Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1283
มดสีทองขยี้ตา เพื่อยืนยันว่าไม่ได้ตาฝาด ตะลึงอึ้งงัน มันยังไม่เจริญวัย ตอนนี้ยังแตะต้องหม้อใบนี้ไม่ได้
แต่มนุษย์ตรงหน้าคนนี้ ยกหม้อขึ้นก่อนมัน ทำให้มันตกใจยิ่งนัก จากนั้นก็โมโห
“เจ้านี่มันอะไรกัน? ถึงได้แย่งอาวุธของข้า สนุกนักหรือ ไม่พอใจก็มาประลองกันสักตั้ง!” มันพูดด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
ตอนนี้ ทุกคนต่างก็อกสั่นขวัญแขวน ไม่คิดว่าฮวงจะน่ากลัวปานนี้ ผู้สูงส่งคนอื่นต่างก็ล้มเหลว ทำอะไรหม้อใบนี้ไม่ได้ แต่เขากลับยกมันขึ้นมาได้
นี่เป็นพลังที่น่ากลัวขนาดไหนกัน เหนือมนุษย์อย่างแท้จริง!
ผู้คนจับตามองฮวงมานานแล้ว เห็นแล้วว่าเขาไม่เคยตกต่ำ จำศีลสามปี ยังคงแข็งแกร่ง ยังเป็นหนึ่งในผู้สูงส่งของรุ่นนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า เขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้!
หากเอ่ยถึงเรื่องกายเนื้อ คงอยู่ในสามอันดับแรกกระมัง นอกจากจินจ่านแห่งสำนักปราชญ์ ปราชญ์น้อยที่เน้นเรื่องการฝึกกายมากเป็นพิเศษแล้ว ต่อให้เป็นคนที่ถูกขนานนามว่าไร้พ่ายตลอดกาลของสำนักเซียน ก็คงไม่มีกายเนื้อเนื้อที่แข็งแกร่งขนาดนี้!
“ทั้งๆ ที่เขาสำแดงพลังของเซียนโบราณ เดินบนเส้นทางนี้แท้ๆ แต่กลับไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ทำถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?”
ทหารเก่าคนหนึ่งพึมพำ สีหน้าเคร่งขรึม
“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเดินบนเส้นทางนั้นได้ มันเป็นทางตัน ตามหลักแล้วควรจะสิ้นหวังทุกคนจึงจะถูก” สายตาของผู้นำทหารเก่าลุ่มลึก
พวกเขาดูออกตั้งนานแล้วว่า นักพรตชีกู้ฝึกวิชาปัจจุบัน แตกต่างจากมรดกเซียนโบราณ พลังของเขาเหนือชั้น เพราะวิถีไม่เหมือนกัน ยอมสมเหตุสมผล
แต่ชายหนุ่มที่มีนามว่าสือฮ่าว ใช้พลังเซียนปกคลุมร่างกาย มีอักขระปรากฏขึ้นภายใน เขาเดินบนเส้นทางเซียนโบราณ
และเส้นทางนี้ หากไม่ได้รวมเป็นหนึ่งกับเมล็ดพันธุ์ไร้พ่ายในตำนาน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางสู้มดเขาสวรรค์ได้ พละกำลังไม่มีทางน่ากลัวปานนนี้
“ผู้อาวุโสทุกท่านคิดถูกแล้ว สหายคนนี้ของข้าดื้อรั้นยิ่งนัก เดินบนทางตันที่พวกท่านพูดกัน แถมยังทำสำเร็จแล้วด้วย อยู่เหนือบรรพชน!” จอมอ้วนเฉาโอ้อวดอยู่ตรงนั้น ทำท่าท่างภูมิใจอย่างมาก เสมือนเป็นเขาเองที่สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพูดจาใหญ่โต พลางชี้ชาวสำนักเซียน บอกว่าผู้อาวุโสของพวกเขามีตาหามีแววไม่ ตระหนี่ไม่ยอมมอบเมล็ดพันธุ์ให้สือฮ่าว บีบคั้นให้เขาต้องเดินทางตัน
ผู้เฒ่าหลายคนพากันทอดมองจากนอกเมือง เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เห่อร้อน
“เจ้า…ใช้กายเป็นพันธุ์ สืบทอดทางตัน รอดพ้นความตายมาได้หรือ?” ทหารเก่าคนหนึ่งเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อเลย
“สำเร็จได้เพราะโชคช่วย” สือฮ่าวพยักหน้า
ทหารเก่าหลายคนแน่นิ่งไปทันที พูดอะไรไม่ออกแล้ว
ตอนนี้ เหงื่อผุดทั่วตัวสือฮ่าว หม้อใบนี้หนักมากจริงๆ ทำเอาสองแขนเขาแทบหักแล้ว หมอกห้อมล้อมทั่วภูเขา กำลังกระเพื่อมตามกัน
มันช่างน่าตกใจ ทุกคนรู้สึกเหมือนยืนไม่มั่น กำลังโอนเอน!
