Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1299
ศพเกลื่อนกลาด เลือดย้อมแผ่นดินจนแดงฉาน ภาพของสนามรบแห่งนี้น่าพรั่นพรึงเหลือเกิน ผู้ตายเป็นใครกันบ้าง?
พวกเขามาจากที่ไหน มองอย่างไรก็เหมือนสงครามที่เพิ่งสิ้นสุด แต่ไยคนนอกไม่รู้ หรือที่นี่จะเชื่อมต่อกับดินแดนมหัศจรรย์บางแห่ง?
สือฮ่าวกับมดน้อยปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที ต่างก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันเนื้อตัวก็เย็นวาบ ที่นี่อันตรายเกินไป
ในความคิดพวกเขา ศพมหึมาเหล่านั้น ล้วนเป็นผู้กล้าขั้นสูงสุด ไม่ว่าตนใดหากปรากฏกายข้างนอก อาจทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ เป็นที่ฮือฮา
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มาจากหลายเผ่าพันธุ์ แถมยังแตกต่างจากเผ่าพันธุ์ที่เคยเห็นในยุคนี้ แต่ก็มีลักษณะคล้ายคลึงอยู่บ้าง
“มันเรื่องอะไรกัน หากเลือดพวกนี้ไม่แผ่คลื่นความร้อน ข้าคิดว่ามาถึงช่วงปลายยุคเซียนโบราณ ได้เห็นภาพของสงครามวันสิ้นโลกเสียอีก” มดน้อยบ่นอุบ
สือฮ่าวพยักหน้า เห็นด้วยอย่างยิ่ง
เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่า มีอิทธิพลใดในยุคนี้ที่มีมือดีมากมายปานนี้ และคงมีแค่สงครามวันสิ้นโลกที่มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากแบบนี้กระมัง
เพียงแต่ว่า พวกเขาสองคนมาโผล่ในที่แบบนี้ได้อย่างไร?
มันไร้ข้ออธิบาย!
“มีอะไรทะแม่งๆ เลือดลมของผู้กล้ามากมายแบบนี้รวมตัวกัน มันสามารถฉีกจักรวาลให้แตกสลายได้ แต่ที่นี่กลับสงบยิ่งนัก” สือฮ่าวพูด
ในความคิดของเขา สิ่งมีชีวิตมหึมาเหล่านี้น่ากลัวอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่ตอนนี้กลับนอนระเนระนาด และเลือดลมที่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้รุนแรงปานนั้น
“ลองเข้าไปดูใกล้ๆ กันเถอะ” มดน้อยพูด
พวกเขายืนอยู่กลางสมรภูมิรบกว้างใหญ่อยู่แล้ว ใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
สือฮ่าวย่อตัวนั่งลง ปาดเลือดจากแอ่งเลือดเล็กๆ อย่างระมัดระวัง เพื่อตรวจสอบและสัมผัสอย่างละเอียด พลันก็ตกตะลึง
พลังปราณของเลือดหายไปแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีแม้แต่พลังปราณพิฆาตที่ควรอยู่ในเลือด สิ่งที่ลึกลับและซับซ้อนที่สุดหายไปนานแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
ทั้งที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ยิ่งใหญ่ผิดมนุษย์ ทำไมเลือดของพวกเขาถึงเป็นเช่นนี้ ไม่มีพลังปราณ ขาดกลิ่นอายจิตสังหารอันเยือกเย็น
ต่อมา สือฮ่าวก็ปีนขึ้นบนตัววานรสีทอง มันมีขนาดใหญ่เท่าขุนเขา กะโหลกถูกกระแทกจนแตกละเอียด นำเลือดออกจากตัวมัน ปรากฏว่า มันไร้พลังปราณเช่นกัน!
จากนั้นสือฮ่าวก็เลือกสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งสองสามตัว ค่อยๆ ตรวจสอบทีละตัว ปรากฏว่าไม่มีพลังปราณเลยสักนิด
แม้เลือดพวกนั้นจะเปล่งแสง แต่แปดเปื้อนนานแล้ว ไม่มีพลังปราณของผู้กล้าหลงเหลืออยู่ ไม่สอดคล้องกับฐานะของพวกเขา
มันเรื่องอะไรกัน?
สือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์ไม่เข้าใจเอาเสียเลย จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากับแวบหนึ่ง ตัดสินใจจะเดินหน้าต่อเพื่อดูให้แน่ชัด
ไม่พูดไม่ได้ว่า สนามรบแห่งนี้ใหญ่เหลือเกิน กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา วิ่งตะลุยไปข้างหน้าไม่หยุดก็ยากจะเจอปลายทาง และบนพื้นก็เต็มไปด้วยผู้กล้านานาเผ่าพันธุ์ ตายระเกะระกะอยู่ที่นี่
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ข้าคิดว่า เว้นแต่ว่าจะเป็นสงครามวันสิ้นโลก มิเช่นนั้นจะมีมือดีมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ศพเกลื่อนกลาด เลือดเจิ่งนอง ไม่ได้พูดเกินจริงเลย แต่พวกเขาเห็นมันจริงๆ
มันช่างอนาถจริงๆ ศพเหล่านั้นล้วนใหญ่ดุจขุนเขา ถึงขั้นเทียบเท่าดวงดาว ขนาดเล็กสุดก็ยาวไม่กี่เซี๊ยะ ต่างก็เป็นเผ่าพันธุ์ยิ่งใหญ่ที่หายาก
ระหว่างทางมีหุบเขาและแอ่งกระทะบางส่วน ล้วนเต็มไปด้วยเลือดของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เหล่านั้น กลายเป็นทะเลสาบสีเลือดเสียแล้ว
พวกเขาไม่เคยพบเจอภาพแบบนี้มาก่อน เอ่ยถึงแค่ในตำราโบราณเท่านั้น
“ในช่วงปลายยุคเซียนโบราณ สงครามสุดท้ายก็เป็นเช่นนี้ สู้ศึกกันจนโลกทั้งใบเงียบวังเวง สิ่งมีชีวิตตายในสมรภูมิรบแทบจะทั้งหมด” มดน้อยพูด
มันยิ่งรู้สึกว่า นี่เป็นภาพที่มีเฉพาะในวันสิ้นโลกเท่านั้น
พวกเขากลายเป็นลำแสงสองเส้น พุ่งตัวออกไปยังสุดขอบโลก เพื่อดูให้แน่ชัด อยากรู้ว่าสนามรบแห่งนี้กว้างขวางปานใด ใช้มันมาวินิจฉัยมาว่าสิ่งมีชีวิตตายไปเท่าใดกันแน่
“หือ?”
จู่ๆ สือฮ่าวกับมดเขาสวรรค์ก็สะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ราวกับวันสิ้นโลกมาเยือน วิญญาณกำลังสั่นสะท้าน แทบจะแหลกสลายแล้ว
นี่มันอะไรกัน?
ความรู้สึกแบบนี้น่ากลัวเหลือเกิน พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเหตุใด แถมยังกะทันหันแบบนี้ เสมือนมีวิกฤตครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“อยู่ข้างหน้า!” หลังสือฮ่าวหลับตาครุ่นคิดแล้ว ก็ได้ข้อสรุปแบบนี้
ทั้งสองเดินหน้า ตะลุยไปอย่างรวดเร็วกว่าแปดพันลี้ ข้ามเขตสนามรบอันกว้างใหญ่ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมเป็นแบบนี้!
เพราะนอกรัศมีสามพันลี้ มีควันลอยขึ้นฟ้า!
นั่นอะไรน่ะ?
ควันกลุ่มใหญ่กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเป็นสีแดงสด พุ่งทะลุชั้นฟ้า หายลับไปในจักรวาล
น่ากลัวเหลือเกิน คลื่นแบบนั้นทำให้คนแทบหยุดหายใจแม้จะอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ แทบจะศิโรราบ ถึงขั้นว่ากราบกราน!
