Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1067
“บางทีอาจเป็นเช่นนั้นจริง” มีคนพยักหน้า หลายคนรู้ดีว่า ฮวงเคยขัดแย้งกับแม่นางหวางซี ตระกูลหวางก็เคยเพ่งเล็งเขา แม้กระทั่งว่าสวมกำไลโลหะลงบนหัวเขา เพื่อให้เป็นข้ารับใช้
ตอนนั้น เรื่องนี้บานปลายใหญ่โต หลายคนในสำนักเทพสวรรค์ต่างก็รู้กันถ้วนทั่ว และฮวงเคยกำราบหวางซี อยู่ด้วยกันสองต่อสองทั้งคืน
หลายคนเคยได้ยินว่า ฮวงทำเพื่อลบล้างมลทินที่ตระกูลทำกับเขา แต่กลับทำให้ตระกูลอมตะตระกูลนี้ไม่พอใจอย่างยิ่ง
แต่ก็มีคนส่ายหัวแล้วพูดว่า “จินจ่านเป็นผู้มีพรสวรรค์ ต้ององอาจกล้าหาญเป็นแน่ แต่ไม่เห็นว่าจะไปหาเรื่องฮวงหลังบำเพ็ญเพียรเสร็จสิ้น”
“น่าเสียดาย เวลาผันผ่าน ฮวงในอดีต…” มีคนส่ายหน้า ด้วยความเสียดาย ผ่านไปสองสามปีแล้ว คนที่หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ต่างก็โผล่มาแล้ว แต่คนที่ไม่มีเมล็ดพันธุ์กลับหายเข้ากลีบเมฆ ไม่ต้องคิดก็รู้ หลายคนต่างก็ได้ข้อสรุปแล้ว
ฮวงหายสาบสูญ ไม่ปรากฏตัว สามารถคาดเดาจุดจบได้!
“เป็นผู้เลือกเส้นทางเอง โทษผู้อื่นไม่ได้ ตอนนั้นสำนักเซียนไม่ให้เมล็ดพันธุ์แก่เขา หากเลือกจะเข้าร่วมสำนักปราชญ์ จะเป็นเช่นนี้หรือ? เรื่องราวจะกลับกัน!” มีคนพูดเสียงเรียบ
“ช่างเถอะ แม้เข้าร่วมสำนักปราชญ์แล้วฮวงจะได้เลือดหัวใจมังกรหรือ จะได้เลือดของมดเขาสวรรค์หรือ? ไม่ได้แน่นอน ถูกชีกู้กับปราชญ์น้อยครองแล้ว” มีคนพูดขึ้น
แสงสีฟ้ากะพริบอยู่ไม่ไกล หมอกขมุกขมัวโปรยปราย กลายเป็นม่านแสงสีฟ้า ดูเย็นสบายแต่ก็ลึกลับ
ตรงนั้นมีร่างเลือนรางปรากฏขึ้น รูปร่างสูงโปร่ง ขาเรียวยาว ชุดสีฟ้าพลิ้วไหว บดบังทรวดทรงอันน่าตะลึงนั่นไม่ได้
นางเป็นหญิงสาว ท่าทางอายุราวๆ ยี่สิบ ผิวขาวผุดผ่อง งดงามประหนึ่งหยก ก้าวออกมาจากหมอกควันสีฟ้า
เห็นชัดเจนแล้ว แม้แต่ดวงตาของนางก็เป็นสีฟ้า ซ้ำยังมีผมยาวสบายดุจคลื่นน้ำสีฟ้า เป็นประกายและนุ่มสลวย เปล่งประกายสีฟ้าเงางามยามนางเยื้องย่าง
แน่นอนว่า หญิงคนนี้งามเพริศพริ้ง ผิวขาวผ่องใส นัยน์ตามีชีวิตชีวา กลมโตและสวยงาม แพขนตายาวสั่นระริก ฉายประกายเจิดจ้า
“นางนั่นเอง หลานเซียน องค์หญิงของตระกูลหลาน ตระกูลอมตะ!” มีคนอุทาน เมื่อจำนางได้ ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมา
ทุกคนพากันเหลียวหลัง สายตาจ้องมองนาง ไม่ใช่เพียงเพราะนางโดดเด่น รูปโฉมงามล่มเมือง แต่เป็นเพราะนางเป็นผู้สูงส่ง หญิงสาวที่ยิ่งใหญ่เป็นที่สุด
นางเคยประมือกับเทพตะวันม่วง แค่หนึ่งฝ่ามือ ก็เฉือนยอดเขาของป่าหินทะเลเหนือ ต้องรู้ว่าที่นั่นแข็งแรงทนทาน ยากจะสะเทือนได้
ตลอดระยะเวลามานี้ หลายคนเคยไปทิ้งชื่อไว้ที่นั่น สำแดงพลังอันแก่กล้าและความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ขั้นบำเพ็ญไม่เหมือนกันเจอป่าหินแตกต่างกัน มันเป็นดินแดนโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง
น้อยคนจะทำลายป่าหินได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยอดเขาที่เป็นรองแค่ยอดเขาไร้เทียมทาน!