นี่เป็นถึงภูเขาที่มีค่ายกลของเซียน แต่ตอนนี้ก็เป็นถึงขนาดนี้ จะเห็นได้ว่าหม้อใบนั้นหนักปานใด ช่างน่ากลัวจริงๆ
แถมมันยังเป็นแค่เงา ไม่ใช่หม้อมาตุธาตุของจริง!
“รีบวางลงเถอะ เจ้ายอดเยี่ยมมาก ทำตามเงื่อนไขได้สำเร็จ!” ผู้นำที่เฝ้าเมืองเซียนพูด ร้อนใจยิ่งนัก กลัวว่าสือฮ่าวจะบาดเจ็บเพราะหม้อโบราณหนักเกินไป
ทหารเก่าหลายท่านตื่นจากภวังค์ ตกใจยิ่งนัก มองสือฮ่าวราวกับมองขุมทรัพย์ล้ำค่า ทำให้เขาขนลุก
สือฮ่าววางหม้อลง ทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน ประหนึ่งเกิดแผ่นดินไหว เขารู้สึกชาวาบไปทั้งแขน และปวดเมื่อยไม่น้อยเลย
เขาอดอุทานไม่ได้ เผ่าพันธุ์มดเขาสวรรค์วิปริตเหลือเกิน ใช้ของหนักแบบนี้เป็นอาวุธ คนทั่วไปจะยกขึ้นได้อย่างไร?
ต่อให้แข็งแกร่งแบบเขา ก็ทำได้แค่ยกขึ้น ไม่สามารถควงได้ตามใจชอบ ใช้มันเป็นอาวุธนั้นเป็นไปไม่ได้
สือฮ่าวคิดว่ากายเนื้อของตัวเองแข็งแกร่งมากพอ แต่เมื่อพบกับเผ่าพันธุ์นี้แล้ว เขาก็เข้าใจสำนวนหนึ่งได้ลึกซึ้งแล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!
เหนือคนแข็งแกร่งยังมีคนแข็งแกร่งกว่า!
เมื่อเห็นเขาทำหน้าไม่พอใจ ไม่มีทีท่าว่าจะภูมิใจเลยสักนิด ทุกคนหมดคำพูด เฉาอวี่เซิงยังช่วยเขาป่าวประกาศให้เขาอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เหล่าผู้สูงส่งเกิดความตื่นตัวขึ้นมา รู้สึกถึงแรงกดดันอยู่ลึกๆ บนเส้นทางของกายเนื้อ พวกเขาถูกฮวงแซงหน้าไปแล้ว หากอยากกำราบหรือเอาชนะ มีเพียงต้องสู้กันด้วยขั้นบำเพ็ญ!
