Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1254
ตูม!
หม้อใบหนึ่งมีขนาดใหญ่โต ภายในมีหมอกกระเพื่อม ทำให้มันดูลึกล้ำผิดปกติ ราวกับเป็นจักรวาลอันเวิ้งว้าง
ไม่ผิด ภายในมีดาราจักร ดวงอาทิตย์และดวงดาวกำลังส่องแสงระยิบระยับ ประดับประดาอยู่ตรงนั้น ฝังลึกอยู่ในหมอกของหม้อ ทำให้มันแลดูตระการตาและกว้างใหญ่ไพศาล
“หม้อใบนี้…” นัยน์ตาของสือฮ่าวแววโรจน์ นี่เป็นภาพที่เขาเห็นจากพลังจิตของกระต่ายน้อย
เป็นหม้อใบที่เขาเคยเห็น เพียงแต่ว่าตอนนี้มันน่ากลัวกว่าเดิม มันเปิดเผยธาตุแท้ จมอยู่ในจักรวาล ประหนึ่งเขมือบระบบสุริยะอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาได้
ทุกครั้งที่เห็นหม้อใบนี้ สือฮ่าวจะว้าวุ่นใจ รู้สึกว่าต่อไประหว่างเขากับมันต้องเกิดเรื่องไม่ธรรมดา มีบุญกรรมสัมพันธ์กันแน่นอน!
“หญิงคนนั้น!”
จู่ๆ สือฮ่าวก็เห็นว่า มีหญิงชุดขาวยืนอยู่หลังหม้อ งดงามยิ่งนัก สองมือกำลังประสานอิน ปล่อยหม้อใหญ่ออกมา
ร่างของนางพร่าเลือนเล็กน้อย ใบหน้าสวมหน้ากากสำริด เปื้อนคราบน้ำตาและคราบเลือด มันช่างตราตรึงใจคนนัก สะเทือนใจไปตามๆ กัน
“นางนั่นเอง!”
สือฮ่าวเคยตามชาวสำนักเทพสวรรค์ไปที่สนามรบเซียน เคยเข้าไปยังดินแดนประหลาดแห่งหนึ่ง เห็นผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในอดีตอันยาวไกลจะลงมือจัดการอัจฉริยะยุคนี้ ปรากฏว่ามีหญิงสาวโฉมงามที่อยู่ตอนล่างของสายน้ำแห่งกาลเวลาลงมือ ขัดขวางเขาไว้
เป็นหญิงที่อยู่หลังหม้อคนนี้นี่เอง ไม่คิดว่านางจะเป็นควบคุมหม้อใบนี้
“เอ๊ะ ยังมีคนอื่นอีก!”
สือฮ่าวเห็นร่างเลือนรางอีกสามร่าง ล้วนเป็นผู้ชาย หนึ่งคนในนั้นยืนอยู่บนระฆัง กระตุ้นมันปล่อยคลื่นระฆังให้แผ่กระจาย ราวกับผืนทะเลซัดสาด ไหลหลั่งเข้าไปในหม้อ
พวกเขากำลังผลักหม้อใบนี้ ให้มันพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
หม้อเต็มไปด้วยคราบเลือด ไม่รู้ว่าผ่านศึกสงครามประเภทไหนมา ทะลุกำแพงดินแดน ข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลามาด้วยความน่ากลัว พบเจอกับการสกัดโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังพุ่งตรงมาดังเดิม
ตูม!
สุดท้ายก็สั่นสะเทือน หม้อใหญ่หายไป กระต่ายน้อยได้สติคืนมา
สือฮ่าวไม่เห็นหญิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในหม้อผ่านกระแสจิตของมัน แต่กลับเห็นคนที่ลงมืออยู่หลังหม้อ มันพิลึกนัก ยากจะอธิบายได้
ทั้งที่เป็นภาพที่จิตของกระต่ายน้อยสัมผัส แต่สิ่งที่สือฮ่าวเห็นกลับแตกต่างจากมัน!
