Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1261
ธรรมในฟ้าดิน กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา!
มันไร้สถานะ ไม่มีขนาดที่แน่นอน และไม่มีรูปร่างที่แท้จริง มันสูงส่งเกินเอื้อม
ตอนนี้ คลื่นขนาดใหญ่ลอยลงมา ทำให้จักรวาลสั่นระริก สือฮ่าวอกสั่นขวัญแขวน วิญญาณแทบแตกสลาย หากไม่มีแท่นหินข้างล่างคุ้มครอง คงจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
เขาเช็ดเลือดออกจากมุมปาก จดจ้องมิติ สัมผัสความตระการตาแบบนั้น แม้จะไม่เห็นธรรมที่แน่นอน แต่ลำแสงทั้งหลาย และพลังไร้รูปร่างแบบนั้นก็สะเทือนขวัญมากแล้ว
พลังมหาศาล ธรรมอันยิ่งใหญ่!
สือฮ่าวหลับตา ดึงพลังจิตออกจากการศึกษาปัจจัยอันละเอียด ไม่วนเวียนอยู่ในส่วนประกอบพื้นฐานของกฎเกณฑ์อีก แต่เริ่มลงมือจากธรรมที่เรียบง่ายที่สุด
พลัง ธรรมที่ว่า เป็นสิ่งที่นามธรรมที่สุด ไม่เหมือนโซ่ระเบียบ จำต้องสรรค์สร้างมัน
หากต้องการสรรค์สร้างมัน มันก็คือการเชื่อมต่อของโซ่มากเหลือคณานับ ส่งผลซึ่งกันและกัน สร้างขอบเขตที่ไร้รูปร่างในจักรวาล
แต่ธรรมแบบนี้ จะอนุมานอย่างไร จะอธิบายอย่างไร แทบจะไม่เข้าใจ มันแปรเปลี่ยนตลอดเวลา!
อยากเลียนแบบ แม้กระทั่งว่าสลักมัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
การบรรลุธรรม ครอบครองมันนั้น แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกฎเกณฑ์ทั่วไป ไม่มีทางเป็นหลักการขั้นสุดยอดของธรรม
หรืออาจพูดได้ว่า เป็นเศษเสี้ยวของธรรมแห่งฟ้าดินที่สิ่งมีชีวิตสัมผัส ได้ชิ้นส่วนมาครอง หยั่งรู้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่การครอบครองทั้งหมด
หากรู้ทั้งหมดของธรรม เช่นนั้นก็จะหลุดพ้น ไม่ใช่แค่เป็นอมตะ แต่อาจจะเรียกได้ว่าขึ้นสวรรค์แล้วกระมัง
สือฮ่าวสงสัยว่า ต่อให้เป็นเซียนก็ไม่อาจหยั่งรู้ธรรมอย่างถ่องแท้ รู้ทั้งหมดได้
“หมื่นธรรมที่ว่า คงจะเป็นธรรมอันไม่สิ้นสุด ธรรมหลากหลายชนิดหรือ? หากเป็นเช่นนั้น จะศึกษาให้รู้ถ่องแท้ได้อย่างไร” สือฮ่าวพึมพำ
ไกลออกไป หญิงสาวงดงามผุดผ่องที่มีผมสีม่วงคนนั้นเปล่งประกาย นัยน์ตาฉายแววบางอย่าง นางตกใจอย่างมาก เป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ขั้นบำเพ็ญไม่สูงมากนัก แต่กลับมาถึงขั้นนี้แล้วหรือ?
