Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1269
ภาพแบบนี้น่าตะลึงยิ่งนัก ดวงอาทิตย์สีม่วงลอยอยู่กลางอากาศ กลมมนและมหึมา ส่องแสงสีม่วงเจิดจ้า ไอสีม่วงกระจายไปทั่วผืนฟ้า
รอบๆ มีลำแสงเจิดจ้า แสงสีม่วงไหลหลั่งลงมาปานธารน้ำตก
ไม่มีใครเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของเทพตะวันม่วง ราวกับร่างเลือนรางยืนอยู่นอกโลกอันไกลโพ้น มีแค่ยามเขากะพริบตาเท่านั้น ที่จะรู้สึกถึงพลังชีวิตอันเต็มเปี่ยมที่ไหลทะลักออกมา
ใครก็คิดไม่ถึงว่า เมื่อฮวงหวนกลับ เทพตะวันม่วงจะปะทะกับเขา ทั้งสองจะเปิดศึกกันไหม?
เพียงแต่ว่า ตอนนี้พลังของสือฮ่าวเป็นอย่างไรแล้ว หายตัวเกือบสามปี ไม่มีใครรู้ความสามารถที่แท้จริงในตอนนี้ของเขา ไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ จะสู้เทพตะวันม่วงได้ไหม?
ผู้คนคาดหวังขึ้นมาทันที อยากรู้ว่าฮวงในตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่
“เจ้าให้แรดนอทองมาหยั่งเชิงข้าหรือ?” น้ำเสียงของสือฮ่าวเย็นเยือก ปราศจากความอ่อนโยน
และเทพตะวันม่วงก็อยู่ตรงข้ามเขาพอดี แม้ดวงตะวันจะทรงพลัง ลอยเด่นกลางนภา แต่น้ำเสียงกลับสุภาพ เจือความนิ่งสงบ “เด็กรับใช้ดื้อรั้น สมุนหาเรื่อง อย่าได้ถือสาเลย”
เรียกได้ว่าพูดอย่างขอไปที เขาต้องการให้จบเรื่องเมื่อครู่
นัยน์ตาของสือฮ่าวแวววับ ไม่พูดอะไร หากไม่ใช่เพราะชายคนนี้มีแผนการ คิดว่าต่อให้สมุนของเขาใจกล้าก็ไม่มีทางเกินหน้าเกินตามากไป
“สุนัขนรกเป็นสหายของข้า เป็นเพื่อนรักของข้า!” เทพตะวันม่วงพูดออกมาโดยตรง
สือฮ่าวแปลกใจ นี่คิดจะปิดปากเขาหรือ กลัวเขาจะถามหรือพูดจาไม่น่าฟัง? จึงพูดมูลเหตุบางอย่างออกมาโดยตรง
“อ๋อ สุนัขนรกหรือ เขาสบายดีไหม? ไม่เจอกันนาน ไม่รู้ว่าตอนนี้พลังของเขาไปถึงขั้นไหนแล้ว” สือฮ่าวพูดเสียงเรียบ
“ตอนนั้นเขาต่อสู้กับเจ้าอย่างลำบากกว่าหลายพันกระบวนท่า สุดท้ายก็แพ้ยับเยิน สะเทือนใจไม่น้อยเลย เคยมีช่วงเวลามืดมน แต่ละอายใจจึงแก้ไข พึ่งพาตัวเองเข้าถ้ำแห่งหนึ่ง ได้เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์มาครอง หลอมรวมเป็นหนึ่งแล้ว!” เทพตะวันม่วงพูด
“ละอายใจจึงแก้ไขหรือ เจ้าคิดว่าที่เขาแพ้ข้าเป็นความอัปยศงั้นหรือ?” สือฮ่าวจ้องดวงอาทิตย์สีม่วงดวงใหญ่กลางอากาศ
“สหายคิดมาไปแล้ว” เทพตะวันม่วงยังคงยิ้มอ่อนโยน แต่กลับทำให้รู้สึกเข้าไม่ถึง ดวงอาทิตย์สีม่วงเจิดจ้ายิ่งขึ้น ลอยเด่นกลางฟ้า ประหนึ่งเป็นผู้กุมชะตาของสรรพสัตว์
