Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1289
ชุดสีเทาของปรมาจารย์โบกสะบัด ใบหน้าซูบผอม เส้นผมแผ่สยาย รูปร่างสูงโปร่ง ยืนอยู่ตรงนั้น แท้จริงแล้วนิ่งสงบมาก ไม่น่ายำเกรงปานนั้น
แต่ทุกคนต่างก็รู้สึกว่า คนคนนี้ทรงพลัง เย้ยหยันเก้าสวรรค์ ห้ามยั่วโทสะอย่างแท้จริง มิเช่นนั้นจะนำหายนะมาสู่ตนเป็นแน่
มันเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง มือดีทุกคนต่างก็หวาดหวั่น ถึงขั้นพรั่นพรึง จิตใจระส่ำระสายยากเผชิญหน้ากับปรมาจารย์
พูดไปก็แปลก สีหน้าปรมาจารย์เรียบเฉย ไม่ยินดียินร้าย แต่มันเป็นการข่มขู่ที่ไร้เสียง ไร้รูปร่าง ชวนให้คนสั่นระริก
“ผู้อาวุโสนี่เอง” คนตระกูลหวางที่ตะโกนว่าใครเมื่อครู่ บัดนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่กล้าแข็งข้ออีก และไม่กล้ายกตนข่มท่านอีกต่อไป
ไม่นานก่อนหน้านี้ เขากับตระกูลยังคิดจะจัดการสือฮ่าว อยากให้เขาส่งมดน้อยออกมา แต่ตอนนี้เมื่อเห็นปรมาจารย์กลับมา จึงโยนทุกอย่างทิ้งแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับคนคนนี้ กวาดตามองทั่วเก้าสวรรค์สิบพิภพจะมีกี่คนที่ไม่กลัว? ต่อให้เชิญบุคคลที่อายุมากที่สุดในตระกูลมาก็คงเป็นเช่นนี้ มีแต่บรรพชนที่ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่คนนั้นปรากฏกายเท่านั้น ตระกูลหวางจึงจะเปี่ยมด้วยความมั่นใจ
ปรมาจารย์ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร ทำให้คนตระกูลหวางใจกระตุกทันที
“ไม่พบกันนาน สหายยังคงมีกำลังวังชา ทรงพลังเหนือวันวานเสียอีก” ชายชราตระกูลเฟิงคนหนึ่งพูด ฐานะสูงส่ง เป็นผู้นำตระกูล
ปรมาจารย์เพียงแค่พยักหน้า แม้เขาจะไม่พอใจกับการเล่นละครของตระกูล แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่นับว่าอาวุโสก็เฉยชามากไม่ได้
“ปรมาจารย์ช่างมีลูกศิษย์ที่ดีเสียจริง อายุไม่มาก แต่กลับโดดเด่น อยู่เหนือบรรพชนทั้งหลายในสมัยโบราณ!” บิดาขององค์หญิงเยาเยว่ ผู้ปกครองราชวงศ์อมตะสวีหมิงซวนพูด
เขาสวมชุดสีทองปักลายมังกร แสงทองสว่างไสว สวมมงกุฎ น่ายำเกรงเป็นที่สุด นี่เป็นนักพรตที่ยิ่งใหญ่มากคนหนึ่ง แม้อายุจะมากแล้ว แต่มองดูอ่อนเยาว์ยิ่งนัก อายุเข้าวัยกลางคน แต่เปี่ยมด้วยพละกำลัง
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า คนคนนี้กลายเป็นผู้สูงส่งตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้ว ความสามารถยากลึกเกินหยั่ง เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจมากที่สุดในเก้าสวรรค์!
อย่างน้อยภายนอกก็เป็นเช่นนี้ อดีตฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเขาอย่างยิ่ง มอบอำนาจให้เขา ให้เขาจัดการเรื่องราวต่างๆ มากมาย
ใครก็คิดไม่ถึงว่า ผู้ปกครองตระกูลอมตะ แม้แต่สวีหมิงซวนยังปรากฏกาย ซ้ำยังแสดงไมตรีต่อปรมาจารย์อย่างชัดเจนอย่างมาก
จะสร้างพันธมิตรหรือ?
ต้องรู้ว่า ราชวงศ์นี้ไม่ถูกกับตระกูลหวางอย่างยิ่ง ปะทะกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง มิเช่นนั้นองค์หญิงเยาเยว่ไม่มีทางตาต่อตา ฟันต่อฟันกับหวางซีเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ตระกูลหวางจึงตกใจ พากันแสดงสีหน้าหวาดระแวง!