ตอนนี้เหล่าทหารเก่ากำลังจ้องสือฮ่าวตาเป็นมัน ราวกับกำลังประเมินอัญมณีมูลค่าสูงอยู่
ผู้นำคนนั้นยิ้มทื่อๆ เสมือนรู้ความในใจของเขา “อย่าคิดมากเลย เผ่าพันธุ์มดเขาสวรรค์เป็นที่หนึ่งเรื่องพละกำลังจริงๆ!”
สือฮ่าวพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
ผู้นำพูดเสริมว่า “ที่จริง เจ้าก็น่าตะลึงมากเช่นกัน ถึงขั้นเรียกได้ว่าสะเทือนประวัติศาสตร์ เพราะเจ้าไม่เคยหลอมร่างกาย ไม่ใช่ผู้ฝึกกายขนานแท้ หากเจ้าเลือกเส้นทางนั้น ต้องสู้มดเขาสวรรค์ได้แน่นอน แม้กระทั่งว่าอยู่เหนือกว่าด้วยซ้ำ”
มดสีทองตัวน้อยไม่ชอบใจแล้ว “อะไรกัน เป็นแค่มนุษย์เท่านั้น จะสู้พวกข้าได้อย่างไร รอข้าเจริญวัย ต้องยกหม้อใบนี้ขึ้น ใช้มันเป็นของเล่นได้แน่!”
“เสี่ยวจิงเจ้าไม่เป็นสองรองใคร แข็งแกร่งมากจริงๆ วันหน้าต้องเหนือกว่าบรรพชนแน่นอน แต่มนุษย์คนนี้ก็ไม่ธรรมดา เขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ไม่เห็นว่าจะด้อยกว่าเผ่าพันธุ์เจ้าเลย” ผู้นำพูด
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยปากชมขนาดนี้ ทุกคนก็ทำหน้าตกใจ ยกสือฮ่าวให้สูงที่ปานนี้ เทียบเท่ามดเขาสวรรค์ในสิบอสูรแล้ว
“ข้าก็เคยฝึกวิชาขัดเกลาร่างกายเช่นกัน” สือฮ่าวพูดความจริงเพื่อแก้ให้ถูกต้อง ไม่ได้เดินเส้นทางนี้แต่อย่างใด
“อ้อ เจ้าเคยฝึกวิชาอะไร?” ผู้นำถามด้วยความตกใจ
“วิชาขัดเกลากระดูก” สือฮ่าวพูด ปรมาจารย์เป็นผู้ถ่ายทอดให้เขา บอกว่ามาจากสำนักปราชญ์ ส่วนที่เหลือต้องไปค้นหาที่นั่น
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยได้หรือไม่” ผู้นำร้องขออย่างไม่เกรงใจ
ต้องรู้ว่า ไม่ว่าวิชาใดก็ล้วนล้ำค่า จะเผยแพร่ให้คนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร?