“มันไม่มีเหตุผลเลย” กระต่ายน้อยโวยวาย เพราะสิ่งที่สือฮ่าวบรรยายไม่เหมือนกับที่มันเห็น
“เจ้าลองคิดดูอีกสักหน่อยว่า เจ้าเห็นอะไร ได้ยินอะไรอีก” สือฮ่าวซักไซ้ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา ทั้งสองเห็นแตกต่างกัน มันชวนให้ฉงนใจ
“ข้าลืมไปหมดแล้ว” กระต่ายน้อยรู้สึกผิดมาก มันเผชิญกับอะไรกันแน่? ลืมเลือนไปจนสิ้นแล้ว ต่อให้ดวงจิตเคยประสบเหตุราวกับเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในห้วงความฝัน แต่ก็จำอะไรไม่ได้แล้ว
“ลองคิดดูหน่อย!” สือฮ่าวมีสีหน้าเคร่งขรึม
“มีเสียงอยู่บ้าง ตามมาด้วยหม้อลอยมา มันเปล่งแสง เสียงเบาบางแต่ยาวนาน เหมือนกับแว่วมาจากสุดขอบโลก ราวกับว่า…” กระต่ายน้อยพยายามนึกย้อนกลับไป หน้านิ่วดูเจ็บปวดอย่างมาก กำลังค้นหาความทรงจำที่อยู่ลึกเข้าไป
“เหมือนว่ามันกำลังสื่อสารกับข้า บอกว่ามีคนคนหนึ่งข้ามผ่านกองกระดูกของสรรพสิ่ง เหยียบย่ำเศษกระดูกทั้งหลาย เดินเหินในพื้นที่มืดใย ลอยล่องผ่านผืนทะเล ขจัดสิ่งชั่วร้ายที่คงอยู่มาเนิ่นนาน เป็นการเดินทางที่โดดเดี่ยวเดียวดาย สู้ศึกเพียงลำพัง พวกเขาอยากถามว่าคนคนนั้น…”
จู่ๆ กระต่ายน้อยก็ร้องไห้ขณะที่กำลังเล่า “ข้าควรนึกออกบ้างสิ ตอนนั้นเศร้าเสียใจมาก ทั้งที่ได้ยินเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้…กลับจำอะไรไม่ได้เลย”
ยิ่งมันพยายามอยากเห็นอะไรในความทรงจำมากเท่าใด มันก็ยิ่งไม่มีประโยชน์ สุดท้ายทุกอย่างก็พร่าเลือน มองไม่เห็นอะไรเลย
สือฮ่าวทดลองล้วงความทรงจำของมัน ค้นหาประสบการณ์เหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย เพราะมันเลือนราง เต็มไปด้วยพลังของกาลเวลา
เฉาอวี่เซิงก็อยากลองช่วยเหลือสือฮ่าว
“ช่างเถอะ” สือฮ่าวส่ายหน้า เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “จักรวาลพลิกผัน รบกวนหยินหยาง ทำให้กาลเวลาวุ่นวาย ความทรงจำเหล่านั้นไม่คงอยู่นาน เราไม่มีทางมองเห็น”
สิ่งสำคัญคือ มันสวนทาง ขัดแย้งกับกาลเวลา ความทรงจำเหล่านั้นจึงเลือนหาย
“พวกเจ้าจะไปเนินเขาเซียนหรือ?” สือฮ่าวถาม
“ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้าส่งโชคมาถึงที่แล้ว พวกเราจะเข้าไปอีกทำไม?” เฉาอวี่เซิงไร้ยางอายสิ้นดี
สือฮ่าวแบ่งน้ำไผ่พ้นภัยให้พวกเขา มอบผลน้ำพุเหลืองให้เฉาอวี่เซิงหนึ่งลูก จากนั้นก็เดินทางกลับพร้อมกัน ระหว่างนี้ก็เจอฉางกงเหยียน จึงแบ่งของเหลวให้เขาด้วยส่วนหนึ่ง
“นั่นมันฮวงนี่นา!”
เมื่อออกจากเนินเขาเซียน มาถึงยอดเขาแล้ว หลายคนก็พากันอุทาน แน่นอนว่าต่างก็รู้จักเขา
ตอนนี้ วิหารทองที่ลอยเหนือยอดเขาหายไปแล้ว ร่องรอยเทพเจ้าทั้งหลายสลายหายไป ไม่มีวี่แววแล้ว
“เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่มาสำนักเซียนจริงหรือ ที่นั่นต่างหากที่เป็นสถานที่แปรสภาพของเจ้า” ชายชราสำนักเซียนคนหนึ่งพูด
“หากไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ข้าไปก็ไม่มีความหมาย” สือฮ่าวตอบ
“งั้นก็ไปสำนักปราชญ์” ชายชราอีกคนของสำนักปราชญ์ยื่นไมตรี
สือฮ่าวยิ้ม มันทั้งขมขื่นและหน่ายใจ เหล่าผู้เฒ่าของสำนักปราชญ์ตัดสินใจนานแล้ว เลือดพลังมดเขาสวรรค์และเลือดสิบอสูรอื่นๆ ถูกแจกจ่ายจนหมดเกลี้ยงแล้ว เขาไปแล้วอย่างไร?
