Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1260
มันวิเศษมากเหลือเกิน เมื่อเขามาอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลาง ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม บทสวดมนต์ดุจคลื่นน้ำ เหมือนริ้วคลื่น กำลังผนึกกำลังที่นี่ กระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง!
เสียงบาดแก้วหู ทำให้คนตื่นรู้!
เพียงเสี้ยววินาที สือฮ่าวก็ใกล้จะบรรลุธรรมแล้ว พลังฟ้าดินทั้งหลายห้อมล้อม ลอยอยู่ในทะเลแห่งธรรม ในใจเกิดการหยั่งรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่ออยู่ที่นี่ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนต้นไม้เหี่ยวเฉา ได้รับการหล่อเลี้ยงจากหยาดฝน การสาดส่องจากแสงแดดอุ่น จวนจะกลับมามีชีวิตชีวา จากนั้นเจริญเติบโตด้วยความแข็งแรง
นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เป็นการบำรุงวิญญาณ เป็นการหลุดพ้นจากชีวิต เป็นการยกระดับตัวตน
หนทางการบำเพ็ญเพียรต้องก้าวหน้า ให้การยกระดับของชีวิตหลุดพ้นจากพันธนาการ เจิดจรัสเช่นดวงดารา ดำรงอยู่คู่ฟ้าดิน ไม่ดับสูญตลอดไป
นี่เป็นปลายทางของใครหลายคน เป็นเป้าหมายสุดท้ายของนักพรต
“ข้าจะเป็นอมตะ ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ชั่วชีวิตไร้ที่สิ้นสุด แต่ไม่อยู่คู่ฟ้าดิน ไม่เปล่งประกายเหมือนดวงดาว เพราะทุกอย่างในโลกนี้ต้องมีวันดับสูญ”
ขณะที่สือฮ่าวทำสมาธิ เขาไม่เคลิบเคลิ้ม แต่ได้รับการจุดประกาย แสงแห่งปัญญากะพริบไม่หยุด
เพราะเขารู้ดีว่าเส้นทางของเขานั้นแตกต่าง หากต้องการอยู่เหนือบรรพชนในยุคโบราณ จำต้องบุกเบิกเส้นทางใหม่
เห็นได้ชัดว่า การได้ครองเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบ ได้รับการยอมรับจากฟ้าดิน ดำรงอยู่คู่จักรวาล ไม่ใช่หนทางของเขา เพราะเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์โบราณแบบนั้น
ไม่ได้รับโชคชั้นใหญ่ ไม่ถือเป็นลูกรักของสวรรค์ ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเดินบนเส้นทางที่ปรมาจารย์กับเขาร่วมกันศึกษา!
ครืน!
ม่านแสงหย่อนลงมาจากฟากฟ้า สะเทือนขวัญผู้คน
โซ่ระเบียบเส้นแล้วเส้นเล่าเทลงมาจากนอกโลก ราวกับธารน้ำตกสว่างไสว ภาพที่ตระการตาแบบนั้น ชั่วชีวิตนี้เขาก็ไม่มีวันลืมเลือน
นี่เป็นการเริ่มต้นแปรสภาพของเขา ไม่ใช่อักขระที่สลักขึ้นสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เป็นการศึกษาอย่างตั้งใจ สอดคล้องกับโลกภายในร่างกาย พิสูจน์ทั้งสองด้าน จะเทียบเท่าจักรวาล แม้กระทั่งว่าอยู่เหนือกว่า
“เศษฝุ่นถมทะเล หนึ่งต้นหญ้าทลายดวงดาว…”
สือฮ่าวพึมพำ นี่เป็นการหยั่งรู้ที่ดั้งเดิมแต่ลึกซึ้งที่สุด ไม่ใช่การรำพัน แต่เป็นการตระหนักรู้อย่างแท้จริง
แม้ตัวเองเล็กกระจ้อยร่อย เหมือนฝุ่นผงเมื่อเทียบกับดวงดาว เล็กจนแทบมองไม่เห็นเมื่อเทียบกับดาราจักร ไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับจักรวาลอันกว้างใหญ่ อาจถูกมองข้ามได้
แต่ไม่ว่าบุคคลใด ก็ล้วนแต่สมบูรณ์ ล้วนมีดินแดนที่ไร้มลทินรอคอยให้เปิดมัน บางทีอาจเรียกว่าเป็นประตูเซียนหลายบานก็ได้
การกล่าวตามหลักการทั่วไป มีขุมทรัพย์ในร่างกายมนุษย์มากมาย สามารถเปิดมันได้ไม่มีที่สิ้นสุด!