“เจ้ามาหาข้า อยากสู้กับข้าหรือ?” สือฮ่าวถาม
“ตอนที่ข้าบำเพ็ญเพียรเสร็จสิ้น ได้ยินว่าสุนัขนรกแพ้ ก็ตกใจไม่น้อย แต่ก็เข้าใจ ข้ารู้ว่านิสัยอวดดีอย่างเขาต้องแพ้สักวัน ได้รับบทเรียนแบบนี้จึงจะผงาดได้ ขณะเดียวกัน ข้าก็คาดหวังยิ่งนัก อยากประลองกับคนที่เอาชนะเขาได้ เพียงแต่ว่า ตอนที่ข้าคิดจะตามหาเจ้า กลับได้ยินว่าเจ้าไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม จึงหายตัวไป ทำให้เขาเสียดายยิ่งนัก เสียดายที่ไม่ได้สู้กับเจ้าในขั้นเทพสวรรค์ ต่อไปคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” เทพตะวันม่วงพูดเสียงเรียบ
เมื่อจบประโยคสุดท้าย ทำให้หลายคนชะงัก ต่างก็ทำหน้าตกใจ
เห็นได้ชัดว่าเทพตะวันม่วงเหนือชั้น ยิ่งใหญ่และผยอง ความหมายของเขาชัดเจนมาก ทั้งคู่ไม่ได้ต่อสู้กันในขั้นเทพสวรรค์ เช่นนั้นหากเข้าสู่ขั้นเจ้าสำนัก มันไม่มีความหมายแล้ว
เพราะสือฮ่าวไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ จะทิ้งระยะห่างจากคนอย่างเทพตะวันม่วงอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทางตามทันตลอดไป!
“แต่เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าลงมือ คิดว่าคงเข้าใจอะไรผิดไป ฝีมือแบบนั้นใช่ว่าคนทั่วไปจะทำได้ จัดการแรดนอทองด้วยขั้นเทพสวรรค์ ไม่ธรรมดาจริงๆ!” เทพตะวันม่วงชื่นชม
ผู้คนได้ยินคำพูดของเขา ใจก็เต้นระส่ำ หมายความว่าอย่างไร หรือเขากำลังสงสัยว่าฮวงก็มีเมล็ดพันธุ์เหมือนกัน หลอมรวมสำเร็จแล้ว? แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร พันธุ์ไร้พ่ายมีเพียงน้อยนิด มีจำนวนจำกัด!
“เมื่อขั้นบำเพ็ญถึงระดับหนึ่งแล้ว อยากหาคู่ต่อสู้สักคนยังยาก ฮวง เจ้านับว่าเป็นปาฏิหาริย์ ข้าชื่นชมเจ้า ได้ยินข่าวลือของเจ้ามากมาย วันนี้ อาจมีโอกาสสมดั่งใจหวัง!” เสียงของเทพตะวันม่วงแหบพร่า มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
โดยเฉพาะสำหรับนักพรตหญิง พรสวรรค์ของเขาเหนือชั้น ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้สูงส่งที่แข็งแกร่งที่สุด บวกกับมีลักษณะโดดเด่น เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนี้
ไข่มุกของแต่ละสำนัก หญิงงานทั้งหลาย นักพรตหญิงโฉมงามมากมายนัยน์ตาเป็นประกาย จ้องตะวันสีม่วงบนฟ้าไม่วางตา
อัจฉริยะ ชายหนุ่มของแต่ละเผ่าพันธุ์ แม้จะอิจฉา แต่ก็อดอุทานไม่ได้ เทพตะวันม่วงมีพรสวรรค์เย้ยโลกาจริง เทียบเคียงไม่ได้!
