งออกไปทันที แต่สือฮ่าวกลับรั้งท้าย ป้องกันผู้สูงส่งที่อยู่ข้างหลัง ในกลุ่มของพวกเขา มีแค่คนที่เป็นภัยคุกคามที่สุด คนอื่นหากปะทะกับผู้สูงส่ง คงยากจะต้านทานได้
ฮวง แค่เขาคนเดียว ก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวได้!
เป็นอย่างที่คิด พวกหลานเซียนขมวดคิ้ว ไม่อยากแตกคอกับพวกเขาตั้งแต่แรกเริ่ม จึงไม่ลงมือ ยังคงเดินหน้าตามจังหวะฝีก้าวของตัวเอง
“สวรรค์ บัวชักนำวิญญาณ มีถึงสามต้น!”
เฉาอวี่เซิงร้องเสียงหลง ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
ข้างหน้ามีลานกว้าง ตรงนั้นมีบ่อน้ำที่ส่องแสงออกมาเป็นระลอกๆ ภายในมีบัวชักนำวิญญาณถึงสามต้น ล้วนเป็นยาขั้นเทพ
“นี่มันยาขั้นเทพ ชนิดเดียวกันแต่ทำไมมีเยอะขนาดนี้? ซ้ำยังอยู่ในที่เดียวกันด้วย!” คนอื่นก็ตกใจไม่แพ้กัน
ยาขั้นเทพ ใช่ว่าจะมีเพียงหนึ่งเดียว เทียบกับยาอายุวัฒนะไม่ได้
แต่ยาขั้นเทพแต่ละชนิดก็มีน้อยจนน่าสงสาร ค้นหาทั่วฟ้าดิน ก็มีเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น และไม่อาจเจริญเติบโตในที่เดียวกันได้ มิเช่นนั้นพลังปราณจะไม่พอหล่อเลี้ยง
ทว่าที่นี่มีถึงสามต้น ล้วนเป็นบัวชักนำวิญญาณ ความวิเศษที่สุดของสมุนไพรชนิดนี้ก็คือ เสริมพลังจิตให้แข็งแกร่ง ขอเพียงมีพลังจิตหลงเหลือเพียงน้อยนิด ก็ทำให้คนคืนชีพได้!
“สุขใจเหลือเกิน โอกาสขัดเกลาดวงจิตวางอยู่ตรงหน้าแล้ว!” หลายคนดีใจ
เฉาอวี่เซิงเถรตรงยิ่งกว่า เขากระโจนลงไปในบ่อเสียแล้ว
“หอมจังเลย มีฤทธิ์ยาบางส่วนของมันละลายลงน้ำ ส่งกลิ่นหอมหวน!” เขากลืนน้ำอึกใหญ่แล้วหัวเราะเสียงดัง
หลายคนก็ลอกเลียนแบบ พากันกระโดดลงไป เพื่อดูดซึมสารอันเข้มข้น
“น้ำนี่หอมมากเหลือเกิน!” ขณะที่เฉาอวี่เซิงกำลังเขมือบคำใหญ่ ก็เอ่ยปากชมเปาะ
“ใครกำลังอวดดี ดื่มน้ำอาบน้ำของข้า?” จู่ๆ ก็มีเสียงอ่อนหวานแว่วมา ทำให้ที่นี่เงียบลงทันที ทุกคนหยุดชะงัก จากนั้นก็กระโดดพุ่งขึ้นฝั่ง ทำท่าหวาดระแวงขึ้นมา
“อยู่ไหน?” เฉาอวี่เซิงยืนอยู่บนฝั่ง ตวาดอย่างโมโห เขาดื่มน้ำเต็มท้อง แต่กลับถูกคนบอกว่า มันเป็นน้ำที่ใช้อาบน้ำ สกปรกเหลือเกิน
“เจ้าอ้วน ระวังหน่อย จะเหยียบข้าแล้ว!” เสียงอ่อนโยนดังมาจากพื้น
เฉาอวี่เซิงก้มหน้า ตั้งใจมองหา ปรากฏว่าเห็นสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ตรงปลายเท้า เขาตะลึงงัน จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
“เจ้าถั่วงอก ตัวเล็กแค่นี้ ยังกล้าหาเรื่องข้า ระวังข้าจะเหยียบเจ้าให้แบน” เขาพูดพลางหัวเราะเยาะ
“บังอาจดูถูกข้า ข้าทำให้เจ้ากระเด็นภายในหมัดเดียว!” สัตว์ตัวเล็กกระจ้อยที่หากไม่สังเกตอาจมองข้ามได้พูดขึ้น
เฉาอวี่เซิงรู้สึกสนุก จึงย่อตัวนั่งลงแล้วยื่นนิ้วออกไป ดันสัตว์ตัวจิ๋วที่ยาวไม่ถึงหนึ่งหุนบนพื้น
“ตึง!”
แต่ในเวลาต่อมา เขามึนงงแล้ว!
เพราะเขาถูกหมัดโจมตี ราวกับโดนช้างเหยียบ เหมือนมีขุนเขาบรรพกาลกระแทกลงมา เขากระเด็นพุ่งไปยังสุดขอบฟ้า อยากหยุดก็หยุดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว เหมือนกับกระดูกหักหมดแล้ว
“บัดซบ… ข้าถูกต้นถั่วงอกโจมตีจนตัวลอย ข้า…” เฉาอวี่เซิงสบถ ก่นด่าก่อนจะเป็นลมหมดสติ จากนั้น เขาก็… สลบไปเพราะหมัดนั้น