ร่างกายมนุษย์ดุจเศษฝุ่น แม้จะเล็ก แต่เมื่อเปิดขุมทรัพย์ภายในร่างกาย เช่นนั้นมันจะไร้ขีดจำกัด กว้างใหญ่และไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้!
เงื่อนไขแรกคือ เจ้าต้องเปิดมัน ทุกตำแหน่ง เปิดมันอย่างไม่สิ้นสุด!
สือฮ่าวถูกโซ่ระเบิดจำนวนมากห้อมล้อม ราวกับถูกจองจำที่นี่ กลายเป็นศิลาอมตะ ไม่ขยับไม่เขยื้อน นั่งขัดสมาธิบนแท่นหิน ได้รับการชำระล้าง
นี่เป็นการสะท้อน เป็นการศึกษา และเป็นได้ข้อคิดจากการหยั่งรู้ครั้งนี้อีกด้วย
หากต้องการเทียบเท่าจักรวาล ไม่สามารถเลียนแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ มีเพียงแสงแห่งปัญญากะพริบอย่างแท้จริง มีเส้นทางและวิชาของตัวเอง เปิดประตูเซียนในตัวเท่านั้นจึงจะมีความหมาย
โซ่ระเบียบสวยงามอย่างมาก ลุกลามไปทั่วมิติ ประหนึ่งขนหางของพญาหงส์ ประกายท่ามกลางความพร่างพราย เจิดจ้าจนลืมตาไม่ขึ้น
สือฮ่าวใช้มือลูบไล้เบาๆ มันอุ่นยิ่งนัก ตอนนี้พวกมันไม่ใช่สายน้ำบ้าระห่ำอีก แต่อ่อนโยน ทุกอย่างเป็นเพราะแท่นหินที่เขานั่งอยู่
นี่เป็นการได้รับการยอมรับ เห็นเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกหล่อเลี้ยง เพราะตอนนี้เขาเป็นครรภ์เซียนที่อยู่ในเมล็ดพันธุ์ฟ้าดิน
กฎเกณฑ์ที่ดั้งเดิมที่สุด พลังที่เก่าแก่ที่สุด ตอนนี้สำแดงให้เห็นต่อหน้าสือฮ่าวอย่างไม่ปิดบัง ไม่มีความลับอะไร
นัยน์ตาของเขาสุกใส ค่อยๆ แววโรจน์มากขึ้น ราวกับปรารถนา มองโซ่ที่ดั้งเดิมที่สุดของฟ้าดิน ถ้าเป็นปกติจะได้รับมันอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
แน่นอนว่า มันไม่ใช่เคล็ดวิชา ไม่ใช่ญาณวิเศษที่ทำลายล้างทุกสิ่งได้ ล้วนเป็นกฎเกณฑ์ที่พื้นฐานและเรียบง่ายที่สุด แต่เป็นเพราะมีโซ่เหล่านี้อยู่ สามารถเชื่อมต่อกันไม่หยุด กลายเป็นพลังที่ซับซ้อนที่สุด
สือฮ่าวเคลิบเคลิ้ม กระทั่งสุดท้าย เขาก็สัมผัสได้ว่า มันคล้ายคลึงกับการหยั่งรู้ดั้งเดิมอยู่บ้าง มีสิ่งที่ดั้งเดิมที่สุด!