หลานเซียนเคยปะทะเทพตะวันม่วง ไม่รู้ผลแพ้ชนะ จบด้วยการเสมอกัน ทั้งสองไม่ประลองกันอีก คนนอกคาดเดาว่า พวกเขาคงหวาดกลัวกันและกัน
เดิมทีเป็นหญิงที่เลื่องชื่อเพียงเพราะรูปงาม นับจากศึกนั้นแล้ว ก็ดังกระฉ่อนไปทั่วหล้า ทุกคนต่างก็รู้ถึงความห้าวหาญของนาง ดูเหมือนเปราะบาง งามดุจนางฟ้า แท้จริงแล้วแข็งแกร่งหาตัวจับยาก
“นางหลอมรวมกับพันธุ์ผืนฟ้า ฟ้าครามดุจเพชร ตอนที่เมล็ดพันธุ์ชนิดนี้ถือกำเนิด เคยทำให้สำนักเซียนฉาบแสงสีฟ้าดุจฟากฟ้า ไม่มีใครรู้ว่าเมล็ดพันธุ์หายไปไหน กระทั่งหลานเซียนหลอมรวมเป็นหนึ่งกับเมล็ดพันธุ์ ประมือกับเทพตะวันม่วง ผู้คนถึงได้กระจ่าง”
มีคนกระซิบ เอ่ยถึงภูมิหลังของเมล็ดพันธุ์ของหลานเซียน
สือฮ่าวนัยน์ตาลุกวาว เขารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของหญิงสาวคนนี้ได้ นี่หรือความสามารถของผู้สูงส่งในตอนนี้?
แต่เขาก็รู้ดีว่า หลานเซียนกักเก็บรัศมีสะเทือนปฐพีของตัวเอง มิเช่นนั้น ต้องน่ากลัวกว่านี้เป็นแน่ ที่เขารู้สึกได้บางส่วน เป็นเพราะสัญชาตญาณทั้งนั้น!
พันธุ์ผืนฟ้าที่ว่า เคยถูกยกย่องว่าล้ำค่าเหนือคำบรรยายในสมัยโบราณ กล้าใช้ผืนฟ้าตั้งชื่อเมล็ดพันธุ์ จะไม่สะเทือนปฐพีได้อย่างไร?
แค่เม็ดเดียวก็เรียกได้ว่าเป็นทั้งผืนฟ้าแล้ว!
ในอดีต พันธุ์หมอกปฐมกาลถูกขนานนามว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายที่หลอมรวมกันมนุษย์ สุดท้ายบรรลุเป็นเซียน อยู่ยงคงกระพัน เป็นพันธุ์ไร้เทียมทาน และสิ่งที่ตรงกันข้ามกับมันก็คือพันธุ์ผืนฟ้า
พันธุ์ผืนฟ้าถูกกล่าวขานว่าสวรรค์ประทานให้ทายาท เป็นรางวัลที่มีค่าที่สุด เทียบเคียงพันธุ์หมอกปฐมกาลที่มีอานุภาพสะท้านโลกา
ตอนนี้ หญิงคนนี้มาถึงสำนักเทพสวรรค์ด้วยตัวเอง หมายความว่าเหล่าผู้สูงส่งปรากฏกายกันแล้วหรือ? ทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ
เทพตะวันม่วง หลานเซียน ราชันสวรรค์น้อย มหาโสดา ทั้งสี่คนมีชื่อกระฉ่อนไปทั่วเก้าสวรรค์สิบพิภพ เป็นตัวแทนของพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเซียน!
นอกจากนี้ ยังมีชีกู้ ปราชญ์น้อยและจินจ่าน ทั้งสามคนแข็งแกร่งกินกันไม่ลง เคยนิพพานหลายครั้ง ยากลึกหยั่งถึง
ใครเป็นอันดับหนึ่งของยุคนี้ ใครกันแน่ที่เป็นผู้สูงส่งอันดับหนึ่งที่แท้จริง?