ไม่นานสือฮ่าวก็ส่ายหน้า เขาเข้าใจทันที หมื่นธรรมที่ว่าเป็นรูปธรรมเหลือเกิน มันเป็นความเท็จ
ธรรม มีเพียงหนึ่ง ก็คือธรรม หากจะแบ่งออกเป็นหลายชนิดอย่างที่มนุษย์ทำ มันผิด
เขารู้ดีว่า นักพรตขั้นสูงต่างก็รู้ ธรรมไร้รูปร่าง ไม่มีความแน่นอน จับต้องไม่ได้ มีเพียงความสูงส่งเท่านั้น
เพียงแต่ว่า แต่ไหนแต่ไรมา ผู้คนบรรลุธรรม จะได้เศษเสี้ยวของธรรมเป็นครั้งคราว ก็คิดว่าบรรลุธรรม เข้าใจหลักการแล้ว
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการแบ่งประเภท ทั้งสามพันธรรม หมื่นธรรม สิบวิถีปราชญ์ ปัญจธรรม ล้วนถูกนิยามภายใต้สถานการณ์แบบนี้
ธรรมนั้นไร้นาม ฟ้าดินถือกำเนิดจึงมีนาม เป็นบ่อเกิดของสรรพสิ่งทั้งหลาย
ธรรมไม่มีรูปร่าง ไม่มีทางบรรยายออกมาได้ กว้างใหญ่และอยู่ทุกหนแห่ง จับต้องไม่ได้
สือฮ่าวรู้แจ้งแล้ว ทั้งสามพันธรรม หมื่นธรรมที่ว่า ล้วนเป็นกฎเกณฑ์ เรียกว่าธรรมไม่ได้ เป็นแค่การแบ่งโดยบรรพชนเท่านั้น เป็นร่องรอยบางส่วนของธรรม
บางที การรวมกฎเกณฑ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน จึงจะบรรยายธรรมที่แท้จริงออกมาได้
ที่ผ่านมา สือฮ่าวก็กล่าวถึงหมื่นธรรม หวังจะอยู่เหนือมัน ปรารถนาจะศึกษาให้ถ่องแท้เพื่อหลุดพ้น
“ข้าต้องครอบครองหมื่นธรรมเหมือนคนโบราณบางคนก่อน จากนั้นจึงจะได้โครงร่างเลือนรางของธรรมหรือ?” สือฮ่าวพึมพำ
เขาเข้ามาอยู่ในเมล็ดพันธุ์ เพื่อสัมผัสกฎเกณฑ์ทั้งหลาย จากนั้นค่อยศึกษา หยั่งรู้ เข้าใกล้ธรรมที่แท้จริงหนึ่งเดียว
สือฮ่าวยื่นมือออกไป ให้ระเบียบ กฎเกณฑ์ที่ลอยลงมาจากฟ้าพันปลายนิ้ว จ้องพวกมันด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย จะรวบรวมพวกมันจนเกิดเป็นธรรมหนึ่งเดียวที่เรียบง่ายและดั้งเดิมที่สุดได้อย่างไร?
เวลาผ่านไป หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…
ชิ้นส่วนกาลเวลาอันตรธานหายไป ไม่รู้สึกถึงกาลเวลา มีเพียงมันที่เคลื่อนไหว ส่วนคนทำสมาธินั้นแข็งเป็นหินไปแล้ว นิ่งไม่ไหวติง ราวกับดับสูญไปแล้ว
หลายวัน หรืออาจเป็นหลายสิบวัน หลายร้อยวันกว่าสือฮ่าวจะฟื้นคืน สำหรับเขามันเหมือนผ่านไปชั่วพริบตา ไม่รู้สึกอะไรมากนัก
เขารวบรวมกฎเกณฑ์ทั้งหลาย อยากแสดงภาพรวมออกมา อยากสำแดงอานุภาพของธรรม แต่กลับพบว่า ทุกคำอธิบายเป็นความว่างเปล่า เขาแสดงภาพรวมอันยิ่งใหญ่ออกมา แต่ยังคงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมัน บรรลุธรรมแล้ว แต่เป็นแค่ร่องรอยท่อนหนึ่งของธรรมอันเรียบง่าย ได้เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น
“ธรรมที่ว่า ไม่ใช่ธรรมที่แท้จริง นามที่เรียก ไม่ใช่นามที่แท้จริง ทุกอย่างจับต้องไม่ได้ ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ฝืนไปไร้ประโยชน์ ไม่มีอิสระ”
สือฮ่าวถอนหายใจอย่างจนปัญญา
หากกลายเป็นมือดี เขาคงทำได้แล้ว มันเพียงพอแล้ว เพราะเขาบรรลุธรรมไม่หยุด สัมผัสถึงกฎเกณฑ์อันวิเศษไม่ขาดสาย ซึ่งก็คือธรรมชนิดหนึ่งตามความหมายที่แท้จริง
แต่ว่า มันนับว่าเป็นแค่กฎเกณฑ์เท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดของธรรม
เขาต้องการมากกว่านี้ เพราะเขารู้ดีว่า การศึกษาสามพันธรรม หรือพูดให้ถูกก็คือการศึกษากฎสามพันข้อ มันไม่เพียงพอ มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของธาตุแท้แห่งธรรมที่บรรพบุรุษศึกษาได้
และศัตรูในอนาคตจะร้ายกาจปานใด? ต้องแข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษแน่นอน มิเช่นนั้นบรรพชนจะแพ้พ่ายได้อย่างไร!