โชคชั้นใหญ่ทั้งหลายไม่มีส่วนของเขาแล้ว อัจฉริยะที่ถูกสองสำนักบ่มเพาะครองโชคชั้นใหญ่ทั้งหมดแล้ว หากเขาเข้าไป ก็ไม่มีทางแบ่งทรัพยากรมาให้เขา
เมล็ดพันธุ์สุดท้าย และโชคชั้นสุดท้ายที่สองสำนักเก็บไว้ มีเพียงพอสำหรับสองสามคน กำหนดไว้แล้วว่าจะให้ทายาทของตระกูลอมตะ
“ลาก่อนท่านผู้อาวุโส!” สือฮ่าวเดินลงเขาทันใดโดยไม่ลังเล ค่อยๆ เลือนหายไป
“ไม่ธรรมดา ภูเขาลูกนี้มีบันไดนับแสนขั้น แถมยังกระจายแรงกดดันมหาศาล บดขยี้เทพสวรรค์ได้ แต่เขากลับลงไปได้ง่ายดายเช่นนี้ กายเนื้อต้องแข็งแกร่งปานใดกัน?” ชายชราคนหนึ่งหายใจเข้าดังเฮือก
พวกเขาเชื่อว่าตัวเองในวัยหนุ่ม ไม่มีความสามารถแบบนี้ เมื่อเทียบกับสือฮ่าว มันห่างกันถึงสิบเท่า!
หลายคนเสียดายที่ปล่อยอัจฉริยะคนนี้ให้หลุดมือ ทิ้งไว้ที่สำนัก ปล่อยเขาไปตามยถากรรม ทลายขีดจำกัดด้วยตัวเอง มันน่าเสียดายไม่ใช่หรือไง
“ผู้ยิ่งใหญ่พวกนั้นต้องเสียใจเป็นแน่ ข้าสังหรณ์ใจว่า ฮวงคนนี้มีศักยภาพกว่าที่เราจินตนาการไว้ อาจจะเก่งกาจกว่าสิ่งมีชีวิตที่ได้รับความสำคัญพวกนั้นเสียอีก!” ชายชราคนหนึ่งแอบพูดพร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจัง
สือฮ่าวใช้เวลาหลายวันตอนเดินขึ้นเขา แต่ยามลงมากลับรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด มาถึงตีนเขาในชั่วพริบตา
เพราะผ่านการอาบชำระจากน้ำไผ่พ้นภัยแล้ว และเขาบรรลุธรรมที่นั่น กายเนื้อจึงแข็งแกร่งมากขึ้น อักขระและแรงกดดันจากภูเขาลูกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้
สือฮ่าวจากไป ออกจากพื้นที่แห่งนี้ มุ่งหน้ากลับสำนักเทพสวรรค์
ผู้คนบนภูเขาต่างพากันวิจารณ์
อัจฉริยะหนุ่มสาวก็ย้อนกลับมาถึงยอดเขาแล้ว
“เฮ้อ น่าเสียดาย อย่าว่าแต่ไผ่พ้นภัยเก่าแก่ต้นนั้นเลย ต้นไผ่ธรรมดายังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ”
“ช่างเถอะ อย่าพูดแบบนี้เลย ที่นี่มีไผ่พ้นภัยกี่ต้นกัน อายุน้อยที่สุดก็หลายหมื่นปีแล้ว ไม่มีคำว่าธรรมดา”
“ฮวงได้ไผ่พ้นภัยที่เก่าแก่ที่สุดจริงหรือ ไม่อยากเชื่อเลย มันเป็นโชคชั้นใหญ่ปานใดกัน ว่ากันว่าแต่ไหนแต่ไรมามีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นไผ่ต้นนั้น”
พวกเขาต่างก็รู้สึกเสียดาย แน่นอนว่าอิจฉาและโกรธแค้นสือฮ่าว เจ็บใจยิ่งนัก
“ไม่เป็นไร แม้ฮวงจะได้น้ำไผ่พ้นภัยที่เก่าแก่ที่สุดไปแล้วอย่างไร เขาไร้พ่ายในขั้นเทพสวรรค์ ไม่ได้แปลว่าเขาจะไร้เทียมทานในขั้นที่สูงกว่า ต้องรู้ว่า อยากกลายเป็นบุคคลขั้นสุดยอดในขั้นต่อไป จำต้องใช้เมล็ดพันธุ์ในการทลาย เขามีหรือ?”