สือฮ่าวตกตะลึง ในใจเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพที่ตระการตาเช่นนี้ เป็นภาพที่พบเจอได้ยาก
“มันคืออะไร?” มดน้อยตัวสั่นระริก มันอดทนต่อความสะพรึงกลัว เพ่งมองออกไปนอกสามพันลี้
มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ห่างไกลปานนี้ยังทำให้สั่นสะท้านไปถึงทรวงในได้
“หรือว่า นั่นจะเป็น…พลังปราณ!” มดน้อยพูดเสียงสั่นเครือ อึดอัดใจยิ่งนัก
“ไม่ผิดแน่ มันเป็นพลังปราณจำนวนมหาศาล!” สือฮ่าวพยักหน้า
แม้ภาพตรงนั้นจะน่ากลัวสุดแสน และน่าเหลือเชื่อ แต่พวกเขาก็จำต้องยอมรับว่า นี่เป็นความจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา!
พลังปราณเหล่านี้พุ่งทะลุชั้นเมฆ นี่มันเรื่องอะไรกัน เป็นภาพที่ตระการตาเหลือเกิน พบเจอได้ยาก!
มันบ่งบอกว่า แค่พลังปราณก็ฉีกจักรวาล สะเทือนผืนฟ้า นี่เป็นการแสดงออกของผู้กล้าที่แข็งแกร่งยิ่ง แถมยังไม่ใช่แค่ตนเดียว แต่เป็นโขยง
เพราะเมื่อทอดมองไป พลังปราณเหล่านั้นล้วนแตกต่างกัน เป็นเหมือนควันสงคราม พุ่งขึ้นฟ้าสูง สีสันและคลื่นล้วนต่างกันออกไป
สือฮ่าวตะลึงงัน บัดนี้พูดอะไรไม่ออกแล้ว
มันทำให้วิญญาณของพวกเขาสั่นระริก สาเหตุที่กระวนกระวายใจมาจากมันนี่เอง!
เดินต่อไปได้อีกไหม?
สือฮ่าวกับมดน้อยตัดสินใจครั้งสุดท้าย แบกรับแรงกดดันแล้วเดินหน้าต่อไป
ในที่สุดก็เห็น ห่างออกไปพันลี้ มีความรู้สึกน่ากลัวเหมือนร่างจะแหลกสลาย มันเป็นพลังปราณหลายเส้น ล้วนพุ่งออกมาจากโครงกระดูกเหล่านั้น
พวกมันน่ากลัวยิ่งนัก พุ่งออกนอกโลก พลังปราณทำให้ดวงดาวบางส่วนนอกโลกหล่นร่วงลงมา!
สือฮ่าวเบิกตากว้าง มันเป็นภาพอะไรกันแน่?
มันไม่ได้เกิดจากพลังปราณเส้นเดียวเท่านั้น แต่ที่นี่เต็มไปด้วยผู้กล้าที่ตายจากการรบ เลือดลมของพวกเขาลอยขึ้น บางส่วนผสมผสานกัน ก่อตัวเป็นลำแสงเส้นใหญ่ พุ่งทะลุออกนอกโลก ดวงดาวตกลงมา
สือฮ่าวหวาดหวั่นพรั่นพรึง หากพลังปราณเหล่านี้ไม่พุ่งออกนอกโลก คาดว่าสนามรบแห่งนี้คงระเบิดเป็นจุณ มันทั้งประหลาดและน่ากลัวเหลือเกิน
เข้าใกล้บริเวณนั้นไม่ได้!
เพราะเลือดลมเกลือกกลิ้ง ผสมปนเปกัน ก่อตัวเป็นขอบเขตไร้รูปร่างที่แข็งแกร่งที่สุด กลายเป็นเขตต้องห้ามที่แตะต้องไม่ได้
เลือดเหล่านี้ยังมีพลังปราณ พลังวิเศษไม่เคยหายไป
ในสนามรบแห่งนี้มีผู้กล้ามากเหลือคณานับ นับไม่ถ้วน ศพมากมายปานนี้รวมตัวกัน ทำให้เกิดภาพที่น่ากลัวเช่นนี้!