“อยู่เหนือหมื่นธรรม มันบ้าระห่ำมากหรือ อาจเป็นเช่นนั้น วัยหนุ่มอวดดี มักจะพูดจาโอ้อวด” สือฮ่าวเยาะเย้ยตัวเอง
เขารู้ว่า ต้องอยู่เหนือกฎเกณฑ์ทั้งหมด จึงจะถือว่าบรรลุธรรมอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ความเป็นจริงไม่มีความหมายมากนัก มันเป็นการต่อสู้กับกฎเกณฑ์ทั้งหลาย ไม่ใช่ธรรม
“ธรรม!”
สือฮ่าวนั่งขัดสมาธิ มือลูบแท่นหิน ดวงตาลุกวาว ในใจฮึกเหิม เขาคิดไปต่างๆ นานา ค้นหาจากภายนอกมากมายจนถึงปลายทางแล้ว บางทีอาจต้องเริ่มจากภายใน
“ธรรม ไร้รูปร่าง สรรพสิ่งในโลก ต้นไม้ทุกต้น ทุกอย่างล้วนอยู่ใต้หลักธรรม อยู่ในการปกครองของมัน”
สือฮ่าวรำพึงรำพัน จากนั้นก็สำรวจภายในร่างกายของตัวเอง มองตัวเองเป็นฟ้าดิน
“ร่างของข้า เป็นจักรวาล จิตของข้า เลือดของข้า ทุกอย่างในตัวข้าเป็นธรรม ธรรมนั้นไร้นาม ฟ้าดินถือกำเนิดจึงมีนาม เป็นบ่อเกิดของสรรพสิ่งทั้งหลาย ย้อนแย้งหรือไม่”
ตัวเองเทียบเท่าโลกใบใหญ่อย่างแท้จริง!
สือฮ่าวรู้สึกว่า ตัวเองอวดดี ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ มองตัวเองเป็นโลกหล้า เทียบเท่าจักรวาล จึงกล้าทำแบบนี้
“ร่างของข้าเป็นจักรวาล ต่อให้จะเล็กเหมือนฝุ่นผงเมื่อเทียบกับดาราจักร ดวงจิตของข้าก็คือธรรมในตัวข้า”
ผมดำของสือฮ่าวปล่อยสยาย นัยน์ตาแววโรจน์ หากว่ายำเกรง หากเอาแต่คิดถึงหมื่นธรรม ยกย่องกฎเกณฑ์ฟ้าดิน เช่นนั้นจะมีความจองหองเช่นนี้ได้ยาก
เขาสำรวจตัวเอง หยุดสนใจสิ่งรอบข้างชั่วคราว
“นี่เป็นแก่นแท้ของการบรรลุธรรม มีความคิดแบบนี้มานานแล้ว เช่นนั้นก็ยกระดับเสีย เพราะหมื่นธรรมในฟ้าดินเข้าสู่ร่างกาย ตอบสนองกับร่างกายของตัวเอง เปรียบเทียบกัน จึงจะเห็นและหยั่งรู้ธรรมที่อยู่ในร่างกายของตัวเอง”
“สิ่งที่ข้าต้องการคือธรรมของตัวเอง!”
เขายอมรับธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของจักรวาล และรู้ดีว่า ไม่มีทางจับต้องภาพรวมแบบนั้นได้ ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
เช่นนั้น ก็ทำได้เพียงเริ่มจากภายในแล้ว!
ฟ้ากำเนิดสรรพสิ่ง และร่างกายก็เป็นจักรวาลแห่งหนึ่ง เป็นความสมบูรณ์แบบ สามารถสร้างธรรมสูงส่งเกินเอื้อมได้เช่นกัน
แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับตัวเองแล้ว มันก็เป็นหนึ่งเดียวเช่นกัน
“ตูม!”
แท่นหินสั่นสะเทือน สือฮ่าวกำลังทำเช่นนั้นจริง มันอันตรายยิ่งนัก ชักนำโซ่ระเบียบทั้งหลายเข้าตัว สร้างรูปร่าง เปรียบเทียบกับภายในร่างกาย
กฎเกณฑ์เจิดจ้าดั่งดาราจักร กระจายไปทั่วร่างกาย จากนั้นก็ทวีจำนวนขึ้น แทบจะบดขยี้ให้แหลกสลายแล้ว
แน่นอนว่าแท่นหินสำแดงเดช คุ้มครองสือฮ่าว ไม่ปล่อยให้เขาดับสูญ
เพราะอยู่ในเมล็ดพันธุ์ อยู่ในครรภ์ฟ้าดิน ได้รับการคุ้มครองจากแดนนี้ กำลังหล่อเลี้ยงบุตรแห่งฟ้าดิน
ตอนนี้สือฮ่าวมาแทนที่ นั่งตรงตำแหน่งนี้ ย่อมได้รับสิทธิพิเศษเป็นธรรมดา
มันเป็นโอกาสที่เหนือความคาดหมาย ศึกษากฎเกณฑ์หมื่นชนิด เชื่อมต่อและยืดขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด
ขณะที่เลือดเนื้อของเขาปริแตก โซ่ทั้งหลายกำลังส่องแสงสว่าง และเลือดเนื้อของเขาก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วภายใต้พลังของแท่นหิน
มันน่ากลัวมาก และโหดร้ายมาก แต่ก็สว่างไสวมากเช่นกัน!
เลือดของสือฮ่าวกำลังไหล ตอบสนองกับกฎเกณฑ์เหล่านี้ ลุกลามไปทั่วอวัยวะและกระดูก มันเป็นการเติบโตของหลักธรรม เส้นเลือดในตัวเขากำลังสั่น เปล่งประกายไม่หยุด มันเป็นชิ้นส่วนของธรรม มันสั่นสะเทือนไปตามๆ กัน
กระดูกของเขากำลังส่งเสียงดัง มันเป็นโครงทั้งหลายของธรรมในร่างกาย เป็นส่วนสำคัญ
เลือดเนื้อของเขาก็กำลังขยับเช่นกัน ปรัหนึ่งใบไม้จำนวนมหาศาลกำลังพลิ้วไหว มันเป็นรูปร่างของธรรม กำลังซ่อมแซมส่วนที่ขาดหาย ทำให้มันสมบูรณ์
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด สือฮ่าวตกใจตื่นจากภวังค์ เขาเกือบจะถูกกฎเกณฑ์ทั้งหลายจากข้างนอกแผดเผาจนเป็นเถ้าถ่าน แท่นหินทำให้เขาคืนชีพ
“กระดูก เลือดและเนื้อหนังในร่างกายของเขาก็คือธรรมในกายหรือ?” สีหน้าของสือฮ่าวซีดเผือด
มันดูไม่สมจริงเอาเสียเลย หากคนอื่นรู้เข้าล่ะก็ คงจะดูน่าขำไม่น้อย
“ธรรมไร้รูปร่าง ไม่มีสถานะที่แน่นอน เป็นได้ทุกอย่าง และไม่เป็นอะไรเลยก็ได้” แววตาของสือฮ่าวค่อยๆ ลุกโชนขึ้นมา แปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่น
“ใช่แล้ว ธรรมในกายข้า อยากให้มันเป็นอะไรก็จะเป็นอันนั้น กายของข้าเป็นจักรวาล ทุกอย่างในตัวล้วนเป็นธรรม” สือฮ่าวจริงจัง
หญิงงามที่อยู่ไกลออกไปตะลึงงัน นางคิดว่าชายหนุ่มคนนั้นอาจจะถูกอะไรครอบงำแล้ว กำลังใคร่ครวญว่าจะช่วยเหลือดีหรือไม่
“ข้าไม่ได้เสียสติ เส้นทางนี้แหละ แสวงธรรมในกาย! ฝุ่นผงถมทะเลได้ ทลายจักรวาลได้ และร่างกายของข้า แม้จะเล็กกระจ้อยร่อย แต่ก็ทลายธรรมแห่งจักรวาลได้เช่นกัน!”