แต่สือฮ่าวไม่ลังเลเลยสักนิด แอบใช้กระแสจิตบอกเขา
“ไม่เลวเลาย แต่ยังไม่พอ มันเป็นคัมภีร์ที่ถือกำเนิดจากคัมภีร์อมตะ สู้คัมภีร์เล่มนั้นไม่ได้” ผู้นำพูด
“อะไรนะ ท่านรู้จักคัมภีร์อมตะหรือ?” สือฮ่าวยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีคนชิงถามก่อนแล้ว แถมยังร้อนใจยิ่งนัก
นักพรตชีกู้นั่นเอง ปกติเขาเงียบขรึม พูดน้อย ราวกับเป็นชายชราหัวโบราณคนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับตื่นเต้น ลมหายใจถี่กระชั้น
เพราะตอนที่เขาอยู่ในสำนักปราชญ์ เคยมีคนพูดถึงคัมภีร์เล่มนี้ มันมีพลังอันน่าเหลือเชื่อ
“ข้าไม่รู้ ในเซียนโบราณก็มีน้อยคนที่จะรู้ อย่างมากที่สุดก็มีใต้เท้าสองสามท่านที่เคยศึกษา ส่วนพวกข้ารู้เพียงผิวเผินเท่านั้น” ผู้นำพูดตามความจริง
“วิชาขัดเกลากระดูกเทียบกับคัมภีร์อมตะแล้ว ห่างไกลกันปานใด?” สือฮ่าวถาม
“หากจะให้พูดตามตรง ข้าก็บอกได้เพียงว่า หากเทียบกับคัมภีร์อมตะแล้ว บทสวดมนต์ท่อนนี้ของเจ้าตื้นเขินยิ่งนัก ลึกล้ำไม่พอ” ผู้นำพูด
มันช่างน่าตกใจ วิชาขัดเกลากระดูกก็เหนือชั้นมากแล้ว เพราะถึงขั้นได้รับคำชมแบบนี้
“หากภพนี้ไม่มีวิชาหลอมกายที่สู้คัมภีร์อมตะได้ เช่นนั้นก็สู้ยุคที่แล้วไม่ได้ อันตราย!” ผู้นำถอนหายใจ
“มีเล่มหนึ่งที่ผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสำนักปราชญ์คิดค้น แต่สำนักข้าก็กำลังตามหาคัมภีร์อมตะกันให้ควั่กเช่นกัน ต้องการข้อพิสูจน์” นักพรตชีกู้พูด
“คัมภีร์อมตะก็เป็นหนึ่งในคัมภีร์ที่สุดยอดที่สุดในยุคเซียนโบราณ ซ้ำยังเป็นตำราสูงส่งบนเส้นทางการฝึกกาย ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า” ทหารเก่าคนหนึ่งกล่าว
จากที่เขาพูด หากฝึกคัมภีร์อมตะสำเร็จ ฟ้าดินก็ทำอะไรไม่ได้ กายเนื้อมีพลัง ต่อให้ดวงจิตดับสูญ ถูกคนโจมตีจนแหลกสลาย กายเนื้อก็จะไม่เน่าเปื่อย ไม่มีวันดับสูญ ถึงขั้นร่ำลือกันว่า หากบรรลุขั้นสุดยอด ต่อให้ดวงจิตแหลกสลาย จะมีสักวัน เมื่อผ่านกาลเวลาอันยาวนานแล้ว กายเนื้อจะสร้างดวงจิตใหม่ได้!
นั่นหมายความว่า นี่เป็นความอมตะตามความหมายที่แท้จริง!
ยิ่งไปกว่านั้น มีคนอธิบายอีกว่า หลังผ่านไปหลายล้านปี ดวงจิตที่ถือกำเนิดจากกายเนื้ออีกครั้ง จะไม่ใช่ดวงจิตใหม่เอี่ยม ยังคงมีความทรงจำก่อนสร้างอยู่
เมื่อผู้คนได้ฟังก็ตะลึงงัน
“สุดยอดยิ่งกว่าคัมภีร์สูงส่งเล่มนั้นของสำนักปราชญ์เสียอีก!” ผู้คนอุทาน
“แท้ที่จริงแล้ว หากคาดเดาจากคำร่ำลือ คัมภีร์อมตะจัดอยู่ในสามอันดับแรกของเซียนโบราณ เพียงแค่ไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าทำให้คนเป็นอมตะได้จริงๆ” ผู้นำถอนหายใจ
ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่อยู่ในสามอันดับแรก
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทหารเหล่านี้ก็มองสือฮ่าวด้วยสายตาเป็นประกาย มีคนพูดว่า “หากเจ้ามีโอกาสฝึกสำเร็จล่ะก็ บางทีอาจพิสูจน์ได้ เมื่อบรรลุขั้นสุดยอดแล้วจะเป็นอมตะได้จริงหรือไม่!”
เพราะสือฮ่าวใช้กายเป็นพันธุ์ มีศักยภาพเพียงพออยู่แล้ว หากฝึกคัมภีร์อมตะ ต้องไปได้ไกลแน่นอน!