สือฮ่าวชะงักงัน จากนั้นก็ตกใจ มันเพราะอะไรกัน? ทุกครั้งที่คิดว่าศึกษาการหยั่งรู้ดั้งเดิมจนถ่องแท้แล้ว แต่เมื่อเหลียวมองกลับพบว่า มีการค้นพบใหม่ มีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
ใช่ เขาบรรลุธรรมแล้ว บรรลุเพราะการหยั่งรู้ดั้งเดิมอีกครั้ง
ดวงจิตของเขาเปล่งประกายในพริบตา อักขระที่เกิดจากการหยั่งรู้ดั้งเดิมในตอนแรกประทับลงในดวงจิต ประหนึ่งสวมเกราะหนึ่งชั้น ตอนนี้มันกำลังตอบสนองแล้ว
ต่อมา กฎเกณฑ์ทั้งหลาย โซ่จำนวนมากก็เทลงมา เจิดจ้าเหมือนสายรุ้ง พร่างพรายราวกับกระบี่ หลอมรวมกับดวงจิต มุดเข้าไปในอักขระการหยั่งรู้ดั้งเดิม
ทั้งสองสาดแสงระยิบระยับไม่หยุด สุดท้ายก็ส่องสะท้อนกัน
“ดี!”
สือฮ่าวอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ จิตใจฮึกเหิม นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขาอยากเข้าใจพลังดั้งเดิมของจักรวาล เข้าใจธาตุแท้ของฟ้าดิน
แน่นอนว่า ตอนนี้การหยั่งรู้ดั้งเดิมกับกฎเกณฑ์ที่เรียบง่ายที่สุดกำลังตอบสนองกัน ทำให้เขาเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ลึกซึ้งเป็นที่สุด
ต่อมา ดวงจิตของเขาก็เปล่งแสง อักขระการหยั่งรู้ดั้งเดิมที่ปกคลุมโชติช่วงอย่างยิ่ง พวกมันกำลังสาดแสง เกิดการตอบสนองกับฟ้าดิน
จากนั้น กฎเกณฑ์ทั้งหลายและโซ่ระเบียบก็เทลงมา ราวกับจะทำลายล้าง
สือฮ่าวยื่นมือออกไป ใช้ใจสัมผัส ลูบกฎเกณฑ์และพลังอ่อนโยนเหล่านั้น จากนั้นเขาก็ลองทำให้พวกมันแหลกสลาย กลายเป็นฝุ่นที่ดั้งเดิมที่สุด
เขาทำสำเร็จแล้ว โซ่เส้นแล้วเส้นเล่ากลายเป็นฝุ่นสีทองด้วยมือของเขา ประหนึ่งดวงตะวันที่ย่อขนาดลง
สือฮ่าวตะลึงพรึงเพริด เขากำลังสัมผัสปัจจัยของกฎเกณฑ์ กำลังสัมผัสธาตุแท้ของฟ้าดิน กำลังสังเกตการณ์ในระยะที่ใกล้ชิด
ในมุมที่ไกลออกไป หญิงสาวที่งดงามจนเลือนรางไม่สมจริงกำลังมองดูเงียบๆ ตอนแรกยังนิ่งสงบ สุดท้ายก็ทำหน้าตกใจ
นางไม่คิดเลยว่า แค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง สามารถจับต้องธาตุแท้ของจักรวาลได้ตั้งแต่แรก จุดเริ่มต้นสูงจนน่าตกใจ กำลังศึกษาแสงแห่งปัญญาของเส้นทางที่สูงที่สุด
แม้สือฮ่าวจะเคลิบเคลิ้ม แต่ไม่ลุ่มหลง มีสติอย่างมาก วนเวียนอยู่ในปัจจัยเหล่านี้ โซ่ระเบียบแตกสลายเป็นฝุ่นสว่างไสวดุจดวงตะวัน
สือฮ่าวลงมือ ใช้พลังจิตของตัวเองควบคุมฝุ่นเหล่านี้ ทดลองรวมพวกมันอีกครั้ง หากไม่ระวัง ทำให้พวกมันชนกัน อาจเกิดผลลัพธ์ที่น่ากลัว มิติถล่มจากนั้นดับสูญในพริบตา!