“เจ้าอยากสู้กับข้าหรือ?” สือฮ่าวถาม ผมดำหนาดำ แต่นุ่มสลวยเงางาม แผ่ปรกแผ่นอกและแผ่นหลัง
รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ผิวหนังผุดผ่อง หน้าตาหล่อเหลา เรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่มีลักษณะเหนือสามัญ เป็นดุจเซียนตกสวรรค์
แต่ในสายตานักพรตหญิงบางส่วน เทพตะวันม่วงดึงดูดมากกว่า เพราะเขายิ่งใหญ่และลึกลับ ตั้งแต่หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์หมอกปฐมกาลแล้ว ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันของเก้าสวรรค์สิบพิภพจะมีกี่คนสู้เขาได้?
นับถือผู้กล้า ยำเกรงอัจฉริยะ เป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ด้วยเหตุนี้ตลอดสองปีนี้ เทพตะวันม่วงจึงมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่ง เป็นที่เคารพและโปรดปรานของนักพรตหญิงทั้งหลาย
แต่สือฮ่าวหายไปนานปานนั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด น่าจะไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ สูญเสียสิทธิ์ของผู้สูงส่งไป ตอนนี้ชื่อเสียงจึงสู้เทพตะวันม่วงที่เป็นดาวค้างฟ้าไม่ได้
“ใช่ ข้าอยากสู้กับเจ้า เจ้าจะยอมไหม?” เทพตะวันม่วงพยักหน้า ร่างเลือนรางในตะวันม่วงปรากฏกาย หมอกกระจาย มีลักษณะทรงพลัง
ทุกคนต่างก็ตกใจ สุดท้ายอัจฉริยะทั้งสองจะประมือกัน แต่ไม่รู้ว่าฮวงในตอนนี้จะสู้ได้หรือไม่ จะเป็นคู่ต่อสู้ของเทพตะวันม่วงได้ไหม?!
“ไม่มีปัญหา!” สือฮ่าวพยักหน้า ไม่แยแสแต่อย่างใด ตอบรับทันใด เพราะเขาอยากทดลองผลลัพธ์ของการจำศีลเกือบสามปี
เขาหายไปนานเหลือเกิน หลายคนแทบลืมเขาแล้ว แม้แต่นอแรกทองยังกล้าท้าทายอำนาจเขา บางทีอาจต้องสู้กันสักตั้งเพื่อข่มขวัญเหล่าวีรชน
“นายท่าน ท่านจำเป็นต้องต่อสู้กับเขาด้วยตัวเองหรือ ให้เป็นหน้าที่ข้าได้หรือไม่?” เด็กรับใช้ข้างๆ เอ่ยปาก ทำให้หลายคนได้ยินแล้วก็ออกอาการตกใจ
พูดว่าเป็นเด็กรับใช้ ที่จริงเจริญวัย อายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปีแล้ว เป็นช่วงอายุที่มีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม เขาโด่งดังเพราะบารมีของเทพตะวันม่วง
เขาคอยเคียงข้างเทพตะวันม่วงทุกวัน ทั้งยามอ่านคัมภีร์ต่างๆ หรือศึกษาวิชาสวรรค์สะเทือนปฐพี ความสามารถจึงเพิ่มทะยาน แข็งแกร่งจนน่ากลัว น้อยคนจะต่อกรได้
“แม้แต่เด็กรับใช้ยังกล้าทำแบบนี้ ช่างมั่นใจยิ่งนัก!” ศิษย์ของสำนักเทพสวรรค์ทั้งตกใจและโมโห มีคนลุกขึ้นตะโกนเสียงดัง สือฮ่าวมีใคร ต่อให้เด็กรับใช้ยิ่งใหญ่ น้อยคนในสำนักเซียนจะสู้ได้ แต่อย่างไรเสียก็เป็นแค่ข้ารับใช้ จะประมือกับฮวงได้อย่างไร?
