Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1258
มหายุคมาเยือน แม้อาจจะเป็นจุดจบของยุคนี้ เรียกได้ว่าเป็นวันสิ้นโลก แต่ก็เป็นยุคที่โชติช่วงที่สุดเช่นกัน
ต้นอ่อนของต้นไม้โลกรวมเป็นหนึ่งกับมนุษย์ มันน่าตะลึงปานใดกัน?
จากนั้นเมล็ดพันธุ์ปฐมกาลก็โผล่มา มันเป็นเมล็ดพันธุ์ไร้พ่าย หมอกกระจายมาจากทิศตะวันออก แผ่ไปทั่วสามหมื่นลี้ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงอานุภาพอันไร้เทียมทาน
วันนี้ เผ่าพันธุ์ทั้งหลายในเก้าสวรรค์ต่างก็ตกตะลึง ผู้สูงส่งตามความหมายทยอยกันปรากฏขึ้น ผงาดในกลียุค สะเทือนขวัญทุกผู้ทุกคน
“ไม่คิดว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์โบราณแบบนั้น ต้องรู้ว่าแม้แต่ในยุคที่มีเซียน มันเป็นก็เป็นเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบ ผู้อมตะยังต้องตะลึง”
ไม่ว่าจะเป็นสำนักทั่วไป ตระกูลอมตะ หรือมือดีทั้งหลายต่างก็วิจารณ์กัน
ผู้คนสัมผัสได้ว่า นี่เป็นแค่การเริ่มต้น จะมีอัจฉริยะหนุ่มสาวสะเทือนโลกาถือกำเนิดอีก บางทีเมล็ดพันธุ์ที่สูงส่งที่สุดของยุคก่อนอาจจะรวมตัวกันในภพนี้ก็เป็นได้!
จุดประสงค์ไม่มีอื่นเรื่องอื่น เพียงแค่เจิดจรัสสักครั้ง แก้ไขความเสียดายในตอนนั้น เพื่อกำราบศัตรูต่างแดนให้พ่าย!
“เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ปรากฏให้เห็นพร้อมกัน ใครจะเป็นอันดับหนึ่งในหล้า ใครกันแน่ที่เป็นเมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายที่แท้จริง จะแสดงให้เห็นในยุคนี้ ตอนนั้นเมล็ดพันธุ์บางส่วนยังไม่เจริญวัยก็โรยรา ข้าคิดว่าคงจะได้เปล่งประกายในยุคนี้!”
ผู้คนตั้งหน้าตั้งตารอการปะทะกันระหว่างผู้สูงส่ง
แน่นอนว่า ชาวโลกไม่ต้องการให้เหล่าอัจฉริยะในแดนนี้เข่นฆ่ากันเอง แต่วัดด้วยผลสำเร็จในการสู้กับต่างแดน
“ข้าอยากเห็นขุนศึกคนแล้วคนเล่าผงาด ประหนึ่งดวงตะวันลอยเด่นกลางฟ้า ปะทะกันจนเกิดประกายที่เจิดจ้าที่สุด แต่เมื่อวันสิ้นโลกมาเยือน สามารถร่วมมือกันต่อกรกับต่างแดนได้!”
มีคนกำลังคาดหวัง กำลังพึมพำ อยากเห็นยุคสมัยที่รุ่งเรือง
ไม่มีใครอยากเห็นปฐพีที่พินาศในที่สุด จักรวาลเสื่อมโทรมที่เงียบสงัดและหนาวเหน็บ
ศึกในตอนนั้น เก้าสวรรค์สิบพิภพแพ้ยับเยิน ดินแดนทั้งผืนพินาศย่อยยับ แตกแยกเป็นสวรรค์ทั้งเก้า พิภพสิบผืน ตอนนี้ผู้คนปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงตอนจบ
แม้ทุกคนจะรู้ดีว่า มันลำบากแสนเข็ญ เมื่อใคร่ครวญว่าอาจไม่มีทางสำเร็จ แต่ก็ยังคงมีความหวัง!
“ใครเป็นเจ้าแห่งวงการ? ใครเป็นที่หนึ่งในหล้า? เมล็ดพันธุ์เม็ดไหนแข็งแกร่งที่สุด? จะได้รู้กันแล้ว!”