หญิงคนนั้นที่อยู่ไม่ไกลตกใจ หากที่นี่พินาศย่อยยับ หนทางบรรลุธรรมของนางก็จะจบสิ้น
แต่หายนะไม่บังเกิด เพราะแท่นหินที่สือฮ่าวนั่งกำลังเปล่งแสง ลวดลายเรียบง่ายลุกลาม ขัดขวางทุกอย่าง ทำให้กฎเกณฑ์บ้าระห่ำสงบลง
แท่นหินสยบทุกสิ่ง เพราะมันเป็นศูนย์กลางของครรภ์ฟ้าดิน เป็นผลผลิตจากการหลอมรวมกับฟ้าดิน ไม่ถูกลงโทษ ได้รับการคุ้มครอง
“ไม่มีการแว้งกัด สวรรค์ไม่ลงทัณฑ์” สือฮ่าวรำพันในใจ สิ่งมีชีวิตตนนั้นไม่ทำร้ายเขา และตอนแรกมีอันตราย ปรากฏว่าถูกสือฮ่าวขจัดทิ้งอย่างง่ายดาย
มันราบรื่นอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เขารู้สึกกังวล
เพราะนี่เป็นการช่วงชิงพลังสวรรค์ ไม่มีทางที่ธรรมจะให้อภัย ต้องถูกลงโทษแน่นอน
มันไม่เหมือนพวกราชันสิบสมัย พวกเขามีเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ ได้รับการยอมรับจากเบื้องบน การครอบครองเมล็ดพันธุ์แบบนั้นเท่ากับผสานกับฟ้าดิน ได้รับการคุ้มครอง ไม่มีอันตราย
ทุกการกระทำของสือฮ่าวในตอนนี้ เป็นการทำตรงกันข้าม แย่งชิงความลับของฟ้าดิน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับ
ตอนนี้มันยังเงียบสงบ วิกฤตถูกขจัด เป็นเพราะเขาปกปิดโชคชั้นใหญ่ชั่วคราว ยังไม่มีช่องโหว่อะไรให้เห็น
แต่เมื่อรั่วไหล คาดว่าต้องเกิดวิกฤตกับเขาแน่นอน!
ต่อให้เป็นลิขิตของโชคชะตาก็ดี หรือเป็นการทำร้ายจากครรภ์เซียนก็ช่าง ล้วนเป็นสาเหตุเดียวกัน
แต่สือฮ่าวเชื่ออย่างหลัง ไม่เชื่อการกำหนดของโชคชะตา
เวลาล่วงเลยไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้สึกถึงการเดินหน้าของกาลเวลา เขานั่งทำสมาธิเพียงลำพัง กำลังทำให้กฎเกณฑ์แหลกสลาย
สือฮ่าวค่อยๆ จมลงไปในภวังค์ ลืมเลือนทุกอย่าง ใคร่ครวญอยู่ในวังวนของพลัง
ที่นี่ดังครืนครันไม่หยุด เสียงสวดมนต์ดังไม่ขาดสาย มันเป็นแสงที่เกิดจากกฎเกณฑ์ กลายเป็นมหาสมุทร ปกคลุมเขา สว่างไสวอย่างยิ่ง!
ดวงจิตของสือฮ่าวเจิดจ้าเป็นที่สุด การหยั่งรู้ดั้งเดิมกำลังสั่นสะเทือน ปล่อยเสียงสวดมนต์ออกมาด้วยตัวเอง
หลังบทสวดมนต์ตอบสนอง ทำให้ปัจจัยของกฎเกณฑ์เกิดปฏิกิริยา ราวกับฝุ่นสีทองทั้งหลายขยายใหญ่ขึ้น ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ถูกสือฮ่าวมองจนทะลุปรุโปร่ง
จากนั้นสือฮ่าวก็เรียงลำดับ ปัจจัยเหล่านี้เคลื่อนไหว เป็นเหมือนดวงดาวที่กำลังโคจร ก่อตัวเป็นดาราจักร เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นไปตามๆ กัน
ตูม!