“ฮ่องเต้สวีเสด็จมา สำนักเทพสวรรค์ควรต้อนรับเป็นอย่างดีจึงจะถูก” ปรมาจารย์ยิ้ม ท่าทีแตกต่างจากยามมองสองคนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ความแตกต่างแบบนี้ ทำให้คนตระกูลหวางยิ่งรู้สึกไม่สบายใจไปกันใหญ่
ตระกูลเฟิงยังดี ยังนับว่าสมานฉันท์กับสำนักเทพสวรรค์มาตลอด นอกจากเพ่งเล็งสือฮ่าวเมื่อครู่แล้ว พวกเขาก็เก็บตัวมาตลอด
“ฮ่าฮ่า ปรมาจารย์เกรงใจกันเกินไปแล้ว ท่านเป็นผู้อาวุโส นี่มันฆ่าผู้น้อยชัดๆ ไม่ใช่หรือ?” สวีหมิงซวนหัวเราะลั่นแล้วก้มหัวคำนับอีกครั้ง
หลายคนโค้งคำนับทักทายปรมาจารย์ กระทั่งตอนนี้ อัจฉริยะเพิ่งพบด้วยความตกใจว่า ตระกูลอมตะเหล่านั้นส่งคนมาแทบจะทุกตระกูล
จะเห็นได้ว่า ถ้ำราชันเซียนใต้พิภพสำนักเทพสวรรค์น่าตะลึงปานใด!
และตอนนี้สือฮ่าวนำมดเขาสวรรค์ขึ้นมา บ่งบอกความเหนือชั้นของถ้ำสวรรค์ ทำให้คนตาร้อน กรีฑาทัพมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อการนี้ได้!
แต่เมื่อปรมาจารย์กลับมา บางคนที่เตรียมตัวจะเคลื่อนไหวต่างพากันเก็บกระบี่อย่างอดไม่ได้ เกรงว่าจะปะทะกับผู้อาวุโสคนนี้แล้วถูกสังหาร
ในเก้าสวรรค์ ปรมาจารย์เป็นหนึ่งในผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุด!
ไม่ผิดพลาดแน่นอน เพราะเขามีชีวิตอยู่มายาวนานเหลือเกิน แม้กระทั่งมีคนสงสัยว่า เขาอาจบรรลุขั้นวิถีเซียน ขาข้างหนึ่งย่างเข้าสู่ความอมตะแล้ว
หากเป็นเช่นนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่ามีหวังอาจกลายเป็นเซียนได้!
แน่นอนว่า มีคนจำนวนมากที่เชื่อมั่นว่า สำนักเซียน สำนักปราชญ์และตระกูลอมตะมีคนที่ทัดเทียมเขา ต้านทานเขาได้เช่นกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไร บุคคลที่ดำรงอยู่มาเนิ่นนานเช่นนี้ ก็ควรค่าให้แต่ละฝ่ายให้ความสำคัญ ไม่กล้าล่วงเกินง่ายๆ
“หลานชายเจ้าช่างสบายอกสบายใจ มาร่วมสนุกที่นี่ด้วยเช่นกัน” ปรมาจารย์พูดกับสวีหมิงซวน
“ดูสิว่าจะมีถ้ำราชันเซียนปรากฏให้เห็นจริงหรือไม่ ไม่มีทางเลือก มันน่าตะลึงเหลือเกิน ไม่ว่าใครก็ต้องหวั่นไหวกับมรดกของราชันเซียน” สวีหมิงซวนพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
จากนั้น เขาก็เปลี่ยนประเด็นทันที “ที่จริงแล้ว ครั้งนี้มาก็เพราะอยากเลือกอัจฉริยะหนุ่ม ดูสิว่าจะเป็นคู่ครองลูกหญิงได้หรือไม่”
ตูม!
มันทำให้เกิดความฮือฮา ใครก็คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้องค์นี้จะเถรตรงปานนี้ ผ่อนคลายเกินไปแล้วกระมัง จะจับคู่ให้ลูกสาวเช่นนี้หรือ?
ไข่มุกของตระกูลอมตะ อยู่ในฐานะองค์หญิงของราชวงศ์อมตะ ฐานะสูงส่งเหลือเกิน หากได้แต่งเข้าตระกูล ก็เท่ากับได้สัมผัสทรัพยากรยาขั้นเทพ ตำราวิชาสวรรค์เหล่านั้นไม่ใช่หรือ
ต้องรู้ว่า ราชวงศ์ที่ดำรงอยู่มาแต่โบราณแบบนี้ ไม่เคยถูกโค่นมาก่อน คงอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อน ซ้ำยังเคยมีเซียนปรากฏกาย!
ไม่มีใครรู้ภูมิหลังของพวกเขาว่ายาวนานปานใด มันอาจสะเทือนฟ้าดิน หรืออาจทำลายโลกทั้งใบก็เป็นได้!