มันเป็นความในใจของคนมากมาย นับถือในความยิ่งใหญ่ มันเป็นความสามารถและพรสวรรค์ รวมถึงผู้เลื่องชื่อและผู้เฒ่าหลายคนต่างก็อยากรู้ว่า เมล็ดพันธุ์ใดจะสมควรถูกยกย่องเป็นพันธุ์ไร้พ่าย
ไม่ว่าจะเป็นสำนักทั่วไป หรือตระกูลอมตะที่ดำรงอยู่มาเนิ่นนานก็ตาม ล้วนรอคอย อยากเห็นโลกใบนี้เปล่งประกายอย่างโชติช่วงที่สุด
ขณะที่โลกภายนอกอึกทึกครึกโครม ผู้คนกำลังอุทานว่าเมล็ดพันธุ์ไร้เทียมทาน สำนักเทพสวรรค์ยังคงเงียบสงบ
แท้ที่จริงแล้ว สือฮ่าวไม่อยู่ที่นี่แล้ว ปรมาจารย์พาไปจากที่นี่เงียบๆ แล้ว
“ฝังเมล็ดพันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิ ค่อยมาเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง” นี่เป็นเสียงของปรมาจารย์ และเขาทำเช่นนั้นจริงๆ
เขาฝังสือฮ่าวแล้วใช้ดินกลบ จากนั้นก็ไม่สนใจไยดี
ที่นี่ไม่ใช่สำนักเทพสวรรค์ ธาตุดินหนาแน่นประหนึ่งของเหลวพัวพันกันยุ่งเหยิง จากนั้นก็กลายเป็นน้ำหนืดข้น
แต่ที่นี่ไม่ฉุนจมูกแต่อย่างใด ไม่ใช่ฝุ่นผงของจริง เป็นแค่ไอ พลังฟ้าดินกลายเป็นธาตุดินเท่านั้น
ที่นี่ไม่อยู่ในสวรรค์ไร้ขอบเขตแล้ว เป็นอีกแดนของเก้าสวรรค์ มีชื่อว่าสวรรค์เลือนราง
มันเป็นดินแดนโบราณ ไม่เห็นสิ่งอื่น มีเพียงธาตุดินตลบอบอวล เหลือขมุกขมัว ราวกับมีสัตว์เกลือกกลิ้ง ทำให้ทรายฟุ้งตลบ
ในความเป็นจริงแล้ว ดินแดนผืนนี้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไอดินโชติช่วง เป็นเหมือนควันและแสง หนาแน่นจนแยกไม่ออก มันเป็นพลังปราณธรรมชาติอย่างหนึ่ง
ตอนนี้ปรมาจารย์พาสือฮ่าวมาที่นี่แล้วฝังเขา เพื่อให้ได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังฟ้าดิน ให้เมล็ดพันธุ์ได้บำรุงครรภ์ที่อยู่ข้างในดียิ่งขึ้น
สือฮ่าวเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ ถูกฝังลงดิน รอวันที่เขาจะแตกหน่อ
ที่นี่ไม่เงียบสงบอีกต่อไป เมล็ดพันธุ์ประหลาดถูกหล่อเลี้ยง กำลังส่งเสียง ประหนึ่งปฐพีกำลังเคลื่อนไหว หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งอื่นสงบเงียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกันผืนแผ่นดินและจักรวาล กำลังตอบสนองกัน
ในความคิดของนักพรต มันเป็นเหมือนเสียงแห่งวิถีเซียน เหมือนเสียงคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดดังมาจากนอกโลก ดังบาดแก้วหู ทำให้คนบรรลุธรรม
มันเป็นความล้ำค่าของเมล็ดพันธุ์เม็ดนี้ มันเป็นเหมือนครรภ์ฟ้าดิน เป็นผลิตจากการหลอมรวมของฟ้าดิน เชื่อมโยงกับสวรรค์ ผสานกับจักรวาล
ด้วยเหตุนี้ กฎเกณฑ์ทั้งหลายของโลกต่างก็มารวมตัวกัน
ครรภ์ฟ้าดิน ย่อมเกี่ยวพันกับจักรวาล ได้รับการอาบชำระจากหมื่นธรรม!