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีประตูโผล่ขึ้นมาในตัวบางส่วน ขยับไปพร้อมกับปัจจัยธาตุแท้เหล่านั้น
สือฮ่าวรวมพวกมันครั้งแล้วครั้งเล่า ปัจจัยเหล่านั้นเรียงลำดับตามอักขระการหยั่งรู้ดั้งเดิม จากนั้นก็วิวัฒนาการวิชาของเทพหลิว ไม่สำแดงเป็นเคล็ดวิชาเช่นที่ผ่านมา แต่เริ่มจากสิ่งที่ดั้งเดิมที่สุด สร้างพลัง สร้างเคล็ดวิชาด้วยตัวเอง
มันทำให้เขาลุ่มหลง เขารู้สึกว่ามันวิเศษมาก สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดสร้างญาณวิเศษที่ซับซ้อนและยิ่งใหญ่ที่สุด ขั้นตอนนี้ทำให้เขารู้อะไรมากมาย
จากนั้นวิชาอื่น เคล็ดวิชาอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ถูกเขาวิวัฒนาการครั้งแล้วครั้งเล่า
กระทั่งต่อมา ฝุ่นสีทองที่ตอบสนองกับการหยั่งรู้ดั้งเดิมก็แหลกสลาย เป็นเหมือนลำแสงที่ใช้เนตรสวรรค์มองก็แทบจะมองไม่เห็น
แต่สือฮ่าวมองมันด้วยใจ กลับเห็นมันอย่างชัดเจน ล้วนปรากฏขึ้นในห้วงความคิด
สือฮ่าวดำดิ่งอยู่ข้างใน ลืมเลือนทุกสิ่ง ตอนนี้เขาลุ่มหลงมัวเมา รู้สึกมหัศจรรย์ยิ่งนัก
ตูม!
จู่ๆ ค้อนสีทองก็ลอยลงมาจากฟ้า กระแทกใส่สือฮ่าว ทำให้เขากระอักเลือด ร่างแทบแหลกสลาย โชคดีที่ไม่กระเด็นออกจากแท่นหิน
เขาได้สติทันที มันเกิดอะไรขึ้น การลงทัณฑ์ของสวรรค์เริ่มขึ้นแล้วหรือ?
ไม่ใช่ มันเกิดจากพลังกฎเกณฑ์ นี่เป็น…การแสดงออกของธรรม กลายเป็นอาวุธมีรูปร่าง โจมตีร่างกายเขา
เขาก้มหน้ามอง แท่นหินข้างล่างเปล่งประกาย เมื่อครู่ก่อตัวเป็นโล่ ขวางการโจมตีส่วนใหญ่ของค้อนสีทอง มิเช่นนั้นเขาคงแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว
“ข้าจมจ่ออยู่กับการแยกโซ่เหล่านั้น ดำดิ่งอยู่ในขอบเขตของการศึกษาฝุ่นสีทอง มองข้ามภาพกว้าง พูดให้ถูกก็คือละเลยการหยั่งรู้สูงส่งของธรรม”
สือฮ่าวได้สติ รู้แจ้งโดยพลัน
ดึงดันอยู่ในจุดเล็กๆ มองข้ามท้องฟ้าทั้งผืน ธรรมอันยิ่งใหญ่ต่างหากที่เป็นธาตุแท้ บางครั้งการควบคุมภาพรวม ไม่ต้องใช้เล่ห์กลใดๆ
ทุกอย่างถูกบดขยี้ภายใต้อานุภาพยิ่งใหญ่
สือฮ่าวหยั่งรู้ บรรลุธรรมในขั้นที่ลึกซึ้งกว่า
ในเมล็ดพันธุ์ประหลาด ภายในครรภ์ฟ้าดิน เท่ากับเขากำลังดูดซึมสารอาหาร สร้างความแข็งแกร่งให้กับกายเนื้อ รับผลผลิตจากธรรม
นี่เป็นเส้นทางการแปรสภาพ เขากำลังแข็งแกร่งขึ้น กำลังทลายขีดจำกัด เป็นหนทางนิพพานที่มีผลกระทบไปชั่วชีวิต!