Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1266
สือฮ่าวรู้มาตลอดว่ามีถ้ำสวรรค์ใต้สำนักเทพสวรรค์ ไม่เคยถูกเปิด ถึงขั้นว่าเคยเห็นปรมาจารย์หย่อนเบ็ด โดยใช้ยาครอบจักรวาลเป็นเหยื่อ ยากล่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในถ้ำแห่งนั้นออกมา ปรากฏว่าหลายปีก็ยังไม่เป็นผล
ถ้ำสวรรค์แห่งนี้ลึกลับนัก แม้แต่พวกปรมาจารย์ที่มีพลังแก่กล้าของสำนักก็ปลดผนึกไม่ได้ จะเห็นได้ว่าแข็งแรงปานใด แตะต้องไม่ได้
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ข้างในมีขุมทรัพย์เซียนอันน่าตะลึง หากมิเช่นนั้น ไม่มีทางเปิดยากแบบนี้ กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ค่ายกลโบราณยังสมบูรณ์ ขัดขวางฝีก้าวของทุกคน
“เฮ้อ รู้สึกอัดอั้นจริงๆ ทั้งที่เป็นโบราณสถานของสำนักเทพสวรรค์แท้ๆ แต่จะถูกอัจฉริยะสองสำนักชิงเอาไป สุดท้ายพวกเราคงไม่ได้อะไรเลย”
“ใครใช้ให้เราสู้เขาไม่ได้เล่า ใครจะต้านทานอัจฉริยะสะเทือนปฐพีเหล่านั้นได้ ถูกยกย่องเป็นผู้สูงสุด แค่คนเดียวก็กวาดล้างลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักเราได้ ต้านทานไม่ไหว!”
หนุ่มสาวบางส่วนของสำนักเทพสวรรค์วิจารณ์กันด้วยความสลดใจ พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของแต่ละตระกูล จึงถูกส่งตัวมาที่นี่
แต่ในการคัดเลือกของสองสำนัก พวกเขาเป็นผู้ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับความสำคัญจากสำนักเซียนและสำนักปราชญ์ หากกล่าวตามหลักการแล้วเป็นผู้แพ้
ตอนนี้ถ้ำสวรรค์ใต้สำนักจะถูกสำรวจจากสามสำนัก แต่พวกเขากลับกลายเป็นคนนอก ไม่มีสิทธิ์ช่วงชิง อยากเข้าใกล้ก็ทำไม่ได้
เพราะมาโดยไม่ได้นัดหมาย คนที่เข้าไปในถ้ำสวรรค์ก่อนต้องเป็นผู้สูงส่งของสองสำนักแน่นอน เมื่อศิษย์สำนักเทพสวรรค์ลงไป คิดว่าคงไม่มีอะไรเหลือ
“หึหึ นี่มันสหายเผ่าพันธุ์กระทิงไม่ใช่หรือ มีศิษย์น้องจากเผ่าพันธุ์ช้างทองคำด้วย ท่าทางพวกเจ้าจะตำหนิกล่าวโทษตัวเอง ช่างน่าเห็นใจจริงๆ”
มีคนเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ เผยให้เห็นฟันขาวทั้งปาก เจิดจ้าอย่างมาก แต่กลับทำให้คนที่กำลังสนทนากันไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย
“คนของสำนักเซียนหรือ?” ชายหนุ่มเผ่าพันธุ์กระทิงถาม เขาร่างใหญ่และกำยำ ผมสีม่วงหนาดก มีเขาขนาดใหญ่คู่หนึ่งบนหัวชี้ขึ้นฟ้า
แม้จะเป็นร่างมนุษย์ แต่ยังมีลักษณะเฉพาะของเผ่าพันธุ์ เช่นดวงตาที่กลมโตเป็นพิเศษ และน้ำเสียงก้องกังวานยามพูด ประหนึ่งสายฟ้าคำรามลั่น
ชายหนุ่มจากสำนักเซียนยิ้มแล้วพูดว่า “ที่จริงแล้ว เราอยากเข้าไปถ้ำสวรรค์ก็ไม่มีปัญหา ตามพวกเราเข้าไปได้”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ศิษย์อีกคนของสำนักเทพสวรรค์ถาม ผิวหนังของเขาเป็นสีทอง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ เขาเป็นอัจฉริยะเผ่าพันธุ์ช้างทองคำ
“ได้ยินมานานแล้วว่า กระทิงกับช้างทองคำมีพละกำลังมหาศาล แบกแผ่นดินเดินเหิน เรียกได้ว่าง่ายดาย เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าไปช่วยขนอาวุธหนักบางส่วนในถ้ำสวรรค์ได้” ชายหนุ่มหัวเราะเยาะ
ชายหนุ่มเผ่ากระทิงระเบิดโทสะ เขาบนหัวเปล่งแสง เขาอยากตบหน้าชายคนนี้ยิ่งนัก เย้ยหยันกันเกินไปแล้ว!