“ใช่ ต่อไปในปฐพีจะไม่มีตัวเอกเช่นเขา มีแต่จะขับให้คนอื่นสูงเกินเอื้อม หากไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ เขาไม่มีทางสำเร็จ”
“ในการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของผู้กล้าขั้นเจ้าสำนัก คงจะไม่เห็นเงาของเขาแล้ว ตอนจบถูกกำหนดไว้แล้ว!”
“หึ เจอกันในขั้นต่อไป ดูสิว่าเขาจะเย้ยหยันเหล่าผู้กล้าได้ไหม หากว่าไม่ได้ ก็ยอมจำนนแต่โดยดีเถอะ หากมิเช่นนั้น คนที่อยากแก้แค้นเขานั้นมีมากโขเชียวล่ะ!”
หลายคนแสยะยิ้ม เพราะสือฮ่าวเคยกำราบจนพวกเขาหายใจไม่ออก โดยเฉพาะคนที่เป็นปรปักษ์กับเขา ตอนนี้ต่างก็รู้สึกสบายอุรา
สือฮ่าวจากไป ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า บางคนรอสมน้ำหน้าเขา ต่างก็รู้ว่าเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม
“ใช้กายเป็นพันธุ์ มาเริ่มกันเถอะ!” เขาพึมพำ หลายวันต่อมาก็กลับมาถึงสำนักเทพสวรรค์ และได้เข้าพบปรมาจารย์
สำนักเงียบลงมาก เพราะคนโดดเด่นไปกันหมดแล้ว บ้างก็เข้าสำนักเซียน บ้างเข้าสำนักปราชญ์ เหลือเพียงนักพรตที่ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแค่ไม่กี่คน
คนมีไม่มากแล้ว สำนักเทพสวรรค์กว้างใหญ่ ไม่ว่าเดินไปที่ใดล้วนเงียบสงัด เป็นภาพที่วังเวงใจ
“เจ้าทำได้ดีมาก” ปรมาจารย์ยอมรับในการฝึกฝนของสือฮ่าวครั้งนี้
ใต้ตีนเขาวิเศษ ปรมาจารย์เตรียมบ่อสมุนไพรไว้นานแล้ว ข้างๆ มีหม้อหลายใบที่ต้มสมุนไพร กำลังสาดแสงสว่างไสว
กลิ่นยาหอมหวนจนแยกแยะไม่ออกโชยมาปะทะหน้า
“เวลาจากนี้ไปคาดการณ์ยากนัก น้อยสุดไม่กี่เดือน มากสุดบางทีอาจยาวนานถึงสิบปี!” ปรมาจารย์มีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
“ข้ารู้!” สือฮ่าวพยักหน้า เขาเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมจะทลายขีดจำกัดแล้ว
เขานำผลน้ำพุเหลืองและไผ่พ้นภัยออกมา เพราะปรมาจารย์อาจต้องใช้มันยามปรุงยา
“เจ้าตื่นเต้นหรือไม่? คนข้างนอกต่างก็จับตามอง อยากรู้ว่าเจ้าจะหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์อย่างไร อยากดูว่าเจ้าจะเดินไปถึงขั้นไหน!” ปรมาจารย์พูดเสียงหนักแน่นอย่างยิ่ง
นี่เป็นเรื่องจริงที่คาดเดาได้ ขอเพียงสือฮ่าวจำศีล สำนักอยากปิดเป็นความลับก็ทำไม่ได้ ลูกศิษย์ที่เหลือต้องแพร่งพรายแน่นอน
ตอนนี้สือฮ่าวอยู่แนวหน้า น้อยคนจะเทียบได้ หลายคนรู้ดีว่า เขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ อย่างไรก็ต้องปล่อยวาง จะสำเร็จได้อย่างไร?
หลายคนกำลังรอสมน้ำหน้าเขาอยู่!
ในความเป็นจริงแล้ว ในวันนั้นเอง สือฮ่าวเพิ่งเริ่มเตรียมตัว ข่าวก็แพร่สะพัดแล้ว
ตระกูลอมตะบางส่วน และเหล่าอัจฉริยะของสองสำนักต่างก็รู้ข่าวแล้ว
“สือฮ่าวจะจำศีลแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่าเขาจะสร้างวีรกรรมได้อีกหรือไม่!”
“หึ ในที่สุดก็จะเริ่มแล้ว เป็นการเริ่มต้นของจุดจบของเขา หรือจะเดินไปสู่ความรุ่งเรือง มาจับตาดูกัน!”