“คัมภีร์อมตะอยู่ที่ใด?” สือฮ่าวถาม เขาหวั่นไหวขึ้นมาแล้วจริงๆ คิดว่าตัวเองต้องการมันยิ่งนัก
แม้แต่คนอื่นก็นัยน์ตาแววโรจน์ ต่อให้พวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกกาย แต่ขัดเกลาร่างกายสักหน่อยก็จำเป็นเช่นกัน
“หายไปแล้ว” ผู้นำถอนหายใจ
ผู้คนแปลกใจ ทำให้ผู้คนเกิดความสนใจ ปรากฏว่ากลับให้คำตอบแบบนี้ มันช่างน่าผิดหวังเสียจริง
ผู้นำพูดว่า “ตอนนั้นใต้เท้ามดเขาสวรรค์ก็ทำได้แค่ยกหม้อใบนี้ แต่หลังฝึกวิชาในคัมภีร์อมตะแล้ว ก็สามารถกวัดแกว่งหม้อใบนี้ได้ตั้งแต่วัยเยาว์ มีพลังเย้ยปฐพี!”
พวกเขาจึงยอมรับสือฮ่าว ยกหม้อใบนี้ขึ้นได้ นั่นหมายความว่า เทียบเท่ามดเขาสวรรค์ที่เคยฝึกคัมภีร์อมตะแล้ว สูสีคู่คี่กัน!
“ไม่หายไปไหนแน่นอน วันหน้าข้าจะต้องศึกษามัน!” มดสีทองตัวนั้นกู่ร้องขึ้นมา
“พวกข้าตามหาทั่วเมือง ค้นหาทั่วเมืองโบราณแล้ว ก็ไม่เจอคัมภีร์อมตะที่ใต้เท้ามดเขาสวรรค์ครอบครอง ช่างน่าเจ็บใจและน่าเสียดายจริงๆ” ผู้นำถอนหายใจ
ผู้คนต่างก็สิ้นหวัง คัมภีร์ที่สำคัญปานนั้น หากว่าหายสาบสูญ มันช่างน่าเสียดายเหลือเกิน
บางครั้ง แค่ความองอาจมันไม่พอ ทุกเส้นทางที่บุกเบิกใหม่ ล้วนตั้งอยู่บนความรุ่งโรจน์ของบรรพชน ต้องมีประสบการณ์มากพอจึงจะมีแสงแห่งปัญญาบนเส้นทางการฝึกตนที่โชติช่วงยิ่งกว่า
“ตามการคาดเดาของพวกข้า ความเป็นไปของคัมภีร์อมตะมีความเป็นไปได้อยู่สามประการ หนึ่งคืออยู่ที่นี่ ถูกเก็บไว้ให้ทายาทของมดเขาสวรรค์ รอให้มันเจริญวัยต้องหาเจอแน่นอน สองคือหายไปในสนามรบเมื่อตอนนั้น ใต้เท้ามดเขาสวรรค์ต่อสู้จนฟ้าถล่มดินทลาย สังหารผู้อมตะมากมาย ตัวเองก็บาดเจ็บสาหัส กระทั่งหลั่งเลือดหยดสุดท้าย บางทีของติดตัวบางอย่างคงหายไป สามคืออยู่ในเขตต้องห้ามสักแห่งของเก้าสวรรค์สิบพิภพ!” ผู้นำพูดอย่างจริงจัง
มีความเป็นไปได้สามประการ ยากจะยืนยันได้
แต่ตอนนี้มีโอกาสแล้ว หากอยู่ในเมืองนี้ ทหารพวกนี้หาไม่เจอ ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่
หากผู้มาเยือนอย่างพวกเขาโชคดีมากพอ บางทีอาจกระตุ้นให้คัมภีร์นี้ปรากฏกายก็เป็นได้!