เห็นพวกเขาเป็นตัวอะไร ช่วยชาวสำนักเซียนแบกอาวุธหนัก ไม่เห็นพวกเขาเป็นคู่แข่งเลยสักนิด ดูถูกกันเหลือเกิน เห็นพวกเขาเป็นแรงงานแบกหาม เป็นสัตว์เลี้ยงหรือ?
“สหาย อย่าคิดมาก อย่าโมโหไปเลย เป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้าไปในถ้ำสวรรค์ก็ดีมากแล้ว ต้องรู้ว่า พวกเจ้าช่วยผู้สูงส่งขนย้ายอาวุธหนักเชียวนะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งยังคงยิ้ม ท่าทางยังคงสุภาพอ่อนโยน
ชายเผ่ากระทิงหุนหันพลันแล่น หายใจฟึดฟัด ชายหนุ่มเผ่าช้างทองคำคว้าแขนเขาไว้ จากนั้นก็พูดกับคนคนนั้นว่า “เจ้ามีอาวุธทะลุมิติ ขนย้ายได้ทุกสิ่งอย่าง ไม่ต้องการพวกข้าหรอก คิดจะให้พวกเราไปเป็นตัวรับกระสุนกระมัง?”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว ผู้คนจับจ้อง ผู้อาวุโสสำนักเทพสวรรค์อยู่ข้างนอก ใครจะกล้าทำเช่นนั้น? เพียงแต่ว่า ของในถ้ำสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่พูดว่าเก็บแล้วจะเก็บได้ ของบางอย่างทำได้แค่ขนย้าย”
“ดูถูกกันเกินไปแล้ว!” ชายหนุ่มเผ่ากระทิงคำราม
“แล้วแต่พวกเจ้าจะคิด ไม่ยอมไปก็ช่างเถอะ แต่ความโกลาหลจะมาเยือน สามสำนักรวมเป็นหนึ่ง ข้าคิดว่า พวกเจ้าสามัคคีกับมือดีสำนักเซียนไว้บ้างจะดีกว่า” คนคนนั้นพูดเสียงเรียบ จากนั้นก็เดินไป
คนของสำนักเทพสวรรค์อัดอั้นตันใจ เคียดแค้นและจนปัญญาจริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้ สำนักเทพสวรรค์ไม่มีมือดีเลื่องชื่อเลยสักคน ไม่มีทางสู้สองสำนักได้เลย
อัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเข้าสองสำนักไปแล้ว สำนักเทพสวรรค์ในตอนนี้กลายเป็นธรรมดานานแล้ว ในบรรดาลูกศิษย์ไม่มีมือดีที่โดดเด่น ศิษย์ของสองสำนักไม่มีทางเห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในมุมหนึ่ง มันพอจะบ่งบอกสภาพในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
ยามสือฮ่าวเดินผ่านที่นี่ แต่ไม่พูดอะไร ไม่แสดงทีท่าอะไร เดินเฉียดไหล่พวกเขาไป เพราะการแข่งขันในตอนนี้ไม่อยู่ในสายตาเขา
ศัตรูตัวฉกาจเป็นใคร เหตุโกลาหลของจริงจะเกิดขึ้นเมื่อใด สงครามในวันหน้าจะโหดร้ายถึงปานใด นั่นต่างหากเป็นสิ่งที่เขากังวล
“พวกเจ้าว่า ตอนนี้ใครเป็นที่หนึ่ง? ใครเล่าจะคิดว่า ภพนี้จะมีอัจฉริยะปรากฏตัวมากมายปานนี้ ก่อนหน้านี้เงียบเชียบ แต่สองปีมานี้ต่างก็รวมเป็นหนึ่งกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ สำเร็จอย่างต่อเนื่อง ช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนปฐพีจริงๆ!”