หลายคนต่างพากันวิจารณ์ ซ้ำยังปรารถนาอยากรู้คำตอบอย่างแรงกล้า หลายวันมานี้ แม้แต่เหล่าผู้เฒ่าก็ไม่เว้น
“ที่จริงแล้ว ยังต้องเอ่ยถึงตู๋กูอวิ๋นทายาทผู้พิทักษ์ กับเทียนจื่อราชันสิบสมัย กับเซียนที่ลึกลับที่สุดคนนั้นด้วย!”
มีคนอุทานขึ้นมา เพราะทั้งสามคนไม่เคยทิ้งชื่อไว้ในป่าหินทะเลเหนือ และก่อนหน้านี้ไม่มีวีรกรรมที่รุ่งโรจน์มากเป็นพิเศษ จึงไม่มีใครรู้
แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่า พวกเขาต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน ซ้ำยังแข็งแกร่งจนคาดเดาไม่ได้
“ชายลึกลับแล้วอย่างไร ไม่ได้ยินว่าเขาได้เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ไปครองเสียหน่อย แต่ราชันสิบสมัยต้องน่ากลัวเป็นแน่ เพราะหลอมรวมกับต้นอ่อนต้นไม้โลกแล้ว”
“พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ความจริงเป็นเช่นใด ใครเล่าจะรู้? ข้าคิดว่ายังมีคนอื่นที่ยังไม่แสดงไพ่ตาย อาจจะแข็งแกร่งกว่าก็ได้”
แค่พูดถึงเท่านั้น ก็มีรายชื่อมือดีถึงสิบคนแล้ว พวกเขาเป็นบุคคลโดดเด่นที่ผู้คนพูดถึงตลอดสองปีกว่ามานี้
“สิบมือดี อาจจะมีบางคนที่ตัดออกได้ เพราะยังมีมือดีที่ซ่อนตัวอยู่อีก แต่อย่างน้อยก็มีสักหกเจ็ดคนที่แน่ใจ ไม่ถูกตัดออกง่ายๆ แน่นอน”
เช่นสุนัขนรก แม้จะเคยแพ้ให้สือฮ่าว แต่ก็มีคนคิดว่า บางทีเขาอาจมีสิทธิ์อยู่ในอันดับสิบมือดีได้เช่นกัน
อีกอย่าง มีข่าวลือแพร่สะพัดในสำนักปราชญ์ ชายหนุ่มที่มีนามว่ายี่หยี่ที่หลอมรวมกับเลือดมดเขาสวรรค์ อานุภาพเย้ยโลกา องอาจห้าวหาญ ต้องแข็งแกร่งไร้เทียมทานแน่นอน
นอกเหนือจากนี้ มีคนเชื่อว่า คนที่ได้พันธุ์หยินหยางไปครอง ไม่ใช่ชายลึกลับที่ผู้คนคิดกันในตอนแรก คนคนนั้นหลอมเป็นหนึ่งกับหยินหยาง มีพรสวรรค์เหนือข้อพิพาท
ผู้คนก็ร่ายชื่อออกมาสิบกว่าคน ต่างก็มีสิทธิ์อยู่ในอันดับสิบมือดี
เทพตะวันม่วง หลานเซียน ราชันสวรรค์น้อย มหาโสดาแห่งสำนักเซียน ชีกู้ปราชญ์น้อย จินจ่านจากสำนักปราชญ์ ล้วนเป็นผู้เหนือชั้นแน่นอน
และยังมีเทียนจื่อราชันสิบสมัย ชายลึกลับและตู๋กูอวิ๋นทายาทผู้พิทักษ์ รวมถึงสุนัขนรกที่แพ้พ่ายให้กับสือฮ่าวหลังรบกันหลายพันกระบวนท่า ยังมียี่หยี่ ชายนิรนามที่รวมเป็นหนึ่งกับพันธุ์หยินหยาง
ชิ้ง!
แสงสว่างสาดทออยู่ไม่ไกล ห้าสีผสมปนเปกัน เจิดจ้ายิ่งนัก
คนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไปทันที จากนั้นทุกคนก็ชำเลืองมองแล้วพากันเคลื่อนไหว เพราะรู้สึกถึงพลังวิถีเซียนอันหนาแน่น ทะลักออกมาจากใต้พิภพ
ใครๆ ก็รู้ว่า มีถ้ำสวรรค์ใต้สำนักเทพสวรรค์ ถูกปิดตายมาตลอด บัดนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร!