“ถอยไป” เสียงของเทพสวรรค์ต่ำ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ จึงตวาดเด็กรับใช้
เด็กรับใช้นามว่าจื่อถงหน้าตาจิ้มลิ้ม รูปโฉมงดงาม ได้ยินก็เม้มปาก แต่สุดท้ายก็ถอยหลังไปยืนกับแรดนอทองด้วยความไม่สบอารมณ์
“สหายสือลึกลับยิ่งนัก หายไปสองสามปี ไม่รู้ว่าเจ้าหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์อะไร?” เทพตะวันม่วงถาม
เขาสงสัยมากจริงๆ ในโลกหล้า ตั้งแต่อดีตยันวันนี้ เมล็ดพันธุ์ที่นับว่าไร้พ่าย มีเพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น ใช้นิ้วนับได้
จากที่เขารู้ เมล็ดพันธุ์พวกนั้นมีเจ้าของแทบจะทั้งหมด ส่วนใหญ่หลอมรวมกับมนุษย์แล้ว สือฮ่าวไปหาเมล็ดพันธุ์มาจากไหน?
ไม่ใช่แค่เขาที่อยากรู้ คนอื่นก็กลั้นหายใจ อยากรู้ว่าสือฮ่าวมีประสบการณ์อย่างไร มีสิทธิ์ได้เป็นผู้สูงส่งอีกครั้งใช่หรือไม่
ทุกคนจับจ้อง ทุกสายตาจ้องมองสือฮ่าว
“ทำให้เจ้าผิดหวังเสียแล้ว เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ที่จำกัด มีแค่ไม่กี่เม็ด ข้าไม่ได้มาครอง สำนักเซียนไม่ยอมให้ข้า” สือฮ่าวพูดตามความจริง
เมื่อสิ้นประโยคนี้ ปฏิกิริยาของทุกคนแตกต่างกันออกไป
บางคนรู้สึกไม่พอใจแทนสือฮ่าว รู้สึกเจ็บใจแทนเขา อัจฉริยะในอดีต หนึ่งในผู้สูงส่งที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ไม่มีใครเห็นความสำคัญ ไม่ให้เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมแก่เขา มันหมายความว่าอย่างไร? นับจากนี้ไป ทางของเขาจะตกต่ำลง ไม่มีทางไร้เทียมทาน เสียสิทธิ์ที่จะแข่งขันกับจื่อรื่อและมหาโสดาไปแล้ว!
แต่ก็มีคนมากมายถอนหายใจ เช่นคนของทั้งสองสำนัก รู้สึกเหมือนแรงกดดันลดฮวบลง ไม่หวาดหวั่น ไม่หวาดกลัวอีกต่อไป
ถึงขั้นว่ามีบางคนแสยะยิ้ม ไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สูงส่ง ฮวงคงจะธรรมดาลงทุกวัน ไม่มีทางเย้ยหยันมวลชนอีกต่อไป!
“น่าเสียดาย แม้จะแสดงทีท่าแข็งแกร่ง กลับมากะทันหัน แต่สุดท้ายก็ยังห่างอีกมากโข เทียบผู้สูงส่งขนานแท้ไม่ได้”
“หากเป็นข้าล่ะก็ คงจะหาที่หลบซ่อน ฝังชื่อตัวเอง จะโผล่มาทำไม ถูกคนกำราบ รสชาติแบบนั้นสบายใจนักหรือ?”