มีคนกำลังอุทาน พูดถึงสถานการณ์ในสองปีนี้ด้วยใจที่คาดหวัง
สองสามปีมานี้ อัจฉริยะสำนักเซียนมีคนหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สำเร็จอย่างต่อเนื่อง ต่างก็เป็นเมล็ดพันธุ์สูงส่งของยุคเซียนโบราณ สะเทือนขวัญผู้คน
ใครเล่าจะคิดว่า เมล็ดพันธุ์โบราณสมบูรณ์ที่โด่งดังตั้งแต่ยุคก่อนจะตกทอดมาถึงยุคนี้ ทยอยปรากฏให้เห็น ซ้ำยังถูกคนสืบทอดอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
สามารถอนุมานจากสิ่งนี้ได้ สำนักเซียนทุ่มเทมหาศาล มิเช่นนั้นไม่มีทางได้มาครองแน่นอน
ก่อนหน้านี้มีคนคิดว่า ภพนี้ไม่สู้เซียนโบราณ เลือดต้องอาบผืนฟ้า ปิดฉากด้วยความหม่นหมอง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นอัจฉริยะสะเทือนโลกาปรากฏตัว หลายคนฮึกเหิมขึ้นมา เหล่าผู้เฒ่าบางส่วนต่างก็คาดหวังรอคอย
“ข้าคิดว่า เทพตะวันม่วงอาจเป็นใหญ่ในหล้า แน่นอนว่าบางทีราชันสวรรค์น้อยอาจเป็นที่หนึ่งก็ได้” มีคนพูดขึ้น
มีคนโต้แย้งว่า “ที่พวกเจ้าพูดถึงมีแต่คนของสำนักเซียน แต่ข้าไม่คิดเช่นนี้ นักพรตชีกู้อาจเป็นบุคคลไร้พ่าย ทลายขีดจำกัดไม่หยุด แปรสภาพถึงขั้นเหนือจินตนาการ เรียกได้ว่าไร้เทียมทานในวิชาปัจจุบัน”
“นักพรตชีกู้ นักพรตหนุ่มที่ชอบสวมชุดเทา ตีหน้าขรึม ไม่มีอารมณ์ขันคนนั้นหรือ? ได้ยินว่าแข็งแกร่งมาก พิลึกผิดมนุษย์ แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นอันดับหนึ่งในหล้า อย่างน้อย แค่ในสำนักปราชญ์ก็มีคนที่เหนือกว่าเขาแล้ว” มีคนข้างๆ ลุกขึ้นพูด
“เจ้าคงไม่ได้หมายถึงคนคนนั้นหรอกนะ นักปราชญ์ที่ลือชื่อเช่นเดียวกับราชันสวรรค์น้อย ภายหลังเอาแต่จำศีลไม่ยอมโผล่หน้ามาคนนั้นหรือ?”
“ใช่ เขานั่นแหละ ได้ชื่อปราชญ์น้อยตั้งแต่สิบปีก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้”
“ข้าก็เคยได้ยินชื่อคนคนนี้เช่นกัน หลายปีมานี้เก็บตัวยิ่งนัก แต่ว่า เขาไม่น่าแข็งแกร่งกว่านักพรตชีกู้ในตอนนี้หรอกกระมัง นักพรตชีกู้ในตอนนี้ทลายขีดจำกัดหลายขั้น นิพพานหลายหน ราวกับพญาหงส์เกิดใหม่ ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกที เกินความคาดหมายไปนานแล้ว!”
หลายคนวิจารณ์ เอ่ยถึงอัจฉริยะหลายคน แต่สือฮ่าวไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เขาอดอุทานไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไปมากมายเหลือเกิน
ขณะเดียวกัน เขาก็รู้แล้วว่า เขาจากไปสองปีกว่า จวนสามปีแล้ว มันไม่ใช่เวลาสั้นๆ เลย โลกภายนอกชุลมุนวุ่นวาย
“จะว่าไป พวกเจ้าพลาดคนน่ากลัวไปคนหนึ่ง อยู่ในสำนักปราชญ์เช่นกัน ถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะแห่งยุค ไม่มีใครเทียบ ต้องกำราบเหล่าวีรชนได้แน่นอน”
“ใครกัน?”