“หลานชาย เจ้าล้อเล่นไปได้ เรื่องที่เกี่ยวพันกับทั้งชีวิตของลูกสาว จะพูดเช่นนี้ได้อย่างไร” ปรมาจารย์พูด
“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น อย่างไรก็ต้องแล้วแต่ลูกสาวข้า เพราะข้าคิดว่าชายหนุ่มผู้สูงส่งในยุคนี้คงจะมากันครบแล้ว จึงอยากเลือกคนที่โดดเด่น” สวีหมิงซวนหัวเราะลั่น สง่างามยิ่งนัก จากนั้นก็มองสือฮ่าวแวบหนึ่ง
“จะเลือกเจ้าเป็นเขย!” มดน้อยยืนอยู่บนหัวไหล่สือฮ่าว ทั้งที่สูงไม่ถึงหนึ่งหุน แต่กลับสองมือไพล่หลัง ทำท่าเคร่งขรึม กระซิบกระซาบกับสือฮ่าว
ทุกคนต่างก็ตกใจ เมื่อครู่สายตาของสวีหมิงซวนช่างโจ่งแจ้งเหลือเกิน หรือจะถูกใจฮวงเข้าแล้ว?
คนตระกูลหวางสะดุ้งโหยง เกิดความรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว พวกเขาทนไม่ได้หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ต้องรู้ว่า ตอนนั้นสือฮ่าวเคยถูกพวกเขาปฏิบัติเยี่ยงทาส ให้สวมกำไลโลหะ อยากส่งเขาไปตายในเหมืองบรรพกาล ให้ขุดหินแห่งชีวิตบางชนิด
ในระยะเวลาอันยาวนาน พวกเขาต่างก็เห็นสือฮ่าวเป็นทาส เป็นข้ารับใช้ของพวกเขา ต่อให้ตอนหลังรู้ว่าเขามีพรสวรรค์เหนือชั้น ในใจก็ยังคงภาคภูมิใจ คิดว่ามีความได้เปรียบจากสายเลือด
แน่นอนว่าเป็นเพราะเหตุนี้เอง สือฮ่าวจึงแตกคอกับพวกเขา กระชากกำไลโลหะจนขาดสะบั้น จับตัวหวางซี คุมขังไว้หนึ่งคืน ใช้วิธีนี้ล้างมลทินให้กับตัวเอง
ทั้งสองฝ่ายแตกคอกัน กลายเป็นศัตรู หากต้องเห็นสือฮ่าวสวามิภักดิ์กับตระกูลสวี กลายเป็นราชบุตรเขยของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรตระกูลหวางก็ยอมรับไม่ได้
เพราะพวกเขารู้ดีว่า ฮวงมีพรสวรรค์น่ากลัวที่ไม่มีใครเทียบ หากแต่งเข้าตระกูลสวี จะเหมือนเสือติดปีก มันเป็นพันธมิตรที่น่ากลัวยิ่งนัก
เมื่อถึงตอนนั้น คิดว่าข้างนอกคงจะพูดว่า ตระกูลหวางมีตาแต่ไร้แวว ขับไล่อัจฉริยะสะเทือนปฐพีคนหนึ่งไป ปล่อยให้เขาเข้าประตูของศัตรู ตระกูลหวางคงจะกลายเป็นตัวตลกเป็นแน่
“ตระกูลสวีนับถือผู้น้อยมาตลอด ฮวงก็เคยขุดเหมืองในตระกูลหวาง ไม่ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ตระกูลสวีจะให้ความสำคัญกับเขาหรือ ช่างเลิศล้ำเสียจริง”
ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มคนหนึ่งของตระกูลหวางพูดขึ้น เขาเป็นศิษย์สำนักเซียน ตอนนี้พูดจากำกวม แฝงนัยบางอย่าง
มองผิวเผินเหมือนกำลังชื่นชมตระกูลสวี แท้จริงแล้วกำลังเย้ยหยัน ซ้ำยังเหน็บแนมสือฮ่าวว่า เคยเป็นทาสให้ตระกูลเขา และหากตระกูลสวีจะเลือกคนแบบนี้เป็นเขย มันจะน่าอายไม่ใช่หรือ?
สือฮ่าวหน้าถมึงทึงทันที จากนั้นก็มองชายหนุ่มคนนั้น พูดแค่ประโยคเดียวว่า “เจ้าอยากตายหรือ?!”
ชายหนุ่มคนนั้นก็นับว่าเป็นคนที่เย่อหยิ่ง มิเช่นนั้นจะกล้าเหน็บแนมสือฮ่าวในสถานการณ์แบบนี้ เสียดสีราชวงศ์อมตะอย่างตระกูลสวีหรือ?