ที่นั่นปริแตก ผิวดินแตกระแหง แผ่นดินสั่นสะเทือน ต่อให้ผู้กล้าตายไป แต่ยังคงสะเทือนขวัญเช่นเดิม!
“เราเดินหน้าต่อไม่ได้แล้ว เลือดลมของศพเหล่านี้ยังคงอยู่ ไม่มีใครบุกเข้าไปได้” มดน้อยพูด
ฝีมือใครกันแน่? นี่เป็นคำถามที่สือฮ่าวอยากรู้ที่สุด และคนที่ตายไปเหล่านี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่
“วิ๊ด…”
จู่ๆ ก็มีเสียงประหลาดปานภูตผีหวีดหวิว แว่วมาแต่ไกล สะเทือนพื้นที่ในรัศมีหลายแสนลี้ ทำให้สือฮ่าวกับมดน้อยตัวแข็งโดยพลัน ขยับเขยื้อนไม่ได้
ตอนนี้ พวกเขาตัวชา เสียวสันหลังวาบขึ้นมา เคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว แม้แต่นิ้วมือก็แข็งเสียแล้ว
นั่นมันอะไรกัน?
เสียงประหลาดที่แว่วอยู่ไกลๆ ไม่ดังมากนัก และไม่แหลมปานนั้น แต่มันช่างสะเทือนใจ ชวนขนหัวลุกยิ่งนัก
หากเป็นคนทั่วไปคงขาอ่อนล้มลงกับพื้น ยืนไม่ไหวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ดวงจิตจะปริแตกเพราะความหวาดกลัว นี่เป็นแรงกดดันอันไร้รูปร่าง
มีพายุหมุนสีดำก่อตัวตรงเส้นขอบฟ้า ขนาดของมันใหญ่โตอย่างยิ่ง ซ้ำยังทำให้เกิดภาพอันน่าสะพรึงกลัว
ทุกที่ที่พายุหมุนสีดำพัดผ่าน พลังปราณทั้งหมดจะถูกเขมือบ เลือดลมประหนึ่งกลุ่มควันไม่พุ่งออกนอกโลกอีก เพราะถูกพายุหมุนรบกวนเสียแล้ว!
มันน่าตะลึงเหลือเกิน ต้องรู้ว่า เลือดลมเหล่านั้นทำให้ดวงดาวนอกโลกหล่นร่วงลงมา แต่กลับถูกพายุหมุนแทรกแซงและรบกวน
ผ่านไปไม่นาน พายุหมุนสีดำก็หยุดลง มีของบางอย่างโผล่มาตรงนั้น มันดำสนิทดุจถ่าน ประหนึ่งหุบเหว
มันเป็นกาน้ำ ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ยาวแค่ครึ่งเซี๊ยะ ลอยอยู่กลางอากาศ ประหนึ่งดวงอาทิตย์สีดำหม่นแสง ชวนให้จิตใจระส่ำระสาย
“นั่นอะไรน่ะ?” สือฮ่าวสงสัย
เขายังคงขยับตัวไม่ได้ ถูกพันธนาการนอกสนามรบ วัตถุสีดำชิ้นนั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ราวกับทำลายโลกใบนี้ได้
“สวรรค์ ของในตำนานชิ้นนี้มีอยู่จริงหรือ?” มดน้อยร้องเสียงหลง
“เจ้ารู้จักมันหรือ?” สือฮ่าวแปลกใจ
“ข้าไม่ค่อยแน่ใจ มันเหมือนของในตำนานมาก ไหนว่าไม่มีจริง แต่ท่าทางยังกระจายอานุภาพน่ากลัว นี่มันชัดๆ!”
“มันคืออะไรกันแน่?” สือฮ่าวเร่งเร้า
มดน้อยหน้าถอดสี กลืนน้ำลายแล้วมองกองศพบนพื้น จากนั้นก็มองกาสีดำใบนั้นฝืนใจพูดว่า “กาหลอมเซียน”
………………………………………