ต่อมา สือฮ่าวก็นิ่งไม่ไหวติง กฎเกณฑ์ทั้งหลายลอยลงมารายล้อมเขา ยังคงศึกษา ยังคงวิเคราะห์
ร่างของเขาสอดคล้องกับจักรวาล ธรรมในร่างกายตอบสนองกับธรรมสูงส่งข้างนอก
เขาทำความเข้าใจกับส่วนประกอบของโซ่ระเบียบก่อน ซึ่งก็คือปัจจัยเล็กๆ พวกนั้น จากนั้นก็ศึกษาธรรมที่มีขนาดใหญ่ สือฮ่าวจมอยู่ในนิพพานที่สูงที่สุด
ตอนนี้ เขาเป็นเหมือนคนตาย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด กฎเกณฑ์เหล่านั้น โซ่หลักธรรมมากเหลือคณานับที่ลอยลงมาจากฟ้าก็พันรอบตัวสือฮ่าว ก่อตัวเป็นตาข่าย จากนั้นก็ถักทออย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย เมื่อกฎเกณฑ์ทั้งหมดโยงใยกัน กลายเป็นรังไหมเรียบง่าย หม่นหมอง พันธนาการสือฮ่าวไว้ข้างใน
“ใช้กายเป็นฟ้าดิน ธรรมอยู่ภายใน”
มีเสียงแผ่วเบาแว่วมาจากรังไหม แต่กลับทำให้หญิงสาวที่อยู่ไม่ไกลตกใจสะดุ้งโหยง นางรู้สึกว่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
ตูม!
ต่อมา ดวงไฟก็พุ่งออกจากรังไหม มีขนาดเท่ากำปั้น กลายเป็นกระจก ปล่อยพลังธรรมออกมาอย่างไม่สิ้นสุดก่อน จากนั้นก็กลายเป็นเปลวไฟ กระจายหมอกปฐมกาล มันเริ่มเผารังไหมแล้ว
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เนิ่นนานราวกับร้อยพันภพ
เปลวไฟแผดเผารังไหม เสียงสวดมนต์ดังไม่ขาดสาย ใยไหมมัดตัวสือฮ่าวอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็หายไป สุดท้ายก็ขาดสะบั้น
กระทั่งสุดท้าย ตรงนั้นไหม้เกรียม รังไหมกำลังเสียหาย!
“รังแห่งธรรม?” ผู้ชมเพียงหนึ่งเดียว หญิงคนนั้นตะลึงงัน
ใช้ธรรมภายนอกเป็นรังไหม ห่อหุ้มตัวเอง แสวงธรรมจากภายใน จากนั้นแตกรังกลายเป็นผีเสื้อ
หญิงคนนั้นรู้สึกว่า ชายหนุ่มคนนี้เสียสติ บ้าไปแล้ว ถึงกล้าทำแบบนี้ จะบีบคั้นให้ธรรมในตัวออกมางั้นหรือ?
เพียงชั่วครู่ นางก็หายใจเข้าดังเฮือก เมื่อเห็นส่วนหนึ่งของร่างกายโผล่ออกมาจากรังไหมดำเกรียม หม่นหมองแต่ไม่ถูกแผดเผา นางคิดว่า ชายหนุ่มคนนี้อาจทำสำเร็จก็เป็นได้!