ด้วยเหตุนี้สีหน้าเขาจึงเปลี่ยนไปทันที พูดเสียงแข็งว่า “ฮวง เจ้าอวดดีเหลือเกิน คิดว่าอยู่เหนือเก้าสวรรค์สิบพิภพ ทำตามใจชอบได้แล้วจริงๆ หรือ?”
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าคิดว่าถากถางข้าในสถานการณ์แบบนี้ คิดว่าเป็นวีรชนหรือ?” สือฮ่าวพูดแล้วก้าวออกไปทันใด
ตูม!
เขาปล่อยหมัดออกไปอย่างไม่ลังเล ลงมือทันที ไม่ปิดบังเลยสักนิด
หลายคนตะลึงงัน ผู้อาวุโสตระกูลหวางอยู่ที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีใครคิดว่า สือฮ่าวจะกล้าทำเช่นนี้ จะสังหารโดยตรงแบบนี้!
หากเป็นคนอื่น คงจะโต้แย้งก่อน จากนั้นค่อยลงมือกับอัจฉริยะตระกูลหวาง เช่นนี้ถึงจะนับว่าเสียมารยาท เหตุผลพอฟังขึ้น
“เจ้ากล้าลงมือกับข้าหรือ?!” หวางหม่างหลงตะโกนลั่น นัยน์ตาเยือกเย็น ทั้งโมโหและตกใจ เขาขี้ขลาดขึ้นมาแล้วจริงๆ
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร!” หมัดของสือฮ่าวมาถึงแล้ว พร้อมกับสายลมกรรโชก ทะลุมิติมา ทำให้อัจฉริยะตระกูลหวางกระอักเลือด ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ปะทะ
เพราะนี่เป็นพลังสิบสองส่วนของสือฮ่าว เขาปล่อยออกไปสุดกำลัง!
สือฮ่าวพูดเสียงเย็นว่า “อย่าว่าแต่เจ้าคนเดียวเลย อัจฉริยะสิบอันดับแรกของตระกูลหวางเข้ามาพร้อมกัน ข้าก็สังหารให้เหี้ยนได้!”
ผู้คนชะงัก ที่นี่เงียบสงัดอย่างยิ่ง
ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด พูดเช่นนี้ต่อหน้าคนตระกูลหวาง หยามเกียรติซึ่งๆ หน้า ดูถูกเช่นนี้ นี่มันกำลังตบหน้าพวกเขาชัดๆ
“ฮ่าฮ่า…สะใจ ควรทำเช่นนี้แหละ แต่คนชั่วให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ!”
สวีหมิงซวนระเบิดเสียงหัวเราะ เขาเป็นผู้สูงส่งตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้ว ตอนนี้ยากลึกเกินหยั่ง หายตัวไปทันที จากนั้นปรากฏตัวยืนขวางสือฮ่าว ยกมือฟาดไปทางตระกูลหวาง
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังกังวานยิ่งนัก หวดลงบนหน้าของหวางหม่างหลง ทำให้เขาร้องเสียงหลงทันที ใบหน้าบิดเบี้ยว เป็นแผลเหวอะหวะ กระดูกแหลกละเอียด ฟันร่วงหมดปาก
เขากระเด็นออกไปแล้วหมดสติไป ดวงจิตแทบจะแหลกสลาย
มันเป็นผลที่ฮ่องเต้สวียั้งมือ มิเช่นนั้นหากความสามารถอย่างเขา เพียงแค่ดีดนิ้วเบาๆ คนคนนี้คงจะดับสูญทั้งกายจิตไปแล้ว
“สวีหมิงซวน บังอาจ!” ชายชราตระกูลหวางพิโรธ ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด ตบหน้าเขาต่อหน้าคนมากมายปานนี้ มันเท่ากับเหยียดหยามเขาไม่ใช่หรือ?
“ทำไมข้าจะไม่กล้า ตระกูลหวางสั่งสอนกันไม่ดี ปล่อยให้ผู้น้อยพูดจาส่งเดช ข้าถามเจ้า อยากอาศัยปากของผู้น้อยคนนี้ เปิดศึกระหว่างตระกูลเราทั้งสองหรือ?!” สวีหมิงซวนตวาด
ตอนแรก ผู้คนไม่คิดอะไร ต่างก็คิดว่าสวีหมิงซวนเป็นฮ่องเต้ ลงมือเช่นนี้ มันไม่จริงจังเอาเสียเลย
แต่ตอนนี้เมื่อเขาพูดแบบนี้ ต่างก็รู้สึกถึงความร้ายแรงของเรื่อง!
“เจ้า…ฮึ่ย!” ผู้อาวุโสตระกูลหวางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่คำรามในคอ สะบัดเสื้อแล้วถอยหลังไป ไม่เอาความอีก