พลังกฎเกณฑ์และระเบียบล้อมรอบครรภ์ฟ้าดิน ทั้งมีรูปร่าง ไร้รูปร่างเชื่อมต่อเป็นรังไหม มันเป็นเปลือกนอกของเมล็ดพันธุ์เม็ดนี้
โดยเฉพาะเมื่อถูกฝังอยู่ในดินแดนที่มีธาตุดินหนาแน่น หรือก็คือดินแดนดั้งเดิม ผลลัพธ์จึงชัดเจนมากขึ้น
เพราะมันทำให้เมล็ดพันธุ์เข้าใกล้จักรวาลยิ่งขึ้น หลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน!
มันไม่แปลกหน้าสำหรับสือฮ่าว ตอนนั้นฉีเต้าหลินเคยแนะนำเขาว่า หากต้องการสร้างพลังเซียนอาศัยเมล็ดพันธุ์เม็ดนี้ได้ เพียงแค่ตอนนั้นเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน
สือฮ่าววนเวียนอยู่ในพลังธรรม ถูกพวกมันห่อหุ้ม เห็นธาตุแท้ของฟ้าดินผืนนี้ เห็นหลักธรรมที่ดั้งเดิมและเรียบง่ายที่สุด
เขาเป็นเหมือนทะเลทรายแห้งผาก ดูดซึมหยาดน้ำฝนอย่างกระหาย สังเกตและหยั่งรู้ทุกสิ่งด้วยตัวเอง จากนั้นใช้วิจารณญาณของตัวเอง
เข้าใกล้ธรรมชาติ หยั่งรู้หลักธรรม นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำหากจะทลายขั้นเทพสวรรค์!
หากเป็นไปได้ ผสานเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ หลอมรวมในพริบตา ผลสำเร็จของมันจะมีผลกระทบไปชั่วชีวิต!
อัจฉริยะทั้งหลายต้องการค้นหาเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบเพราะเหตุนี้ เมล็ดพันธุ์ไร้มลทินมีพลังของโลกแฝงเร้นมากมายเหลือเกิน หากหลอมรวมเป็นหนึ่งทันที เท่ากับว่านักพรตจะได้เห็นธาตุแท้ของปฐพีและบรรลุธรรม!
ผลลัพธ์แบบนี้ไม่ต้องคิดก็รู้!
ฉะนั้นผู้คนจึงออกค้นหาเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบ เพื่ออาศัยมันศึกษาหลักธรรมฟ้าดิน
ยิ่งไปกว่านั้น เมล็ดพันธุ์แบบนั้นไม่เหมือนพันธุ์ทั่วไป หากหลอมรวมกับตัวเอง บางทีอาจเป็นชั่วนิรันดร์ ไม่ใช่การบรรลุธรรมชั่วพริบตาเช่นเมล็ดพันธุ์อื่น
หลอมรวมตลอดกาลหมายความว่า ชั่วชีวิตนี้มีโอกาสหลายครั้งที่จะอาศัยเมล็ดพันธุ์มาหลอมรวมกับฟ้าดิน สามารถยกระดับบนเส้นทางการบำเพ็ญเพียรได้อย่างต่อเนื่อง
มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบเท่ากับควบคุมชะตาของตัวเอง มันเป็นคำพูดที่เชื่อถือได้ที่สุดของยุคก่อน!
สือฮ่าวไม่มีเมล็ดพันธุ์แบบนี้ ย่อมต้องหาวิธีใหม่ และตอนนี้เขาเห็นพลังเหล่านี้ในครรภ์ฟ้าดิน เห็นธาตุทั้งหลายอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
“ใช้กายเป็นพันธุ์ ข้าไม่หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ภายนอก แต่ใช้ตัวเองเชื่อมต่อกับฟ้าดิน เห็นหลักธรรมทั้งหมดประจักษ์แก่สายตา!”