หลายคนสะใจ การหมดสภาพของสือฮ่าว บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
ศิษย์บางส่วนของสำนักเทพสวรรค์รู้สึกหมดแรง ขณะเดียวกันก็เศร้าสลด นี่เป็นความจริง หลังสิ้นศึกนี้ สำนักเทพสวรรค์คงโงหัวไม่ขึ้นอีกแล้ว
“น่าเศร้าจริงๆ” อู๋ไท่เหน็บแนม เขาเคยถูกสือฮ่าวจัดการและชิงเกราะฟ้าครามที่เขายืมมาจากราชันสวรรค์น้อยไป ทำให้เขาเคียดแค้นสือฮ่าวยิ่งนัก
“ได้เท่านี้อีกหรือ! ไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ จะทำอะไรได้? ให้ข้ารบกับเขาเถอะ” เด็กรับใช้พูดอีกครั้ง ความฮึกเหิมพิ่มพูน
“เจ้าหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ที่เป็นรองเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์หรือ?” จื่อรื่อถามอีกครั้ง
“เปล่า ไม่มี” สือฮ่าวส่ายหน้า
“ฮ่าฮ่า…” อู๋ไท่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ได้ ถูกชิงเกราะฟ้าครามไป ทั้งยังถูกสือฮ่าวโจมตี ทำให้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขาเคยลั่นวาจาว่า จะรอสือฮ่าวในขั้นต่อไป หากไม่มีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ สือฮ่าวต้องตกต่ำลงแน่นอน เขาจะแก้แค้นเมื่อถึงตอนนั้น!
เขาคิดว่าโอกาสจะมาถึง วันที่รอคอยมาถึงแล้ว เห็นศัตรูตกที่นั่งลำบาก เขาก็สบายอุรายิ่งนัก
“นายท่าน ให้ข้าไปเองเถอะ คนแบบนี้อยู่ต่ำกว่าข้าที่ได้เมล็ดพันธุ์มาครอง เขาไม่คู่ควรให้ท่านลงมือ ปล่อยให้เป็นหน้าข้าเถอะ!” เด็กรับใช้พูดอีกครั้ง
หลายคนในสำนักเซียนพากันหัวเราะ ผ่อนคลายเหลือเกิน เพราะเคยมีคนกลุ่มหนึ่งขัดแย้งกับสือฮ่าว ตอนนี้พวกเขาโล่งใจ ไม่กังวลเรื่องศัตรูคนนี้อีกต่อไป
ที่นี่ดังเจี๊ยวจ๊าว วุ่นวายขึ้นมาทันที
“ใครกล้ารังแกสหายของข้า?!” ในตอนนี้เอง ก็มีลำแสงปรากฏขึ้นบนฟ้า ร่างแล้วร่างเล่ากำลังขี่สายรุ้งมา
ตึง!
ฝุ่นตลบอบอวล คนพวกนั้นกระโดดลงพื้น ผู้นำเป็นชายอ้วนคนหนึ่ง แก้มย้อยเหมือนลูกซาลาเปา สวมชุดสีขาว เฉาอวี่เซิงนั่นเอง
ข้างเขาเป็นหญิงสาวที่มีผมสีเงินเงางาม ท่าทางอายุสิบห้าสิบหก ดวงตากลมโตสุกใสแวววาวราวกับเพชร กระต่ายน้อยนั่นเอง
กระต่ายดวงจันทร์ถลึงตา แยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันสีขาว โวยวายว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นแค่เด็กรับใช้ ยังกล้าหาเรื่องฮวง คนอย่างเจ้า หากเป็นเมื่อหลายปีก่อนล่ะก็ คงถูกพวกเรากินไปนานแล้ว!”
ข้างหลังเป็นฉางกงเหยี่ยน ปีศาจสาว เฟิ่งหวู่ เจิ้นกู่ เถิงยีของเผ่าพันธุ์ทองคำไฟและธิดามังกร หนุ่มสาวที่มาจากสามพันแคว้นเลือกเข้าร่วมสำนักปราชญ์เป็นส่วนใหญ่ เพิ่งมาถึงที่นี่
เด็กรับใช้โกรธแค้น ติดตามเทพตะวันม่วงมาหลายปี ใครกล้าล่วงเกินเขา? มีใครกล้าเพ่งเล็งเขาบ้าง ต่างก็เคารพเขา แต่วันนี้กลับถูกตวาดแบบนี้ มันเป็นความอัปยศสำหรับเขา!