“พวกเจ้าน่าจะรู้จักหวางซี อัจฉริยะหญิงของตระกูลอมตะ มีคู่หมั้นคนหนึ่ง อยู่ในสำนักปราชญ์เช่นกัน นามว่าจินจ่าน ข้าคิดว่าบางคนคงเคยได้ยิน”
ตอนนี้ หลายคนฉงนใจ แต่กลับมีบางส่วนหายใจดังเฮือก
“จินจ่าน คนคนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือ เจ้าแน่ใจหรือ?!” มีคนพูดอย่างตกใจ
“แน่นอนว่ายังมีชีวิตอยู่ มิเช่นนั้น ตระกูลของแม่นางหวางซีจะพูดว่าจะเกี่ยวดองได้อย่างไร ต้องมีชีวิตอยู่แน่นอน” มีคนพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่ใจอย่างยิ่ง
“ข้าคิดว่าเป็นคนอื่น คิดว่าเป็นปราชญ์น้อยเสียอีก! ที่แท้คู่หมั้นของนางคือจินจ่านนี่เอง หากคนคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ต่อไปใครจะกล้าล่วงเกินตระกูลหวาง ใครจะกล้าแตะต้องแม่นางหวางซี?” มีคนอุทานไม่ขาดสาย สีหน้าตึงเครียดและตื่นเต้น
ใครก็คิดไม่ถึงว่า คนในตำนานที่น่าจะตายไปแล้วยังมีอยู่โลกใบนี้
จินจ่าน เป็นอัจฉริยะในตำนานของสำนักปราชญ์ ไม่รู้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ใด รู้เพียงว่ามีร่างมนุษย์ ยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย ถูกยกย่องเป็นผู้มีพรสวรรค์
เขาเคยบรรลุพร้อมกันสองขั้นภายในครึ่งปี ก้าวหน้าอย่างราบรื่น
ภายหลัง ร่ำลือกันว่าเขาอยากทลายขีดจำกัดสองขั้นในเวลาครึ่งปีอีกครั้ง คล้ายว่าอยากหลอมสิบถ้ำสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว และจะสลักค่ายกลสังหารสูงส่งในตัว แต่กลับเกิดปัญหา
ดวงไฟปรากฏขึ้น แผดเผาร่างกาย ทำให้เขาสิ้นชีพวายชนม์
เรียกได้ว่า คนคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน เพียงเพราะตั้งเงื่อนไขไว้สูงเกินไป ปรารถนาความสำเร็จ ทำให้เสียชีวิต
ตอนนี้ เมื่อได้ยินคนเอ่ยถึงเขาว่า ยังมีชีวิตอยู่ จะไม่ตกใจได้อย่างไร ทุกคนต่างก็รู้สึกหวาดหวั่น ผู้คนรู้ดีว่า ใครเป็นที่หนึ่งในหล้านั้นพูดยากจริงๆ
สือฮ่าวตกใจ ไม่คิดว่าจะมีความลับเช่นนี้ด้วย ฟังบทสนทนาของผู้คน เขารู้สึกว่าสองสำนักเต็มไปด้วยอัจฉริยะ มีคนบางส่วนซ่อนตัว
“หากพูดถึงจินจ่าน เอ่ยถึงหวางซี ข้านึกถึงอีกคนหนึ่ง”
“ใคร?”
“ฮวง!”
เมื่อชื่อนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ชะงัก นานมากแล้ว ที่ไม่มีใครพูดถึงชื่อนี้ ระยะเวลาเกือบสามปี จะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น
แต่ในยุคที่อัจฉริยะชูสลอน ผู้กล้าถูกคนลืมเลือนได้ง่ายมากจริงๆ
แต่เพราะฮวงนั้นพิเศษ เพิ่งพูดถึง ข่าวลือมากมายก็ผุดขึ้นมาในใจของหลายคน เหม่อลอยขึ้นมาชั่วขณะ
“เสียดายคนคนนี้ เป็นอัจฉริยะเช่นกัน แต่กาลเวลาผันผ่าน เขากลายเป็นอดีตไปแล้ว” มีคนส่ายหน้าถอนหายใจ
“พวกเจ้าว่า ตอนนั้นหากฮวงเข้าสำนักเซียน และได้เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์มาครอง ตอนนี้จะอยู่ในขั้นใด จะมีสถานะสูงส่งขนาดไหน?”
“ข้าคิดว่า…น่าจะแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งยิ่งนัก ในกลุ่มผู้สูงส่งต้องมีที่ของเขาแน่นอน ช่างน่าเสียดาย”
ความแข็งแกร่งและวีรกรรมอันน่าตะลึงในอดีตของเขา ทำให้ผู้คนลืมเลือนได้ยาก ผ่านไปเกือบสามปีแล้ว เมื่อพูดถึงเขาอีกครั้ง ก็ทำให้หลายคนรู้สึกสับสนเช่นกัน
“หึหึ ข้าคิดว่า หากเขาเข้าสำนักเซียน ได้เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์และหลอมรวมได้สำเร็จ ตอนนี้คงเกิดปัญหาเป็นแน่ หนีไม่พ้นถูกจินจ่านกำราบแน่นอน!” มีคนเอ่ยถึงปัญหานี้