“บ่อโคลน!”
มีคนอุทาน มันเป็นบริเวณที่ปรมาจารย์ชอบหย่อนเบ็ด หลายคนต่างก็คาดเดาว่า ปากถ้ำต้องอยู่ตรงนั้นแน่นอน ตอนนี้บ่อโคลนสาดแสง ทำให้ฮือฮาขึ้นมาทันที
ตูม!
แสงสีแดงซัดสาดมาจากสุดขอบฟ้า ม้วนมาพร้อมกันสายรุ้งสีทอง
มีบาตรสีแดงปรากฏขึ้นที่นั่น กำลังลอยลงมาปกคลุมบ่อโคลนไว้
“มหา…โสดา!”
มีคนร้องเสียงหลง คนที่ครอบครองสารีริกธาตุโผล่มาแล้ว คนที่ถูกยกย่องว่ามีร่างกายอมตะ อาจกลายเป็นเซียนได้!
บาตรเป็นการสื่อถึงมรดกของสงฆ์โบราณ ก่อตัวจากเคล็ดวิชาของมหาโสดา บรรจุดวงดาราได้ ตอนนี้เขาคิดจะเก็บบ่อโคลนนี้ไป
แสงสีฟ้ากะพริบ หมอกควันลึกลับกระจาย หญิงชุดฟ้าตรงนั้นกางแขนเสื้อโบกพลิ้ว สะเทือนบาตรจนกระเด็นออกไป นางยืนอยู่ตรงนั้น มีทรวดทรงองค์เอวน่าตะลึง มีเสน่ห์เย้ายวน หลานเซียนนั่นเอง
ใครก็คิดไม่ถึงว่า บ่อโคลนเพิ่งแผ่พลังวิถีเซียนออกมา สองผู้สูงส่งที่เลื่องชื่อที่สุดก็ลงมือปะทะกันแล้ว!
ฟิ้ว!
ในตอนนี้เอง ชายชุดเทาคนหนึ่งปรากฏกาย ยืนกลางบ่อโคลน สายลมกรรโชก เศษหินปลิวว่อน ต้นไม้จำนวนมากลอยเหนือพื้นดิน
เขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ เป็นแค่พลังที่แผ่ออกมาตามธรรมชาติ ก็สะเทือนวัตถุทั้งหลายแล้ว
มันเป็นลมธรรมชาติ รักษาตัวไม่ให้เปื้อนมลทิน มีคนเรียกมันว่าลมเซียนเช่นกัน เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพมหาศาลและพลังที่แก่กล้า
“ชีกู้ เขาก็มาด้วย!” ผู้คนตกใจ ผู้สูงส่งสำนักปราชญ์ปรากฏตัวแล้ว
เขายังหนุ่มมาก รูปโฉมธรรมดา ขณะเดียวกันก็ดูเคร่งขรึม ปราศจากรอยยิ้ม ใบหน้าเรียบเฉย
เขาเป็นคนที่นิพพานหลายครั้ง ประหนึ่งพญาหงส์ที่ถือกำเนิดจากการอาบไฟ ทลายขีดจำกัดของวิชาปัจจุบันหลายหน น่ากลัวเป็นล้นพ้น
“สหายชีกู้มาแล้ว ข้าขอร่วมสนุกด้วยคน” หมอกสีม่วงกระเพื่อมกลางนภา กลิ่นอายสงบฟุ้งตลบ ปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ
หมอกลอยมาทางทิศตะวันออก!
มันเป็นหมอกล้ำค่าเหนือคำบรรยาย กระจายไปทั่วสามหมื่นลี้
ชัดเจนว่าเทพตะวันม่วงมาแล้ว ผู้สูงส่งในหมู่มวลชน แม้แต่อัจฉริยะที่ถือกำเนิดพร้อมกับความลึกลับก็มาถึงที่เกิดเหตุแล้ว
ถ้ำเทวสถิตทำให้ผู้สูงส่งหนุ่มสาวที่แข็งแกร่งที่สุดหลายคนแห่กันมา มันช่างน่าตะลึงเหลือเกิน
“ข้ารู้แล้ว ถ้ำใต้สำนักเทพสวรรค์อาจตกทอดมาจากราชันเซียน มรดกต้องสะเทือนปฐพีแน่นอน!” มีคนคาดการณ์เช่นนี้
หลายคนใจเต้นระส่ำ คิดว่ามีเหตุผล ใต้พิภพอาจเป็นแดนลับของราชันเซียนก็ได้!