สือฮ่าวรำพัน กำลังหยั่งรู้ท่ามกลางเสียงสวดมนต์
เพราะตามทฤษฎีของการใช้กายเป็นพันธุ์ ในกายเนื้อแฝงด้วยหลักการดั้งเดิมของฟ้าดิน กระตุ้นโลกภายในร่างกายผ่านการสังเกตฟ้าดิน
หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าอย่างไร ล้วนต้องอาศัยโลกใบนี้ พึ่งพาจักรวาล เพราะตัวเองเป็นเพียงส่วนหนึ่ง อาศัยอยู่ข้างใน
และการใช้กายเป็นพันธุ์ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม อยู่ในขั้นเดียวกับจักรวาล ไม่ด้อยกว่า
ถูกต้อง การใช้กายเป็นพันธุ์ ให้ตัวเองอยู่ในขั้นเดียวกับจักรวาล เห็นตัวเองเป็นดินแดน เป็นผืนฟ้า มองจักรวาลให้ทะลุปรุโปร่ง ศึกษาเพื่อฟื้นฟูตัวเอง
บนเส้นทางการใช้กายเป็นพันธุ์ ในทฤษฎีนี้ สิ่งมีชีวิตไม่ใช่เศษฝุ่นในโลกใบนี้ ไม่ใช่ผู้อิงอาศัยในปฐพี แต่สูงส่งเหนือสิ่งใด
การใช้กายเป็นพันธุ์ สิ่งที่จะพัฒนาคือตัวเอง สุดท้ายไม่อาศัยวัตถุภายนอก ไม่รับอะไรจากจักรวาล ในร่างกายของตัวเองมีประตูเซียนบานแล้วบานเล่า สามารถเปิดมันได้ แสดงศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง มีอานุภาพอันไม่สิ้นสุด
เมื่อเดินไปถึงปลายทาง ไม่อาจเปรียบเทียบอานุภาพด้วยขนาดของร่างกายได้ ต่อให้มีขนาดเล็กกระจ้อยร่อยเมื่อเทียบกับดาราจักร ก็สามารถกระชากจักรวาลแล้วหลุดพ้นได้เช่นกัน!
ราวกับเสียงของปรมาจารย์ดังอยู่ในโสตประสาท มันเจือความเศร้าและเสียใจ
“ยุคที่แล้วเราแพ้พ่าย นั่นเป็นเพราะเมล็ดพันธุ์บางส่วนในดินแดนเราแข็งแกร่งเป็นล้นพ้น แต่เมื่อไปอยู่ในแดนอมตะมันไม่เหมาะสม ตกเป็นรอง…”
ใช้กายเป็นพันธุ์เป็นเพราะมีคนคาดการณ์ตั้งแต่ยุคที่แล้วว่า มีภูมิหลังของยุคสมัยที่ลึกล้ำอย่างยิ่ง
ตอนแรก แม้ตอนที่สู้กับต่างแดนจะเสียเปรียบ แต่ไม่ห่างกันมากนัก ประเด็นเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตทางแดนนั้นทำให้ประตูอมตะเปิด กระจายพลังดั้งเดิมของดินแดนออกมา สองแดนผสานกัน ทำให้แดนนี้ปรับตัวไม่ได้
มีสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่บางส่วนที่ไม่เคยชิน เมื่อหลักธรรมวุ่นวาย ฟ้าดินแปรเปลี่ยน
เพราะพวกเขาเคยชินกับการกลมกลืนกับฟ้าดิน รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งก็คือผสานกับธรรมชาติ รวมถึงขั้นที่สูงกว่าของเส้นทางนี้
“แม้เหตุการณ์แบบนั้นจะพิชิตได้ในภายหลัง แต่จะเห็นได้ว่า การมีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ไม่ใช่ความบริสุทธิ์ที่แท้จริง จึงมีคนอยากใช้กายเป็นพันธุ์”
คำพูดของปรมาจารย์วนเวียนอยู่ในใจสือฮ่าว ทำให้เขาจริงจังมากเป็นพิเศษ!