“พวกเจ้า…ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ! ฮวงทำไม ข้ายอมรับที่ผ่านมาเขาแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้จะเท่าใดกัน ไม่มีแม้แต่เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ผลสำเร็จต้องจำกัดแน่นอน!” เด็กรับใช้โวยวาย
“แม้จะไม่มีเมล็ดพันธุ์ แต่เขาคือฮวง ก็ชี้เป็นชี้ตายเจ้าได้เช่นกัน!” กระต่ายน้อยร้องลั่น ใบหน้าขาวหยวกแดงระเรื่อเพราะความโมโห ถลึงตาจนกลมกว้าง โกรธแค้นยิ่งนัก
“ใช่ ตอนนั้นที่ฮวงเป็นใหญ่ในหล้า ไอ้เวรอย่างเจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้!” เฉาอวี่เซิงตะโกนเสียงดัง
“ถึงข้าจะไม่รู้ว่าตลอดสองปีนี้เกิดอะไรขึ้นกับสือฮ่าว แต่ข้าเชื่อว่า แค่เขากระดิกนิ้วเจ้าก็ล้มได้!” ปีศาจสาวยิ้ม มีความงามอันน่าหลงใหล เชื่อในความยิ่งใหญ่ของสือฮ่าวอย่างไร้ข้อกังขา
“ใช่ แค่กระดิกนิ้วก็จัดการเจ้าได้แล้ว!” กลุ่มนักพรตของสามพันแคว้นตะโกนอยู่ข้างหลัง
สือฮ่าวรู้สึกอุ่นใจ ผ่านไปนานขนาดนี้ คนพวกนั้นเพิ่งโผล่มาก็ปกป้องเขาแบบนี้แล้ว ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างมาก
เด็กรับใช้หน้าดำหน้าแดง โมโหเดือดดาลแล้ว สำหรับเขา ไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อน เลือดขึ้นมาทันที ก้าวออกไปแล้วพูดว่า “ข้าดูสิว่าใครจะชี้เป็นชี้ตายข้าได้!”
ที่นี่เงียบสงัด มีเพียงลมหายใจถี่กระชั้นของเขา ทุกคนพากันมองมา เพราะเขาเข้าใกล้สือฮ่าวแล้ว
“ตามที่เจ้าต้องการ!” สือฮ่าวพูดเสียงเรียบ เขาไม่ได้ว่องไวมากนัก แต่กลับหนักแน่น ยื่นนิ้วชื่อมือขวาออกไปข้างหน้า
“เจ้าลองดูสิ!” เด็กรับใช้แสยะยิ้ม เนื้อตัวเปล่งแสง ปล่อยเคล็ดวิชาน่าตะลึงออกมา หมอกสีม่วงแผ่นกระจาย ม้วนตัวไปทั่วฟากฟ้า!
มือข้างนั้นของสือฮ่าวขยายใหญ่ขึ้น ความเร็วคงที่ หนักอึ้งดุจขุนเขา ค่อยๆ กดลงมา ทำให้เขาหายใจไม่ออก แทบจะหยุดหายใจ!
เด็กรับใช้เบิกตากว้าง เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี อยากจะหนีไป แต่กลับทำไม่ได้!
หลังนิ้วขยายใหญ่ขึ้น ทับลงราวกับเป็นภูเขา ไม่ว่าจะสำแดงวิชาใดก็หนีไม่พ้น ทำให้เขาพรั่นพรึง!
ปัง!
นิ้วข้างนั้นสัมผัสตัวเขา มีเสียงกระดูกแตกดังออกมาจากตัวเด็กรับใช้ เขากระอักเลือด จากนั้นก็กระเด็นออกไป
หน้าอกของเขายุบลงไป ตำแหน่งอื่นบิดเบี้ยว จินตนาการได้ยากเหลือเกินว่าแบกรับการโจมตีที่น่ากลัวปานใด ราวกับร่างจะแหลกสลายแล้ว