บ่อโคลนเปล่งประกาย หมอกกระเพื่อมออกมา ราวกับจะมีบางอย่างโผล่มา ทำให้เป็นที่ฮือฮา ทุกคนพุ่งตัวออกไป ล้วนอยากแย่งชิง
ปรากฏว่ามือดีทั้งสี่ลงมือพร้อมกัน มหาโสดาไม่กระโจนออกไป แต่บาตรปรากฏให้เห็นอีกครั้ง พลังของเซียนแผ่กระจาย ทำให้ผู้กล้าหลายคนยำเกรง ไม่กล้าเข้าใกล้
จากนั้นหลานเซียนก็ประสานอิน ผืนฟ้าดังครืน กำลังกดลงมา ผืนฟ้ากลายเป็นคัมภีร์ ปกคลุมอยู่ข้างบน!
ตูม!
เทพตะวันม่วงเถรตรงยิ่งกว่า ประมือกับนักพรตชีกู้ ทำให้เกิดริ้วคลื่นสะเทือนสิบทิศ
โชคดีที่มีค่ายกล ขัดขวางคลื่นน่ากลัวนั่นไว้
“อย่าเบียด อย่ารุดหน้ามากไป!” มีคนลุกขึ้นมาจัดระเบียบ
“คนของสองสำนักอยู่ข้างหน้าสุดได้ สำนักเทพสวรรค์อยู่ข้างหลัง!” เสียงนี้ทำให้คนของสำนักเทพสวรรค์เดือดดาล
เห็นได้ชัดว่า ผู้สูงส่งทั้งสี่อยู่กลางบ่อโคลน อยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางได้ หากถ้ำเซียนเปิด สามารถพุ่งเข้าไปก่อนผู้อื่นได้
ต่อมาเป็นคนของทั้งสองสำนัก กำลังเข้าใกล้ที่นั่น ตามมือดีทั้งสี่ไปติดๆ
แม้ที่นี่จะเป็นสำนักเทพสวรรค์ แต่ศิษย์ในสำนักกลับต้องอยู่รั้งท้าย ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้
“มีสิทธิ์อะไรกัน นี่เป็นสำนักเทพสวรรค์ของเรา ทำกับเราเช่นนี้ได้อย่างไร?” ศิษย์สิบกว่าคนของสำนักเทพสวรรค์ไม่พอใจ
“สิทธิ์ที่สำนักเทพสวรรค์ใช้ไม่ได้ ไม่มีใครออกมาสู้ได้ โชคชั้นใหญ่จะเป็นของผู้กล้า คนที่ไร้ความสามารถต้องรู้ตัวเอง!” มีคนดูถูกกันอย่างยิ่ง
เรียกได้ว่าเป็นความเยาะเย้ย แต่สำหรับศิษย์ในสำนักเทพสวรรค์แล้ว นี่เป็นความอดสู เหลืออดยิ่งนัก
เฝ้าขุมทรัพย์ของสำนักในพื้นที่ของตัวเอง แต่กลับไม่มีสิทธิ์ ต้องถอยไปอยู่หลังสุด ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่พอใจ กล้ำกลืนฝืนทนไม่ได้
ชิ้ง!
ในตอนนี้เอง มีลำแสงขมุกขมัวพุ่งออกจากบ่อโคลน ห่อหุ้มบางอย่างไว้ สะเทือนขวัญทุกคน ผู้สูงส่งทั้งสี่ต่างก็ลงมือแล้ว
พวกเขาเกิดการปะทะกันขึ้นมา
หลานเซียนประมือกับมหาโสดา ชีกู้สู้กับเทพตะวันม่วง!
คนอื่นอยากลงมือแย่งชิง แต่ก็หวาดกลัว เกรงว่าจะทำให้สี่ผู้สูงส่งพิโรธ
ในตอนนี้เอง มีคนก้าวออกมาจากกลุ่มของศิษย์สำนักเทพสวรรค์ เมื่อยกมือขึ้น แสงสีขาวก็หลั่งไหล กระชากวัตถุชิ้นนั้นมาทันที
ทุกคนชะงักงัน ใครอาจหาญชิงอาหารจากปากผู้สูงส่งทั้งสี่?!
เขาเป็นใครกัน หรือจะผู้สูงส่งอีกคนโผล่มาหรือ? ทุกคนต่างมองเป็นตาเดียว!
“ทำไม…เขาดูคุ้นตาเช่นนี้?”
“นี่มัน…สวรรค์ เขาคือฮวง คนที่หายสาบสูญไปนานแล้ว!”