สังเกตกฎเกณฑ์ฟ้าดิน ธาตุแท้ของจักรวาล เข้าใจตัวจน เปิดประตูเซียนภายในร่างกาย นี่เป็นเรื่องที่สือฮ่าวต้องทำ
เพียงแต่ว่า เส้นทางที่ดูเหมือนเดินได้ แต่กลับเต็มไปด้วยอันตราย แม้กระทั่งว่าเสี่ยงอันตรายทุกฝีก้าว
อันดับแรก ไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบ จึงสังเกตหลักการดั้งเดิมของฟ้าดิน มันเป็นเรื่องต้องห้าม เป็นการผิดบัญชาสวรรค์
มันไม่ได้รับการยอมรับจากสวรรค์!
เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์แบบทั้งหลาย เป็นโอกาสที่ฟ้าดินให้สิ่งมีชีวิตในปฐพี เป็นเรื่องที่ได้การยอมรับ ให้โอกาสพวกเขาได้เห็นธาตุแท้ทั้งหลายในโลก
และสือฮ่าวที่ซ่อนเร้นอยู่ในครรภ์ฟ้าดิน นับว่าเป็นการขโมยโอกาส นับว่าขัดต่อบัญชาสวรรค์!
แต่ละคนเข้าใจแตกต่างกัน การทำแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นการยั่วโทสะสวรรค์ จะปล่อยพลังมาลงทัณฑ์ และพูดได้ว่าเขาแอบขโมยรังนก ช่วงชิงโชคที่หล่อเลี้ยงอยู่ในครรภ์ฟ้าดิน ทำให้ถูกแว้งกัด
สือฮ่าวปักใจเชื่ออย่างหลังมากกว่า เขาไม่เชื่อว่าสวรรค์จะลงโทษเขา แต่กลับรู้สึกว่า ตอนนี้กำลังถูกแว้งกัดแล้ว!
ใช่ เขาพบกับวิกฤตตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง!
อยู่ในครรภ์ฟ้าดิน มีพลังประหลาดขัดขวางพลังกฎเกณฑ์ทั้งหลาย กำลังจัดการเขา!
“มันคืออะไร?” สือฮ่าวสงสัย รู้สึกว่ามันอันตรายอย่างยิ่ง
เมล็ดพันธุ์เม็ดนี้มีรูปร่างไม่แน่นอน กลายเป็นครรภ์ฟ้าดิน ใหญ่ที่สุดก็มีขนาดเท่ายาวหนึ่งจั้งเท่านั้น
เพียงแต่ว่า ใครก็คิดไม่ถึง ภายในจะโล่งกว้าง เป็นเหมือนความว่างเปล่าอันเวิ้งว้าง จุคนหลายสิบหลายร้อยคนก็ไม่มีปัญหา
หมอกตลบอบอวล กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมที่นี่อย่างหนาแน่น พลังฟ้าดินผนึกกำลัง สือฮ่าวนั่งอยู่ตรงกลาง เขารู้สึกถึงพลังของสิ่งมีชีวิตอีกตนหนึ่ง กำลังจะสังหารเขา!
ครั้งที่อยู่ในสามพันแคว้น ฉีเต้าหลินเคยคิดว่าเมล็ดพันธุ์หล่อเลี้ยงทองคำเซียน เพียงแต่ยังไม่ก่อตัว แถมยังเคยวางแผน ให้สือฮ่าวอาศัยมันสร้างอาวุธเซียนสูงส่งยามนิพพาน
และตอนที่อยู่เก้าสวรรค์ ปรมาจารย์กลับคิดว่าเป็นวัตถุชนิดอื่น กำลังถูกหล่อเลี้ยง
และตอนนี้สือฮ่าวหลอมรวมแล้ว และเมื่อมั่นคงแล้ว พบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต เป็นสัตว์ยิ่งใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่!
การแว้งกัดเริ่มขึ้นแล้ว สือฮ่าวอยากใช้กายเป็นพันธุ์ ปรากฏว่าถูกสวรรค์ลงทัณฑ์!
“นั่นมัน…” เมื่อแสงสว่างกะพริบ หมอกเลือนรางก็แผ่กระจาย สือฮ่าวเห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในแล้ว
หญิงสาวผมประบ่างดงามไร้ที่ติ งดงามราวกับภาพฝัน นั่งอยู่กลางมิติ ลืมตาขึ้นโดยพลัน!